Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2324 ความแค้นครั้งเก่ามาทวงเอาวันนี้

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2324 ความแค้นครั้งเก่ามาทวงเอาวันนี้

ตอนที่ 2324 ความแค้นครั้งเก่ามาทวงเอาวันนี้

บรรพจารย์จักรพรรดิหลีชางหยัดตัวขึ้นมา จ้องหลินสวินกับต้าหวงด้วยสีหน้าบูดบึ้ง หน้าอกพองยุบ กลิ่นอายทั้งร่างเหมือนภูเขาไฟกำลังจะปะทุรอมร่อ

ผ่านไปครู่ใหญ่เขาพ่นลมหายใจขุ่นๆ เฮือกใหญ่ พลานุภาพที่ปะทุอย่างต่อเนื่องทั้งร่างสลายไป ท่วงทำนองเทพราบเรียบดุจวารีกลับคืนมาใหม่

นี่ทำให้สัตว์ประหลาดเฒ่าเหล่านั้นผ่อนคลายแล้ว บรรพจารย์จักรพรรดิหลีชางไม่ได้บันดาลโทสะเสียการควบคุมเพราะได้รับความอัปยศอดสู

นี่ก็ดียิ่งแล้ว

“ถ้าอยากรั้งพวกเจ้าสองคนไว้ ข้าใช้พลังของมันไปนานแล้ว”

บรรพจารย์จักรพรรดิหลีชางชี้โลกที่ถูกโซ่สีดำนับไม่ถ้วนพันผูกซึ่งอยู่ไกลออกไปนั้น “แต่… ว่ากันถึงแก่น พวกเจ้าไม่ได้เป็นศัตรูของพันธมิตรสงครามรกร้างโบราณ คราวนี้… ข้ายอมแพ้ก็ได้”

หลินสวินกับต้าหวงสบตากัน กุมมือคารวะเอ่ยว่า “ขอบคุณที่สหายยุทธ์สงเคราะห์”

บรรพจารย์จักรพรรดิหลีชางแค่นหัวเราะ “หลินเต้ายวน ข้าอยากรู้นักว่าถ้าสู้กันเดี่ยวๆ เจ้ามั่นใจแค่ไหนว่าจะชนะ”

สายตาในมุมมืดหลายคู่ต่างมองไปยังหลินสวิน

ภาพที่บรรพจารย์จักรพรรดิหลีชางพ่ายแพ้ก่อนหน้านี้ดูแปลกพิลึกนัก

แต่ถ้าวิเคราะห์โดยละเอียด ทุกคนต่างแน่ใจว่าถ้าไม่ได้จักรพรรดิสงครามคำรนช่วยไว้ เพียงอาศัยพลังหลินสวินคนเดียวย่อมทำถึงขั้นนี้ไม่ได้เด็ดขาด

หลินสวินคิดเล็กน้อยแล้วเอ่ยจริงจังว่า “อาจจะสู้ไม่ได้ แต่ปกป้องตัวเองยังทำได้”

บรรพจารย์จักรพรรดิหลีชางเป็นระดับบรรพจารย์จักรพรรดิขั้นบริบูรณ์ มรรควิถีในตัวแข็งแกร่งหาใดเทียบ ไม่อาจเทียบกับระดับบรรพจารย์ทั่วไป

ถ้าใช้พลังต่อสู้ล้วนๆ มาต้านทาน หลินสวินย่อมไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ได้

ข้อได้เปรียบเพียงอย่างเดียวของเขาก็คือครอบครองอภินิหารหยุดเวลา ชิงเอาโอกาสหนึ่งพริบตามาได้

แต่ต่อให้ใช้การหยุดเวลา ด้วยพลังของเขาอาจจะทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บได้ แต่คิดจะฆ่าอีกฝ่ายให้ตาย ย่อมความหวังริบหรี่

ส่วนเพลิงหงส์ระเบียบในเตากระบี่ ใช้ได้เพียงต้านพลังระเบียบ สำแดงอานุภาพป้องกันเชิงรับได้เท่านั้น จะให้ถูกหลินสวินควบคุมสั่งการเองเป็นไปได้ยากยิ่ง

แน่นอนว่าถ้าเปลี่ยนเป็นพลังระเบียบแดนปรินิพพาน นั่นก็ต่างกันโดยสิ้นเชิงแล้ว อย่างน้อยแดนปรินิพพานก็เป็นสิ่งที่เขาควบคุมสั่งการได้โดยสมบูรณ์

ส่วนเพลิงหงส์ระเบียบ เป็นพลังที่หลอมเข้าไปในเตากระบี่ หลังจากพลังของมันถูกเตากระบี่ดูดซับและหลอมไปโดยสิ้นเชิงแล้ว ถึงถูกหลินสวินควบคุมได้

ทั้งสองอย่างมีความแตกต่างในเชิงคุณลักษณะ

ก็เพราะตัดสินโดยมีมรรควิถีของตนเป็นพื้นฐาน หลินสวินจึงใช้อภินิหารหยุดเวลาในการต่อสู้เมื่อกี้นี้ทันที ให้ต้าหวงมาลงมือ ถึงกำราบบรรพจารย์จักรพรรดิหลีชางได้ในทันใด

“อาจจะสู้ไม่ได้ แต่ปกป้องตัวเองได้…”

พอได้ยินคำตอบของหลินสวิน เหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าที่อยู่ในมุมมืดนั้นต่างมึนงงไปครู่หนึ่ง คำตอบเช่นนี้เรียกได้ว่าน่าตกตะลึงยิ่ง

ถึงอย่างไรว่ากันถึงที่สุด หลินเต้ายวนคนนี้ก็มีพลังปราณเพียงระดับจักรพรรดิขั้นสี่เท่านั้น!

“คำว่ามกุฎ ไม่ใช่สิ่งที่พวกเราประเมินได้ตามคาด” และหลังจากบรรพจารย์จักรพรรดิหลีชางได้ยินคำตอบเช่นนี้ แววตาก็ฉายแววซับซ้อนอย่างอดไม่ได้

ชายหนุ่มที่ฝึกปราณเพียงร้อยกว่าปีคนหนึ่ง กลับมีพลังแฝงน่าตะลึงกดข่มยักษ์ใหญ่หมื่นกาลได้แล้ว ทำให้เฒ่าชราที่มีชีวิตมาไม่รู้นานเท่าไรทำได้เพียงน้อยเนื้อต่ำใจ!

“โลกใบนั้นผนึกอะไรไว้” จู่ๆ ต้าหวงก็เอ่ยถาม โลกที่ถูกโซ่สีดำนับไม่ถ้วนพันธนาการไว้นั้น ดูลึกลับน่ากลัวหาใดเทียบ

“นั่นเป็นรากฐานของพันธมิตรสงครามรกร้างโบราณ ก่อนผู้แข็งแกร่งพันธมิตรสงครามรกร้างโบราณรุ่นแรกในแรกยุคดึกดำบรรพ์ไปยังฟากฝั่งฟ้าดารา ได้ทิ้งพลังเจตจำนงของตัวเองไว้ แล้วผนึกลงใน ‘โลกเพลิงมรรค’ แห่งนั้น”

บรรพจารย์จักรพรรดิหลีชางแววตาเผยความภูมิใจ “มหามรรคไม่ดับ คบเพลิงสืบต่อชั่วนิรันดร์ เป็นเพราะอาศัยพลังเจตจำนงมากมายที่ผนึกอยู่ในนี้ ถึงทำให้พันธมิตรสงครามรกร้างโบราณของเรายังดำรงอยู่ที่นี่ได้ยาวนาน ไม่กลัวเกรงการรุกรานจากพลังระเบียบต้องห้ามนั่น!”

หลินสวินกับต้าหวงจึงเข้าใจ ว่าเหตุใดตอนแรกสุดบรรพจารย์จักรพรรดิหลีชางถึงกล่าวไว้ว่า ตั้งแต่อดีตนานมา ต่อให้แข็งแกร่งอย่างจอมจักรพรรดิไร้นามก็ไม่มีอาจทะลวงเข้าที่นี่ได้

ที่แท้เป็นเพราะ ‘โลกเพลิงมรรค’ นั้น!

เช่นเดียวกัน หากบรรพจารย์จักรพรรดิหลีชางใช้พลังเจตจำนงมากมายที่ผนึกอยู่ในโลกเพลิงมรรคนั้นตั้งแต่แรก เกรงว่าเขากับต้าหวงคงไม่มีโอกาสมาถึงที่นี่ได้สักนิด

พอเข้าใจเรื่องพวกนี้ มุมมองที่ทั้งสองมีต่อบรรพจารย์จักรพรรดิหลีชางก็เปลี่ยนไปไม่น้อย

“ในช่วงหลายปีนั้น จักจั่นทอง เฟยหลัน เฉินหลินคง จักรพรรดิขาว และคู่สามีภรรยาจ้าวหยวนจี๋ล้วนเคยพูดถึงชื่อของเจ้าหลินเต้ายวน ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เจ้ามาถึงด่านของข้าได้แล้ว ข้าก็ย่อมไม่สร้างความยุ่งยากให้พวกเจ้าอีก”

ขณะที่พูดบรรพจารย์จักรพรรดิหลีชางก็หมุนกายจากไป “เจ้าเฒ่าอีกาทองถูกกำราบอยู่ในโลกหินหนืดนั้น ที่เหลือก็ให้พวกเจ้าทั้งสองฝ่ายสะสางกันเองก็แล้วกัน”

พอเสียงพูดเงียบลงเงาร่างของเขาก็หายลับไปแล้ว

“ไป”

หลินสวินไม่ชักช้า ข้ามห้วงอากาศที่มีอุกกาบาตเริงระบำแห่งนั้นไปกับต้าหวง เข้าสู่โลกที่มีหินหนืดปะทุ ทะเลเพลิงพวยพ่นแห่งนั้นอย่างรวดเร็ว

ไม่นานนักสายตาของหลินสวินก็จับจ้องที่มหาคีรีซึ่งมีเปลวเพลิงถาโถมลูกหนึ่ง

ที่นั่นมีกลิ่นอายผนึกสายหนึ่งอบอวลอยู่

สวบ!

เขาเคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศมาถึงในชั่วพริบตา สังเกตผนึกนั้นโดยละเอียดแล้วอดทึ่งไม่ได้

พลังของผลึกนั่นถึงกับแปลงมาจากระเบียบ!

นี่ไม่ได้หมายความว่า จักจั่นทองที่ได้รับการยกย่องจากเจ้าแห่งคีรีดวงกมลอาจารย์ของเขาว่า ‘มรรคสูงล้ำฟ้า’ จะสามารถควบคุมและใช้พลังระเบียบได้ตั้งนานแล้วหรือ

การฝึกปราณหลายปีนี้ทำให้หลินสวินเข้าใจเรื่องพลังระเบียบลึกซึ้งยิ่งขึ้นไปด้วย

อย่างพลังระเบียบของแดนปรินิพพาน พลังระเบียบของสองแดนอย่างเจินหลง หงส์เซียน พลังระเบียบที่แปลงมาจากเคราะห์จ่อมจมที่ซีครอบครอง กระทั่งพลังระเบียบต้องห้ามที่ปกคลุมเหนือทั่วหล้าฟ้าดารานั้น ต่างเรียกได้ว่าเป็น ‘ระเบียบต้นกำเนิดโลก’ เพียงแต่ลักษณะแตกต่างกัน อานุภาพก็ไม่ได้เหมือนกันไปเสียหมด

และพลัง ‘ระเบียบ’ เช่นนี้ ผู้แข็งแกร่งอย่างระดับบรรพจารย์จักรพรรดิ คนที่สามารถครอบครองได้ก็เรียกได้ว่ามีไม่กี่คน

นี่ทำให้หลินสวินเกิดความคิดบ้าคลั่งอย่างหนึ่งขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ กุญแจสำคัญของการบรรลุระดับบรรพจารย์จักรพรรดิ จะเกี่ยวกับการควบคุมพลังระเบียบบางอย่างหรือไม่

ทันใดนั้นหลินสวินก็ส่ายหัว ไม่คิดอะไรอีก

ตอนนี้เขาเพิ่งมีพลังปราณระดับจักรพรรดิขั้นสี่เท่านั้น ยังไม่อาจไปแตะธรณีประตูของระดับบรรพจารย์จักรพรรดิได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการทำความเข้าใจนัยเร้นลับที่อยู่เหนือระดับบรรพจารย์ขึ้นไปอีก

“เจ้าคิดจะทำอย่างไร” ต้าหวงที่อยู่ข้างๆ เอ่ยถาม

ดวงตาดำหลินสวินไหววูบ “แน่นอนว่าต้องทำลายผนึกสายนี้ ปล่อยเจ้าเฒ่าอีกาทองที่ถูกกำราบไว้ออกมาก่อน”

ขณะพูดเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งส่งเสียงดังสนั่น แสงมรรคมากมายสาดกระเซ็น กระบี่มรรคไร้ก้นบึ้งที่รัดพันด้วยเพลิงหงส์ระเบียบสีม่วงชั้นหนึ่งฟันลงไป

จะต่อกรผนึกระเบียบ ย่อมต้องใช้พลังระเบียบเช่นเดียวกัน

ตูม!

เสียงดังลั่นสะท้านฟ้าสะเทือนดินดังขึ้น ก็พบว่าเหนือภูเขาไฟที่มีหินหนืดปะทุออกมานั้น พลังผนึกที่จักจั่นทองทิ้งไว้ปั่นป่วนระส่ำระสายขึ้นมาในทันใด

จากนั้นก็เกิดเสียงระเบิดปังๆๆ ตามมาติดๆ พลังผนึกเกิดรอยแตกเหมือนใยแมงมุมในตอนนี้

“ฮ่าๆๆ ผนึกพังแล้ว! จักจั่นทอง เจ้าไม่ได้บอกว่าต้องการผนึกข้าไว้หนึ่งร้อยปีหรือไง แต่ตอนนี้เพิ่งผ่านไปกี่ปีเท่านั้นผนึกของเจ้าก็พังแล้วหรือ”

เสียงหัวเราะบ้าคลั่งอันเย็นชาและโหดเหี้ยมดังขึ้น

ตูม!

เงาร่างหนึ่งพุ่งออกมาจากใต้ภูเขาไฟนั้น

ชั่วพริบตานี้ก็เหมือนสุริยันพุ่งทะลุเมฆา สาดแสงหมื่นจั้ง โดดเด่นตระการตา เผยอานุภาพร้ายกาจเหิมเกริมหาใดเทียบ

เขาใส่ชุดทองทั้งตัว ยามหายใจเข้าออกละอองแสงเปลวเพลิงสีทองพ่นออก ประหนึ่งจะเผาทั่วหล้า ดวงตาทั้งสองของเขาเป็นดั่งดวงอาทิตย์แรงกล้า โชติช่วงเจิดจ้า คล้ายจะจับผู้คนมากลืนกิน

มหาจักรพรรดิอีกาทอง!

ระดับผู้ก่อตั้งพันธมิตรสงครามรกร้างโบราณ พวกร้ายกาจที่ห้าวหาญโหดเหี้ยม สังหารมานับไม่ถ้วนผู้หนึ่ง!

‘ระดับจักรพรรดิขั้นแปดบริบูรณ์’

ต้าหวงรีบสื่อจิต สีหน้าผ่อนคลายอย่างชัดเจน เห็นได้ชัดว่าในกาลเวลาไร้สิ้นสุดนี้ อีกาทองเฒ่าผู้นี้ยังหยุดอยู่ที่หน้าธรณีประตูระดับบรรพจารย์ ไม่อาจเข้าไปได้

หลินสวินพยักหน้าสีหน้าเรียบเฉย

“เป็นพวกเจ้าร่วมกันลงแรงทำลายผนึกของจักจั่นทองหรือ”

เสียงหัวเราะบ้าคลั่งค่อยๆ หายไป ดวงตามหาจักรพรรดิอีกาทองกวาดไปยังหลินสวินกับต้าหวง ประหลาดใจอยู่บ้างอย่างอดไม่ได้ หนึ่งคนหนึ่งหมาเช่นนี้ ถึงกับทำลายผนึกของจักจั่นทองได้หรือ

หลินสวินเอ่ย “ถ้าไม่ทำลายผนึก จะได้เห็นความสง่างามของเจ้าเฒ่าอีกาทองได้อย่างไร”

มหาจักรพรรดิอีกาทองรู้สึกตลอดว่าออกจะชอบกล แต่ยังพยักหน้าพูดว่า “ไม่ว่าพวกเจ้าจะมาจากไหนและทำเช่นนี้ไปเพื่ออะไร บุญคุณนี้ข้าจดจำไว้แล้ว วันหน้าข้าย่อมตอบแทนให้!”

หลินสวินเอ่ย “ทำไมต้องรอถึงวันหน้าด้วยเล่า ตอบแทนวันนี้ก็ได้”

มหาจักรพรรดิอีกาทองนิ่วหน้า ยิ่งรู้สึกว่ามีปัญหา เอ่ยว่า “เจ้าหนุ่ม เจ้าอยากได้สิ่งตอบแทนอะไรบอกให้ข้าฟังได้”

“หัวบนบ่าเจ้า” หลินสวินยิ้ม

มหาจักรพรรดิอีกาทองนัยน์ตาหดรัด สีหน้าเปลี่ยนเป็นเย็นชาน่ากลัว “ว่าแล้วว่ามีปัญหา!”

จากนั้นเขาก็คำรามยาว เสียงสะเทือนฟ้าดารา “สหายยุทธ์คนไหนบอกข้าได้บ้างว่าหนึ่งคนหนึ่งหมานี่มันเรื่องอะไร”

ไม่มีใครตอบรับ

ตั้งแต่ตอนที่บรรพจารย์จักรพรรดิหลีชางยอมแพ้ ทุกคนในพันธมิตรสงครามรกร้างโบราณก็รับรู้ได้แล้ว ว่าความแค้นส่วนตัวครั้งนี้จะแทรกแซงไม่ได้

เมื่อไม่ได้รับการตอบกลับ ก็ทำให้มหาจักรพรรดิอีกาทองใจกระตุกโดยพลัน ยิ่งรับรู้ได้ถึงความไม่ชอบมาพากล ดวงตาจ้องหลินสวินอย่างเย็นชาน่ากลัว เอ่ยว่า “พวกเจ้าเป็นกันแน่”

ต้าหวงแสยะยิ้มออกมา “ขนาดเขายังจำไม่ได้ ตอนนั้นเจ้ายังโวยวายจะไปแก้แค้นเขา เจ้าล้อทุกคนเล่นหรือ”

สีหน้ามีแต่ความเยาะเย้ย

แต่มหาจักรพรรดิอีกาทองไม่ได้โมโห เขาเหมือนนึกอะไรได้ ดวงตาเบิกกว้าง “เจ้าคือหลินสวินที่ทำลายหุบเขาตะวันคล้อยเผ่าข้า และขโมยไม้เทพฝูซางของเผ่าข้าไปคนนั้นหรือ!”

หลินสวินเอ่ยเรียบๆ “หุบเขาตะวันคล้อยถูกข้าทำลายจริงๆ แต่ไม้เทพฝูซางไม่ได้ขโมยไป เป็นทรัพย์หลังศึกของข้าต่างหาก”

“เป็นเจ้าสวะตัวจ้อยนี่ดังคาด!”

มหาจักรพรรดิอีกาทองแววตากราดเกรี้ยว เขานึกไม่ถึงว่าตนยังไม่ทันไปทวงแค้น อีกฝ่ายดันมาหาเขาถึงที่เสียเอง

เรื่องนี้ดูน่าเหลือเชื่อนัก แต่ก็เกิดขึ้นเช่นนี้แล้ว

“ไม่ถูก”

จู่ๆ มหาจักรพรรดิอีกาทองที่เดิมกราดเกรี้ยวก็นิ่วหน้าในทันใด แววตาไหววูบ “ตามที่ข้ารู้มา เมื่อหลายสิบปีก่อนสวะตัวจ้อยหลินสวินนั่นยังไม่ได้บรรลุจักรพรรดิ แต่เจ้ามีพลังปราณระดับจักรพรรดิขั้นสี่แล้ว จะเป็นมันไปได้อย่างไร”

หลินสวินกับต้าหวงต่างหัวเราะอย่างอดไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าในช่วงที่ถูกผนึกไว้หลายปีมานี้ มหาจักรพรรดิอีกาทองไม่รู้เรื่องราวของโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง

“เลิกพูดไร้สาระ ขอแค่เจ้าบอกมาว่าเทียนเชวียตายอย่างไร ข้าคนแซ่หลินจะให้เจ้าตายอย่างมีเกียรติสักหน่อยก็ได้”

แววเย็นชาปรากฏขึ้นในตาหลินสวิน

วิญญาณอาวุธอู้เชวียของธนูวิญญาณไร้แก่นสารเคยถูกกำราบในหุบเขาตะวันคล้อยอยู่ไม่รู้นานเท่าไร ถูกกดข่ม ลบหลู่ และทรมานไม่รู้กี่มากน้อย

และผู้ที่กำราบอู้เชวีย ก็คือมหาจักรพรรดิอีกาทองผู้นี้!

ความแค้นนี้ ย่อมต้องให้เขาหลินสวินมาทวง

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท