Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2376 ระดับจักรพรรดิแจ้งอณู

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2376 ระดับจักรพรรดิแจ้งอณู

ตอนที่ 2376 ระดับจักรพรรดิแจ้งอณู

ฟังจนจบหลินสวินก็นิ่วหน้า

เขามาคราวนี้ไม่ได้รีบเร่งอยากเสาะหานัยเร้นลับของแกนกลางต้นกำเนิดหมื่นมรรค แต่ต้องการหาสมาชิกตระกูลหลินเหล่านั้น

แต่ตามคำพูดนี้ของลิงวิญญาณแดนผี แดนลับในรังมารดาต้นกำเนิดดันมีมากมายนับไม่ถ้วน นี่ก็หมายความว่าคิดจะหาสมาชิกตระกูลหลินเหล่านั้นให้พบ ได้แต่พึ่งดวงเท่านั้นแล้ว

“ไม่ถูก”

จู่ๆ หลินสวินก็เอ่ย “ในกาลเวลาอันเนิ่นนานนี้ เจ้าจำศีลอยู่ที่นี่มาตลอด แล้วทำไมถึงรู้ว่าแกนกลางต้นกำเนิดหมื่นมรรคนั่นอยู่ไหน”

เจ้าลิงพูดตามจริง “เพราะตอนแรกสุดข้าก็เคยสำรวจที่นั่นมาก่อน แต่กลับพบกับอันตรายใหญ่ ต้องเลือกหลบหนี ตอนนั้นถึงกับเกือบตายเพราะเหตุนี้ แม้สุดท้ายจะรอดมาได้แต่ก็เหลือเพียงพลังจิต”

“เจ้ามานำทาง” หลินสวินไม่ถามอะไรอีก

เจ้าลิงตอบรับอย่างดีใจ

ทั้งสองออกจากโลกต้นกำเนิดแห่งนี้ กลับสู่นอกรังมารดาต้นกำเนิด

“สหายยุทธ์ ข้าต้องเตือนเจ้า ยิ่งเข้าใกล้แกนกลางต้นกำเนิดหมื่นมรรคก็ยิ่งอันตราย ตามที่ข้ารู้มา เมื่อนานมาแล้วมีคนน่ากลัวไม่น้อยมาสำรวจ บางคนสิ้นชีพไปแล้ว แต่บางคนจำศีลอยู่ในโลกต้นกำเนิดหมื่นมรรคมาตลอดเหมือนกับข้า”

ขณะที่พูดเจ้าลิงก็ชี้ช่องทางรูพรุนแห่งหนึ่งในรังมารดาต้นกำเนิด “ในโลกต้นกำเนิดนี้มีทางสายหนึ่งนำไปสู่แดนลับที่อยู่ในส่วนลึกเข้าไปอีกได้”

หลินสวินพยักหน้า เริ่มเคลื่อนไหวทันที เงาร่างพริบไหวเคลื่อนเข้าไปในนั้น

แลเป็นเช่นนี้ ด้วยการนำทางของลิงวิญญาณแดนผี หลินสวินก็ท่องไปไม่ว่างเว้น เดินทางผ่านโลกต้นกำเนิดที่แล้วที่เล่า

ตลอดทางรวบรวมผลึกมรรคต้นกำเนิดได้มากยิ่งขึ้น แม้ว่านัยเร้นลับต้นกำเนิดมหามรรคภายในสมบัติเหล่านี้จะบกพร่องไม่มากก็น้อย แต่กลับเพิ่มจำนวน สะสมได้ไม่หยุดหย่อน

ลิงวิญญาณแดนผีที่เรียกตัวเองว่ามหาจักรพรรดิวั่นคงผู้นี้ก็ได้เห็นความน่ากลัวในพลังต่อสู้ของหลินสวิน ทุกครั้งที่ไปถึงแดนลับสักแห่ง ไม่ว่าจะพบกับคู่ต่อสู้เช่นไรต่างถูกหลินสวินกำราบอย่างสบาย ทำเอาเขาหนาววาบในใจ

กระทั่งหนึ่งวันผ่านไป

ตอนเข้าไปในโลกต้นกำเนิดแห่งหนึ่ง หลินสวินสัมผัสได้ทันทีว่าพลังปราณที่กดข่มมาตลอดของตนนั้นคืนสู่ระดับจักรพรรดิขั้นสี่สมบูรณ์

นี่ทำให้เขารับรู้ได้ว่า คงเป็นเพราะยิ่งเข้าใกล้พื้นที่แกนกลางต้นกำเนิดหมื่นมรรคนั้นแล้ว เส้นทางที่ลิงวิญญาณแดนผีนี้นำทางก็คงไม่ผิดอะไร

โลกต้นกำเนิดแต่ละแห่งต่างมี ‘ใจกลางต้นกำเนิด’ แห่งหนึ่ง

อย่างภูเขาใหญ่สีโลหิตที่หลินสวินได้เห็นในแดนลับเพลิงอสนีเมื่อแรกสุด ทะเลสาบน้ำแข็งที่ได้เห็นในแดนลับหิมะน้ำแข็ง หรือหุบเหวที่ได้พบตอนจับลิงวิญญาณแดนผี ก็คือ ‘ใจกลาง’ ของแดนลับแต่ละแห่ง

เหมือนกับรากของต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง

โดยทั่วไปแล้ว ‘อันตราย’ ที่พบเจอตลอดทางอยู่ใกล้กับ ‘ใจกลาง’ ต้นกำเนิดแทบทั้งนั้น สิ่งมีชีวิตน่าหวาดกลัวที่จำศีลอยู่ไม่ต่างกันมาก

ทว่าเริ่มตั้งแต่โลกต้นกำเนิดที่หลินสวินอยู่ตอนนี้เอง ศักยภาพของคู่ต่อสู้ที่ได้พบก็เริ่มแข็งแกร่งขึ้นมา!

เวลาผันผ่านไปวันแล้ววันเล่า…

หลินสวินกับเจ้าลิงท่องไปในโลกต้นกำเนิดต่างๆ บางคราวก็พักผ่อนครู่หนึ่ง แต่เวลาส่วนใหญ่คือการรีบรุดหน้าไป

ในโลกต้นกำเนิดที่เข้าไปตลอดทางนี้ พลังปราณของสิ่งมีชีวิตน่าหวาดกลัวเหล่านั้นค่อยๆ เพิ่มจากระดับดับจักรพรรดิขั้นสี่ไปถึงขั้นห้า ขั้นหก ขั้นเจ็ด…

เจ้าลิงดูวิตกนัก ชี้แนะหลินสวินไม่หยุด

แต่ที่ทำให้เขางุนงงก็คือ หลินสวินที่แม้มีพลังปราณเพียงระดับจักรพรรดิขั้นสี่ กลับฆ่าพวกระดับจักรพรรดิขั้นห้า ขั้นหกและขั้นเจ็ดเหล่านั้นอย่างง่ายดายนัก!

กระทั่งสิบวันผ่านไป

ในโลกที่ทั้งฟ้าดินต่างสะท้อนความมืดมิดดั่งราตรีนิรันดร์แห่งหนึ่ง

ตูม!

ท่ามกลางเสียงดังลั่นสะเทือนฟ้าดิน หลินสวินฟาดหมัดออกมาสังหารสิ่งมีชีวิตน่าหวาดกลัวที่เทียบได้กับระดับจักรพรรดิขั้นแปด ละอองแสงม้วนตลบ ฟ้าดินระส่ำระสาย

เจ้าลิงที่มองดูจากไกลๆ ตาเบิกค้างอยู่ตรงนั้นโดยสมบูรณ์ ระดับจักรพรรดิขั้นสี่ อาละวาดหลายโลก สังหารคู่ต่อสู้ระดับจักรพรรดิขั้นแปด!?

“ข้าต้องการบรรลุขั้นที่นี่ คงต้องให้เจ้าลำบากสักหน่อย” หลินสวินเดินมา ดวงตาดำลุ่มลึก พลังปราณของเขาก็เหมือนแก้วที่มีน้ำอยู่เต็มกำลังจะเอ่อออกมา ทะลวงขั้นสมบูรณ์สูงสุดของระดับจักรพรรดิขั้นสี่ ไม่อาจข่มได้อีก

“บรรลุขั้นหรือ”

เจ้าลิงอึ้งไป เอ่ยเตือนว่า “การบรรลุขั้นที่นี่อันตรายไม่อาจเทียบได้กับทั่วไป เป็นไปได้สูงยิ่งว่าจะถูกระเบียบฟ้าดินสะท้อนกลับ”

“ไม่มีปัญหา”

ขณะที่พูดหลินสวินก็ไม่ให้โอกาสอธิบาย กำราบเจ้าลิงไว้ในเจดีย์ไร้สิ้นสุด

แม้จะร่วมทางกันมาสิบวัน เจ้าลิงก็แสดงออกอย่างตรงไปตรงมาหาใดเทียบ แต่หลินสวินไม่ได้คลายความระแวดระวัง เจ้าลิงนี่เป็นถึงลิงวิญญาณแดนผี แยกแยะใจคนได้ เจ้าเล่ห์เพทุบายเป็นที่สุด

ฟู่…

ไม่ทันไรหลินสวินก็สลัดความคิดฟุ้งซ่าน นั่งลงขัดสมาธิ

กระทั่งหนึ่งวันผ่านไป เขาลืมตาลุกขึ้นพลางเงยมองไปยังเวิ้งฟ้า

ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่เมฆเคราะห์ถาโถมราวกับหมึกดำปกคลุมส่วนลึกของเวิ้งฟ้า ฟ้าดินเงียบสงัด อานุภาพสวรรค์อันน่ากลัวกดทับใจคนอบอวลออกมา

หลินสวินมือไพล่หลัง สีหน้าสุขุม

นี่เป็นธรณีประตูที่เหยียบย่างไปสู่ระดับจักรพรรดิขั้นห้า ขอเพียงผ่านด่านเคราะห์นี้ได้ ก็จะเข้าสู่ขั้น ‘แจ้งอณู’!

แจ้งปริศนา แจ้งอณู แจ้งมายา

นี่ก็คือขั้นของระดับจักรพรรดิขั้นสี่ถึงระดับจักรพรรดิขั้นหก

ในกลุ่มนี้ ขั้นแจ้งมายามีอีกชื่อหนึ่ง เรียกว่าขั้นไร้ขื่อแป!

ครืน!

ผ่านไปครู่หนึ่งเมฆาเคราะห์ถาโถม เสียงอสนีบาตกึกก้องราวกับกลองศึกที่เทพสวรรค์ตี สะท้านไปทั้งเก้าฟ้าสิบแผ่นดิน

ที่ตามมาติดๆ คือแสงมรรคอสนีเจิดจ้า ไหลหลั่งลงมาจากเก้าชั้นฟ้าดุจม่านน้ำตก

“ในที่สุดก็มาแล้ว…”

หลินสวินสีหน้าเรียบเฉยสงบนิ่ง กายดุจเตาหลอม อานุภาพดั่งหุบเหว พุ่งทะยานไปกลางอากาศ

ครืน…

ด่านเคราะห์เริ่มขึ้นแล้ว โลกต้นกำเนิดแห่งนี้ตกปั่นป่วนอย่างไม่เคยมีมาก่อน พายุอสนียิ่งใหญ่ แสงสายฟ้ายิงปะทุ โกลาหลยุ่งเหยิง

ในห้วงอากาศหลินสวินเป็นดั่งเทพองค์หนึ่ง อาบชโลมอยู่กลางแสงมรรคโชติช่วง องอาจเหนือโลก สำแดงอานุภาพอหังการไร้สิ้นสุดยามเข้าต้านอสนีเคราะห์เต็มฟ้านั้น

แต่ถึงอย่างไรนี่ก็ไม่ใช่เคราะห์จักรพรรดิตามความหมายทั่วๆ ไป แต่เป็นมหาเคราะห์ชั้นเลิศของมกุฎมหาจักรพรรดิโดยเฉพาะ ทำให้หลินสวินยังลำบากเป็นที่สุด

ไม่นานนักก็ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ได้รับบาดเจ็บ

หนึ่งเค่อ

สองเค่อ

สามเค่อ

…พร้อมๆ กับเวลาที่ผันผ่าน พลังอสนีเคราะห์นั้นก็ยิ่งน่ากลัว ถึงขั้นวิปริต หากเปลี่ยนเป็นระดับจักรพรรดิทั่วไปเกรงว่าคงถูกสังหาร กายสิ้นมรรคสลายไปนานแล้ว!

แต่หลินสวินต้านทานมาแล้วหนึ่งก้านธูปเต็มๆ

ท้ายที่สุดร่างของเขาถูกฟาดจนแตกระแหงระเบิดออก เหลือเพียงรูปจำลองเจตจำนงที่ต้านทานอยู่ ดูอันตรายหาใดเทียบ

ไม่อาจไม่พูดว่ามหาเคราะห์ครั้งนี้เหนือกว่าเคราะห์จักรพรรดิที่หลินสวินเคยพบเจอมาครั้งไหนๆ ไม่เพียงดำเนินอยู่นาน พลังสังหารยังน่ากลัวถึงขีดสุด

หากไม่ใช่ว่าหลินสวินเตรียมตัวเพื่อสิ่งนี้มาดีพออยู่ก่อนแล้ว เกรงว่าคงไม่อาจทนได้ถึงตอนนี้สักนิด!

ตูม!

หลังจากฝืนรับการโจมตีครั้งสุดท้าย

กลางละอองแสงอสนีเคราะห์เต็มฟ้า หลินสวินเหลือเพียงพลังเจตจำนงที่พังทลายถึงขีดสุด กับสติสัมปชัญญะเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

“โอม!”

เขาส่งเสียงตะคอกลั่น

ละอองแสงอสนีเต็มฟ้าประหนึ่งกระแสเชี่ยว อาบชโลมพลังจิตของเขาไว้ภายใน เลือดเนื้อ เส้นเอ็น กระดูก ผิวหนัง อวัยวะ เส้นปราณที่ถูกสายฟ้าฟาดกระจุย… ต่างรวมกันทั้งหมด

มองจากไกลๆ ใต้เวิ้งฟ้าประหนึ่งมีลูกกลมสายฟ้าตระการตาขนาดมหึมาลูกหนึ่ง กำลังแผ่จังหวะชีวิตอันไพศาลออกมาไม่ว่างเว้น

ผ่านไปหนึ่งชั่วยามเต็มๆ

ลูกกลมแสงที่เปลี่ยนเป็นพร่างพราว ดึงดูดสายตาราวกับดวงอาทิตย์ดวงหนึ่งไปแล้วนั้นระเบิดกระจุยในทันใด ท่ามกลางละอองแสงปลิวว่อน เงาร่างสูงตระหง่านเด่นเหนือโลกร่างหนึ่งอุบัติขึ้น

เป็นหลินสวิน

เขาในตอนนี้ทั้งร่างดุจภาพมายา เส้นเอ็นกระดูกเหมือนหล่อขึ้นจากน้ำทองเทพ ร่างกายเปล่งปลั่งดั่งหยก สาดแสงมรรคเจิดจ้า เลือดลมภายในร่างประหนึ่งมหาสมุทรโถมซัด มีพลังชีวิตอันไพศาลหาใดเทียบ แม้แต่เส้นผมแต่ละเส้นยังมีท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์มหามรรคอันลึกลับหลั่งไหล

ในห้วงนิมิต รูปจำลองเจตจำนงสูงถึงพันจั้งแปลงเป็นรูปเตาหลอม มีอานุภาพอมตะราวกับกำราบทั่วหล้า นัยเร้นลับมหามรรคทั้งปวงโอบล้อมไปทั้งตัว เสียงมรรคดุจเสียงสวรรค์ดังก้อง ศักดิ์สิทธิ์เหลือประมาณ

ที่เปลี่ยนแปลงไปมากที่สุดก็คือโลกจักรพรรดิบริสุทธิ์ ในหลักฟ้าดิน สุริยันจันทรา ภูผาธาราและสรรพสิ่งบนผืนดิน ต่างมีลายมรรคเป็นริ้วๆ

ราวกับเส้นใบบนใบไม้ ลวดลายบนหินผา เส้นโค้งขึ้นลงของผืนดิน วงโคจรของสุริยันจันทรา ขนาดยามหลักแห่งฟ้าดินเปลี่ยนผัน…

การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยเหล่านี้ทำให้ทั้งทั้งโลกจักรพรรดิบริสุทธิ์สะท้อนบรรยากาศใหม่เอี่ยม ประหนึ่งโลกที่มีจริง ต้นไม้ใบหญ้าทั้งปวงต่างมีแก่นอัศจรรย์อันคลุมเครือ!

นี่ก็คือตัวบ่งชี้สำคัญของขั้น ‘แจ้งอณู’

นี่ ยังเป็นมรรควิถีที่ระดับจักรพรรดิขั้นห้าครอบครองได้!

หลินสวินสงบใจสัมผัสครู่ใหญ่ แววพึงพอใจปรากฏขึ้นในดวงตา ‘ระดับจักรพรรดิแจ้งอณู… ขั้นนี้อัศจรรย์ดังคาด…’

เขาสัมผัสได้ว่าพลังต่อสู้ของตนเปลี่ยนแปลงชนิดพลิกฟ้าพลิกดิน!

‘ระดับจักรพรรดิขั้นเก้าก็คือปราการสวรรค์สายหนึ่ง อานุภาพแห่งบรรพจารย์แห่งมรรคไม่อาจสั่นคลอน… ก็ไม่รู้ว่าข้าจะทำลายกฎเกณฑ์ที่ไม่เปลี่ยนแปลงมาหมื่นกาลนี้ได้หรือไม่…’

ขณะที่หลินสวินครุ่นคิดก็นั่งขัดสมาธิลง เริ่มสร้างความมั่นคงให้กับขั้นพลังใหม่ของตัวเอง

ผ่านไปสามวันเต็มๆ

หลินสวินยืดตัวลุกขึ้น ปล่อยเจ้าลิงนั่นออกมา ตัดสินใจว่าจะเคลื่อนไหวต่อ

เจ้าลิงมองหลินสวินที่ไม่มีบาดแผล มิหนำซ้ำยังเห็นได้ชัดว่าพลังปราณบรรลุไปอีกขั้น แววตาก็เลื่อนลอยขึ้นมา ทั้งตลอดทางยังเปลี่ยนเป็นจริงใจยิ่งขึ้น

หลินสวินเห็นทุกอย่างนี้แต่ไม่ได้พูดอะไรมาก

ผ่านไปอีกสิบกว่าวันอย่างรวดเร็ว

จนถึงตอนนี้ผลึกมรรคต้นกำเนิดที่รวบรวมได้มีร้อยกว่าก้อนแล้ว ส่วนโลกต้นกำเนิดที่เขาสำรวจก็มีถึงหนึ่งร้อยกว่าแห่ง

แต่ก็ยังไม่พบร่องรอยที่เกี่ยวข้องกับสมาชิกตระกูลหลินแต่อย่างใด

สิ่งที่ถือว่าเป็นข่าวดีเพียงอย่างเดียวก็คือ ตอนนี้เขายิ่งเข้าใกล้แกนกลางต้นกำเนิดหมื่นมรรคแห่งนั้นมากยิ่งขึ้นแล้ว

“สหายยุทธ์ ในโลกต้นกำเนิดแห่งต่อไปมีบุคคลลึกลับที่มีนิสัยใจคอแปลกประหลาดเป็นที่สุดคนหนึ่งจำศีลอยู่ ขอเพียงไม่ไปท้าทายเขา พวกเราก็จะขอผ่านทางออกมาได้ ข้ามผ่านโลกต้นกำเนิดอีกไม่เกินสามแห่งก็จะถึงพื้นที่แกนกลางต้นกำเนิดหมื่นมรรค”

จู่ๆ เจ้าลิงก็เอ่ยเตือนว่า “สหายยุทธ์ ต้องจำเอาไว้ว่าอย่าไปหาเรื่องเจ้าหมอนั่น มิเช่นนั้นเจ้ากับข้าจะติดอยู่ในนั้นไปชั่วชีวิต”

หลินสวินเลิกคิ้ว “เขาแข็งแกร่งมากหรือ”

เจ้าลิงสีหน้าเคร่งเครียด “แข็งแกร่งจนไม่อาจจินตนาการได้ มองตื้นลึกหนาบางไม่ออกสักนิด เมื่อนานมากแล้วข้ากับสหายร่วมมรรคจำนวนหนึ่งออกเคลื่อนไหวด้วยกัน ในกลุ่มนั้นไม่ขาดระดับจักรพรรดิขั้นแปดและขั้นเก้า แต่ก็เพราะมีสหายยุทธ์สองคนไปพูดจาไม่เหมาะสม ยั่วโมโหคนผู้นี้โดยไม่ระวังตอนถามทาง เจ้าทายสิว่าเป็นอย่างไร”

ไม่ทันรอให้หลินสวินตอบ เจ้าลิงก็เอ่ยเสียงต่ำลึกว่า “สหายยุทธ์สองคนนั้น… ต่างถูกลบความทรงจำ กลายเป็นหมากตัวหนึ่งบน ‘โลกกระดานหมาก’ ในชั่วดีดนิ้ว…”

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท