Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2386 มุ่งหน้าเพียงลำพัง

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2386 มุ่งหน้าเพียงลำพัง

ตอนที่ 2386 มุ่งหน้าเพียงลำพัง

หลินสวินรู้สึกเศร้าอย่างอธิบายไม่ถูก

คนคุ้นเคยเหล่านั้น…

ล่วงลับไปนานแล้วหรือ

ไม่ถึงขนาดเจ็บปวดใจอะไร แค่รู้สึกไม่สบายใจ

“ไปเถอะ”

ซุ่นจี้รีบชิงเดินนำไปก่อน

นอกด่านตะวัน

เป็นพื้นที่อันกว้างใหญ่เวิ้งว้าง หักพังและแห้งเหี่ยว ในกาลเวลาไร้สิ้นสุดที่ผ่านมานี้เคยมีผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนต่อสู้ที่นี่ และผู้ที่สามารถรอดชีวิตได้ ท้ายที่สุดแล้วก็เป็นเพียงคนกลุ่มน้อย

ส่วนใหญ่ล้วนถูกฝังร่างอยู่ที่นี่ กลายเป็นดินถมพื้น

อู…

ฟ้าดินมืดมัว ไอชั่วร้ายปกคลุมเหนือท้องฟ้าราวเมฆคลุ้มหนาทึบ เสียงเป่าเขาสัตว์เป็นระลอกดังลอยมาจากไกลๆ เต็มไปด้วยไอเข่นฆ่า

ทอดมองไปไกลๆ เงาร่างราวกระแสน้ำเหมือนเส้นสีดำแผ่กระจายออกไปกลางฟ้าดินจากจุดไกลๆ เบียดเสียดหนาแน่นนับพันนับหมื่น จำนวนนับไม่หวาดไม่ไหว

นั่นคือกองทัพใหญ่ของผู้ฝึกปราณ กลิ่นอายทำลายล้างที่แผ่ออกมาจากตัวแต่ละคนเมื่อรวมเข้าด้วยกันก็กลายเป็นเมฆดําอึมครึมปกคลุมเหนือเวิ้งฟ้า

ฟ้าดินเปลี่ยนสี พายุสายฟ้าปั่นป่วน

ในสนามรบกว้างใหญ่ที่เข่นฆ่าดุเดือดนี้ ความตายเปรียบดั่งบทนำที่ไม่เปลี่ยนแปลงนิรันดร์ ใช้การเข่นฆ่าและหยาดเลือดแต่งแต้ม

“เยอะยิ่ง!”

ฝั่งดินแดนรกร้างโบราณ ผู้แข็งแกร่งที่ประจำการอยู่แนวหน้าของด่านตะวันล้วนเผยสีหน้าเคร่งขรึม

กระบวนทัพที่ศัตรูเคลื่อนพลในครั้งนี้มโหฬารกว่าก่อนหน้านี้มาก ราวกับแตนแตกรังออกมา ทำให้คนใจสะท้าน

“กี่คน” จักรพรรดิสงครามฉงอวิ๋นถามเสียงเข้ม เขาเป็นผู้ควบคุมด่านตะวัน มีบทบาทเป็นเหมือนเจ้านายและผู้บัญชาการของที่แห่งนี้

“หกคน” ดวงตาของจักรพรรดิสงครามเชียนเสวี่ยที่อยู่ข้างๆ กันเจือแสงเข้มคลุมเครือ หลังมองสำรวจคร่าวๆ ก็เอ่ยตอบ

“ระดับจักรพรรดิหกคนหรือ”

ซุ่นจี้ตะโกนร้องตกใจ “เจ้าพวกตัวดี นี่ดินแดนโบราณต้าหลัวคิดจะทำอะไร ลั่นกลองปลุกใจตีด่านตะวันหรือ”

ทุกคนมีสีหน้าเคร่งขรึมอึมครึม ล้วนไม่พูดอะไรสักคํา

ทุกคนรู้ชัดว่าการโจมตีของศัตรูครั้งนี้ต้องไม่ธรรมดา เป็นไปได้สูงว่าหมายจะใช้พลังทั้งหมดตัดสินผลแพ้ชนะ

ครู่หนึ่งจักรพรรดิสงครามฉงอวิ๋นกัดฟันแน่น ออกคำสั่งเสียงเข้มว่า “ส่งข่าวขอกำลังสนับสนุน บอกว่าเป็นข่าวฉุกเฉินจากด่านตะวัน! พวกเราสู้จนตัวตายอย่างมากก็ทำได้แค่ประคองไว้… แม่งเอ๊ย ประคองได้นานแค่ไหนก็แค่นั้นแล้วกัน ไม่ว่าอย่างไร ต่อให้ตายในสนามรบทั้งหมดก็ต้องรักษาด่านตะวันนี้ไว้ให้ได้!”

เสียงดุจดั่งฟ้าคำราม ดังกึกก้องไปทั่วฟ้าดิน

ในด่านตะวัน ผู้แข็งแกร่งในดินแดนรกร้างโบราณรวมกันก็แค่เกินพันคน และส่วนใหญ่ก็ได้รับบาดเจ็บอย่างเห็นได้ชัด

แต่เวลานี้กลับไม่มีใครล่าถอยสักคน!

สีหน้าแต่ละคนล้วนฉายความเด็ดเดี่ยว สงบและเยือกเย็น

“ลุย!”

ซุ่นจี้กัดฟันคำรามลั่น

“ลุย!”

ที่ด่านตะวัน ทุกคนต่างโห่ร้องเสียงดัง เสียงก้องสะเทือนเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน

ไม่ว่าจะเป็นคนเก่าแก่ที่ประจำการอยู่ที่นี่เป็นเวลาหลายปี หรือผู้แข็งแกร่งที่เพิ่งเข้าร่วมในไม่กี่ปีมานี้ ต่างรู้แต่แรกแล้วว่าบนกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิความเป็นความตายสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

อาจเพราะเตรียมใจมานานแล้ว พวกเขาจึงดูสงบเยือกเย็นอย่างเห็นได้ชัดเพียงนั้น

มองความตายเหมือนกลับบ้านเดิม

อู…

ไกลออกไปเสียงเป่าเขาสัตว์กังวานลอยมาใกล้เรื่อยๆ ร่างของศัตรูเหล่านั้นก็เหมือนกระแสน้ำเชี่ยวกรากที่ปกคลุมแผ่นดิน กําลังกวาดม้วนเข้ามา

ผู้นําแต่ละคนล้วนเป็นระดับจักรพรรดิที่มีกลิ่นอายน่าพรั่นพรึงสะท้านยุค ปลดปล่อยอานุภาพจักรพรรดิสูงสุดที่ทำให้ฟ้าดินเปลี่ยนสีออกมา

ในเวลานี้จู่ๆ หลินสวินก็พูดขึ้นว่า “ไม่ใช่หก แต่เป็นเก้า”

ประโยคเดียวทำเอาพวกจักรพรรดิสงครามฉงอวิ๋น จักรพรรดิสงครามเชียนเสวี่ย ซุ่นจี้ต่างนัยน์ตาหดรัด สภาพจิตใจหนักอึ้งขึ้น

มหาจักรพรรดิเก้าคนมาเยือนพร้อมกัน!

ศึกนี้จะให้สู้อย่างไร

“แม่งเอ๊ย ลุย!”

จักรพรรดิสงครามฉงอวิ๋นดวงตาแดงก่ำ ส่งเสียงคําราม

“ลุย!”

คนอื่นๆ ก็คํารามพร้อมกัน

กําแพงเมืองด่านจักรพรรดิเป็นแนวป้องกันแข็งแกร่งที่สุดในดินแดนรกร้างโบราณ หากถูกทำลาย ศัตรูแปดดินแดนจะต้องบุกเข้ามาเป็นแน่ เมื่อถึงเวลานั้นเกรงว่าดินแดนรกร้างโบราณทั้งหมดล้วนตกอยู่ในความวุ่นวาย!

“สหายน้อย เจ้าจะทำอะไร กลับมา!”

ทันใดนั้นซุ่นจี้หน้าเปลี่ยนสี พบว่าหลินสวินถึงกับมุ่งหน้าออกจากแนวป้องกันด่านตะวัน และทะยานไปยังสนามรบที่อยู่ห่างไกลด้วยตัวคนเดียว

นี่ทำให้ซุ่นจี้ใจหายใจคว่ำ

“ข้าจะไปถามพวกเขาดู ว่าตอนนี้ศิษย์คนนั้นของข้าอยู่ที่ไหน”

เสียงเรียบเรื่อยของหลินสวินลอยมา ตัวคนเดียวเอามือไพล่หลัง มุ่งหน้าไปยังสนามรบนองเลือดที่กว้างใหญ่และรกร้างแห่งนั้นโดยไม่หันกลับมาด้วยซ้ำ

“เหลวไหล!”

จักรพรรดิสงครามฉงอวิ๋นสีหน้าคล้ำเขียว “ซุ่นจี้ เจ้าหนูนี่เป็นใคร ทำไมกล้าไม่ฟังคําสั่ง เคลื่อนไหวโดยพลการ ถ้าเกิดประสบเคราะห์ เจ้าบอกข้าทีว่าควรช่วยหรือไม่ช่วย ถ้าหากช่วยจะช่วยอย่างไร”

เขาโกรธจนผมเคราลุกตั้ง มีโทสะอย่างเห็นได้ชัด

“ข้า…”

ซุ่นจี้สีหน้าเปลี่ยนไปมา กัดฟันแน่นแล้วกล่าวว่า “นี่คือสหายน้อยหลินสวิน ตอนนี้มีปราณระดับจักรพรรดิแล้ว เชื่อว่าในเมื่อเขากล้าทำเช่นนี้ ย่อมต้องมีความมั่นใจบางอย่าง”

ระดับจักรพรรดิ!

คนมากมายล้วนประหลาดใจ

“เป็นปราณระดับจักรพรรดิจริงๆ” จักรพรรดิสงครามเชียนเสวี่ยเพ่งพิศโดยละเอียดถึงค่อยพยักหน้า

ก่อนหน้านี้หลินสวินเก็บกลิ่นอายไว้มิดชิด อย่าว่าแต่พวกจักรพรรดิสงครามเชียนเสวี่ย แม้แต่ซุ่นจี้ที่เพิ่งพบหน้าหลินสวินเมื่อครู่ก็เกือบจะมองไม่ออก

“ระดับจักรพรรดิ…”

สีหน้าจักรพรรดิสงครามฉงอวิ๋นอ่อนลงไม่น้อย แต่ยังคงกล่าวด้วยความโกรธ “ระดับจักรพรรดิแล้วอย่างไร หากมองสถานการณ์ไม่ออกก็ยังอาจประสบเคราะห์! ตอนนี้ยังไม่ได้เปิดศึกจริงๆ ยังมีโอกาสช่วยกลับมาได้ ซุ่นจี้ รีบให้เขากลับมา!”

ซุ่นจี้พยักหน้าหงึกๆ แต่พอเงยหน้าขึ้นหลินสวินก็อยู่ห่างออกไปแล้ว และมาถึงเบื้องหน้าส่วนลึกของสนามรบแห่งนั้น

เขาที่ตัวคนเดียวขวางหน้ากองทัพใหญ่ที่แห่ตะลุยบุกสังหารเข้ามา!

ชั่วขณะหนึ่งอย่าว่าแต่ซุ่นจี้ แม้แต่ผู้แข็งแกร่งที่อยู่แนวหน้าของด่านตะวันอย่างพวกจักรพรรดิสงครามฉงอวิ๋นยังใจหายใจคว่ำ

ทั้งกระวนกระวายและโมโห เวลานี้จะมาอวดฝีมืออะไร นี่มันเอาตัวไปติดอวนชัดๆ!

ขณะเดียวกันกองทัพใหญ่ดินแดนโบราณต้าหลัวที่ยิ่งใหญ่นั้นต่างแปลกใจ ประหลาดใจยกใหญ่ คล้ายกับคิดไม่ถึงว่าด่านตะวันจะส่งคนผู้เดียวมุ่งหน้ามา

นี่จะมาตายเปล่าหรือ

ระดับจักรพรรดิกลิ่นอายน่าสะพรึงทั้งกลุ่มที่เป็นผู้นำโบกมือคราหนึ่ง กองทัพใหญ่ข้างหลังพลันชะงักเท้าทันที

ขณะเดียวกันสายตาของระดับจักรพรรดิเหล่านี้ต่างจับจ้องบนตัวหลินสวิน สีหน้าเจือความประหลาดใจ นึกสนุก ดูถูก ยิ้มเจ้าเล่ห์…

“ด่านตะวันรู้ตัวว่าสู้ไม่ไหว เลยส่งพวกตัวเล็กตัวน้อยอย่างเจ้ามาตายเปล่าหรือ”

ชายชราร่างผอมที่ดูภูมิฐานคล้ายนักพรต เท้าเหยียบกระบี่โบราณคนหนึ่งพูดขึ้น ดวงตาเย็นชา ฉายแววเหยียดหยาม

“ข้าจะให้โอกาสเจ้ากลับไปบอกพวกแพะสองขาที่ด่านตะวันว่ารีบยอมแพ้แต่โดยดี และเลิกต่อต้านโดยเร็ว มิฉะนั้นเมื่อพวกข้าบุกเหยียบด่านตะวัน ก็เป็นวันพินาศของพวกเจ้า!”

ชายชุดคลุมสีม่วงตัวสูงใหญ่กำยำคนหนึ่งตะโกน เสียงราวฟ้าร้องสะเทือนจักรวาล

หลินสวินกวาดสายตามองไปยังผู้แข็งแกร่งดินแดนโบราณต้าหลัวเหล่านี้แล้วกล่าวเรียบๆ ว่า “ใครรู้บ้างว่าตอนนี้ซูไป๋อยู่ที่ไหน ตอบข้ามา แล้วจะไว้ชีวิตให้”

คำพูดเรียบเรื่อย แต่กลับดังก้องชัดเจนในหูของศัตรูทุกคน

นี่ทำให้ศัตรูเหล่านั้นอดตกตะลึงไม่ได้

เจ้าหมอนี่ตัวคนเดียวเท่านั้น แต่ถึงขั้นกล้าข่มขู่พวกเขาต่อหน้ากองทัพนับหมื่นหรือ

นี่มันบ้าชัดๆ!

“ซูไป๋?” ชายชราร่างผอมที่เท้าเหยียบกระบี่โบราณขมวดคิ้ว “เจ้าหมายถึงเจ้าหนุ่มที่มีกระดูกกระบี่คนนั้นหรือ เขาเป็นต้นกล้าที่หายากจริงๆ แต่น่าเสียดาย ชั่วชีวิตนี้เกรงว่าเจ้าอาจไม่ได้พบเขาอีกแล้ว”

“ดูเหมือนว่าเจ้าจะรู้จักศิษย์คนนั้นของข้า ไม่เลว เจ้ามีชีวิตต่อได้อีกหน่อย” หลินสวินเหลือบมองชายชราร่างผอมปราดหนึ่ง

“รนหาที่ตาย ฆ่าก่อนแล้วค่อยพูด!”

ชายชุดม่วงที่ตัวสูงใหญ่กำยำคนนั้นกล่าวพลาง หยิบง้าวสงรามสีทองขึ้นมา เคลื่อนตะลุยไปกลางห้วงอากาศ กวาดสะบัดตามจังหวะมือ แสงสีทองหอบม้วน ห้วงอากาศพันจั้งระเบิดถล่มครืน

“แย่แล้ว!”

ตูม!

หน้าด่านตะวัน พวกจักรพรรดิสงครามฉงอวิ๋น จักรพรรดิสงครามเชียนเสวี่ย ซุ่นจี้ล้วนหน้าเปลี่ยนสี จำคนที่ลงมือได้ว่าคนโหดเหี้ยมระดับจักรพรรดิในดินแดนโบราณต้าหลัว มีปราณระดับจักรพรรดิขั้นสอง ในการต่อสู้หลายครั้งก่อนหน้านี้ แสดงให้เห็นถึงพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งสุดขั้ว

ทางฝั่งด่านตะวัน ผู้แข็งแกร่งหลายคนถูกคนผู้นี้ฆ่าตาย

และในเวลานี้ เมื่อเห็นคนผู้นี้ลงมือกับหลินสวิน จะไม่ให้คนเป็นห่วงได้อย่างไร

แต่หลินสวินกลับเหมือนไม่รู้สึกรู้สา ทำเพียงยื่นมือข้างหนึ่งออกมาจับเบาๆ

ปึง!

ง้าวสงครามสีทองที่ฟันลงมาถูกเขากำไว้ในมือทันที ง่ายดายแผ่วเบา ราวบีบแมลงวันตัวหนึ่ง

จากนั้น พร้อมกับที่เขาออกแรงบริเวณข้อมือ

ตูม!

ง้าวสงครามสีทองระเบิดตรงๆ กลายเป็นละอองแสงสีทองโปรยปรายไปทั่วท้องฟ้า

ภายใต้การถูกซัดสะเทือนกลับ เงาร่างชายสูงใหญ่กำยำคนนั้นซวนเซ เกือบจะพลัดตกจากห้วงอากาศ

เขาหน้าเปลี่ยนสียกใหญ่

แต่ในขณะเดียวกัน พร้อมๆ กับหลินสวินโบกแขนเสื้อคราหนึ่ง แสงมรรคไร้ขอบเขตก็กวาดม้วนออกมาราวขุนเขาถล่มคลื่นยักษ์โหมซัด บดขยี้จักรวาล ส่องสว่างภูผาธารา

ทันใดนั้น ร่างของชายฉกรรจ์ที่มีปราณระดับจักรพรรดิขั้นสองก็ถูกซัดสะเทือนจนแหลกเป็นชิ้นนับไม่ถ้วน และกลายเป็นเถ้าถ่านโปรยร่วงลงมา

สังหารจักรพรรดิด้วยการโบกแขนเสื้อคราเดียว!

ฉากนองเลือดเช่นนี้สะท้านสะเทือนทั่วลานในทันที

ผู้แข็งแกร่งในดินแดนโบราณต้าหลัวที่อานุภาพแกร่งกร้าวสูงสุด ล้วนแล้วแต่งงจนเซ่อ พากันไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง

เมื่อมองไปทางฝั่งดินแดนรกร้างโบราณ พวกซุ่นจี้ จักรพรรดิสงครามฉงอวิ๋นล้วนปากอ้าตาค้าง สูดหายใจเย็นเฮือก อาการเหมือนเห็นผี

ก่อนหน้านี้พวกเขายังกังวลว่าหลินสวินจะประสบเคราะห์ แต่พริบตาเดียว เขากลับกำจัดมหาจักรพรรดิคนหนึ่งได้อย่างสบายๆ!

นี่ดูเหลือเชื่อเกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย

“แค่ขยะแบบนี้ ก็กล้ามาร้องท้า ตายไปก็ไม่เสียดาย”

หลินสวินดีดนิ้วเบาๆ นัยน์ตาผุดแววเย็นเยียบขึ้นมา “ดูท่า คงไม่ต้องถ่วงเวลาอีกต่อไปแล้ว”

“รีบลงมือพร้อมกันเร็ว!”

“ฆ่า!”

ในชั่วขณะนี้ ระดับจักรพรรดิในดินแดนโบราณตาหลัวทั้งกลุ่มไม่กล้าลังเลอีกต่อไป พุ่งโจมตีเต็มกําลัง เรียกศาสตราจักรพรรดิออกมา ร่ายสำแดงวิชามรรค แต่ละคนแสดงฝีมือมรรคจักรพรรดิประหนึ่งมืดฟ้ามัวดิน

แต่สำหรับหลินสวินแล้ว ยังดูไม่ได้เลยสักนิด

ก็เห็นเขาเหยียบย่างกลางอากาศ รวบนิ้วตวัดวาดไม่ยั้ง ปราณกระบี่สว่างโรจน์พร่างพราวเป็นสายๆ ก็ยิงโฉบออกมาพร้อมกัน

ปราณกระบี่มรรคแต่ละสายล้วนประทับนัยเร้นลับเทพผีสุดหยั่ง แข็งกร้าวไร้ทัดเทียม เผด็จการที่สุดในยุค

เมื่อโฉบออกมาพร้อมกัน ปราณกระบี่ระดับนั้นคล้ายพุ่งเจาะทะลวงเก้าสวรรค์สิบแผ่นดิน ฉีกทึ้งจักรวาลแถบนี้ กำจัดหมื่นชีวิตสิ้นซาก!

พรูด!

ทันใดนั้น ก็มีระดับจักรพรรดิคนหนึ่งถูกผ่าเป็นสองท่อน ร่างถูกปราณกระบี่ไพศาลหลอมระเหยเกลี้ยง ร่างกายและดวงจิตล้วนดับสิ้น

พรูดๆๆ!

ในเวลาถัดมา ระดับจักรพรรดิคนแล้วคนเล่าถูกกำจัดพร้อมๆ กัน

ศาสตราจักรพรรดิอะไร วิชามรรคอะไรล้วนถูกปราณกระบี่สว่างจ้านั่นบดขยี้ ไม่ว่าจะต้านทานอย่างไรล้วนเหมือนตั๊กแตนขวางรถ ยับเยินในการโจมตีเดียว

เพียงไม่กี่พริบตา

ระดับจักรพรรดิเก้าคนที่นำกองทัพใหญ่เข้ามาเหล่านี้ นอกจากชายชราผอมแห้งคนนั้น ล้วนถูกหลินสวินสังหารตายคาที่!

เร็วเกินไป!

และรวดเร็วรุนแรงน่าสะพรึงเกินไป!

อยู่ต่อหน้าหลินสวิน ระดับจักรพรรดิเหล่านั้นก็เหมือนจอกแหนตะไคร่น้ำ ถูกกำจัดทิ้งตามต้องการ ไม่เปลืองเรี่ยวแรง

เดิมที พวกจักรพรรดิสงครามฉงอวิ๋น ซุ่นจี้เตรียมตัวลงมือไว้พร้อมแล้ว วางแผนว่าหากหลินสวินถูกล้อมกรอบจริง ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องช่วยเขากลับมาให้ได้

แต่ใครเลยจะคาดคิด ไม่มีโอกาสให้พวกเขาได้ลงมือเลย ใต้เงื้อมมือหลินสวินกำลังฉายแสดงภาพนองเลือดเข่นฆ่ามหาจักรพรรดิเป็นฉากๆ…

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท