Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2365 กลับมาครานี้ยิ่งสง่างาม

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2365 กลับมาครานี้ยิ่งสง่างาม

ตอนที่ 2365 กลับมาครานี้ยิ่งสง่างาม

น้ำเสียงเพิ่งแผ่วลง

คนใหญ่คนโตอย่างฉือหลิงเซียวบุกโจมตีเต็มกำลังทันที แต่ละคนอานุภาพล้นฟ้า สำแดงพลังเต็มที่

ทั้งเรือนใหญ่ล้วนระเบิดแหลกในพริบตา พังทลายสนั่นหวั่นไหว

เผชิญหน้ากับการตีขนาบเช่นนี้ หลินสวินสะบัดแขนเสื้ออย่างสบายๆ

ตูม!

แสงมรรคม้วนกลืนทั่วฟ้า พวกเบื้องบนของตระกูลเก้าคนรวมไปถึงฉือหลิงเซียวสลายกลายเป็นธุลี

หลินสวินไม่แม้แต่จะมอง หันหลังเดินไปตรงเชิงเขา

สำหรับเขา ระดับกึ่งจักรพรรดิล้วนไม่เข้าตานานแล้ว ต่อให้ตอนนี้พลังปราณถูกกำราบอยู่ในระดับจักรพรรดิขั้นแรก แต่หากจะกำจัดพวกฉือหลิงเซียวก็ไม่ต่างอะไรกับบี้มดปลวกให้ตาย

เมื่อแหงนมองจากเชิงเขามรกต ก็จะเห็นเส้นทางแดงก่ำนองเลือดสายหนึ่งลากยาวไปถึงยอดเขา

ทางโลหิตสายนั้นคือเส้นทางที่หลินสวินเคยเดินผ่าน ทุกจุดที่เคลื่อนผ่าน หลงเหลือไว้เพียงความตายและกลิ่นคาวเลือด

เหตุการณ์นี้ถูกฉือฉางเหมยเห็นอยู่ในสายตาอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง กระทั่งมองเห็นเรือนหลักของตระกูลฉือบนยอดเขานั้นระเบิดกระจุยพังทลาย ความหวังเสี้ยวสุดท้ายในใจนางก็ถูกโจมตีสลายไป แววตามืดสลัว อกสั่นขวัญหาย

ห่างออกไปผู้ฝึกปราณที่มุงดูมากขึ้นเรื่อยๆ ล้วนเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดนี้อยู่ในสายตาเช่นกัน มาถึงตอนนี้ไม่มีใครไม่ตื่นตระหนก

หลังจากขุมอำนาจใหญ่ของดินแดนรกร้างโบราณทำสัญญายุติการเคลื่อนพลในนครต้องห้าม หลายปีนี้แทบไม่มีใครกล้าแตะต้องกฎเหล็กข้อนี้ เหตุการณ์นองเลือดเช่นนี้ก็แทบจะหายไป

แต่ตอนนี้ยอดเขามรกตของตระกูลฉือที่เป็นถึงตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงกลับประสบเคราะห์!

เป็นใครกันแน่ ถึงกับกล้าไม่สนใจกฎเกณฑ์ของนครต้องห้าม เข้ามาสังหารคนของตระกูลฉือ

จากนั้นเงาร่างสูงสง่าของหลินสวินก็เดินออกมาจากประตูหน้าเขามรกต ปรากฏตัวอยู่ในครรลองสายตาของทุกคน

ทั่วลานเงียบสงัดไร้สุ้มเสียง

เพียงมองจากภายนอก ใครก็ไม่อาจเชื่อมโยงชายหนุ่มที่สวมชุดประณีต ราบเรียบพ้นโลกีย์คนนี้กับเหตุการณ์บุกสังหารคนในตระกูลฉือให้เข้ากันได้

และมีบุคคลรุ่นอาวุโสหน้าเปลี่ยนสี สั่นไปทั้งตัวเหมือนจำอะไรได้

“เจ้าเห็นชัดแล้วใช่ไหม” เวลานี้หลินสวินยืนอยู่ข้างกายฉือฉางเหมยแล้วเอ่ยราบเรียบ

ฉือฉางเหมยที่จิตวิญญาณปรากฏช่องว่าง ร้องเสียงหลงเหมือนได้รับแรงโจมตีครั้งใหญ่ “เจ้า… เจ้าฆ่าทุกคนในตระกูลฉือของข้าหรือ”

หลินสวินพยักหน้า

เงาร่างฉือฉางเหมยโงนเงนไม่มั่นคง กล่าวเสียงแหบพร่าราวกับคลุ้มคลั่ง “แต่คนในตระกูลพวกนั้น ส่วนใหญ่ล้วนเป็นผู้บริสุทธิ์! เจ้า… คือปีศาจชั่วชัดๆ!”

หลินสวินกล่าวด้วยสีหน้าสงบ “พวกเจ้าทำให้ข้าเข้าใจ ถอนหญ้าไม่ถอนโคน ปัญหาย่อมไม่รู้จบ”

สืออวี่เป็นผู้บริสุทธิ์เพียงใด แค่มีความสัมพันธ์อันดีกับตนจึงถูกทรมานและดูหมิ่นมากเช่นนั้น

ยังมีสำนักศึกษามฤคมรกต ภาคีนักสลักวิญญาณ โถงทองคำ… เพียงเพราะมีความสัมพันธ์กับตระกูลหลินของตนก็เลยถูกทำลายล้างเช่นกัน!

แม้แต่คนในตระกูลหลินแห่งภูเขาชำระจิตทั้งหมด ถึงตอนนี้ก็ล้วนไม่รู้เป็นตายร้ายดี!

ความจริงที่โหดร้ายทั้งมวลทำให้หลินสวินเข้าใจกระจ่าง สุดท้ายตนในสมัยก่อนก็ยังใจอ่อนเกินไป

สำหรับศัตรู ต้องกำจัดให้สิ้นซาก เพื่อตัดไฟแต่ต้นลม!

ต่อให้ถูกด่าว่าเป็นปีศาจร้ายก็ดี หรือเป็นนักฆ่าก็ช่าง ขอแค่ภายหน้าญาติมิตรของตนไม่เจออันตรายเช่นนี้อีกก็พอแล้ว

“ถอนรากถอนโคน…” ฉือฉางเหมยพังทลายอย่างสมบูรณ์แล้ว คุกเข่าอยู่บนพื้น น้ำตานองเงียบๆ

เพียงชั่วขณะนางเหมือนแก่ชราไปหลายปี พลังปราณทั้งตัวสลายไปโดยไร้สุ้มเสียง

หลินสวินมองออกว่าจิตมรรคของนางพังทลายแล้ว พลังปราณทั้งตัวไม่ต่างอะไรกับถูกกำจัด

“โหดร้ายมากใช่ไหม เดิมนี่ก็เป็นค่าตอบแทนที่เจ้าและตระกูลฉือของพวกเจ้าควรจ่าย”

พูดจบหลินสวินก็จากไปอย่างผ่าเผย

เมื่อไม่มีพลังปราณ ฉือฉางเหมยย่อมถูกลิขิตให้ตายอย่างไม่ต้องสงสัย

สำหรับเรื่องนี้หลินสวินก็ไม่มีทางเห็นใจใดๆ

กระทั่งหลินสวินหายไป

ในที่นั้นพลันมีเสียงอุทานระลอกหนึ่งดังขึ้น

“เป็นเขา ต้องเป็นเขาแน่!”

“ผ่านมาหลายปี ชายที่อำนาจทั่วนครหลวงคนนั้นกลับมาอีกแล้ว…”

“นิสัยใจคอของเจ้าแห่งภูเขาชำระจิตแบ่งแยกบุญคุณความแค้นชัดเจน สังหารเด็ดขาดเสมอ กลับมาครานี้นครต้องห้ามต้องมีคลื่นลมโกลาหลแน่!”

…ในที่นั้นฮือฮา บุคคลรุ่นอาวุโสพวกนั้นตื่นเต้นจนพูดจาไม่ปะติดปะต่อ ความทรงจำในวัยหนุ่มถูกกระตุ้นขึ้นมาทั้งหมด ทำให้พวกเขาเลือดร้อนพลุ่งพล่าน

พวกคนหนุ่มสาวบางส่วนก็ค่อยๆ เดาฐานะของหลินสวินออก ล้วนตกตะลึงอย่างอดไม่ได้ ตำนานที่กลายเป็นเรื่องเก่าเก็บไปแล้วคนนั้น ถึงกับบดขยี้ตระกูลฉือในวันนี้!?

ทุกคนต่างรับรู้ว่าการกลับมาของหลินสวิน ต้องก่อให้เกิดคลื่นลมขึ้นในนครต้องห้ามแน่!

ขณะที่ร่างต้นของหลินสวินเข้าไปสังหารคนในตระกูลฉือ

ยอดเขาเหมันต์กระจ่าง

อาณาเขตของตระกูลฮวา ตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูง

กายมรรคไม้เขียวก็เปิดฉากสังหารแล้ว

บนทางภูเขาคดเคี้ยวกว้างขวาง เขาสวมชุดคลุมเขียว สองมือไพล่หลัง มุ่งตรงไปข้างหน้า เรียบง่ายไม่ซับซ้อน

แต่เมื่ออยู่ในสายตาของคนตระกูลฮวาพวกนั้น กลับประหนึ่งเทพดึกดำบรรพ์เยื้องย่างลงบนพื้น สะท้านฟ้าสะเทือนดิน หินผากลายเป็นจุณ ต้นไม้ใบหญ้ากลายเป็นเถ้าถ่าน!

“ฆ่า!”

ผู้แข็งแกร่งพุ่งเข้ามาดุจกระแสน้ำ แสงสมบัติไหลวน เปล่งประกายเจิดจรัส

ปราณกระบี่สีเขียวสายหนึ่งพุ่งออกมาจากปลายนิ้วของหลินสวิน สังหารผู้แข็งแกร่งทั้งหมดที่พุ่งเข้ามาในพริบตาเหมือนพายุหอบเศษเมฆา

คล้ายเด็ดดอกหญ้าทั้งแถบ!

แต่นี่เป็นแค่การเริ่มต้น

ชั่วดีดนิ้วสามครั้ง

หลินสวินสะบัดมือลวกๆ สังหารบุคคลสำคัญระดับอริยะทั้งหมดที่พุ่งเข้ามาได้ราวกับตบแมลงวัน ซัดจนกลายเป็นก้อนเนื้อ

ชั่วดีดนิ้วห้าครั้ง

หลินสวินชี้นิ้วออกไป ทะลวงหน้าผากของระดับกึ่งจักรพรรดิที่อานุภาพไม่ธรรมดาคนหนึ่ง

แต่ละก้าวของหลินสวิน คู่ต่อสู้ที่พบเจอระหว่างทางล้วนล้มลงทีละคน ไม่มีใครพอจะต้านทานได้สักคน อานุภาพทำลายได้ทุกสิ่ง

เบื้องหลังของเขา เลือดนองท่วมพื้นจนรวมตัวเป็นกระแสน้ำ ไหลบ่าตามทางภูเขา กลิ่นคาวเลือดเข้มข้นระเหยกลายเป็นหมอกควันพวยพุ่งไม่หยุด

เสียงร้องอย่างตื่นตระหนก เสียงคำรามอย่างเดือดดาล ดังก้องบนท้องฟ้าเหนืออาณาเขตของตระกูลฮวาอย่างต่อเนื่อง

ตรงยอดเขา

ผู้นำตระกูลฮวาฮวาหลิวหงและเหล่าคนใหญ่คนโตล้วนหน้าเปลี่ยนสี หนาวสั่นไปทั้งตัว

ตั้งแต่หลินสวินปรากฏตัวถึงตอนนี้เพิ่งผ่านไปแค่ชั่วขณะ แต่กลับบุกมาถึงเขตใจกลางตระกูลฮวาของพวกเขาแล้ว!

พลังผนึกอะไร สมบัติและวิชามรรคอะไรล้วนไม่มีประโยชน์!

เขาเหมือนไร้คู่ต่อกร เดินขึ้นมาตลอดทาง อานุภาพยิ่งใหญ่ไร้เทียมทาน!

ส่วนการสังหารตลอดทางนี้ก็ฆ่าจนฮวาหลิวหงกับเหล่าเบื้องบนขวัญหนีดีฝ่อ หัวใจล้วนหลั่งเลือด!

พวกที่ตายไปนั้นล้วนเป็นคนของตระกูลฮวา!

เวลานี้เงาร่างของหลินสวินกำลังเข้าใกล้ยอดเขา

“หลินสวิน ให้โอกาสไถ่บาปแก้ไขแก่ตระกูลฮวาของข้าได้หรือไม่ พวกคนที่เจ้าอยากช่วยล้วนถูกเจ้าช่วยไปแล้ว เหตุใดเจ้ายังไม่วางมือ คิดจะล้างตระกูลฮวาของข้าจึงพอใจจริงหรือ”

ฮวาหลิวหงตวาดลั่น ทำใจดีสู้เสือ

“ครั้งนี้ไม่อาจให้อภัย”

หลินสวินเอ่ยปากราบเรียบ “ต่อให้สำนักยุทธ์นครนิลคนหนุนหลังที่พวกเจ้าเฝ้ารอมาตลอดมาเอง ก็เปลี่ยนแปลงฉากจบที่ตระกูลฮวาจะถูกล้างตระกูลไม่ได้”

“เจ้า…”

ฮวาหลิวหงดวงตาปูดโปนแทบถลน สีหน้าคล้ำเขียว กล้ามเนื้อบนหน้ากระตุก “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ได้แต่สู้ตายแล้ว!”

“สู้ตาย? เปล่าประโยชน์”

หลินสวินซัดฝ่ามือออกไปลวกๆ

ตูม!

ห้วงอากาศสั่นสะเทือน เสียงปึงดังสนั่น ฝ่ามือยักษ์สีเขียวขนาดประมาณร้อยจั้งราวกับหัตถ์เทพดึกดำบรรพ์ ปรากฏออกมากลางอากาศ แฝงอานุภาพดุจภูเขาเทพร่วงหล่น ซัดใส่ฮวาหลิวหงทันที

“ผู้นำตระกูลระวัง!” บุคคลสำคัญของตระกูลฮวาที่อยู่ใกล้หน้าเปลี่ยนสีและลงมือพร้อมกัน

วิชามรรคที่อานุภาพน่าหวาดกลัวมากมายกลายเป็นประทับฝ่ามือ แสงหมัด ปราณกระบี่ กระแสน้ำหลาก แทรกสอดลักษณ์ประหลาดชวนประหวั่นนานัปการ ทยอยกระแทกใส่ฝ่ามือยักษ์สีเขียว ฮวาหลิวหงก็สีหน้าเคร่งขรึม ไอชั่วร้ายสีดำเข้มถึงขีดสุดผุดขึ้นมาจากตัวเขา กลายเป็นเมฆดำหนึ่งจั้งปกคลุมลงมาขวางฝ่ามือยักษ์ไว้

ปึงๆๆ!

วิชามรรคมากมายกระแทกใส่ฝ่ามือยักษ์ ฝ่ามือสีเขียวนิ่งไม่ขยับ กลับเป็นพวกเขาที่ถูกพลังซัดสะเทือนจนต้องถอยหนี คนที่พลังปราณอ่อนแอถึงขั้นได้รับบาดเจ็บจนกระอักเลือดออกมา

ฝ่ามือยักษ์สีเขียวเปี่ยมอานุภาพไม่เสื่อมถอย ยังคงเจือพลังยิ่งใหญ่แล้วตบลงมาทันที

พวกฮวาหลิวหงตื่นตระหนก ต้านทานสุดชีวิต สำแดงวิชาก้นหีบออกมา

แต่อานุภาพฝ่ามือนี้ของหลินสวินยิ่งใหญ่ระดับใด

ตูม!

เสียงดังสนั่น

หมอกแสงสาดกระจายทะลวงขึ้นเหนือเมฆ

เมื่อฝุ่นควันจางหายก็เห็นยอดเขานั้นเว้าเป็นโพรงลึกถึงพื้นราวร้อยจั้ง

ประทับฝ่ามือในหลุมชัดเจน ดูประหนึ่งประทับฝ่ามือของเทพไท้

ส่วนฮวาหลิวหงและพวกเบื้องบนล้วนกลายเป็นน้ำเลือดแดงก่ำ ย้อมประทับฝ่ามือมหึมานี้จนกลายเป็นสีแดงบาดตา

ฝ่ามือเดียว กวาดล้างสิ้น!

ประทับฝ่ามือร้อยจั้งที่เว้าเป็นโพรงตรงยอดเขานั้น ต่อมาภายหลังก็เห็นชัดแจ้ง ทำให้สิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนในภายหน้าตกตะลึง

ขณะเดียวกัน

ยอดเขาเก้าปุจฉา

อาณาเขตของตระกูลฉี

กายมรรคเพลิงแดงของหลินสวินยืนอยู่บนยอดเขา ทั่วร่างแผ่เปลวไฟหมื่นจั้ง เผาจนเวิ้งฟ้าบิดเบี้ยว ชั้นเมฆระเหยหาย

ยอดเขาเก้าปุจฉาที่สูงหลายพันจั้งกลายเป็นทะเลเพลิงโหมกระหน่ำนานแล้ว คนในตระกูลฉีทั้งหมดล้วนฝังร่างอยู่ในทะเลเพลิง

ไม่ว่าจะเป็นหายนะที่เกิดขึ้นกับตระกูลฉือแห่งยอดเขามรกต หรือภัยพิบัติที่เกิดขึ้นกับตระกูลฮวาแห่งยอดเขาเหมันต์กระจ่างและตระกูลฉีแห่งยอดเขาเก้าปุจฉา

ทั้งหมดนี้แทบจะเกิดขึ้นพร้อมกันและปิดฉากในเวลาเดียวกัน

ใช้เวลาเพียงชั่วขณะเท่านั้น!

กระทั่งร่างต้นของหลินสวินและกายมรรคทั้งสองรวมตัวกัน กลับไปยังตรอกที่พวกสืออวี่อยู่ ข่าวพวกนี้จึงค่อยแพร่สะพัดออกไป

หลินสวินเจ้าแห่งภูเขาชำระจิต หวนคืนสู่นครต้องห้ามแล้ว!

ข่าวนี้มาพร้อมกับความพินาศย่อยยับของตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงอย่างตระกูลฉือ ตระกูลฮวา ตระกูลฉี เคลื่อนกวาดทั่วนครต้องห้ามราวกับลมกาฬวาต ก่อให้เกิดคลื่นถาโถมโหมกระหน่ำ ผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนล้วนสั่นสะท้าน

หลินสวินที่เงียบหายมาหลายปี กลายเป็นอดีตในโลกชั้นล่างที่ไอวิญญาณฟื้นคืนกลับมานี้ และเป็นเพียงความทรงจำของคนรุ่นอาวุโสนานแล้ว

ยามคนหนุ่มสาวพวกนั้นพูดถึงหลินสวิน ส่วนมากล้วนไม่ใส่ใจ ถึงขั้นหยามเหยียด คิดว่ายุคสมัยของหลินสวินผ่านไปนานแล้ว ไม่ควรค่าแก่การเลื่อมใสยกย่อง

แต่การกลับมาอย่างแข็งกร้าวของหลินสวินในวันนี้กลับเหมือนสายฟ้าเก้าสวรรค์ ทำให้บุคคลรุ่นอาวุโสพวกนั้นและผู้แข็งแกร่งรุ่นเยาว์ล้วนสั่นสะท้านตื่นตระหนก

ต้องรู้ว่าสามตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงอย่างตระกูลฮวา ตระกูลฉือ ตระกูลฉี หลังจากสวามิภักดิ์ต่อขุมอำนาจของดินแดนรกร้างโบราณพวกนั้น หลายปีมานี้อิทธิพลที่ครอบครองเพิ่มขึ้นฉับพลันอย่างต่อเนื่อง เป็นรองแค่ขุมอำนาจใหญ่ของดินแดนรกร้างโบราณพวกนั้น

แต่สามขุมอำนาจใหญ่เช่นนี้กลับพินาศย่อยยับด้วยมือของหลินสวินคนเดียวพร้อมกัน!

สิ่งนี้น่ากลัวเกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย!

“ตอนนี้เจ้าหลินสวินนี่แข็งแกร่งมากแค่ไหนกันแน่”

“เงียบหายไปหลายปี กลับมาครานี้เขายิ่งสง่างามกว่าแต่ก่อน!”

“ภูเขาชำระจิตพินาศย่อยยับ ขุมอำนาจที่เกี่ยวข้องกับตระกูลหลินล้วนประสบเคราะห์ถ้วนทั่ว หลังจากรู้เรื่องพวกนี้ เจ้าแห่งภูเขาชำระจิตคนนี้จะโกรธแค้นเพียงใด”

…เสียงอึกทึกและวิพากษ์วิจารณ์นับไม่ถ้วนดังขึ้น นครต้องห้ามที่เปลี่ยนไปจนเทียบได้กับโลกใบหนึ่ง วันนี้ตกอยู่ในความปั่นป่วนอย่างสมบูรณ์ด้วยการกลับมาของหลินสวิน

……………………….

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท