Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2343 คัมภีร์จักรพรรดิหมื่นมรรค

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2343 คัมภีร์จักรพรรดิหมื่นมรรค

ตอนที่ 2343 คัมภีร์จักรพรรดิหมื่นมรรค

ตูม!

ฟ้าดินพลิกกลับ ภูผาธาราหมื่นลี้ถูกระเบิดวอดวาย

ก็เห็นเพียงกระแสมหามรรคดั่งทำลายล้างม้วนตลบออกมาจากบริเวณที่ทั้งสองต่อสู้กันไปยังรอบทิศ ประหนึ่งพายุคลั่งดับโลกาที่หมายทำลายล้างโลกมนุษย์

นอกจากระดับจักรพรรดิไม่กี่คน ผู้แข็งแกร่งคนอื่นหากไม่ถูกซัดกระเด็นออกไปก็หลบไปไกลอยู่นานแล้ว

ทุกคนมองไปอย่างตื่นตะลึง

ก็พบว่าในสนามรบที่อยู่ไกลลิบราวกับพื้นที่โกลาหลแถบหนึ่ง มีแต่ภาพทำลายล้างทุกแห่งหน ภูผาธารายุบตัว สรรพสิ่งกลายเป็นเถ้าธุลี ผืนดินแตกระแหงเป็นโกรกธารมหึมาสายแล้วสายเล่า

“การชิงชัยคราวนี้ ใครแข็งแกร่งใครอ่อนแอ”

ผู้คนตาเบิกกว้าง จิตใจสะท้านไหว กระทั่งระดับจักรพรรดิยังแยกได้ยาก

“หลิงเสวียนจื่อ เจ้ามีความสามารถแค่นี้หรือ”

ก็พบว่าเงาร่างหลินสวินพลันปรากฏดั่งสุริยันทะยานฟ้า หุบเหวลึกเผยตัว เหนี่ยวนำอานุภาพไร้เทียมทานโจมตีลงมา

อานุภาพอหังการยิ่งยวด!

“ศิษย์น้องเล็ก การต่อสู้เพิ่งเริ่ม ไม่ต้องรีบร้อน”

หลิงเสวียนจื่อถือปราณกระบี่สามฉื่อ สีหน้าเรียบเฉยไร้คลื่นลม มีเพียงอานุภาพทั้งตัวที่ยิ่งดุดัน ยิ่งน่าครั่นคร้าม สะท้านลมเมฆสิบทิศ

ตูม! โครม!

ทั้งสองต่อสู้กันดุเดือดอีกครั้งหนึ่ง ราวกับภูเขาเทพดึกดำบรรพ์ปะทะกัน การปะทะแต่ละครั้งก็ทำให้ฟ้าถล่มดินทลาย ห้วงอากาศส่งเสียงระเบิดลั่น เกิดเป็นภาพน่ากลัวต่างๆ

มีเสียงมรรคปั่นป่วนเก้าชั้นฟ้าดั่งอสนีบาต มีแสงเทพสะท้อนภาพภัยพิบัติโลกาวินาศอุบัติกลางโลกา มีสุริยันจันทราจ่อมจมชั่วกาล มหามรรคพังทลาย…

ภาพที่เรียกได้ว่าน่าตื่นตะลึงสะท้านโลกแต่ละภาพ ทำให้ศึกมกุฎจักรพรรดิแห่งยุคครั้งนี้ยิ่งดูน่ากลัว

การประลองเช่นนี้หากเกิดขึ้นในโลกภายนอก เกรงว่าต้องทำลายโลกทั้งแถบแน่!

และหากมองดูโดยละเอียดก็จะพบว่าการโจมตีของหลินสวินแต่ละครั้งต่างถูกสกัดไว้ได้หมด คล้ายตกเป็นเบี้ยล่าง อย่างไรก็ไม่อาจทำลายการตั้งรับของปราณกระบี่สามฉื่อในมือหลิงเสวียนจื่อได้

แต่ในสายตาของระดับจักรพรรดิไม่กี่คนนั้น กลับเป็นอีกภาพหนึ่ง

“คล้ายว่า… ท่านจอมมรรคจะยืนหยัดไม่ไหวอยู่บ้างแล้ว…”

มีคนสั่นสะท้าน สีหน้าเปลี่ยนแปลงฉับพลัน

คนตาแหลมจำนวนหนึ่งก็มองเห็นว่าทุกครั้งที่หลิงเสวียนจื่อรับการจู่โจมของหลินสวิน ฟ้าดินที่เขาอยู่จะยุบตัวพลิกคว่ำลงฉับพลัน ทำให้เขาต้องเคลื่อนตำแหน่งถึงจะมีที่ยืน

นี่ก็หมายความว่าแม้จะขวางการจู่โจมแต่ละครั้งของหลินสวินได้ แต่หลิงเสวียนจื่อต้องรับแรงโจมตีรุนแรงยิ่ง และไม่อาจสลายไปด้วยพลังของตนได้อย่างแท้จริง

ความจริงนี้ทำให้ระดับจักรพรรดิเหล่านั้นต่างตกตะลึง

“ฆ่า!”

ในสนามรบหลินสวินตะคอกลั่น พลังหมัดระเบิดออกมา ควบรวมดั่งเตาหลอมเตาหนึ่ง แฝงอานุภาพกำราบหมื่นโลก บดขยี้ลงไป

ท่ามกลางความคลุมเครือ รอบๆ เตาหลอมนั้นถึงกับแปลงเป็นภาพโลกใหญ่จ่อมจม หมื่นลักษณ์พังพินาศ

ต่อให้เป็นเฒ่าดึกดำบรรพ์ระดับจักรพรรดิขั้นแปด หากเผชิญหน้ากับหมัดนี้ของหลินสวิน เกรงว่าคงหวาดกลัวและสิ้นหวัง!

ครืน!

ปราณกระบี่สามฉื่อของหลิงเสวียนจื่อก็รับไม่ไหวอีกแล้ว ระเบิดออกทุกกระเบียด พลังหมัดน่ากลัวแข็งแกร่งเกินต้าน กำราบสิ้นซาก

หลิงเสวียนจื่อสีหน้าไร้อารมณ์ ชั่วพริบตาก็สำแดงวิชามรรคสูงส่งออกมาสามสิบเก้าวิชา แต่ละวิชาต่างเรียกได้ว่าอยู่ในระดับยอดคัมภีร์จักรพรรดิ บรรจุนัยเร้นลับสัมบูรณ์แห่งมรรคจักรพรรดิ อานุภาพไม่อาจคาดเดา

แต่ไม่ว่าหลิงเสวียนจื่อจะเปลี่ยนไปอย่างไร พลังหมัดของหลินสวินก็เรียบง่าย ดิบเถื่อนเป็นธรรมชาติดังเดิมโดยตลอด แต่อานุภาพกลับอหังการหาใดเทียบ จู่โจมทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า

ไม่นานนักหลิงเสวียนจื่อยิ่งถูกหมัดเดียวซัดกระเด็นออกไป เงาร่างคล้ายกระบี่คมพุ่งถอยหลัง กรีดทำลายฟ้ากว้างพันจั้ง

ห้วงอากาศและภูผาธาราที่ขวางหลิงเสวียนจื่อต่างถูกกระแทกบดขยี้

ผู้ชมบางส่วนนึกว่าหนีมาไกลพอแล้ว แต่ในตอนนี้ก็โดนลูกหลงของการต่อสู้ไปด้วย ไม่ทันไรก็กระอักเลือดออกปากจมูก มือเท้าขาดสะบั้น ที่หนักหน่อยก็ตายคาที่!

“ไม่เลว ไม่เลวจริงๆ ตอนศิษย์น้องเล็กบรรลุระดับมกุฎจักรพรรดิ เกรงว่าคงดึงดูดเคราะห์มาไม่น้อยกระมัง ฮ่าๆ ทำให้ข้าเปิดโลกจริงๆ”

หลิงเสวียนจื่อยืนทรงตัวมั่นคง ใบหน้าดั่งเด็กหนุ่มหล่อเหลาเผยรอยยิ้มคล้ายบ้าคลั่ง เขาปาดคราบเลือดที่มุมปากทิ้ง เอ่ยว่า “มาๆๆ วันนี้พวกเรามาสู้กันให้สาแก่ใจ เป็นตายอะไร มหามรรคอะไร พักเอาไว้ก่อนให้หมด!”

เมื่อเอ่ยจบ

ตูม!

เขาก้าวย่างเคลื่อนตัวผ่านอากาศ ประหนึ่งกระบี่คดโค้งพุ่งไปหาหลินสวิน อานุภาพถึงกับยิ่งแกร่งกล้ากว่าก่อนหน้านี้

“ข้าบอกแล้ว จะให้เจ้าเข้าใจว่าอย่างไรเรียกแพ้ราบคาบ!”

หลินสวินในยามนี้จิตต่อสู้เดือดพล่านเช่นกัน สารกาย พลังชีวิตและจิตวิญญาณปะทุขึ้นเหมือนภูเขาไฟ มรรควิถีทั้งตัวโคจรถึงขีดสุด

หลายปีมานี้เขาสังหารสัตว์ประหลาดเฒ่าไปไม่รู้เท่าไร เพียงแต่ไม่เคยพบศัตรูในระดับเดียวกันคนไหนที่ประมือได้เช่นนี้

ความสามารถของหลิงเสวียนจื่อ ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงความปรารถนาในการต่อสู้ที่ไม่ได้รับมานาน

ตูม!

ชั่วพริบตาทั้งสองก็เข้าปะทะกัน สถานการณ์การต่อสู้ยิ่งน่าประหวั่นกว่าแต่ก่อน เหมือนนายเหนือหัวแห่งมหามรรคสองคนกำลังฟาดฟันกัน ฟ้าดินต่างถูกระเบิด

“รีบไป!”

“นี่มันศึกระดับจักรพรรดิที่ไหน เทพประจัญบานกันชัดๆ”

“ถอย! รีบถอย!”

ห่างไปไกลลิบ ผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนหลบหนีไม่กล้าอยู่ต่ออีก รีบจากไปอย่างสะพรึงขวัญและร้อนรน

มีเพียงกลุ่มคนน้อยนิดเท่านั้นที่ยังฝืนดูการต่อสู้ต่อ แต่ก็เป็นการเสี่ยงอันตรายครั้งใหญ่เหมือนเต้นระบำบนคมดาบ เตรียมจะหนีตายได้ทุกเมื่อเช่นกัน

“ธิดาเทพเมิ่ง รีบไปเถอะ!”

เหยียนจวิ้นเกือบร้องไห้ออกมาแล้ว ตัวสั่นงันงก ตกตะลึงจนวิญญาณหลุดลอย ศึกจักรพรรดิเช่นนี้ทำให้คนตกใจตายได้แล้ว

ที่ตลกร้ายก็คือ ชายหนุ่มหล่อเหลาซึ่งก่อนหน้านี้ล้อมอยู่ใกล้เมิ่งเหลียนชิงมาตลอดเหล่านั้น หนีไปไกลชนิดไร้ร่องรอยไม่รู้ตั้งแต่ตอนไหน

“ข้าไม่ไป” เมิ่งเหลียนชิงหน้าถอดสี ร่างงามสูงโปร่งแข็งทื่อ เห็นได้ชัดว่าถูกทำให้หวาดหวั่นและกระเทือนใจยิ่งเช่นกัน

แต่จะดีจะชั่วนางก็เป็นผู้โดดเด่นระดับกึ่งจักรพรรดิคนหนึ่ง ทั้งยังหลบอยู่ไกลลิบจากสนามรบ พอจะฝืนทนอยู่ต่อไปได้

ทำไมต้องฝืนต่อ

นางเองก็บอกไม่ถูก

ราวกับปมในใจปมหนึ่งในหลายปีมานี้บีบให้นางอยากรู้อย่างที่สุด ว่าคนผู้นั้นในตอนนั้นจะพ่ายแพ้หรือไม่กันแน่!

เหมือนเป็นความยึดติดอย่างหนึ่ง

และหลังได้เห็นหลินสวินลงมือ ได้เห็นอานุภาพมหาจักรพรรดิดั่งพิชิตเก้าชั้นฟ้า ประหนึ่งวิญญาณเทพนั้น ความไม่ยินยอม ความไม่พอใจอะไรต่างก็หายไปหมดแล้ว

“เช่นนั้น… ข้าก็จะอยู่ต่อ!” เหยียนจวิ้นกัดฟัน เผยสีหน้าแน่วแน่ประหนึ่งยินดีร่วมตายด้วย

เมิ่งเหลียนชิงเพียงชำเลืองมองเขาคราหนึ่ง จากนั้นสายตาก็มองไปยังการต่อสู้ที่อยู่ไกลลิบอีกครั้ง

สองคนนั้นเหมือนดั่งวิญญาณเทพอันสูงส่ง สู้กันจากฟ้าสูงสู่ผืนดิน เคลื่อนตัวไปมาไม่หยุด ทุกที่ที่ผ่านมีแต่ความพังพินาศถล่มทลาย

เมื่อมองอย่างละเอียดก็พบว่าอานุภาพของหลิงเสวียนจื่อยิ่งดุดันและแกร่งกล้า แต่ภายใต้การจู่โจมของหลินสวิน กลับตกอยู่ในสถานการณ์ฝืนรับอย่างยากลำบากอีกครั้งหนึ่ง!

ตูม!

แสงมรรคแผ่พุ่ง ตระการตาไปทั้งเก้าชั้นฟ้า

ตัวหลิงเสวียนจื่อถูกหมัดเดียวของหลินสวินกำราบ กระแทกลงสู่พื้นจากกลางอากาศ ฝุ่นธุลีฟุ้งกระจายเต็มฟ้า ผืนพสุธาส่งเสียงดังสนั่น

ผู้ชมการต่อสู้ที่อยู่ไกลออกไปเหล่านั้นต่างสูดหายใจสะท้าน มือเท้าเย็นเฉียบ ประหวั่นพรั่นพรึงกับอานุภาพไร้ศัตรูใดเทียบนั้นของหลินสวิน

“หลิงเสวียนจื่อ เอาความสามารถที่แท้จริงของเจ้าออกมา ซ่อนไว้ต่อไปจะต้องแพ้แน่!”

หลินสวินยืนอยู่กลางอากาศ แสงมรรคทั่วร่างไหลเวียน โชติช่วงตระการตา อานุภาพสะท้านโลก

“ย่อมได้”

รุ้งเทพสายหนึ่งพุ่งออกมาจากผืนดิน สะท้อนเงาร่างของหลิงเสวียนจื่อ แม้ดูยับเยินไปบ้าง แต่สีหน้ากลับไม่หวั่นไหวสักนิด ไม่สุขและไม่ทุกข์

“ศิษย์น้องเล็กคงไม่รู้ว่าหลังจากข้าบรรลุมกุฎจักรพรรดิ เคยเขียน ‘คัมภีร์จักรพรรรดิหมื่นมรรค’ เอามาใช้ควบคุมหมื่นมรรค ระหว่างที่ถูกกำราบมาไม่รู้กี่เดือนปี ข้าลำบากตรากตรำทุ่มเททุกสิ่ง อนุมานถึงขีดสุดมากกว่าพันครั้ง สุดท้ายก็ทำให้คัมภีร์นี้สมบูรณ์ได้ประมาณหนึ่ง ตอนนี้ศิษย์พี่จะให้เจ้าได้เห็น ว่าอะไรคือสิ่งที่เรียกว่ามรรคของข้า”

หลิงเสวียนจื่อเอ่ยเนิบๆ

แต่บนร่างเขาค่อยๆ มีความน่าเกรงขามราวกับพิชิตชัยเหนือทั่วหล้า ควบคุมหมื่นมรรคได้อุบัติขึ้นช้าๆ

“มหามรรคดั่งกรงขัง!”

ทันทีที่หลิงเสวียนจื่อตบฝ่ามือหนึ่งออกไป ก็เห็นแสงมรรคนับหมื่นพันเทตัวลงมา ควบรวมเป็นกรงขังกลบฟ้าบังตะวัน ประกายแสงไร้จำกัด

ความรู้สึกที่มอบให้ก็เหมือนมหามรรคสำแดงเป็นกรง หมายจะเข้าคุมขังทั้งโลก!

ถ้าบอกว่าสิ่งที่หลิงเสวียนจื่อสำแดงออกมาก่อนหน้านี้คือวิชาที่ใช้ควบคุมหมื่นมรรค

เช่นนั้นสิ่งที่เขาใช้ตอนนี้ก็คือพลังที่อยู่เหนือหมื่นมรรค ประหนึ่งนายเหนือหัวแห่งสรวงสวรรค์ ใช้ ‘มรรค’ เข่นฆ่า!

“ดี”

ผมยาวของหลินสวินปลิวไสว นิ้วมือดุจดั่งกระบี่ฟันออกมา

กระบี่นี้เรียบง่ายไม่พิเศษ ไม่มีอานุภาพกระบี่ใด แต่คล้ายหมื่นมรรคคืนสู่หนึ่ง หลอมรวมอยู่ในกระบี่นี้ทั้งหมด

หมื่นกระบี่คืนหนึ่ง!

หลินสวินอนุมานมานานปี หลอมยอดคัมภีร์กระบี่ทั้งห้าแล้ววิวัฒน์สิ่งใหม่ สิ่งที่รังสรรค์ขึ้นคือนัยเร้นลับมรรคกระบี่แห่งคัมภีร์จักรพรรดิของตนอย่างแท้จริง

หนึ่งกระบี่ฟันออกไป ฟ้าดินแปรเปลี่ยน สรรพสิ่งวินาศ

กรงขังที่ดุจดั่งหมื่นมรรคควบรวมนั้นถูกกระบี่เดียวฟันกระจุย ละอองแสงเต็มฟ้าสาดกระเซ็น

ด้านหลิงเสวียนจื่อถูกฟันจนกระเด็นถอยหลังไปอีกครั้ง เสื้อผ้าบนร่างฉีกขาด ผมยาวแผ่สยาย มุมปากหลั่งเลือด!

คนที่เห็นภาพนี้ในตอนนี้ต่างหน้าเปลี่ยนสี

หลิงเสวียนจื่อถูกหลินสวินกำราบตั้งแต่แรก

ตั้งแต่บนพื้นไปถึงบนฟ้า ล้วนสกัดการโจมตีของหลินสวินไม่อยู่อย่างต่อเนื่องหลายครั้ง บ้างถูกซัดให้ล่าถอย บ้างถูกอัดให้ร่วงสู่พื้นดิน…

จนกระทั่งตอนนี้สำแดงคัมภีร์จักรพรรดิของตัวเองแล้ว กลับยังถูกหนึ่งกระบี่ทำลายเหมือนเคย!

ในความคิดของระดับจักรพรรดิเหล่านั้น ความแข็งแกร่งของหลิงเสวียนจื่ออยู่ในขั้นที่ไม่อาจจินตนาการได้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นจิตวิญญาณ ร่างกาย หรือพลังปราณ ต่างเรียกได้ว่าเทียมฟ้าปรกดิน ประหนึ่งนายเหนือหัว

แต่หลินสวินน่ากลัวยิ่งกว่า

พลังของเขากดข่มหลิงเสวียนจื่อได้มั่นตั้งแต่ต้นจนจบ มหามรรคของหลินสวินเรียบง่ายตรงไปตรงงมา เป็นธรรมชาติมาโดยตลอด

โดยเฉพาะหนึ่งกระบี่ก่อนหน้านี้ ราบเรียบไม่พิเศษ แต่กลับมีพลังทำลายหมื่นมรรค ต่อให้เป็นระดับจักรพรรดิเหล่านี้ยังไม่อาจใช้คำพูดมาบรรยายกระบี่นี้ได้

พูดทื่อๆ ก็คือ

กระบี่นี้ดุจมรรค ไร้ศัตรูเทียบได้!

ใช่แล้ว หนึ่งกระบี่นั้นก็คือกระบี่ที่ไร้ศัตรูใดเทียบได้ ไม่ว่าพลังใดเมื่ออยู่ต่อหน้าหนึ่งกระบี่นี้ก็ล้วนอับแสงไร้กำลัง

หลิงเสวียนจื่อถูกซัดถอยหลัง มุมปากเลือดหลั่งริน ก็เป็นการพิสูจน์แล้วว่าพลังของเขาห่างชั้นกับหลินสวินช่วงหนึ่ง!

นี่ทำให้ใครก็ไม่กล้าเชื่อ

คนที่สามารถบรรยายนัยเร้นลับมหามรรคทั่วหล้า สามารถใช้และควบคุมพลังแห่งหมื่นมรรคได้ ท่านจอมมรรคอย่างหลิงเสวียนจื่อแข็งแกร่งปานไหน

ต่อให้ถูกกำราบมาเนิ่นนาน ในวันนี้เพิ่งทลายพันธนาการออกมา แต่กลับถูกศิษย์น้องของเขากดข่มไว้มั่นอยู่ตลอดเช่นนี้หรือ

เช่นนั้นความเชี่ยวชาญในมรรคจักรพรรดิของหลินสวินจะน่ากลัวปานไหนกัน

บัดนี้ต่อให้เป็นตัวหลิงเสวียนจื่อเองยังอึ้งไป คล้ายไม่กล้าเชื่ออยู่บ้าง

จากนั้นดวงตาของเขาก็ปะทุประกายน่าตระหนก จ้องหลินสวินเขม็ง สีหน้าที่สุขุมเรียบเฉยมาตลอดก็เคร่งเครียดขึ้นเป็นครั้งแรก

เขาตระหนักได้ว่า ตนเหมือนจะประเมินรากฐานและพลังที่ศิษย์น้องเล็กคนนี้ของตนมีต่ำไปตั้งแต่แรก

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท