ตอนที่ 2347 ความเป็นมาของสุสานสมุทรฝังมรรค
ยามสมัยยังเด็ก คึกคักแปลกใหม่ เปี่ยมชีวิตชีวา
ยามนี้ได้พบกันใหม่ ผ่านเรื่องราวระหกระเหิน ต่างฝ่ายต่างร่ำสุราพูดคุยกัน ที่มากกว่าคือการทอดถอนใจและครวญคร่ำ
จนกระทั่งต่อมาพวกเจ้าคางคก อาหลู่ดื่มจนเมาแล้ว แต่ละคนนอนแผ่อ้าซ่า กรนเสียงดัง
เสี่ยวอิ๋น เสี่ยวอู่ยังคงกรอกสุรากันอยู่
ผีเสื้อมารแยกฟ้าเสี่ยวเทียนเป็นทัพเสริมให้เสี่ยวอิ๋น วิญญาณกระบี่เย่จื่อ อู้เชวียเป็นทัพเสริมให้เสี่ยวอู่ ต่างฝ่ายต่างไม่มีใครยอมใคร
เจ้านกดำเดิมตั้งใจจะเป็นผู้ตัดสิน แต่กลับถูกสองฝ่ายที่แข่งกันดื่มร่วมกันโห่ไล่ เจ้านกโจรนี่เอาแต่สุมไฟใส่เชื้อเพลิง กลัวแต่ใต้หล้าจะไม่วุ่นวาย เป็นผู้ตัดสินที่ไหนกัน
สุดท้ายระฆังไร้กฎต้องออกหน้า รับหน้าที่เป็นผู้ตัดสิน คราวนี้จึงทำให้สองฝ่ายต่างพึงพอใจ
ไกลออกไป
หลินสวินนอนหนุนสองแขนเอนตัวบนพื้นหญ้าอย่างเกียจคร้าน มองดูเห็นภาพนี้ก็อดยิ้มไม่ได้
“คุณชาย ต่อไปข้าควรเรียกท่านว่าอาจารย์อาเล็กหรือไม่”
ข้างๆ กันมือหยกเรียวยาวขาวเนียนของอาหูกอดรอบเข่า นั่งอย่างงดงามอยู่ด้านข้าง ใบหน้างามละเมียดละไม ทอประกายผุดผ่องภายใต้แสงดาวยามค่ำคืน
คิ้วนางดำเข้มดุจหมึก ผมยาวนุ่มสลวยดั่งน้ำตกม้วนขึ้นเป็นมวยลวกๆ เนตรดาราสุกสกาวแวววาว ริมฝีปากบางแดงชุ่มฉ่ำยกขึ้นน้อยๆ แต้มรอยยิ้มจางๆ
และรูปร่างของนางก็เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ ไหล่ดุจฝักมีด กระดูกไหปลาร้างาม เอวดั่งผูกเส้นเชือกมือเดียวโอบรอบ หน้าอกนูนเป็นเส้นโค้งเอิบอิ่มที่ชวนให้ปั่นป่วนจิตใจ
ในบรรดาผู้หญิงที่หลินสวินรู้จักทั้งหมด อาหูคือคนที่งดงามเป็นเอกลักษณ์ หน้าตาดุจเทพธิดา มีเสน่ห์เย้ายวนชวนลุ่มหลงคนหนึ่ง ทุกท่วงท่าอิริยาบถงามสง่าโดเด่น
“อาจารย์อาเล็ก?” หลินสวินส่ายหน้าเป็นพัลวัน “ช่างมันเถอะ พวกเราเป็นสหาย ย่อมต้องพูดคุยกันอย่างเท่าเทียมอยู่แล้ว”
เขารู้นานแล้วว่าอาหูเป็นศิษย์ฝากนามคนหนึ่งที่ศิษย์พี่จวินหวนรับไว้ ตามลำดับอาวุโสในคีรีดวงกมลก็เรียกตนว่าอาจารย์อาเล็กได้จริงอย่างว่า
“เช่นนั้นหากอาจารย์รู้เข้าต้องลงโทษข้าแน่” เสียงหัวเราะของอาหูร่าเริงสดใส เจือแววชุ่มฉ่ำอ่อนโยน ดวงตาจันทร์เสี้ยวหรี่ลง น่ามองจริงๆ
“ข้าช่วยเจ้าขอร้องก็สิ้นเรื่อง”
หลินสวินก็หัวเราะเช่นกัน ในโลกฝึกปราณ ลำดับอาวุโสเป็นเรื่องวุ่นวายมาโดยตลอด
อย่างเช่นบรรดาศิษย์พี่เหล่านั้นของเขา ในสมัยดึกดำบรรพ์ล้วนเป็นรุ่นเดียวกันที่นั่งทัดเทียมยักษ์ใหญ่เทียมฟ้าเหล่านั้นได้!
หากไล่ลำดับอาวุโสกันจริงๆ ความอาวุโสของหลินสวินย่อมสูงกว่าเฒ่าชราส่วนใหญ่ทั่วหล้าอย่างแน่นอน!
“เช่นนั้นต่อไปข้าก็จะเรียกว่า ‘คุณชาย’ ต่อแล้ว” อาหูแย้มยิ้มยิงฟัน รอยยิ้มดุจดั่งดอกไม้ตูมแรกแย้มหลังฝน งดงามสดใส
จากนั้นอาหูเอ่ยถามถึงแผนการการเดินทางครั้งนี้
หลินสวินครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “ไปดูที่จักรวรรดิจื่อเย่าสักหน่อยก่อน หากเป็นไปได้ ข้าตั้งใจจะโยกย้ายคนในตระกูลหลินพวกนั้นเจ้ามาในแดนลับดวงกมลนี่”
ก่อนหน้านี้ก่อนที่ศิษย์พี่สี่จะเข้าไปในเจดีย์ไร้สิ้นสุด ได้มอบ ‘กุญแจเขตแดน’ ที่ควบคุมการเข้าออกแดนลับดวงกมลให้แก่เขา
ด้วยกุญแจเขตแดนนี้ ต่อไปแดนลับดวงกมลนี่ก็เท่ากับมีหลินสวินคอยจัดการดูแลแล้ว
อาหูครุ่นคิดครู่หนึ่ง กล่าวเสียงแผ่ว “คุณชาย ท่านเคยคิดถึงวันข้างหน้าบ้างหรือไม่ อย่างเช่นพวกเจ้าคางคก อาหลู่ เจ้านกดำ?”
หลินสวินอึ้งไป จมสู่ภวังค์
ตั้งแต่ตอนอยู่แหล่งสถานคุนหลุน พวกเจ้าคางคก อาหลู่ก็มีปราณระดับมกุฎมหาอริยะแล้ว หลายสิบปีผ่านไปนี้ปราณของพวกเขาก็พัฒนาอย่างก้าวกระโดด ตอนนี้ต่างเป็นระดับกึ่งจักรพรรดิสามชั้นฟ้ากันแล้ว ห่างจากระดับจักรพรรดิเพียงก้าวเดียวเท่านั้น
เสี่ยวอิ๋นและเสี่ยวเทียน หนึ่งเป็นทายาทหนอนกินเทพ อีกหนึ่งเป็นทายาทผีเสื้อมารแยกฟ้า การพัฒนาของพวกมันต่างจากผู้ฝึกปราณทั่วไป ตอนนี้ก็มีพลังต่อสู้เทียบเท่ากึ่งจักรพรรดิขั้นสมบูรณ์แล้ว
ส่วนเจ้านกดำ…
เจ้าหมอนี่เป็นอีกประเภทหนึ่งอย่างสิ้นเชิง จนป่านนี้ยังติดอยู่ที่ระดับมกุฎราชันอริยะ จากที่มันว่ามา สำหรับมันแล้วสามารถมองประตูระดับกึ่งจักรพรรดินี้ได้อย่างสิ้นเชิง รอแค่จุดเปลี่ยนเดียวของการพัฒนาเท่านั้น ก็สามารถพุ่งทะยานสู่ระดับจักรพรรดิได้ตรงๆ
หากต่อไปหลินสวินอยากกลับไปยังทางเดินโบราณฟ้าดาราอีก ย่อมพาพวกเจ้าคางคกไปด้วยได้อยู่แล้ว เพียงแต่ในการเคลื่อนไหวต่อไป เกรงว่าเขาจะไม่มีแรงไปพะวงในมรรควิถีของพวกเจ้าคางคกได้
“ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของพวกเขาแต่ละคนแล้ว” หลินสวินตัดสินใจ
เขาย่อมอยากให้พวกเจ้าคางคกอยู่ข้างกายตลอดไป แต่นี่ย่อมไม่เหมาะกับความเป็นจริง
ควรรู้ว่ามหามรรคที่แต่ละคนแสวงหาล้วนไม่เหมือนกัน มรรคาที่ก้าวเดินในวันหน้าก็ย่อมไม่เหมือนกัน เขาหลินสวินตอนนี้มีศักยภาพมากพอจะปกป้องคุ้มครองญาติมิตรข้างกายได้แล้ว
แต่สิ่งสำคัญคือ พวกเจ้าคางคกเต็มใจหรือไม่
ไม่กี่วันต่อมา
อาการบาดเจ็บของหลินสวินหายดีแล้ว ปราณก็มีเค้าลางจะทะลวงขั้นอยู่รางๆ
การต่อสู้กับศิษย์พี่สี่หลิงเสวียนจื่อครั้งนั้น ทำให้มรรควิถีของหลินสวินได้รับการขัดเกลาและยกระดับขึ้นอย่างน่าตกใจเช่นกัน
และเป็นวันนี้เอง หลินสวินพาพวกอาหู เจ้าคางคก อาหลู่จากไปด้วยกัน
….
นอกแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์
ทะเลมรกตราวชะล้าง ฟ้าสูงเมฆลอยกว้าง
ในรอบๆ พื้นที่ท้องทะเลมีเงาร่างมากมายรวมกันอยู่นานแล้ว ต่างมาจากขุมอำนาจหมื่นเผ่าดึกดำบรรพ์ แต่ละคนล้วนกำลังรอคอย
ไม่กี่วันก่อนเกิดการต่อสู้สะเทือนโลกขึ้นในแดนลับอสูรมารอริยะ เรียกระลอกคลื่นปั่นป่วน ชักนำความโกลาหลครั้งยิ่งใหญ่ขึ้นนานแล้ว
ท่านจอมมรรคที่เรียกได้ว่าเป็นนายเหนือหัวสูงสุด กลับถูกศิษย์น้องของตนโค่นล้มกำราบ!
เรื่องระดับนี้สั่นคลอนการรับรู้และการคาดเดาของขุมอำนาจเหล่านั้น
เงาร่างที่อยู่บริเวณแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ตอนนี้ต่างหลั่งไหลมาเพราะได้ยินข่าว หมายจะสืบต้นสายปลายเหตุ
ไม่มีใครทันสังเกตว่าพวกหลินสวินออกจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์อย่างไร้สุ้มเสียง มายังท้องทะเลที่อยู่ไกลโพ้นนานแล้ว
“ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน การชมดูเรื่องสนุกคล้ายจะเป็นนิสัยดั้งเดิมที่สิ่งมีชีวิตทุกเผ่ามี”
อาหูอดยิ้มขึ้นมาไม่ได้ “คุณชาย ท่านไม่คิดจะไปแสดงตัวสักหน่อยจริงๆ หรือ จะได้ให้เจ้าพวกที่ชอบชมเรื่องสนุกเหล่านั้นมากราบไหว้งามๆ สักหน”
หลินสวินบื้อใบ้ไป ส่ายหน้ากล่าวว่า “นี่ออกจะน่าเบื่อเกินไปหน่อย ไปเถอะ”
เขาโบกแขนเสื้อคราหนึ่ง ยานขนส่งอวกาศปรากฏออกมา
“คุณชาย ท่านยังเก็บสมบัตินี้ไว้อยู่หรือ”
เนตรดาราของอาหูวาววับ
ยานขนส่งอวกาศลำนี้นางเป็นคนมอบให้หลินสวินเมื่อหลายปีก่อน แค่สมบัติเก่าๆ ที่หักพังชิ้นหนึ่ง สำหรับหลินสวินในตอนนี้แทบจะไม่มีประโยชน์ใดๆ แล้ว
“สมบัตินี้ต่อสู้กรำศึกเคียงข้างมานานปี ใช้จนชินแล้ว เลยทำใจทิ้งไม่ลง”
หลินสวินกล่าวพลางพาทุกคนขึ้นยานขนส่งอวกาศ จากนั้นก็ทะยานออกไปไกลๆ
การไปจักรวรรดิจื่อเย่า จำเป็นต้องทะยานข้ามทะเลกลืนวิญญาณ จากที่หลินสวินคาดเดา ด้วยความเร็วของยานขนส่งอวกาศ อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาสิบวัน
ยังดีที่เขาไม่ได้รีบ
หนึ่งก้านธูปต่อมา
บนผิวทะเลไกลโพ้น ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่มีไอหมอกมืดสลัวสายแล้วสายเล่าลอยขึ้นมา คราแรกยังเห็นไม่ถนัดตา แต่เมื่อยานสมบัติค่อยๆ เคลื่อนตัวไปข้างหน้า ไอหมอกนั่นก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ พร่าเลือนลวงตา มืดมนลุ่มลึก ทำให้จิตใจผู้คนขนลุกขนชัน
สุสานสมุทรฝังมรรค!
บนยานขนส่งอวกาศ หลินสวินมองปราดเดียวก็จำได้ ใกล้จะเข้าเขตทะเลที่สุสานสมุทรฝังมรรคปิดครอบอยู่แล้ว
ย้อนคิดถึงปีนั้น เขายังเป็นเพียงเด็กหนุ่มระดับมหาสมุทรวิญญาณคนหนึ่ง ตอนที่ข้ามทะเลกลืนวิญญาณมุ่งหน้ามาแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์พร้อมกับจ้าวจิ่งเซวียน รวมถึงผู้แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่งจากแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ ก็เคยเข้าไปในสุสานสมุทรฝังมรรคนั่นมาก่อน
จนกระทั่งตอนนี้หลินสวินยังไม่อาจลืมเขตแดนทะเลที่น่ากลัว ลึกลับ และพิสดารแถบนี้
ที่นั่นเงียบไร้เสียง ถูกพยับหมอกสีดำปิดครอบนานปี บนผิวทะเลสามารถมองเห็นโครงกระดูกเก่าแก่แตกหักลอยผลุบโผล่บางส่วนเป็นครั้งคราว ร่วงหล่นนานหมื่นกาลแต่ไม่เน่าสลาย
และมีแท่นบูชาลึกลับ สร้างขึ้นจากศิลาแปลกประหลาดหายากทุกรูปแบบ ยาวนานและเยียบเย็น เสมือนสืบเรื่อยมาจากอดีตกาลจวบจนปัจจุบัน
เมื่อทอดสายตามองไป ครรลองสายตาก็จะเกิดภาพมายา เหมือนดาวเคลื่อนดาราโคจร กาลเวลาผันเปลี่ยน หมื่นสิ่งหมื่นเรื่องราวแปรเปลี่ยน ทำให้จิตวิญญาณผู้คนเกือบจะจมจ่อมอยู่ในนั้น!
ว่ากันว่าแท่นบูชาเช่นนี้สามารถเคลื่อนย้ายข้ามมิติเวลา เคลื่อนย้ายระหว่างเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน ขนย้ายผู้คนไปยังจุดหมายใดๆ ก็ตามที่อยากไป ถึงขั้นสามารถทำลายปราการระหว่างโลก ทะลุผ่านไปนอกห้วงอากาศฟ้าดารา ไม่มีที่ใดไปไม่ถึง!
ตอนนั้นสำหรับหลินสวินที่ยังเด็ก แท่นบูชาเช่นนี้เรียกได้ว่าไม่อาจจินตนาการอย่างแน่นอน เป็นดั่งศุภโชค ดุจดั่งวัตถุเทพชัดๆ
แต่สำหรับเขาในตอนนี้ รู้แน่ชัดแล้วว่าแท่นบูชานั่นก็แค่ค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณอย่างหนึ่งเท่านั้น
“ปีนั้น ข้าก็ได้รู้จักกับเจ้าคางคกที่ทะเลกลืนวิญญาณแห่งนี้”
บนหัวยานหลินสวินยิ้มพลางทอดมองไปไกลๆ สายตาเจือแววทอดถอนใจ “และก็เป็นปีนั้นที่ยามกลับจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ แม่นางอาหูก็พาข้ากับเจ้าคางคกเข้ามาซ่อนตัวในสุสานสมุทรฝังมรรคนั่น ถึงหลบเลี่ยงการไล่ล่าสังหารครั้งใหญ่ไปได้”
อาหูฉีกยิ้มแฉ่ง
เจ้าคางคกกลับสีหน้าซับซ้อนอย่างหาได้ยาก จู่ๆ ก็กล่าวขึ้นว่า “พี่ใหญ่ ท่านยังจำได้หรือไม่ ข้าเคยบอกกับท่านว่าหลังจากข้าได้สติตื่นจากการหลับใหลในกาลเวลานับไม่ถ้วน ก็เอาแต่สัญจรอยู่ในเขตทะเลที่สุสานสมุทรฝังมรรคนั่นตั้งอยู่”
หลินสวินพยักหน้า เขาย่อมจำได้อยู่แล้ว
“ตอนนี้ ความทรงจำที่ถูกปิดผนึกแต่เดิมของข้าฟื้นคืนมาแล้ว”
เจ้าคางคกแววตาวูบไหวไม่นิ่ง “และในที่สุดก็เข้าใจ ว่าเหตุใดก่อนหน้านี้เมื่อนานมาแล้วข้าถึงหลับอยู่ในเขตทะเลแถบนี้”
จากนั้นเจ้าคางคกก็เล่าเรื่องในอดีตของสุสานสมุทรฝังมรรคให้ฟัง
ช่วงสมัยดึกดำบรรพ์ จอมจักรพรรดิไร้นามนำพลังระเบียบต้องห้ามมาเยือนทางเดินโบราณฟ้าดารา ผ่านไปไม่นานก็เกิดศึกมรรคสิบทิศ
ดินแดนรกร้างโบราณ เดิมทีเป็น ‘แดนต้นกำเนิดหมื่นมรรค’ แต่เพราะผ่านศึกมรรคสิบทิศครั้งนี้จึงเสื่อมโทรมอย่างสิ้นเชิง
และโลกชั้นล่างนี้ก็วิวัฒน์ขึ้นจากต้นกำเนิดแกนหลักของ ‘ดินแดนรกร้างโบราณ’
หรือกล่าวได้ว่า โลกชั้นล่างต่างหากที่เป็นสถานที่ใจกลางที่สุดของ ‘แดนต้นกำเนิดหมื่นมรรค’!
ปีนั้นแปดดินแดนอื่นที่อยู่ในหมู่เก้าดินแดนเหมือนเช่นดินแดนรกร้างโบราณ ร่วมมือกันส่งทัพใหญ่ผู้ฝึกปราณเข้าร่วมในศึกมรรคสิบทิศ
สาเหตุก็เพื่อรุกราน ครอบครองสถานที่แห่งแดนต้นกำเนิดหมื่นมรรคอย่างดินแดนรกร้างโบราณ
เพื่อต้านจอมจักรพรรดิไร้นาม ผู้มากความสามารถของดินแดนรกร้างโบราณรวมพลกันอยู่เหนือกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิ เปิดฉากการต่อสู้นองเลือดดุเดือดครั้งหนึ่ง
ขณะเดียวกันเพื่อจะต้านกองทัพพันธมิตรแปดดินแดน ผู้แข็งแกร่งอีกส่วนของดินแดนรกร้างโบราณรวมตัวกัน เข้าร่วมในสนามรบ เหิมฮึกสู้ศึกนองเลือด
สถานที่ที่ต่อสู้กัน ก็คือ ‘สุสานสมุทรฝังมรรค’ แห่งนี้!
ปีนั้นบรรพบุรุษของเจ้าคางคกเคยเข้าร่วมการต่อสู้ครั้งนี้ด้วย น่าเสียดายกลับโชคร้ายประสบเคราะห์ในการต่อสู้
ก่อนที่จะประสบเคราะห์ บรรพบุรุษเผ่าคางคกทองสามคำผู้นี้ได้ซ่อนตัวอ่อนทายาทหนึ่งเดียวอย่างจินตู๋อีไว้ในส่วนลึกของสนามรบแห่งนี้ โดยใช้วิชาลับผนึกความทรงจำและกลิ่นอาย
เมื่อเข้าใจเรื่องเหล่านี้หลินสวินก็อดตกใจไม่ได้ คิดไม่ถึงเป็นอันขาดว่าสุสานสมุทรฝังมรรคถึงกับเป็นสนามรบแห่งหนึ่งในศึกมรรคสิบทิศ
อักทั้งยังเพื่อต้านทานศัตรูจากแปดดินแดนนั่นเป็นการเฉพาะ!
“นี่ไม่ได้หมายความว่าโครงกระดูกและวิญญาณอาฆาตในสุสานสมุทรฝังมรรคแห่งนี้ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นสิ่งที่ผู้แข็งแกร่งในกองทัพพันธมิตรแปดดินแดนเหลือทิ้งไว้หรอกหรือ” หลินสวินกล่าว
เจ้าคางคกพยักหน้า น้ำเสียงต่ำลึก “ปีนั้น ก็มีบุคคลเทียมฟ้ามากมายจากค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณร่วงหล่นในการต่อสู้อยู่ที่นี่”
เขาเองก็คิดไม่ถึงว่าบรรพบุรุษของตน… ถึงกับตายจากการรุกรานของกองทัพพันธมิตรแปดดินแดนในศึกมรรคสิบทิศ!
“มิน่าที่แห่งนี้ถึงน่าสะพรึงพิสดารเช่นนี้ กาลเวลาไร้สิ้นสุดผ่านไป ยังคงมีโครงกระดูกและวิญญาณอาฆาตนับไม่ถ้วนรวมตัวอยู่ในนั้น…”
นัยน์ตาดำของหลินสวินลุ่มลึก
ก็ในเวลานี้เอง
บนเส้นทางเบื้องหน้า เหนือห้วงทะเลสีดำอันเงียบสงัดนั้น จู่ๆ เสียงเป่าเขาสัตว์ที่ต่ำลึก พิสดาร และสยดสยองสายหนึ่งก็ดังขึ้น
เหมือนดั่งกองทัพจากนรกเป่าเข่าสัตว์ส่งสัญญาณ หมายจะปรากฏตัวบนโลก
ขณะเดียวกันไอหมอกมืดสลัวที่ปิดครอบฟ้าดินก็ยิ่งเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ
พวกเขาเข้ามาในอาณาเขตที่สุสานสมุทรฝังมรรคปิดครอบแล้ว
……………………….