Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2368 อ่อนแอเกินไปแล้ว

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2368 อ่อนแอเกินไปแล้ว

ตอนที่ 2368 อ่อนแอเกินไปแล้ว

บนเวิ้งฟ้า กึ่งจักรพรรดินับร้อยคนรวมตัวกัน!

หากอยู่ในโลกชั้นล่าง กึ่งจักรพรรดิแต่ละคนล้วนเรียกได้ว่าเป็นตัวตนที่อยู่เหนือโลก

แม้ว่าตอนนี้ไอวิญญาณฟื้นคืนกลับมา ระเบียบมหามรรคแห่งฟ้าดินมั่นคงถึงขีดสุด แต่อานุภาพของระดับกึ่งจักรพรรดิก็ยังเผาภูผาต้มสมุทรได้อย่างง่ายดาย

เมื่อกึ่งจักรพรรดินับร้อยคนปรากฏตัวพร้อมกัน อานุภาพนั้นจะน่ากลัวเพียงใด

ตูม!

ฟ้าดินแตกเป็นเสี่ยงๆ สั่นสะเทือนไปทั่วทิศ

เกิดฟ้าผ่ารุนแรง สายลมคลั่งม้วนกลืนไปชั่วขณะ อานุภาพกดดันเสมือนคงอยู่จริงบดบังแสงจากฟากฟ้าประหนึ่งเมฆดำหนาทึบ ทำให้พื้นที่แถบนี้ราวกับรัตติกาลมาเยือน

กึ่งจักรพรรดินับร้อยคนนั้นต่างยืนอยู่คนละบริเวณ ทั้งหมดล้วนใบหน้าเหี้ยมเกรียม แฝงความเฉยชาและน่าเกรงขามอันเป็นเอกลักษณ์

สายตาของทุกคนกวาดผ่านร่างของพวกเขา

สำนักกระบี่เทียมฟ้า แดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ สำนักยุทธ์นครนิล เขาวิญญาณหมื่นอสูร เผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ…

มีขุมอำนาจใหญ่ของดินแดนรกร้างโบราณถึงสิบกว่าแห่ง ส่งกึ่งจักรพรรดินับร้อยคนมาลงมือพร้อมกัน!

พริบตานั้นทั่วฟ้าดินเงียบสงัด

ทุกคนที่เห็นภาพนี้หายใจไม่สะดวกเหมือนหัวใจถูกบีบอย่างหนักหน่วง

เป็นไปได้อย่างไร

ทำไมถึงมีกึ่งจักรพรรดิมากเช่นนี้!?

ผู้คนนับไม่ถ้วนร้องอย่างบ้าคลั่งในใจ

ผู้แข็งแกร่งกึ่งจักรพรรดิเป็นคนระดับใด หากเป็นช่วงก่อนที่ไอวิญญาณจะฟื้นคืนกลับมาก็แทบหายไปจากโลก ไม่อาจได้พบเห็น ต่อให้อยู่ในโลกปัจจุบัน หากในขุมอำนาจหนึ่งมีกึ่งจักรพรรดิคนหนึ่งบัญชาการ ย่อมสามารถสร้างคลื่นลม โอหังเหนือโลกฟากหนึ่งได้

เหมือนขุมอำนาจตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงอย่างตระกูลฮวา ตระกูลฉือ ตระกูลฉีที่ครองอาณาเขตในโลกชั้นล่างมารุ่นต่อรุ่น ก่อนจะพินาศย่อยยับต่างมีกึ่งจักรพรรดิแค่หนึ่งถึงสองคนเท่านั้น

แต่ตอนนี้ขุมอำนาจดินแดนรกร้างโบราณเพิ่งมาถึงก็มีกึ่งจักรพรรดินับร้อยคน นี่ต้องการจะใช้อานุภาพกดดันอันเด็ดขาดข่มขวัญทุกคนบนโลกชัดๆ!

บุคคลรุ่นอาวุโสมากมายล้วนมองออก สาเหตุที่ทุกขุมอำนาจใหญ่ของดินแดนรกร้างโบราณตั้งกระบวนรบใหญ่เช่นนี้ ก็เพื่อข่มขวัญกล่าวเตือนผู้คน เชือดไก่ให้ลิงดู!

ส่วนหลินสวินก็คือ ‘ไก่’ ที่ใกล้จะถูกฆ่าตัวนั้น

“หากหลินสวินเจ้าแห่งภูเขาชำระจิตคาดเดาได้ว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ เขายังมีความกล้าประกาศศึกกับขุมอำนาจของดินแดนรกร้างโบราณพวกนั้นอยู่หรือไม่”

เวลานี้ผู้ฝึกปราณทุกคนในโลกชั้นล่างล้วนหนาวสั่นไปทั้งตัวราวตกสู่ถ้ำน้ำแข็ง

เผชิญหน้ากับกึ่งจักรพรรดินับร้อยคนนี้ ต่อให้บ้าระห่ำแค่ไหน สำหรับคนที่เชื่อมั่นในตัวหลินสวินก็ไม่อาจไม่ยอมรับ ว่าหากวันนี้หลินสวินกล้าปรากฏตัวต้องประสบเคราะห์แน่

ถูกกึ่งจักรพรรดินับร้อยโอบล้อม เกรงว่าหลินสวินคงไม่มีโอกาสแม้แต่จะหนี

ถึงอย่างไรต่อให้หลินสวินแข็งแกร่งแค่ไหน สุดท้ายก็แค่ตัวคนเดียว เขาสามารถสู้กับกึ่งจักรพรรดินับร้อยคนในเวลาเดียวกันได้หรือ

เวลานี้ทุกคนไม่กล้าฝากความหวังกับหลินสวินอีกแม้แต่น้อย

“หลินสวินอยู่ที่ไหน”

ทันใดนั้นเสียงหนักเข้มราวอสนีบาตสะท้อนทั่วฟ้าดิน ดังก้องอยู่ในหูราวกับเสียงของเทพไท้

บนเวิ้งฟ้า ชายผมขาวชุดม่วงที่พาดกระบี่มรรคคนหนึ่งจากแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณเอ่ยปาก “หรือว่ากลัวจนหัวหด”

ผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนสีหน้าปรวนแปรไม่หยุด หากพวกเขาเป็นหลินสวิน ถ้าเห็นภาพนี้ก็คงหนีในพริบตาแน่นอน มีหรือจะกล้าปรากฏตัวอีก

“เจ้าเดรัจฉานน้อยนี่พูดไม่เป็นคำพูดจริงๆ!”

“ข้ายังคิดว่าหลายปีนี้เขาพัฒนาไปมากแค่ไหน ใครจะคิดว่าตัวเองส่งสารท้าประลอง แต่กลับไม่กล้าโผล่หัว!”

เสียงถากถาง หยามเหยียด เยียบเย็นดังมาจากปากของบุคคลสำคัญระดับกึ่งจักรพรรดิพวกนั้น ดังก้องจนฟ้าดินแถบนี้เกิดเสียงครั่นครืน

“พวกเดรัจฉานเฒ่า ตาบอดหรือไง ข้าคนแซ่หลินรออยู่ที่นี่ตั้งนานแล้ว”

เสียงราบเรียบหนึ่งสะท้อนก้องฟ้าดิน ดังอยู่ในหูของทุกคนอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง

สายตานับไม่ถ้วนมองไปตามเสียงทันใด

พลันเห็นว่าในซากปรักหักพังของภูเขาชำระจิต มีเงาร่างสายหนึ่งเหมือนพุ่งวาบมากลางอากาศ ปรากฏตัวอยู่ในครรลองสายตาของผู้คน

เงาร่างเขาสูงตระหง่าน ราบเรียบละโลกีย์ ผมดำนัยน์ตาดำ ชุดยาวสะบัดโบก เป็นหลินสวินนั่นเอง

คราวนี้ผู้คนจึงตระหนักได้อย่างฉับพลัน ที่แท้หลินสวินก็รออยู่ที่นี่นานแล้ว เพียงแต่ก่อนหน้านี้ไม่มีใครรู้ถึงการมีอยู่ของเขา!

แต่เมื่อเงาร่างของเขาปรากฏในสายตาของทุกคน กลับเป็นว่ามีแค่ความเศร้ารันทดและเสียดาย

ไม่อาจไม่โศกเศร้า บนเวิ้งฟ้านั้นมีกึ่งจักรพรรดินับร้อยคนเต็มๆ กลิ่นอายน่าหวาดกลัวปกคลุมฟ้าดินทั้งแถบ การปรากฏตัวของหลินสวินไม่ต่างอะไรกับรนหาที่ตาย

‘ทำไมถึงเป็นเขา!’

เว่ยอวิ๋นจงนัยน์ตาหดรัด เผยสีหน้าประหลาดใจ

หญิงสาวหยิ่งทะนงที่อยู่ข้างกายเขาก็เบิกตากว้างยากจะเชื่อ ก่อนหน้านี้ยามเจอหลินสวินที่ทะเลตะวันออก นางยังเคยแสดงท่าทีหยามเหยียด

ใครจะคิดว่าคนที่เหมือน ‘คนผ่านทาง’ คนนี้ กลับเป็นเจ้าแห่งภูเขาชำระจิตที่ชื่อเสียงสะเทือนใต้หล้าเมื่อหลายปีก่อนนั่น!

“ท่านพ่อ ท่านอาจะชนะได้จริงหรือ”

มือเล็กของสือหลินหลางที่สวยน่ารักกำเสื้อของสืออวี่แน่น พูดอย่างประหม่าหาใดเปรียบ

“น่าจะ… ได้กระมัง”

สืออวี่สีหน้าจริงจัง ในใจก็กลัดกลุ้มเช่นกัน

“ไม่ใช่น่าจะได้ แต่เป็นได้แน่นอน” เจ้าคางคกที่อยู่ด้านข้างเอ่ยแก้

เขากับพวกอาหู อาหลู่ เสี่ยวอิ๋น เสี่ยวเทียนก็มาด้วย ยืนมองอยู่ในฝูงชน

แต่เปรียบเทียบกับความตึงเครียดและมองโลกในแง่ร้ายของคนอื่นแล้ว พวกเขากลับดูนิ่งสงบและผ่อนคลายมาก

ภายใต้เวิ้งฟ้าเมฆดำกดทับทั่วนคร

เมื่อเห็นหลินสวิน เหล่ากึ่งจักรพรรดิพวกนั้นก็อึ้งไป สีหน้าล้วนกระอักกระอ่วนอยู่บ้างเล็กน้อย

คนเป็นๆ คนหนึ่งอยู่ใต้จมูกของพวกเขาชัดๆ แต่กลับไม่สังเกตเห็น นี่ก็เหมือนการเยาะเย้ยพวกเขาว่ามีตาแต่ไร้แววโดยไร้สุ้มเสียง

“เทพมารหลิน เจ้าประกาศว่าจะนัดประลองกับพวกข้าที่นี่ไม่ใช่หรือ ตอนนี้พวกข้ามากันครบแล้ว เจ้ายังมีอะไรจะพูดอีก”

ผู้อาวุโสคนหนึ่งของเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬก้มมองหลินสวิน นัยน์ตาดั่งโลหิต บนหน้าเจือรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมน่าเกรงขาม

“หลินสวิน เจ้าไม่ควรมา พลาดโอกาสช่วงไอวิญญาณฟื้นคืนกลับมาห้าสิบปี เจ้ารู้ไหมว่านี่หมายความว่าอะไร” ผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งของแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณหัวเราะลั่น เสียงของเขาราวกับสายฟ้าฟาด ดังกระหึ่มจนฟ้าดินสั่นสะเทือนไร้ระเบียบ

“ก่อนประกาศศึก เจ้าคิดว่าพวกเรายังดูถูกเจ้าเหมือนตอนนั้นใช่หรือไม่ ผิดแล้ว! ไม่ว่าจะเป็นใครล้วนไม่อาจปฏิเสธว่าเจ้าคืออัจฉริยะที่ยากพบเห็นในปัจจุบัน คนทั่วไปไม่อาจเทียบได้ ในเมื่อกล้าประกาศศึกก็ต้องพอมีฝีมือ แน่นอนว่าพวกเรา… ไม่มีทางถูกเจ้าหลอก!”

หญิงสาวรูปร่างทรงเสน่ห์ ใบหน้างามพริ้มเพราคนหนึ่งของสำนักยุทธ์นครนิลพูดพลางยิ้มระรื่น “ดังนั้นตอนนี้เจ้าก็เห็นแล้ว กึ่งจักรพรรดินับร้อยคนออกเคลื่อนพลพร้อมกัน เจ้ายังเอาอะไรมาสู้กับพวกเรา”

“พูดไร้สาระให้น้อยหน่อย ยอมจำนนหรือยอมตาย หลินสวิน เจ้าเลือกเองเถอะ”

กึ่งจักรพรรดิคนหนึ่งของสำนักกระบี่เทียมฟ้าพูดจาแข็งกร้าวเยียบเย็น

เวลานี้อานุภาพของกึ่งจักรพรรดิทั้งหมดม้วนกลืนเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน ดุจเขาถล่มสมุทรคำราม ทำให้ฟ้าดินสั่นสะเทือน ชั้นเมฆที่ปกคลุมอยู่บนท้องฟ้าเหนือนครต้องห้ามระเบิดออกทั้งอย่างนั้น

หากไม่ใช่ว่าไอวิญญาณฟื้นคืนกลับมา กฎระเบียบฟ้าดินนี้เปลี่ยนเป็นมั่นคงถึงขีดสุดอยู่ก่อนแล้ว เกรงว่านครต้องห้ามกว่าครึ่งคงพังทลายไปท่ามกลางอานุภาพน่าหวาดกลัวนี้หมดแล้ว

ในบริเวณนั้นผู้ฝึกปราณมากมายถูกกดข่มจนอ่อนแรงไปทั้งตัว แทบจะหยุดหายใจ ที่ร้ายยิ่งกว่าคือมีคนถูกกระเทือนจนบาดเจ็บ กระอักเลือดล้มลงกับพื้น!

“รีบถอยเร็ว!”

ผู้คนนับไม่ถ้วนหน้าเปลี่ยนสี พากันถอยร่นห่างออกไป เกรงแต่จะถูกลูกหลง

“ศึกนี้จะสู้ได้อย่างไร”

หลายคนหนาวเยือกในใจ รู้สึกสิ้นหวังแทนหลินสวิน

แต่เวลานี้หลินสวินถึงเงยหน้าขึ้นช้าๆ สายตากวาดมองกึ่งจักรพรรดิพวกนั้นแล้วกล่าวทอดถอนใจ

“ข้ารออยู่ที่นี่มาสามวัน ใครจะคิดว่ากลับได้ไก่กระเบื้องสุนัขดินเผาอย่างพวกเจ้า ไม่ใช่บอกว่าในหมู่พวกเจ้ามีคนบรรลุจักรพรรดิหรือ ทำไมไม่มารับความตาย ช่างทำให้คน… ผิดหวังจริงๆ…”

เสียงของหลินสวินแผ่วเบามาก

แต่กลับดังก้องอยู่ในหูของทุกคนอย่างชัดเจน ทุกคนต่างตกตะลึง เผชิญหน้ากับสภาพสิ้นหวังเช่นนี้ หลินสวินเขา… ถึงกับยังกล้าสบประมาทเช่นนี้อีกหรือ

‘หรือรู้ตัวว่าสู้ไม่ได้เลยบ้าไปแล้ว’

ผู้คนนับไม่ถ้วนคิดในใจ

“เขาว่าอะไรนะ”

“จองหอง!”

“คิดว่าตอนนี้ยังเหมือนเมื่อก่อนจริงหรือ”

กึ่งจักรพรรดินับร้อยคนหน้าเปลี่ยนสี เอ่ยปากตะคอกเสียงดัง แต่คนอีกมากกลับก้มมองหลินสวินเหมือนมองมดที่ใกล้จะถูกเหยียบตายตัวหนึ่ง

“ทุกท่านไม่จำเป็นต้องบันดาลโทสะ นี่ก็คือเทพมารหลินที่พวกเราคุ้นเคยไม่ใช่หรือ ใจกล้าเหิมเกริม ถึงตายก็ไม่เปลี่ยน ครั้งนี้ก่อนตายให้เขาได้พูดมากสักสองประโยคก็ไม่เห็นเป็นไร”

หญิงสาวจากสำนักยุทธ์นครนิลคนนั้นยิ้มหวานกล่าว

“ไม่ได้ ข้าไม่อาจยอมให้เขาพูดมากอีกสักคำ!”

ผู้อาวุโสของเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬตวาดลั่น “ลงมือ ฆ่าเขาซะ!”

ตูม!

เวลานี้กึ่งจักรพรรดินับร้อยคนลงมือพร้อมกัน

ในใจพวกเขารู้ชัดถึงทุกการกระทำในปีนั้นของหลินสวินยามอยู่ดินแดนรกร้างโบราณ ต่อให้ดูถูกหลินสวินแค่ไหนก็ไม่มีทางออมแรงแม้แต่น้อย ได้แต่ใช้พลังที่แข็งแกร่งที่สุดบดขยี้หลินสวินให้เป็นจุณ

ตูม!

กึ่งจักรพรรดินับร้อยคนลงมือพร้อมกัน เหตุการณ์นั้นจะน่ากลัวเพียงใด

ก็เห็นไอวิญญาณฟ้าดินในรัศมีพันลี้ถูกสูบกลืนชั่วพริบตา พลังมหามรรคที่แตกต่างกันออกไปรวมตัวเป็นกระแสน้ำหลากล้นฟ้า เทลงมาจากชั้นฟ้าเหมือนธารสวรรค์สายหนึ่ง แสงมรรคเจิดจรัสงามแปลกตาหาใดเปรียบ ทำให้ฟ้าดินล้วนมืดสลัว

ห้วงอากาศทั่วทิศทรุดตัว!

เผชิญหน้ากับการโจมตีที่เหมือนทลายฟ้ามลายดินนี้ ผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนตื่นตระหนก พากันร้องเสียงหลง

ทุกคนจับจ้องเหตุการณ์นี้อย่างบีบคั้นหัวใจ

หลายคนถึงขั้นไม่กล้ามอง ไม่อาจทนเห็นภาพเหตุการณ์ที่หลินสวินถูกสังหารกระจุย

‘พี่หลิน!’ สืออวี่อยากจะร้องแต่กลับร้องไม่ออก หัวใจเหมือนถูกฉีกกระชาก

แต่ครู่ต่อมากลับเห็นแค่หลินสวินสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง

เรียบง่ายแผ่วเบาเหมือนปัดฝุ่น แต่กระแสพลังที่ถาโถมเข้ามา การโจมตีน่าหวาดกลัวที่สามารถระเบิดฟ้าดินแถบนี้ให้เป็นจุณเหล่านั้น ถึงกับสลายหายไปกลางอากาศ

“เป็นไปได้อย่างไร”

กึ่งจักรพรรดิทั้งหมดเบิกตากว้าง ไม่กล้าเชื่อภาพตรงหน้านี้ แม้แต่พวกร้ายกาจบางคนที่นิ่งเฉยมาตลอดก็ยังหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย หัวคิ้วขมวดเป็นปม ในดวงตาเผยความรู้สึกประหลาดใจ

“มาอีก!”

ผู้อาวุโสคนหนึ่งของสำนักกระบี่เทียมฟ้าตวาดลั่น

กึ่งจักรพรรดิพวกนี้ร่วมมือกันอีกครั้ง ระเบิดพลังไร้ขอบเขต

อานุภาพนั้นน่าหวาดกลัวยิ่งกว่าเมื่อครู่

แต่ผลลัพธ์กลับไม่มีอะไรแตกต่าง เมื่อพุ่งมาถึงหน้าหลินสวินก็พังพินาศยับเยินโดยไร้สุ้มเสียง หายไปอย่างไร้ร่องรอย

ราวกับสายลมเย็นพัดผ่านหน้า ไม่อาจทำให้เส้นผมของหลินสวินขยับได้แม้แต่เส้นเดียว

เหตุการณ์น่าเหลือเชื่อถึงขั้นเรียกได้ว่าแปลกประหลาดนี้ทำให้ทุกคนในที่นั้นต่างตกตะลึงตาค้าง เกือบคิดว่าตัวเองตาลาย

แม้แต่กึ่งจักรพรรดิพวกนั้นก็เบิกตากว้าง ถูกสลายการโจมตีอย่างง่ายดายติดต่อกันสองครั้ง นี่ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ หากแต่เป็นเรื่องน่าหวาดกลัว!

ตอนนี้เองในที่สุดหลินสวินก็เอ่ยปาก “อ่อนแอเกินไปแล้ว”

บนสีหน้าเขาแฝงแววหน่ายใจเสี้ยวหนึ่ง เดิมคิดว่าจะมีศึกใหญ่สะท้านฟ้าสะเทือนดิน พวกที่ก้าวสู่ระดับจักรพรรดิของทุกสำนักใหญ่มาพร้อมกัน ผลกลับเป็นแค่พวกกึ่งจักรพรรดิที่เหมือนมดปลวกเท่านั้น แม้แต่การโจมตีเต็มกำลังของพวกเขาล้วนไม่จำเป็นต้องต้านทาน

ยังไม่เห็นเขาเคลื่อนไหว เงาร่างของเขาที่ยืนอยู่กลางซากปรักพังนั้นก็ปรากฏอยู่ใต้เวิ้งฟ้ากะทันหัน กวาดสายตามองทุกคนพลางกล่าว

“ตอนนี้จะส่งพวกเจ้าไปลงนรก!”

เสียงสะเทือนเก้าชั้นฟ้า

……………………

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท