Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2344 วาจาบัญญัติฟ้า

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2344 วาจาบัญญัติฟ้า

ตอนที่ 2344 วาจาบัญญัติฟ้า

ภายในใจหลิงเสวียนจื่อไม่อาจสงบเช่นกัน

การถกมรรคสี่ยกก่อนหน้านี้ทำให้เขาเข้าใจมรรคาในอดีตของหลินสวินทั้งหมดแล้ว กระทั่งหยั่งถึงพลังทั้งปวงที่หลินสวินหยั่งรู้ได้ในมรรคา

เดิมเขานึกว่าในการถกมรรคยกที่ห้า ตนที่รู้เรื่องทุกอย่างของหลินสวินแล้วจะเอาชนะศิษย์น้องเล็กคนนี้ได้อย่างแน่นอน

แต่ผลลัพธ์…

กลับเหนือความคาดหมายของเขาโดยสิ้นเชิง!

ทว่าชั่วพริบตาเดียวหลิงเสวียนจื่อก็คาดเดาที่มาที่ไปของเรื่องนี้ได้

หลังจากหลินสวินบรรลุมกุฎจักรพรรดิ เคยแปรสภาพโดยที่ตัวเองไม่รู้ไปครั้งหนึ่ง อีกทั้งการแปรสภาพครั้งนี้ยังเต็มไปด้วยความลึกลับยิ่งยวด!

‘แดนปรินิพพาน หนึ่งบัวในหมื่นกาล…’

สังหรณ์อันแรงกล้าผุดขึ้นในใจหลิงเสวียนจื่อ มรรคาในระดับจักรพรรดิของหลินสวินจะต้องเกี่ยวข้องกับแดนปรินิพพานนั่นแน่!

ทว่าด้วยสติปัญญาอันชาญฉลาดของเขา ยังไม่อาจอนุมานไปมากกว่านี้ได้สักนิด

เขาไม่รู้ว่าในโลกวัฏจักรนั้น หลินสวินเคยสร้างมรรคาที่สมบูรณ์ซ้ำอีกครั้ง มรรควิถีทั้งตัวต่างเรียกได้ว่าเป็นอันดับหนึ่งในทั่วหล้าชั่วกาล

และไม่รู้ว่าตอนบรรลุมกุฎจักรพรรดิบนกำแพงเมืองด่านจักรพรรดินั้น เคราะห์จักรพรรดิที่หลินสวินประสบจะน่าพรั่นพรึงและวิปริตปานไหน

ยิ่งไม่รู้ว่าเพื่อให้หลินสวินข้ามด่านเคราะห์สำเร็จ ลวดลาย ‘เสี้ยวจันทร์สามดารา’ ที่เจ้าแห่งคีรีดวงกมลหลงเหลือไว้ ความจริงแล้วเป็นพลังเจตจำนงของเจ้าแห่งคีรีดวงกมล

เป็นเพราะอาศัยพลังเจตจำนงนี้ จึงเอาชนะการโจมตีที่มาจากยักษ์ใหญ่มากมายของฟากฝั่งฟ้าดาราแห่งนั้นได้!

และเป็นเพราะประสบการณ์ในแดนปรินิพพานนั้น ทำให้มรรคาของหลินสวินกลายเป็นหนึ่งเดียวตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน!

แต่ทว่าคาดเดาความลึกลับภายในนั้นไม่ถูก ไม่ได้หมายความว่าหลิงเสวียนจื่อจะยอมแพ้แต่เพียงเท่านี้

ไม่นานนักเขาก็สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ใบหน้าหล่อเหลากลับมาสงบนิ่ง มองดูหลินสวินที่อยู่ไกลออกไปแล้วเอ่ยว่า

“ศิษย์น้องเล็ก ถ้าเจ้ารับการโจมตีครั้งต่อไปได้ ข้าหลิงเสวียนจื่อรับรองว่าจะให้เจ้ามาจัดการ!”

ถ้อยคำของเขาเผยความเด็ดขาด

“ยังไม่ตัดใจหรือ” หลินสวินถาม

“อาจารย์กำราบข้ามาไม่รู้นานเท่าไรยังไม่อาจเปลี่ยนเจตจำนงของข้าได้ เจ้าคิดว่าความปราชัยเล็กๆ ก่อนหน้านี้จะกระทบข้าได้สักเท่าไร”

หลิงเสวียนจื่อเอ่ยเสียงเรียบ

ผมดำทั้งหัวของเขาค่อยๆ หงอกขาว แต่ดวงตาทั้งสองข้างกลับยิ่งเฉียบคม เสื้อผ้าไหวกระพือเกิดเสียง พลังเจตจำนงหาใดเทียบพุ่งทะลุเมฆา เหนี่ยวนำกฎเกณฑ์มหามรรครอบทิศเหมือนมือใหญ่ไร้รูป

ทั้งแดนลับอสูรมารอริยะต่างสั่นสะเทือนขึ้นในยามนี้ มองเห็นด้วยตาเปล่า ว่าภูผาธาราอันไร้ที่สิ้นสุดแห่งนั้นมีกระแสพลังถาโถมเข้าหาหลิงเสวียนจื่ออย่างบ้าคลั่งเหมือนกระแสน้ำ

ครืน!

ฟ้าดินส่งเสียงครั่นครืน โลกแห่งนี้ล้วนสั่นสะเทือน

ทั้งแดนลับอสูรมารอริยะกว้างใหญ่ไพศาลปานไหน แต่ตอนนี้กลับคล้ายถูกหลิงเสวียนจื่อนำมาใช้และควบคุมอยู่

“นี่…”

ระดับจักรพรรดิที่อยู่ไกลๆ รู้สึกเพียงสภาวะจิตปั่นป่วนใกล้จะพังทลาย พลังของทั้งแดนหนึ่งเชียวนะ จะถูกคนผู้เดียวควบคุมได้อย่างไร

นี่น่าสะพรึงเกินไปแล้ว!

ครั้นหันกลับมามองหลิงเสวียนจื่ออีกครั้ง ร่างกายสูงโปร่งกลับเหมือนดั่งเสาค้ำฟ้าของฟ้าดินแห่งนี้ ยามหายใจเข้าออก ควบคุมหมื่นกระแสวัฏจักร กลืนกินมหามรรคสิบทิศ ความแกร่งกล้าของอานุภาพกดข่มโลกแห่งนี้!

ส่วนผมยาวสีดอกเลาทั้งหัวนั้นก็ดูสะดุดตาผิดธรรมดา

ชั่วพริบตานี้หลินสวินเองก็เผยสีหน้าเคร่งเครียดอย่างหาได้ยาก

มีเพียงเขาที่อยู่ระดับมกุฎจักรพรรดิเท่านั้นถึงสัมผัสได้ว่า พลังที่หลิงเสวียนจื่อครอบครองในตอนนี้น่ากลัวปานไหน

หากเปลี่ยนเป็นผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิขั้นแปดธรรมดาคนหนึ่งอยู่นี่ จะต้องประหวั่นพรั่นพรึง ถูกบดขยี้โดยสมบูรณ์!

ฮู้ม

เงาร่างหลินสวินแผ่ขยาย เสียงอึงอลดังสนั่นราวกับคลื่นโหมทะเลคลั่งแว่วออกมาจากภายในร่าง ชีพจรเส้นปราณทั้งร่าง อวัยวะตันห้ากลวงหก โลกจักรพรรดิบริสุทธิ์ต่างโคจรถึงขีดสุดในยามนี้ ทำให้ร่างกายของเขาแปรเปลี่ยนเป็นเจิดจ้าดั่งมายา

กายดุจเตาหลอม มหามรรคดั่งหุบเหว!

นี่ก็เป็นครั้งแรกเช่นกัน ที่หลินสวินสำแดงมรรควิถีของตนออกมาถึงขีดสุดในการประลองกับคนระดับเดียวกัน

ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะศิษย์พี่สี่ของเขาคนนี้แข็งแกร่งเกินไป!

“ไป”

แขนเสื้อกว้างของหลิงเสวียนจื่อไหวกระพือ ควบคุมฟ้าดิน โบกฝ่ามือออกไปครั้งหนึ่ง

ตูม!

พลังมหามรรคที่มาจากทั่วทิศเหมือนหาทางระบายเจอ พลันพุ่งเข้าปกคลุมหลินสวินราวกับน้ำล้นเขื่อน

มองจากไกลๆ ก็เหมือนทั้งแดนลับอสูรมารอริยะหมายจะกำจัดหลินสวิน!

เมื่อได้เห็นภาพนี้ทุกคนต่างตกตะลึงอ้าปากค้าง นี่เหมือนกับพลังแห่งสวรรค์ปรากฏ กำลังพุ่งเป้าไปที่หลินสวิน!

“เปิด!”

ในขณะเดียวกันหลินสวินก็รวบนิ้วเป็นกระบี่ฟันออกไป

ชั่วพริบตานั้นพลังมรรคจักรพรรดิอันยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขตผุดออกจากร่างเขาอย่างบ้าคลั่ง แปรเปลี่ยนเป็นปราณกระบี่โชติช่วงสายหนึ่ง ส่องสว่างไปทั้งท้องนภา

กระบี่นี้แปลงเป็นหมื่นลักษณ์ภูผาธารา หลักฟ้าเขตดิน สุริยันจันทราดารา ส่องสะท้อนลักษณ์ในโลกต่างๆ นานา น่าตื่นตาตื่นใจ

และจุดที่กระบี่นี้โฉบออกมา ก็เผยภาพภัยพิบัติที่สรรพสิ่งดับสูญ

หนึ่งกระบี่เกิดดับ!

ตูม!

เมื่อกระบี่นี้ฟันออกมา ฟ้าดินแห่งนี้ประหนึ่งถูกฟันแยกออก เจตกระบี่ล้ำเลิศทะลวงได้ทุกสิ่ง แผ่ขยายไปยังฟ้ากว้าง

ทั้งแดนลับอสูรมารอริยะต่างตกอยู่ท่ามกลางเสียงกึกก้องกัมปนาท ฟ้าถล่มดินทลาย สุริยันจันทราพลิกคว่ำ น่าสะพรึงกลัวหาใดเทียบ

ระดับจักรพรรดิเหล่านั้นแม้หลบหนีมาไกลลิบแล้ว แต่ยังคงจิตวิญญาณเจ็บแปลบ ตายังลืมไม่ขึ้น ตื่นตะลึงอย่างอดไม่ได้

“เปล่าประโยชน์ มหามรรคที่เจ้าครอบครอง หมื่นวิชาที่เจ้าควบคุม อย่างไรก็เป็นแค่การยืมใช้อยู่ดี ต่อให้พลังแข็งแกร่งเพียงไหน แล้วจะมีประโยชน์อะไร”

หลินสวินเอ่ยเสียงเรียบ ก้องสะท้อนชั้นเมฆ

ใช้หมื่นมรรค ควบคุมหมื่นวิชา นี่ก็คือมหามรรคของหลิงเสวียนจื่อ แต่ในสายตาหลินสวินแล้ว มหามรรคเช่นนี้ด้อยกว่า ‘บรรจุหมื่นมรรค วิวัฒน์หมื่นวิชา’ ของตนอย่างเห็นได้ชัด

ก็เหมือนปณิธานอริยมรรคของทั้งสอง คนหนึ่งคือพบข้าดุจพบสวรรค์ อีกคนคือใจข้าคือใจฟ้า มรรคข้าคือมหามรรค

เมื่อมาเทียบกัน เรียกได้ว่าต่างกันราวฟ้าดิน แยกแยะสูงต่ำได้ทันที

“งั้นหรือ”

หลิงเสวียนจื่อนิ่วหน้า ลงมือเต็มกำลัง ใช้พลังทั่วหล้ากำราบหลินสวิน

ตูม! ตูม! ตูม!

พลังมหามรรคอันน่ากลัวไร้ขอบเขตมากมายแปลงเป็นยอดวิชามรรค ถูกหลิงเสวียนจื่อชักนำมาใช้ถล่มใส่หลินสวิน

หลินสวินไม่กล้ามองข้าม หรือพูดอีกอย่างก็คือตั้งแต่นี้ไป ล้วนปลดปล่อยมรรควิถีของตนออกมา ยามขยับตัวปราณกระบี่แน่นขนัด พุ่งกวาดกลางฟ้า

คนผู้เดียว แม้เหมือนต่อสู้กับทั้งแดนลับอสูรมารอริยะ แต่กลับสำแดงอานุภาพแข็งแกร่งเกินต้าน ทำลายล้างได้ทุกสิ่งออกมา

ตูม!

ไม่นานนักฟ้าถล่มเมฆสลาย หลินสวินทำลายอุปสรรคทั้งปวง โจมตีใส่หลิงเสวียนจื่อประหนึ่งสายฟ้าฟาดกลางฟ้ากว้างหมื่นกาลสายหนึ่ง

หลิงเสวียนจื่อหน้าเปลี่ยนสีในที่สุด ผมยาวตวัดสยาย ทันใดนั้นก็ควบรวมประทับมรรคหนึ่งแล้วตบออกมา

เปรี๊ยะ!

ประทับมรรคระเบิดออก ไม่อาจต้านการจู่โจมของหลินสวินได้สักนิด ส่วนกระบี่ของหลินสวินก็ฟันลงมาจากฟ้าสูงแล้ว

พริบตานั้นหลิงเสวียนจื่อสำแดงวิชามรรคป้องกันอันลึกลับสุดหยั่งอย่างน้อยหลักร้อยชนิด ทบซ้อนเป็นชั้นๆ วิวัฒน์อยู่บนตัวเขา

ก็พบว่ากระบี่เดียวของหลินสวินฟันลงมา เสียงระเบิดปังๆๆ ราวกับอสนีสวรรค์ปั่นป่วน การป้องกันเป็นชั้นๆ เหล่านั้นถูกบดขยี้ราบคาบ ละอองแสงยุ่งเหยิงปะทุออกมานับไม่ถ้วน

ปัง!

สุดท้ายหลิงเสวียนจื่อถูกกระบี่เดียวฟันกระเด็นออกไป

แม้บอกว่าอานุภาพกระบี่นี้ถูกสลายไปเกินครึ่งแล้ว แต่ยังคงกรีดร่างกายเบื้องหน้าหลิงเสวียนจื่อเป็นแผลกระบี่เลือดหลั่งรินสายหนึ่ง แผลเปิดเนื้อแตก กระเด็นลอยออกไปอย่างแรง

ปากเขากระอักเลือด สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นซีดเผือด ผมยาวสีดอกเลาเต็มหัวกระเซอะกระเซิง นัยน์ตาไม่เพียงเคร่งเครียด ยังตกตะลึงอย่างไม่อาจปกปิดได้ คล้ายคิดไม่ถึงว่าจะสู้กันมาถึงขั้นนี้ พลังของเขาถึงกับยังถูกหลินสวินข่มทั้งหมดดังเดิม!

นี่ทำให้เขาไม่กล้าเชื่อ

ขณะนี้ลมหายใจของหลินสวินก็หอบหนักอยู่บ้างเช่นกัน เพียงแต่ดวงตายิ่งลุ่มลึกและเปล่งประกาย ส่วนลึกของนัยน์ตามีจิตต่อสู้ถาโถมลุกโชน

ฟ้าดินเงียบสงัด หลิงเสวียนจื่อเช็ดคราบเลือดที่มุมปาก มองดูหลินสวินด้วยสีหน้าสงบนิ่ง เอ่ยว่า

“ศิษย์น้องเล็ก ในกาลเวลานับไม่ถ้วนที่ข้าถูกกำราบนี้ ได้ใช้สภาวะจิตและพลังเจตจำนงทั้งร่างหลอมปราณกระบี่สายหนึ่งออกมา ถ้าเจ้ารับได้ ข้าหลิงเสวียนจื่อจะยอมแพ้โดยสิ้นเชิง!”

หว่างคิ้วของเขามีแววแน่วแน่

พอเสียงเงียบลงก็เห็นว่าเขาสูดหายใจทันที

ราวกับคุนเผิงกลืนสมุทร พลังมหามรรคทั้งปวงที่ปกคลุมอยู่ในแดนลับอสูรมารอริยะแห่งนี้ไปทั่วทิศ ถึงกับถูกเขากลืนกินเข้าไปในร่างอย่างต่อเนื่องเหมือนกระแสน้ำหลาก

ฟ้าดินแห่งนี้ก็เหมือนถูกดึงเอาพลังชีวิตไปจนหมด สรรพสิ่งแห้งเหี่ยว ห้วงอากาศจ่อมจมทรุดตัว

ก็ในชั่วพริบตานี้เอง ในใจหลินสวินเกิดความรู้สึกอันตรายรุนแรง นี่ยังเป็นครั้งแรกตั้งแต่สู้ศึกมาที่เขารู้สึกถึงแรงกดดันปะทะเข้ามา

เขาพุ่งตัวเข้าไปโจมตีโดยไม่ลังเลสักนิด

ก็พบว่าหลิงเสวียนจื่อยิ้มน้อยๆ สีหน้ามีชีวิตชีวาทว่าสงบนิ่ง ปากเอ่ยเบาๆ

ปราณกระบี่เรียวเล็กโปร่งแสงสายหนึ่งเคลื่อนออกมา เผยให้เห็นประกายคมที่สามารถสะท้านหมื่นกาล ส่องสะท้อนลักษณ์ทั่วหล้า

ท่ามกลางความคลุมเครือ คล้ายมีเสียงกระบี่กังวานใสดั่งเสียงสวรรค์ดังขึ้น ประหนึ่งมาจากแดนเซียน ไม่เหมือนสิ่งที่โลกมนุษย์จะมีได้

สายตานับไม่ถ้วนมองมา แต่กลับไม่อาจมองเห็นกระบี่นี้ได้ชัดเจนแม้สักนิด ทำได้เพียงรับรู้ถึงความยำเกรงและหวาดหวั่นจากในจิตใจ

กระบี่นี้ประทับสารกาย พลังชีวิตและจิตวิญญาณทั้งร่างของหลิงเสวียนจื่อ ควบรวมขึ้นจากการหล่อหลอมผ่านกาลเวลานับไม่ถ้วน สภาวะจิต เจตจำนง และมหามรรคต่างสำแดงอยู่ภายในนั้น

กระบี่นี้ พบมันดั่งพบฟ้า

กระบี่นี้ มีนามว่า ‘วาจาบัญญัติฟ้า’!

หลินสวินนัยน์ตาหดรัดลงทันที ร่างกายเจ็บแปลบ เงาร่างยังอยู่ครึ่งทางก็โคจรพลังทั้งหมดถึงขีดสุด เปลี่ยนร่างเป็นเตาหลอม

และในมือเขาก็ฟันกระบี่ออกไปครั้งหนึ่งเช่นกัน

หมื่นกระบี่คืนหนึ่ง!

แต่ในยามนี้ กระบี่อันน่าหวาดหวั่นไร้ที่สิ้นสุดนี้ กลับถูกปราณกระบี่เรียวเล็กโปร่งแสงนั้นโจมตีสลายไปในชั่วพริบตา ระเบิดกระจุยออกมา

“ทะยาน!”

หลินสวินไม่ลังเลสักนิด ฟันออกมาอีกหลายสิบครั้ง

ปึงๆๆ!

ปราณกระบี่ตัดสลับ เพียงไม่กี่อึดใจ ปราณกระบี่เรียวเล็กนั้นก็บดขยี้ปราณกระบี่ทั้งหมดของหลินสวิน จากนั้นพุ่งตามหลินสวินไป

ภาพเช่นนั้นเรียกได้ว่าสะท้านจิตวิญญาณ

เมื่อเห็นว่าปราณกระบี่เรียวเล็กนั้นบีบเข้ามาใกล้ หลินสวินสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง แววแน่วแน่ฉายวาบในดวงตา

ก็พบว่ามือทั้งสองของเขายื่นออกไป หุบเหวกลืนสวรรค์ผุดออกมาโดยพลัน สารกาย พลังชีวิตและจิตวิญญาณทั้งร่าง รวมถึงมรรควิถีทั้งตัวหลอมเข้าไปในนั้นจนหมด

โครม!

ประหนึ่งฟ้าถล่มดินทลาย ทั้งแดนลับอสูรมารอริยะสั่นสะเทือนฉับพลัน ประหนึ่งภูเขาไฟนับแสนปะทุ กระแสปั่นป่วนน่าสะพรึงไร้สิ้นสุดม้วนตลบไปทั้งเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน กลบโลกจมมิด ประกายแสงเช่นนั้นพร่างพราวเกินไป ขาวโพลนไปทั้งแถบ

ผู้ชมการต่อสู้ที่เหลืออยู่เหล่านั้น ไม่ว่าจะพลังปราณสูงต่ำต่างสูญเสียการรับรู้ไป ราวกับสัมผัสทั้งหกไม่มีอยู่ ไม่อาจสัมผัสสิ่งใดได้อีก

“ใครแพ้ใครชนะ”

กระทั่งครู่ใหญ่ยามฝุ่นควันจางหาย เมื่อสัมผัสของทุกคนกลับมาช้าๆ ครรลองสายตาค่อยๆ ชัดเจนขึ้น ก็พบว่า…

ฟ้าดินดั่งซากปรักหักพัง แห้งแล้งถล่มทลาย

เงาร่างสูงตระหง่านดั่งเตาหลอมอมตะร่างหนึ่งยืนอยู่กลางอากาศ โอบล้อมไปด้วยแสงเทพตระการตา

สองมือของเขาประกบกัน หยุดประกายคมของปราณกระบี่เรียวเล็กแวววาวนั้นเอาไว้

ไม่อาจสั่นคลอน

ประหนึ่งเทพสวรรค์!

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท