Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2332 การเปลี่ยนแปลงแห่งกาลเวลา

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2332 การเปลี่ยนแปลงแห่งกาลเวลา

ตอนที่ 2332 การเปลี่ยนแปลงแห่งกาลเวลา

การกำราบครั้งเดียว ผ่านไปไม่รู้กี่ปี!

แม้ประตูคีรีดวงกมลถูกทำลาย หลิงเสวียนจื่อก็ยังคงถูกกำราบอยู่ใต้ซากคีรีดวงกมล

เจ้าแห่งคีรีดวงกมลเคยกล่าวไว้ว่า ‘หลิงเสวียนจื่อ หลังเจ้าสำนึกผิด กำจัดมารในใจ ยามสร้างจิตมรรคใหม่ผนึกก็จะลทลายเอง’

ทว่าจนตอนนี้ผนึกก็ยังไม่ถูกทำลาย เป็นการยืนยันอย่างชัดแจ้งว่ามารในใจของหลิงเสวียนจื่อยังไม่ได้ถูกกำจัดอย่างสิ้นเชิง

ฟังถึงตรงนี้หลินสวินเองก็อดถอนหายใจไม่ได้

บรรลุอริยะตอนเก้าขวบ สิบปีหลังจากนั้นบรรลุมกุฎมหาจักรพรรดิ พรสวรรค์ของศิษย์พี่สี่ แค่คิดก็รู้ว่าเย้ยฟ้าและน่ากลัวมากเพียงใด

เมื่อเทียบกันแล้ว อัจฉริยะ ผู้มากความสามารถที่เรียกกันในโลกนี้แทบจะไม่คู่ควร

แม้ตัวหลินสวินที่ถูกยกย่องว่าเป็นมกุฎจักรพรรดิคนแรกในหนึ่งแสนปีมานี้ ในด้านการทะลวงปราณก็ยังสู้ศิษย์พี่สี่คนนี้ไม่ได้

หลินสวินถาม “ผู้อาวุโสรู้หรือไม่ ว่ามารในใจศิษย์พี่สี่คนนั้นของข้าคืออะไรกันแน่”

“พบข้าประหนึ่งพบสวรรค์” ระฆังไร้กฎพูด

นี่คือปณิธานอริยมรรคของหลิงเสวียนจื่อ

แต่กลับกลายเป็นมารในใจของเขา!

ดวงตาดำของหลินสวินวูบไหว นึกถึงปณิธานอริยมรรคที่ตนตั้งไว้ในตอนนั้น

ในที่สุดก็เข้าใจแล้ว ว่าเหตุใดศิษย์พี่เหล่านั้นล้วนไม่อยากพูดถึงชื่อศิษย์พี่สี่

ก็เห็นระฆังไร้กฎพูดต่อ “ฝึกปราณเร็วเกินไปหาใช่เรื่องดี โดยเฉพาะปีศาจพลิกฟ้าอย่างหลิงเสวียนจื่อ หนึ่งวันก้าวกระโดดพันลี้บนมรรคา ทะลวงระดับด้วยความเร็ว แต่ขอเพียงเดินผิดทาง ผลลัพธ์ย่อมไม่อาจจินตนาการ”

หลินสวินกล่าว “ถูกกำราบมานานขนาดนี้แล้ว เหตุใดศิษย์พี่รองต้องสั่งให้ไปฆ่า… ศิษย์พี่สี่ด้วย”

“หลายปีก่อนจักรพรรดิสวรรค์ดำรงไปเยือนแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ สำรวจเศษซากคีรีดวงกมล สุดท้ายแม้จักรพรรดิสวรรค์ดำรงจะรอดจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส”

ระฆังไร้กฎพูดถึงตรงนี้ หลินสวินอดลอบพยักหน้าไม่ได้ เขาจำเรื่องนี้ได้เช่นกัน

“ก็เพราะเล็งเห็นโอกาสนี้ จ้งชิวถึงลงมือเด็ดขาด เลือกประลองตัดสินเป็นตายกับจักรพรรดิสวรรค์ดำรงที่แหล่งสถานคุนหลุนนี้”

“จากแผนการของจ้งชิว ผาสยบมรรคกำราบต้นกำเนิดแห่งหมื่นมรรคเอาไว้ มีอานุภาพที่สามารถกำจัดและต้านทานพลังระเบียบต้องห้ามได้โดยไร้รูป เมื่อเป็นเช่นนี้ การฆ่าจักรพรรดิสวรรค์ดำรงที่บาดเจ็บให้ตายย่อมเป็นเรื่องง่ายดาย”

“แต่ตอนต่อสู้กลับเกิดเรื่องไม่คาดฝัน”

ระฆังไร้กฎพูดถึงตรงนี้ก็หยุดไปครู่หนึ่ง แล้วถอนหายใจกล่าว “ยามต่อสู้ จักรพรรดิสวรรค์ดำรงเข้าใจพลังมหามรรค รวมถึงวิชามรรคที่จ้งชิวครอบครองเป็นอย่างดี เสมือนมองทะลุทุกสิ่งอย่างของจ้งชิว ทำให้จ้งชิวได้รับอันตรายอยู่หลายครั้ง”

“และก็เป็นตอนนั้นที่จ้วชิงตระหนักได้ว่า จักรพรรดิสวรรค์ดำรงคงจะครอบครอง ‘เคล็ดวิชาจริงแท้เกรียงไกร’ คัมภีร์มหามรรคที่เขาสร้างขึ้นด้วยตัวเองแล้ว และบนโลกนี้มีเพียงหลิงเสวียนจื่อทซึ่งถูกกำราบอยู่ในซากคีรีดวงกมล ที่ครอบครองวิชานี้ได้”

นัยน์ตาของหลินสวินหดรัด “หลิงเสวียนจื่อถ่ายทอดให้จักรพรรดิสวรรค์ดำรงหรือ”

“น่าจะเป็นเช่นนั้น”

ระฆังไร้กฎพูด “ตอนนั้นยามหลิงเสวียนจื่ออยู่ในคีรีดวงกมล ได้อ่านวิชามรรคทั้งหมดและครอบครองมรดกมากมาย อย่างเช่นมรดกที่พวกจักรพรรดิสงครามยุทธ์ จ้งชิว หรือรั่วซู่สร้างขึ้น ล้วนเคยให้หลิงเสวียนจื่อหยั่งรู้และศึกษา”

“ปฏิเสธไม่ได้ว่าหลิงเสวียนจื่อคือยอดอัจฉริยะตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน มรดกและมหามรรคที่เขาคิดครอบครอง ล้วนสามารถหยั่งรู้ได้อย่างง่ายดายแทบจะทั้งหมด”

“แต่ก็เพราะเขาเปิดเผยมรดกของจ้งชิวให้จักรพรรดิสวรรค์ดำรง ทำให้เกือบทำลายแผนของจ้งชิว สุดท้ายแม้กำราบจักรพรรดิสวรรค์ดำรงไว้ได้ แต่ก็เสียหายอย่างหนัก”

ฟังถึงตรงนี้ในดวงตาของหลินสวินเผยประกายเย็นเยียบแล้ว “หากเป็นเช่นนี้จริง ศิษย์พี่สี่ของข้าคนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับคนทรยศ ก็ไม่แปลกที่ศิษย์พี่รองอยากฆ่าเขา ตัวหายนะเช่นนี้ ไม่กำจัดคีรีดวงกมลจะต้องเดือดร้อนแน่!”

“นี่พิสูจน์ได้เพียงว่า ตลอดเวลาที่เขาถูกกำราบในกาลเวลาไร้สิ้นสุดนี้ มีความแค้นในใจมาโดยตลอด ดึงดันจนกลายเป็นมาร ถึงทำเรื่องเช่นนี้ออกมาได้”

ระฆังไร้กฎถอนหายใจยาวอีกครั้ง แล้วกล่าวว่า “น่าเสียดายจริงๆ”

อัจฉริยะด้านการฝึกปราณที่หายากในหมื่นกาลคนหนึ่ง เดิมทีสามารถมีอนาคตอันสดใสที่ไม่สามารถจินตนาการได้ แต่เพราะเกิดมารในใจ เดินไปผิดทาง จะไม่ให้เสียดายได้อย่างไร

“พรสวรรค์และรากฐานจะเย้ยฟ้าเพียงใด หากใจคดย่อมเป็นเภทภัย ไม่ถึงกับน่าเสียดายอะไร หากข้าเป็นอาจารย์ในตอนนั้นคงทำลายปราณเขาไปนานแล้ว” หลินสวินพูดอย่างเฉยเมย

ขณะที่คุยกันก็ออกจากอาณาเขตผาสยบมรรคแล้ว

จู่ๆ ระฆังไร้กฎก็กลายเป็นขนาดประมาณนิ้วหัวแม่มือ เหมือนจี้แขวนอยู่ตรงปลายผมของหลินสวิน เอ่ยว่า

“สหายน้อย ข้ามีความเกี่ยวข้องกับสำนักคีรีดวงกมลของเจ้าอย่างลึกซึ้ง ถึงได้ช่วยเหลือศิษย์พี่ของเจ้าก่อนหน้านี้ ระหว่างทางไปยังแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ครั้งนี้ก็จะนำทางให้เจ้าเช่นกัน แต่ถ้าเจอเรื่องการเข่นฆ่า โปรดอภัยข้าที่ไม่สามารถให้ความช่วยเหลือเจ้าได้”

หลินสวินชะงัก เอ่ยว่า “นี่ย่อมแน่นอนอยู่แล้ว เรื่องระหว่างผู้สืบทอดคีรีดวงกมลของข้า ย่อมต้องให้ข้าเป็นคนจัดการ”

“ขอบคุณมากที่เข้าใจ”

ระฆังไร้กฎดูสงบมาก “ในกาลเวลาไร้สิ้นสุดนี้ข้าเคยไปดินแดนรกร้างโบราณกับศิษย์พี่หลี่เสวียนเวยของเจ้า อีกทั้งเคยโชคดีได้พบเจ้าแห่งคีรีดวงกมล ได้รับการชี้แนะจากเขา แต่ไม่ว่าเมื่อก่อนหรือในอนาคต ข้าไม่เคยฆ่าสิ่งมีชีวิตใด”

“ไม่เคยสักคนเลยหรือ” หลินสวินประหลาดใจ

“ไม่เคยสักคน”

ระฆังไร้กฎเสียงเลื่อนลอย “เสียงระฆังเหมือนดั่งสรรพชีวิต ตั้งแต่ข้าแจ้งมรรค รู้ว่าสรรพชีวิตล้วนทุกข์ทน ไม่อาจทนให้เกิดการเข่นฆ่าได้อีก ข้าไม่สามารถควบคุมเจตนาสังหารของคนทั่วหล้าได้ แต่อย่างน้อย… ข้าสามารถควบคุมตนไม่ให้ฆ่าใครได้”

“ศิษย์พี่หลี่เสวียนเวยของเจ้าเคยบอกว่า มหามรรคของข้าดื้อรั้นและโง่เขลาเกินไป เป็นความเมตตาเท็จ ถ้าเมตตาจริงก็ควรจะขัดเกลาสรรพชีวิต ให้สรรพชีวิตข้ามทุกข์ หลุดพ้นจากความทุกข์ยากของเรื่องราวบนโลก”

“แต่นี่หาใช่มหามรรคของข้า เสียงระฆังของข้ามีขึ้นเพื่อให้สรรพชีวิตตื่นรู้ เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว”

ฟังจบหลินสวินคิดๆ แล้วกล่าวว่า “มรรคาไม่เหมือนกัน ไม่อาจพูดว่าดื้อรั้นและโง่เขลา ข้ากลับคิดว่าผู้อาวุโสมีความยึดมั่นถึงสามารถมีความสำเร็จในวันนี้ได้”

เขาหยุดไปครู่หนึ่งแล้วถามว่า “ผู้อาวุโส พวกเราควรไปแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์อย่างไร”

“แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์เป็นสถานที่ที่รวมแม่น้ำหมื่นสายทั่วหล้า ที่ต้นกำเนิดของแม่น้ำเซียนเหินในแหล่งสถานคุนหลุน มีอุโมงค์มิติที่สามารถเข้าสู่แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ได้”

ระฆังไร้กฎกล่าว

หลินสวินใคร่ครวญเล็กน้อยแล้วเริ่มเคลื่อนไหวตามคำชี้แนะของระฆังไร้กฎ

เดิมทีเขาตั้งใจจะไปแดนลับป่าท้อ แดนลับเขาพญามังกร และแดนผนึกแท่นสักการะสักรอบ นับว่าไปเยือนสถานที่เก่าๆ

แต่คิดๆ แล้วก็ช่างมันเถอะ

สวบ!

เงาร่างของหลินสวินพริบไหว เริ่มเคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศ

แหล่งสถานคุนหลุนใหญ่มาก ใหญ่จนแม้แต่ระฆังไร้กฎยังไม่สามารถบอกได้อย่างชัดเจนว่าใหญ่แค่ไหน ที่นี่ไม่เพียงมีแดนเก้าลับสามแดนผนึก ยังมีแผ่นดินแปลกประหลาดและพื้นที่ที่เหลือเชื่อมากมาย

แหล่งสถานคุนหลุนถูกเรียกว่า ‘หอบรรพจารย์มหามรรค’ มีข่าวลือตั้งแต่อดีตว่ากลิ่นอายต้นกำเนิดของหมื่นมรรคทั่วหล้า ล้วนสามารถเสาะหาได้ที่จากแหล่งสถานคุนหลุน

น่าเสียดาย ตอนนี้หลินสวินไม่มีกะจิตกะใจไปเสาะหาอย่างละเอียด

อันที่จริงด้วยระดับพลังปราณของเขา นอกจากพวกสมบัติชั้นยอดที่หายากบางส่วน วาสนาเล็กศุภโชคน้อยทั่วไปๆ ไม่อยู่ในสายตาเขานานแล้ว

สองชั่วยามหลังจากนั้น

ภายใต้การนำทางของระฆังไร้กฎ หลินสวินมาถึงพื้นที่ ‘ฟ้าถล่มดินทลาย’ แห่งหนึ่ง

ท้องฟ้าที่นี่พ้งทลายเป็นหลุมดำขนาดใหญ่หลุมแล้วหลุมเล่า อยุดนิ่งอยู่ตรงนั้นอย่างน่าประหลาด ไม่ขยับสักนิด แต่กลับทำให้คนสะท้านขวัญ

บนพื้นดินเต็มไปด้วยร่องลึกและโกรกธาร แน่นขนัดและเรียงรายเป็นคลื่น!

และสุดขอบฟ้าดินที่แปลกประหลาดนั่น กลับเป็นความว่างเปล่าที่มืดสนิท

จากที่ระฆังไร้กฎพูด ความว่างเปล่าที่มืดมนแถบนี้ คือ ‘แดนผนึกไร้นาม’ หนึ่งในแดนสามผนึกแห่งคุนหลุน

แดนอันตรายที่ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน คนที่เข้าไปแทบไม่มีใครสามารถรอดชีวิตได้!

หลินสวินยืนอยู่กลางอากาศ มองภาพฟ้าถล่มดินทลายนั่นแล้วหันมองแดนผนึกไร้นามอันมืดมิดอีกครั้ง ในใจเองก็อดรัดเกร็งขึ้นมาไม่ได้

แม้เป็นถึงมกุฎมหาจักรพรรดิ แต่ยามมาถึงพื้นที่แห่งนี้กลับทำให้เขารู้สึกกดดันยากจะวางใจ ขนลุกซู่

“ผู้อาวุโสรู้หรือไม่ว่าแดนผนึกไร้นามนี้มีอะไรซ่อนอยู่” หลินสวินถาม

ระฆังไร้กฎกล่าว “ได้ยินว่าในนั้นเป็นทางขาด ฟ้าขาด ดินขาด มหามรรคขาด ทุกสิ่งล้วนขาดหัก และมีข่าวลือว่าแดนผนึกไร้นามแห่งนั้นคือบ่อเกิดแรกกำเนิดที่แหล่งสถานคุนหลุนถือกำเนิดขึ้น ส่วนภายในซ่อนอะไรอยู่นั้น ข้าเองก็ไม่รู้”

เขาหยุดไปครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “แต่ข้ากลับเคยได้ยิน ว่าเจ้าแห่งคีรีดวงกมลอาจารย์ของเจ้าคล้ายจะเคยสำรวจแดนผนึกไร้นามแห่งนั้น”

หลินสวินตะลึง ไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านี้

ระฆังไร้กฎนำทางให้เขา ไม่นานก็เจอโกรกธารที่ใหญ่โตหาใดเปรียบแห่งนี้ ส่วนลึกที่สุดของโกรกธารนี้มีประกายแสงพลิ้วไหว สายน้ำพวยพุ่ง วาบประกายศักดิ์สิทธิ์ที่ราวกับภาพฝันมายา

“ต้นน้ำของแม่น้ำเซียนเหินอยู่ที่นี่”

ระฆังไร้กฎพูด “นั่นคือตาน้ำพุหนึ่ง พลังกาลเวลาอันลึกลับตัดสลับอยู่ เข้าไปจากตาน้ำพุแห่งนี้ ก็จะมีพลังแห่งการเคลื่อนย้ายมิติ ไปถึงแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ได้”

หลินสวินพยักหน้า ร่างกายพริบวาบพุ่งตัวเข้าไปใต้โกรกธารนั้นโดยไม่ลังเล

ธารน้ำไหลเชี่ยวเกิดเป็นฟองคลื่น แสงประกายมายาที่ราวกับหมอกควันระยิบระยับ ดูลึกลับมาก

ชั่วพริบตาเดียวหลินสวินก็สังเกตเห็น ‘ตาน้ำพุ’ นั่นแล้ว

มันมีรัศมีเก้าจั้งเต็ม เหมือนปากที่เปิดออกตรงส่วนลึกที่สุดของพื้นดิน น้ำของแม่น้ำเซียนเหินก็ไหลออกมาจากในนี้

มองดูอย่างละเอียด รอบๆ ตาน้ำพุแผ่กลิ่นอายกาลเวลาขมุกขมัวออกมา มีระเบียบห้วงอากาศตัดสลับ รวมเป็นพลังแห่งมิติกาลเวลาอันลึกลับ

หากไม่ใช่เพราะคำชี้แนะของระฆังไร้กฎ หลินสวินไม่กล้าจินตนาการด้วยซ้ำว่าต้นกำเนิดของแม่น้ำเซียนเหินนั่นจะเป็นภาพที่มหัศจรรย์เช่นนี้

“สหายน้อยวางใจ พลังแห่งมิติกาลเวลานี้แข็งแกร่งอย่างที่สุด ยามเข้าไปในนั้นจะไม่ได้รับอันตรายใดๆ” ระฆังไร้กฎกล่าว

หลินสวินขานรับคำหนึ่ง แล้วพุ่งตัวเข้าไปอย่างไม่ลังเลอีกต่อไป

ฮูม…

ธารน้ำสาดกระเซ็น ยามพลังแห่งมิติกาลเวลาที่ราวกับภาพความฝันมายาสัมผัสเงาร่างของหลินสวิน ความรู้สึกประหลาดประหนึ่งสัมผัสสายฟ้าพลุ่งพล่านไปทั่วร่างหลินสวิน

แทบจะในเวลาเดียวกัน ตรงหน้าอกของเขาจู่ๆ ชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดก็ปลดปล่อยกลิ่นอายร้อนระอุอย่างที่สุด ราวกับสัตว์ร้ายดึกดำบรรพ์ที่หลับใหลอยู่ถูกกระตุ้น สะดุ้งตื่นขึ้นมากะทันหัน

ไม่สามารถควบคุมได้สักนิดชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดราวกับหิวโหยมาไม่รู้นานเท่าไหร่ ปลดปล่อยแสงขาวน่ากลัว เปลี่ยนเป็นรูปร่างหุบเหว พุ่งเข้ากลืนกินพลังกาลเวลานั่น

ครืน!

บริเวณตาน้ำพุเกิดเสียงกึกก้องสะเทือนฟ้าดิน พลังกาลเวลาที่มั่นคงอย่างที่สุดในตอนแรกเกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรง

ภาพนี้ทำให้ระฆังไร้กฎเองยังตกใจ พลันเอ่ยว่า “รีบไป!”

หลินสวินในตอนนี้รู้สึกเพียงว่าร่างกายร้อนผ่าว ในกายพลุ่งพล่าน พลังกาลเวลาอันดุเดือดเหมือนกระแสธารเชี่ยวกราก พุ่งเข้าไปในชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิด ทำให้ภาพตรงหน้าเขามืดมน หัวสมองพร่าเบลอ

ยามได้ยินเสียงของระฆังไร้กฎ หลินสวินแทบจะทำไปตามสัญชาตญาณ พุ่งไปยังตาน้ำพุนั่นสุดชีวิต

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท