Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2322 บุกพันธมิตรสงครามรกร้างโบราณ

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2322 บุกพันธมิตรสงครามรกร้างโบราณ

ตอนที่ 2322 บุกพันธมิตรสงครามรกร้างโบราณ

เขตแดนดาราทอดทิ้ง

หลินสวินเก็บยานขนส่งอวกาศ ข้ามห้วงอากาศไปยังเขตแดนดาราอันรกร้างและทรุดโทรมแห่งนี้ด้วยกันกับต้าหวง

เพิ่งไปได้ไม่นาน เสียงเจนโลกเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น

“ขอสหายหยุดอยู่ก่อน ที่นี่เป็นที่ตั้งของพันธมิตรสงครามรกร้างโบราณ ไม่ใช่ผู้ฝึกปราณดินแดนรกร้างโบราณจะเข้าไปไม่ได้”

จิตรับรู้หลินสวินแผ่ขยาย ทันใดนั้นก็เห็นคนผู้หนึ่งนั่งตัวตรงอยู่บนยอดเขาบนดวงดาวไกลลิบดวงหนึ่ง ผมดำปลิวไสว แววตาเคร่งขรึมดุดัน

“ข้าคนแซ่หลินมาจากดินแดนรกร้างโบราณ” หลินสวินเอ่ย

ตูม!

จิตรับรู้อันน่าหวาดกลัวพุ่งออกมาจากชายชุดเทาคนนั้นราวกับกระแสธาร ทะยานสู่ฟ้าดารามาปกคลุมหลินสวิน

แต่ยังไม่ทันเข้าใกล้ก็ถูกกลิ่นอายทั้งตัวหลินสวินสลายไปอย่างเงียบเชียบ

ชายชุดเทานัยน์ตาหดรัด รับรู้ได้ถึงความร้ายกาจ ลุกออกมาจากยอดเขา เอ่ยเสียงน่าเกรงขาม “การล่งเกินเมื่อครู่ยังขอให้สหายยุทธ์อภัยด้วย เพียงแต่ไม่รู้ว่าสหายยุทธ์มาจากที่ใด ทั้งมาทำอะไรที่นี่”

หลินสวินเอ่ย “ข้ามีนามว่าหลินเต้ายวน มาหามหาจักรพรรดิอีกาทอง”

“จักรพรรดิเต้ายวนหรือ”

ชายชุดเทาผู้นั้นจ้องเขม็งทันที สูดหายใจสะท้าน ตระหนักได้แล้วว่าหลินสวินเป็นอริยะเทพจากไหน

ไม่กี่ปีก่อนแดนปรินิพพานปิดฉากลง หลินเต้ายวนกลายเป็นผู้ที่บรรลุมกุฎจักรพรรดิคนแรกในรอบหนึ่งแสนปี!

คนระดับตำนานเช่นนี้ บนทางเดินโบราณฟ้าดารานี้ใครจะไม่รู้จัก

ทันใดนั้นชายชุดเทาก็เผยสีหน้าประหลาด “สหายยุทธ์ เจ้าบอกว่าต้องการมาหามหาจักรพรรดิอีกาทองหรือ”

หลินสวินพยักหน้า

ชายชุดเทาอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนหัวเราะแหะออกมา “สหายยุทธ์ไม่รู้อะไร ตอนนั้นหลังจากจอมจักรพรรดิไร้นามแพ้ไม่นาน เจ้าเฒ่าอีกาทองก็ถูกกำราบไปแล้ว ตอนนี้ใครก็หาไม่เจอ”

หลินสวินไม่ได้ประหลาดใจ พวกจ้าวหยวนจี๋สองสามีภรรยาบอกเขาไว้ก่อนแล้ว ตอนนั้นชายหนุ่มจักจั่นทองกับเฉินหลินคงไปฟากฝั่งฟ้าดาราด้วยกัน ชายหนุ่มจักจั่นทองได้ลงมือกำราบมหาจักรพรรดิอีกาทองที่เพิ่งออกมาจากการปิดด่านด้วยตัวเอง ไม่อาจหลุดพ้นได้

หลินสวินเอ่ยถาม “ข้าคนแซ่หลินอยากรู้เพียงว่าตอนนี้เขาถูกกำราบอยู่ที่ไหน หวังว่าสหายยุทธ์จะบอกได้”

ชายชุดเทาลังเลเล็กน้อย เอ่ยว่า “พวกเรายามแรกก่อตั้งพันธมิตรสงครามรกร้างโบราณ ก็มีกฎที่ไม่ได้เขียนเป็นลายลักษณ์อักษรข้อหนึ่ง ว่าไม่ว่าใครมาทวงแค้น จะถูกมองเป็นศัตรูของพันธมิตรสงครามรกร้างโบราณของพวกเราทุกคน

“สหายยุทธ์ ความแค้นส่วนตัวของเจ้ากับเจ้าเฒ่าอีกาทอง ทุกคนในพันธมิตรสงครามรกร้างโบราณของข้าต่างรู้ดี เรื่องนี้ข้าไม่อาจช่วยเจ้าได้ กระทั่งว่าถ้าเจ้ายังดื้อดึง ไม่ว่าจะเป็นข้าหรือคนอื่นที่จำศีลอยู่ในเขตแดนดาราแห่งนี้ ต่างจะขัดขวางเต็มกำลัง”

“ข้าคนแซ่หลินเคารพกฎพันธมิตรสงครามรกร้างโบราณ แต่คราวนี้ถ้าไม่ได้พบเจ้าเฒ่าอีกาทองนั่น ข้าคนแซ่หลินจะม่ใช่มาเสียเที่ยวหรือ ยังขอให้ท่านผ่อนปรนสักหน่อย”

หลินสวินกุมมือคารวะพลางเอ่ย

ชายชุดเทายิ้มเจื่อน “จักรพรรดิเต้ายวน นี่เจ้ากำลังทำให้พวกเราลำบากใจ ขออภัยที่ข้าไม่อาจตอบรับได้”

“เช่นนั้นก็ทำได้เพียงบุกไปตรงๆ แล้ว”

ต้าหวงเอ่ยปากอย่างไม่ใส่ใจ “ถึงอย่างไรขอแค่ไม่ฆ่าคนก็ไม่ถือว่าล่วงเกินพันธมิตรสงครามรกร้างโบราณ แต่ไม่รู้ว่าผู้แข็งแกร่งที่ยังอยู่ที่นี่ตอนนี้จะขวางไว้ได้หรือไม่แล้ว”

ชายชุดเทาสีเทาหน้าเปลี่ยนไปในทันใด

ก็ในตอนนี้เสียงแผ่วจางราบเรียบเสียงหนึ่งดังขึ้นจากส่วนลึกของเขตแดนดาราทอดทิ้งแห่งนั้น

“พวกเราได้ยินชื่อเสียงของจักรพรรดิเต้ายวนมานานแล้ว วันนี้ถ้าได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับจักรพรรดิเต้ายวนเสียหน่อย ต่อให้พ่ายแพ้ก็เรียกได้ว่าเป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่ง”

“แต่ข้าต้องเตือนเจ้าประโยคหนึ่ง ตั้งแต่อดีตนานมา ต่อให้แข็งแกร่งอย่างจอมจักรพรรดิไร้นามก็ไม่มีอาจทะลวงเข้าที่นี่ได้ ถ้าจักรพรรดิเต้ายวนมั่นใจว่าตัวเองทำได้ จะลองดูก็ไม่เสียหาย”

พูดจบเสียงนี้ก็หายไปอย่างรวดเร็ว

“คนผู้นี้เป็นใคร” หลินสวินถาม

“หัวหน้าพันธมิตรสงครามรกร้างโบราณคนปัจจุบัน บรรพจารย์จักรพรรดิหลีชาง”

เสียงชายชุดเทาเจือน้ำเสียงยำเกรง

หลินสวินร้องอ้อแล้วเอ่ยว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าคนแซ่หลินก็จะทำตามที่ท่านต้องการ”

ชายชุดเทางุนงง “จะบุกเข้าไปจริงๆ หรือ”

หลินสวินยิ้ม เดินไปข้างหน้า

ต้าหวงก็เดินตามอยู่ข้างหลัง

“จักรพรรดิเต้ายวน เช่นนั้นก็อย่าหาว่าข้าไม่ปรานี” ขณะที่ชายชุดเทาพูด เสียงชิ้งดังขึ้น มีทวนใหญ่สีทองโดดเด่นสะดุดตาเล่มหนึ่งพุ่งออกมาจากเบื้องหลังเขา

“ทะยาน!”

ทวนใหญ่สีทองที่เขาครอบครองกรีดฟ้ากว้างพุ่งเข้าสู่ห้วงอากาศ ประหนึ่งบ้าคลั่งดุดัน ราวกับสายฟ้าสีทองพาดผ่าน กึกก้องฟ้าดารา

“ถอยไป”

หลินสวินดีดนิ้วอย่างง่ายๆ คราหนึ่ง

ก็เห็นว่าท่ามกลางเสียงดังสะเทือนจนหูแทบดับ แสงทองกระจัดกระจายปั่นป่วนลมเมฆ

ส่วนเงาร่างของชายชุดเทามาไวแต่ไปไวยิ่งกว่า ถูกซัดกระเด็นถอยหลังออกไป ล้มลงบนยอดเขาดวงดาวที่เขายืนอยู่เดิมนั้น

ปึง!

ยามเขายืนมั่น ยอดเขานั้นก็ถล่มดังสนั่น ฝุ่นควันอบอวล เพียงคิดก็รู้ว่าพลังดีดนิ้วนี้ของหลินสวินอหังการปานไหน

ชายชุดเทาสีหน้าสับเปลี่ยนไปมาครู่หนึ่ง สักพักก็ยิ้มเจื่อนอย่างอดไม่ได้ “สมเป็นผู้บรรลุมกุฎจักรพรรดิคนแรกในรอบแสนปี…”

พอเขาเงยขึ้นมองอีกครั้ง เงาร่างของหลินสวินพาดผ่านฟ้าดารา หายลับไปในส่วนลึกนานแล้ว

“สถานที่แห่งพันธมิตรสงครามรกร้างโบราณแห่งนี้ไม่ได้บุกเข้าไปง่ายปานนั้น จักรพรรดิเต้ายวน… ข้าอยากเห็นนักว่าเจ้าจะได้ตามใจปรารถนาหรือไม่”

ชายชุดเทาพึมพำ

เขตแดนดาราทอดทิ้งใหญ่นัก รองรับดวงดารามากมายนับไม่ถ้วน ในนั้นยังมีโลกและแผ่นดินใหญ่ลอยอยู่มากมาย

เพียงแต่ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ล้วนมีแต่กลิ่นอายหนาวเย็น ทรุดโทรม และแห้งแล้ง

หลินสวินเดินหน้าไม่นาน ประกายเทพละอองแสงเป็นริ้วๆ คล้ายแสงไหวเคลื่อนพุ่งเข้ามาจากแผ่นดินใหญ่ที่ลอยอยู่ไกลออกไปแห่งหนึ่ง

สุดท้ายแปลงเป็นชายวัยกลางคนแบกกระบี่โบราณไว้ที่หลัง จอนผมทั้งสองข้างแซมสีขาว แววตาฉายแววเจนโลก

“กู้ปอทง ระดับจักรพรรดิขั้นหก ผู้ฝึกกระบี่ ขอจักรพรรดิเต้ายวนชี้แนะ” ชายวัยกลางคนแบกกระบี่สีหน้าเคร่งขรึม แววตาเฉียบคม สุขุมเยือกเย็น

หลินสวินสังเกตเห็นว่าจักรพรรดิกระบี่เช่นนี้กลับเรียกตัวเองว่าผู้ฝึกกระบี่ นี่ไม่ใช่การเรียกตัวเองอย่างถ่อมตัว แต่เป็นท่าทีเฉพาะที่เสมอต้นเสมอปลายกับการฝึกมรรคกระบี่

“เชิญ”

หลินสวินยกมือทำท่าเชิญ

ชิ้ง!

ที่หลังกู้ปอทงกระบี่โบราณออกจากฝัก กระบี่ครวญก้องสะท้อน คมกระบี่ไร้เทียมทานฟันโจมตีตามการพลิกข้อมือของเขา

ห้วงอากาศเงียบสงัดถูกกรีดออกเป็นรอยขาดตรงแน่วเหมือนกระดาษ รอบรอยขาดมีแต่กระแสยุ่งเหยิงชนิดทำลายล้าง

อานุภาพหนึ่งกระบี่สำแดงความสง่างามของมหาจักรพรรดิจนหมดสิ้น

ทันใดนั้นเสียงตื่นตะลึงดังขึ้นในมุมมืด

และยามเผชิญหน้ากับกระบี่นี้ มือขวาของหลินสวินก็ดึงไปในอากาศเหมือนชักดาบ คมกระบี่เก้าชุ่นสายหนึ่งอุบัติขึ้นในอากาศ

ยามนี้ห้วงอากาศดำมืดเหมือนถูกส่องสว่าง สาดส่องฟ้าดารา

พอประกายกระบี่แผ่ออกมา กู้ปอทงที่อยู่ตรงข้ามส่งเสียงหนักทึบ ถอยหลังซวนเซไปหลายก้าว แววตาแข็งทื่ออย่างอดไม่ได้ “มรรคชักกระบี่ของจอมกระบี่จูคง!”

หลินสวินประสานมือ “ออมมือแล้ว”

กู้ปอทงแววตาซับซ้อน พลันตะคอกลั่นว่า “วิชามรรคกระบี่จักรพรรดิเต้ายวนไร้เทียมทานชั่วกัลป์ เฒ่าชราอย่างพวกเจ้า… รู้จักชั่งน้ำหนักมือหน่อยได้หรือไม่ หาไม่จะรนหาที่ตายเองแล้ว”

ชิ้ง!

เขาเก็บกระบี่เข้าฝัก หันหลังจากไป

หลินสวินยิ้มแล้วเดินหน้าต่อ ตลอดทางเขามือไพล่หลังอย่างกับเดินเล่นในสวนชมนกชมไม้ สุขุมเยือกเย็น

“ให้ข้าไปสู้แล้วกัน อย่างไรก็ไม่อาจให้ความน่าเกรงขามของพันธมิตรสงครามรกร้างโบราณของพวกเราดูอ่อนแอไม่ได้”

เสียงถอนใจเบาๆ ดังขึ้น ก็เห็นว่าในโลกที่อยู่ไกลออกไป เงาร่างสูงใหญ่ห่อหุ้มแสงเทพสะดุดตาหาใดเทียบร่างหนึ่งเดินออกมาจากห้วงอากาศ

แต่ละก้าวจักรวาลฟ้าดาราโดยรอบจะสั่นสะเทือนไปด้วย หมื่นดาราสั่นระรัว วงคลื่นคล้ายอากาศแผ่กระจายขึ้นลง

และอานุภาพของเงาร่างนี้ก็เพิ่มสูงขึ้นในทุกย่างก้าว!

พอพินิจดู กลับเป็นหญิงคนหนึ่งที่สวมเกราะสีแดงสด ผมยาวสีน้ำหมึกรวบเป็นหางม้า เผยใบหน้างามล้ำออกมา

นางถือกระบองยาวเล่มหนึ่ง แสงมรรคสีทองเจิดจ้าปลิวว่อน มีแววอหังการน่าสะพรึงเผยออกมาจากความเย็นชาของตัวนาง

ประหนึ่งเทพยุทธ์หญิงที่ตะบึงไปตามภูเขาศพทะเลเลือดองค์หนึ่ง!

“แปดพันปีแล้ว ในที่สุดก็ได้เห็นจักรพรรดิซิงอู่ออกศึกอีกครั้ง ยังคงแกร่งกล้า อหังการ และงดงามปานนั้น!”

“เฮอะๆๆ จักรพรรดิซิงอู่มีพลังปราณระดับจักรพรรดิขั้นแปด ตลอดชีวิตต่อสู้ทั่วหล้า สังหารเด็ดขาด แม้ไม่ใช่บุรุษก็ได้ชัยชนะเหมือนบุรุษ จักรพรรดิเต้ายวนผู้นี้เพิ่งมีพลังปราณระดับจักรพรรดิขั้นสี่ เกรงว่าจะลำบากแล้ว…”

เสียงพึมพำดังขึ้นในมุมมืดเป็นระลอก

และในตอนนี้หญิงซึ่งถูกเรียกว่าจักรพรรดิซิงอู่ผู้นั้นพุ่งไปยังฟ้าดาราแห่งนี้แล้ว อานุภาพทั้งตัวปกฟ้าคลุมดิน กดข่มหมู่ดาวในห้วงอากาศให้ส่งเสียงอึงอล ระเบิดกระจุยสะเทือนเลื่อนลั่น น่ากลัวเป็นที่สุด

“เอาศาตราจักรพรรดิของเจ้าออกมา”

จักรพรรดิซิงอู่เอ่ยปาก แววตาประหนึ่งสายฟ้าไหววูบฉีกทึ้งห้วงอากาศ พุ่งเป้าไปยังที่หลินสวิน

“มือเปล่าหมัดเปลือยก็พอ”

หลินสวินเอ่ยเสียงเรียบ

ปฏิกิริยาเช่นนี้ทำให้สัตว์ประหลาดเฒ่าที่สังเกตการต่อสู้นี้ต่างอึ้งไป เหมือนทำใจเชื่อได้ยาก เจ้าหนุ่มนี่… ถึงกับบ้าระห่ำเช่นนี้เชียวหรือ

พวกเขาไม่รู้วีรกรรมของหลินสวินในโลกมืด หาไม่เกรงว่าคงไม่เกิดปฏิกิริยาใหญ่โตเช่นนี้

“ข้าจะไม่ออมมือ”

ขณะที่จักรพรรดิซิงอู่พูด กระบองยาวในมือก็โบกสะบัด

ตูม!

แสงมรรคไร้สิ้นสุดแปลงเป็นกระแสไหลหลั่งดั่งน้ำขึ้นน้ำลง ซัดความว่างเปล่าให้พลิกคว่ำ ดุดันหาใดเทียบ ราวกับว่าเมื่อฟาดกระบองนี้จะทำให้ฟ้าดารานี้ระเบิด

หลินสวินเห็นดังนี้ก็ผ่อนคลายร่างกาย เคลื่อนหมัดไปข้างหน้า ยามยกมือวาดเท้าแสงมรรคไหลหลั่ง สำแดงท่วงทำนองเรียบง่ายไพศาล คืนสู่สัจจะอย่างหนึ่ง

ตูม!

หนึ่งการโจมตี หมัดกระบองปะทะกัน ละอองแสงเชี่ยวกรากนับหมื่นพันซัดสาด อานุภาพที่จักรพรรดิซิงอู่โจมตีมาถูกต้านไว้ทั้งอย่างนั้น

สัตว์ประหลาดเฒ่าที่อยู่ในที่ลับต่างหน้าเปลี่ยนสี เก็บงำความดูแคลนในใจ จดจ่อชมการต่อสู้

สำหรับพวกเขาแล้ว ก็เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นความสง่างามของมกุฎมหาจักรพรรดิเช่นกัน เพียงแต่ก่อนหน้านี้ใครก็คิดไม่ถึงว่ามกุฎมหาจักรพรรดิขั้นสี่อย่างหลินสวิน จะแข็งแกร่งถึงขั้นนี้

“ฆ่า!”

จักรพรรดิซิงอู่ก็ตระหนักได้ว่าหลินสวินไม่ธรรมดา พุ่งตัวโจมตี กระบองปราดเปรียวคล่องตัว กระแสมหามรรคนับหมื่นพันม้วนขึ้น สำแดงปรากฏการณ์ประหลาดทั้งปวง แข็งแกร่งไม่อาจจินตนาการ

อย่างน้อยในความคิดของหลินสวิน เจ้าสำนักโบราณจรัสเทพอวี้คุนจื่อซึ่งเป็นระดับจักรพรรดิขั้นแปดปลายยอดเหมือนกันยังด้อยกว่าจักรพรรดิซิงอู่

น่าเสียดาย ทั้งหมดนี้คุกคามหลินสวินไม่ได้สักนิด

พอการต่อสู้เริ่มขึ้น ไม่นานทั้งสองก็ประมือกันหลายร้อยครั้ง การจู่โจมทั้งหมดของจักรพรรดิซิงอู่ล้วนถูกหลินสวินสลายไปได้ทั้งหมด ตั้งแต่เริ่มจนจบไม่ได้รับบาดเจ็บสักนิด

นี่ทำให้สัตว์ประหลาดเฒ่าที่อยู่ในมุมมืดหวาดหวั่นใจขึ้นมาอีกครั้ง นี่ก็คือพลังของมกุฎมหาจักรพรรดิหรือ จะเย้ยฟ้าเกินไปแล้ว!

ก็ในตอนที่ทุกคนรู้สึกว้าวุ้นอยู่นี้เอง จู่ๆ จักรพรรดิซิงอู่ก็ถอนตัวถอยออกมา ใบหน้างามเย็นชาปนเปไปด้วยความรู้สึกต่างๆ

ในที่สุดนางก็ถอนหายใจยาว “ข้าสู้เจ้าไม่ได้ สู้ต่อก็ต้องเป็นข้าแพ้ ขอบคุณมาก”

นางเก็บกระบองยาวประสานมือคารวะหลินสวิน

นางจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าถ้าหลินสวินใช้ศาตราจักรพรรดิเกรงว่าตนคงแพ้ไปนานแล้ว และสาเหตุที่ตนสู้มาจนถึงตอนนี้ได้ ย่อมเป็นเพราะอีกฝ่ายออมมือให้!

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท