Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2387 กดกำราบศัตรูหนึ่งดินแดน

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2387 กดกำราบศัตรูหนึ่งดินแดน

ในฐานะระดับจักรพรรดิ พวกซุ่นจี้ก็นับว่ามีประสบการณ์ในโลก พบเห็นการเข่นฆ่านองเลือดมามากมายแล้ว

แต่กลับไม่เคยเห็นภาพที่ฆ่าจักรพรรดิเหมือนเชือดไก่ฆ่าลิงปานนี้!

เวลาเพียงไม่กี่กะพริบตา แต่พลังที่หลินสวินสำแดงออกมาเกือบจะล้มล้างความรู้ของพวกเขา ทุกคนล้วนตกตะลึงอยู่ตรงนั้น ภายในใจสั่นสะท้านจนไม่อาจมากไปกว่านี้ได้

ส่วนผู้แข็งแกร่งคนอื่นๆ ในแนวหน้าของด่านตะวันต่างก็เบิกตาโต อ้าปากกว้าง อึ้งงันอยู่ตรงนั้น

นี่… ใช้คำว่าแข็งแกร่งมาอธิบายได้เสียที่ไหน

ในสนามรบไกลออกไป

ชายชราร่างผอมสั่นไปทั้งตัว เหงื่อเย็นผุดออกมาเหมือนของเหลว วิญญาณเกือบลอยหลุดแล้ว ถูกทำให้ตกใจกลัวโดยสมบูรณ์

ทุบสมองจนแตกเขาก็ไม่คิดว่าพวกพ้องรอบตัวจะร่วงหล่นเร็วขนาดนี้!

นั่นเป็นถึงมหาจักรพรรดิทุกคนเชียวนะ!

แต่ภายใต้น้ำมือชายหนุ่มคนนั้น กลับสิ้นท่าปานนี้!

ตึง!

ไม่รอให้ชายชราผอมแห้งตอบสนอง ก็ถูกตีสลบไป

จากนั้นก็เห็นเงาร่างหลินสวินพริบไหวกลางอากาศ

ฮูม…

ร่างแยกสามพันสายทะยานออกมาแน่นขนัด บดฟ้าบังตะวัน แต่ละร่างล้วนมีปราณระดับกึ่งจักรพรรดิ เป็นรองเพียงระดับจักรพรรดิเท่านั้น

นี่ก็คืออภินิหารพรสวรรค์กายมรรควารีดำ… สามพันลี้วารียาว

พลังที่ร่างแยกแต่ละร่างมี ต่ำกว่าเพียงหนึ่งระดับใหญ่ของกายมรรควารีดำ!

อย่างกายมรรคทั้งห้าและร่างเดิมของหลินสวินล้วนมีปราณระดับจักรพรรดิขั้นห้า แต่ร่างแยกสามพันสายของกายมรรควารีดำนี้ พลังต่อสู้ที่มีอยู่อย่างมากที่สุดก็เพียงแค่ระดับกึ่งจักรพรรดิเท่านั้น

แน่นอนว่าเป็นระดับมกุฎกึ่งจักรพรรดิ!

กองทัพดินแดนโบราณต้าหลัวที่อยู่ไกลๆ ยังคงอยู่ในอาการตกใจมึนตื้อ ไม่อาจดึงสติกลับมาจากภาพการร่วงหล่นของระดับจักรพรรดิเหล่านั้น จู่ๆ ก็เห็นภาพที่สามพันร่างแยกของหลินสวินออกมาอีก ชั่วขณะเดียวกก็รู้สึกเหมือนจะพังทลายไปทั้งตัว

แต่น่าเสียดายที่การเข่นฆ่าครั้งนี้ถูกกำหนดแล้วว่าจะไม่เสียเวลาเพราะพวกเขาแม้แต่น้อย

ตูม

กลางห้วงอากาศ สามพันร่างแยกออกเคลื่อนไหวพร้อมกัน ก็เหมือนกับหลินสวินในระดับมกุฎกึ่งจักรพรรดิสามพันคนลงมือพร้อมกัน เดิมก็เป็นกองทัพใหญ่ที่น่ากลัวไร้สิ้นสุดอยู่แล้ว

ชั่วขณะเดียวก็เห็นการฆ่าล้างปะทุขึ้นทั่วสี่ทิศในสนามรบ กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง เสียงร้องโหยหวน กรีดร้อง คร่ำครวญนับไม่ถ้วน… ดังขึ้นจากจุดนี้ไปอย่างต่อเนื่อง

ทันทีที่เริ่มลงมือเข่นฆ่า กองทัพใหญ่ดินแดนโบราณต้าหลัวที่มีจำนวนมากกว่าหมื่นคนก็พังทลายลงตรงๆ ไม่รู้ว่ามีคนเท่าไหร่กรีดร้องด้วยความหวาดกลัว วิ่งหนีจ้าละหวั่น

“สวรรค์!”

“ผู้อาวุโสหลินสวินคนนั้น… ยังเป็นคนอยู่ไหม”

“แข็งแกร่งเกินไปแล้ว! ตัวคนเดียวกดกำราบศัตรูหนึ่งดินแดน!”

…ฝั่งแนวหน้าด่านตะวัน เสียงอุทานนับไม่ถ้วนดังขึ้น สีหน้าของผู้แข็งแกร่งทุกคนเต็มไปด้วยความสะท้านสะเทือนและตื่นเต้นจนตัวสั่น

“มัวอึ้งอยู่ทำไม เข้าไปฆ่าสิ!”

จักรพรรดิสงครามฉงอวิ๋นคําราม ทั้งตัวล้วนฮึกเหิมยิ่งยวด ดวงตาทอประกาย ความวิตกกังวลและหนักอึ้งในใจหายเป็นปลิดทิ้งนานแล้ว

เขารีบพุ่งเข้าไปในทันที

“ฆ่า!”

พวกจักรพรรดิสงครามเชียนเสวี่ยและซุ่นจี้ก็ตามหลังไปติดๆ

ไม้ล้มวานรเตลิด ทัพพินาศราวภูเขาล้มคว่ำ

หลังจากหลินสวินกำจัดระดับจักรพรรดิเหล่านั้น ศึกนี้ก็ถูกกำหนดแล้วว่าดินแดนโบราณต้าหลัวจะไม่มีโอกาสพลิกสถานการณ์ได้อีก

และหลังจากหลินสวินสำแดงอภินิหารพรสวรรค์อกมา ก็เป็นการเร่งความพ่ายแพ้และพังพินาศของศัตรูอย่างไม่ต้องสงสัย

ฉะนั้นเมื่อกำลังพลของดินแดนรกร้างโบราณภายใต้การนําของจักรพรรดิสงครามฉงอวิ๋นเพิ่งเข้าสนามรบไม่นาน การต่อสู้ครั้งนี้ก็เข้าสู่ช่วงท้ายแล้ว

ที่ถูกพวกเขาฆ่าตาย ก็เป็นเพียงปลาเล็ดลอดตาข่ายส่วนหนึ่งเท่านั้น

ครึ่งชั่วยามต่อมา

ในสนามรบอันกว้างใหญ่กลิ่นคาวเลือดลอยคลุ้ง ไม่พบร่องรอยของศัตรูหน้าไหนอีกเลย

นี่ทําให้พวกจักรพรรดิสงครามฉงอวิ๋นที่ขวัญกำลังใจฮึกเหิม เลือดลมพลุ่งพล่าน ถึงขั้นรู้สึกยังไม่อยากให้จบและผิดหวังขัดใจอยู่บ้าง

จนกระทั่งการต่อสู้ปิดฉากลง

สายตาทุกคู่ล้วนมองไปในทิศทางเดียวกัน หาคนเดียวกันอย่างพร้อมเพรียง…

หลินสวิน!

ก่อนหน้านี้ใครจะคิดว่าชายหนุ่มที่เคลื่อนไหวโดยพลการผู้นี้ จะมีพลังต่อสู้ที่น่าสะพรึงจนน่าเหลือเชื่อเช่นนี้

ดุจดั่งเทพศักดิ์สิทธิ์มาเยือนโลก กวาดล้างศัตรูทั้งมวล!

ในเวลานี้เมื่อมองไปที่หลินสวินอีกครั้ง สายตาของทุกคนก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว มีความสะท้านสะเทือน ความเคารพและยําเกรงจากใจเพิ่มขึ้นมา

บนกําแพงเมืองด่านจักรพรรดิแห่งนี้ ตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบันไม่รู้ว่ามียักษ์ใหญ่ในตํานานเกิดขึ้นกี่คน แต่ละคนมีผลงานการต่อสู้เป็นตำนานน่าสรรเสริญ

และหลังการต่อสู้ในวันนี้ก็ทําให้ทุกคนตระหนักว่า ลำพังแค่การต่อสู้ครั้งนี้ก็สามารถทําให้ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์หมื่นยุค ชื่อเสียงเกริกก้องไปชั่วกาลนาน!

“ก่อนหน้านี้เป็นข้าน้อยตาถั่ว ดูเบาความสามารถของสหายยุทธ์ หวังว่าจะให้อภัย”

จักรพรรดิสงครามฉงอวิ๋นประสานหมัดคารวะ เผยสีหน้าละอายใจ

หลินสวินยิ้มพลางพยุงอีกฝ่ายขึ้น “คนไม่รู้ย่อมไม่ผิด ยิ่งไปกว่านั้นการเคลื่อนไหวครั้งนี้ก็เป็นข้าตัดสินใจเอาเอง กลับทําให้ทุกคนเป็นห่วงแล้ว”

“ฮ่าๆๆ อย่าถ่อมตัวไปเลย ครั้งนี้สหายน้อยอย่างเจ้าได้ใช้พลังตัวคนเดียว ช่วยด่านตะวันไว้ทั้งด่าน!”

ซุ่นจี้เดินมาพร้อมหัวเราะเสียงดัง

“ไป กลับด่านตะวันไปคุยกันดีๆ ครั้งนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องต้อนรับสหายยุทธ์เป็นอย่างดี เพื่อแสดงความขอบคุณจากใจของพวกเรา” จักรพรรดิสงครามเชียนเสวี่ยยิ้มกล่าว

คนอื่นๆ ก็เผยสีหน้าคาดหวังเช่นกัน หากสามารถร่ำสุรากับบุคคลในตํานานเช่นนี้ได้ ก็ถือได้ว่าเป็นการเพิ่มสีสันในชีวิตการฝึกปราณของตัวเองแล้ว

กลับเห็นหลินสวินส่ายหัว “ทุกท่าน รอให้ข้าคนแซ่หลินพาตัวลูกศิษย์กลับมาก่อน ค่อยมาร่วมดื่มสังสรรค์กับทุกท่าน”

ทุกคนอึ้งไป

“สหายน้อย ซูไป๋เขา…” ซุ่นจี้อดกล่าวไม่ได้

“น่าจะไม่เป็นไร เพียงแต่ข้าอาจต้องมุ่งหน้าไปดินแดนโบราณต้าหลัวสักเที่ยว”

หลินสวินพูดพลางปล่อยตัวชายชราร่างผอมคนนั้นที่ถูกจับตัวออกมา “ทุกท่านไม่ต้องห่วง มีเจ้าเฒ่านี่อยู่ เชื่อว่าต้องหาตัวลูกศิษย์ของข้ากลับมาได้แน่นอน”

พวกซุ่นจี้ต่างพากันห้ามปราม เพราะดินแดนโบราณต้าหลัวนั้นถึงที่สุดแล้วก็เป็นอาณาเขตของศัตรู หากบุ่มบ่ามเข้าไปเกรงว่าจะเกิดอันตรายมากมาย

แต่หลินสวินตัดสินใจว่าจะไปแล้ว สุดท้ายก็ยังจากไปอยู่ดี

ดินแดนโบราณต้าหลัวอะไร ด้วยพลังต่อสู้ในปัจจุบันของเขา ต่อให้จะถูกกดพลังปราณไว้ ต่อให้ได้พบกับ ‘บรรพาจารย์จักรพรรดิ’ ที่ปกครองขุมอำนาจแห่งหนึ่ง ก็มีปัญญาหนีเอาตัวรอดได้

มองส่งเงาร่างหลินสวินจากไป หายลับไปไกลจากสนามรบ พวกซุ่นจี้ล้วนสีหน้าซับซ้อน ไม่รู้ว่าควรดีใจหรือควรกังวล

การต่อสู้ครั้งนี้คว้าชัยครั้งใหญ่ เดิมควรเฉลิมฉลองกัน

แต่หลินสวินเดินทางไปยังดินแดนโบราณต้าหลัวคนเดียว กลับทําให้พวกเขาเป็นห่วงอย่างอดไม่ได้

“ไป พวกเรากลับกันเถอะ”

ซุ่นจี้เอ่ยปากเป็นคนแรก “ความแข็งแกร่งในพลังต่อสู้ของสหายน้อยหลินสวิน เมื่อครู่ทุกท่านล้วนได้เห็นกันแล้ว ในเมื่อเขากล้าทําแบบนี้ย่อมต้องมีความมั่นใจ ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าพวกเราจะกังวลแค่ไหนก็ช่วยอะไรไม่ได้มากนักหรอก”

ทุกคนพยักหน้า

“ไป กลับไปเล่าเรื่องของสหายน้อยหลินสวินคนนี้ให้ข้าได้รู้จักหน่อย เมื่อก่อนข้ารู้แค่ว่ามีคนเยี่ยมยอดคนหนึ่งอยู่ในดินแดนรกร้างโบราณ แต่ไม่เคยคิดว่าเพิ่งผ่านไปไม่กี่ปี ชายหนุ่มในปีนั้นกลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิที่ฝีมือเทียมฟ้าแล้ว”

จักรพรรดิสงครามฉงอวิ๋นกล่าว

คนอื่นๆ ก็เผยสีหน้าอยากรู้อยากเห็นเช่นกัน

จักรพรรดิสงครามเชียนเสวี่ยฉุกคิดถึงอะไรบางอย่างขึ้นมา ตบหน้าผากหนึ่งฉาดแล้วตะโกนว่า “ใช่แล้ว รีบออกคําสั่งด่วน ให้ถอนคําสั่งขอความช่วยเหลือก่อนหน้านี้ และแจ้งพวกเฒ่าชราบนฐานที่มั่นอื่นๆ ของกําแพงเมืองด่านจักรพรรดิ ว่าต่อไปด่านตะวันแห่งนี้จะไม่มีศัตรูกล้ามารุกรานอีก!”

“ที่แท้ก็ถูกจับตัวไปหอกระบี่ฟ้า…”

ระหว่างทางหลินสวินสังหารชายชราร่างผอมคนนั้นแล้วสืบค้นพลังจิตของเขา ไม่นานก็เข้าใจเรื่องที่อยากรู้อย่างรวดเร็ว

ที่แท้เมื่อไม่นานมานี้ซูไป๋ที่สำแดงฝีมือสะดุดตาในสนามรบของกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิ ถูกดินแดนโบราณต้าหลัวหมายหัวมานานแล้ว

ดังนั้นในการต่อสู้ครั้งหนึ่ง ผู้แข็งแกร่งในดินแดนโบราณต้าหลัวเหล่านี้เตรียมการซุ่มโจมตีไว้อย่างพิถีพิถัน ถึงขั้นส่งจักรพรรดิกระบี่คนหนึ่งออกมาเพื่อจะจับเป็นซูไป๋

จักรพรรดิกระบี่คนที่ว่านี้ ก็คือชายชราผอมแห้งที่ถูกหลินสวินฆ่าตายในตอนนี้

ในความทรงจําจิตวิญญาณของเขา หลังซูไป๋โดนจับตัวก็ถูกส่งไปหอกระบี่ฟ้าในดินแดนโบราณต้าหลัวทันที

และจุดประสงค์ในการจับเป็นซูไป๋ของหอกระบี่ฟ้าก็ง่ายดายมาก ล้วนเพื่อพลังพรสวรรค์กระดูกกระบี่ที่ติดตัวเขามาแต่เกิด!

ไม่ได้หมายจะยึดครองพรสวรรค์ แต่หมายจะใช้วิชาลับล้างความทรงจำของซูไป๋ ทำให้เขาจงรักภักดีต่อหอกระบี่ฟ้าอย่างสมบูรณ์

ตามการคาดคะเนของหอกระบี่ฟ้า มกุฎกึ่งจักรพรรดิอย่างซูไป๋ ภายหน้าต้องกลายเป็นจักรพรรดิกระบี่สะท้านยุคคนหนึ่งอย่างแน่นอน

หากสามารถควบคุมคนแบบนี้ไว้ในอาณัติได้ ก็ไม่ต่างอะไรกับการบ่มเพาะไพ่ตายให้สำนัก!

หลังจากทำความเข้าใจเรื่องเหล่านี้แล้ว หลินสวินก็อดหัวเราะเย็นชาไม่ได้ หอกระบี่ฟ้านี่ดีดลูกคิดคำนวณมาเป็นอย่างดี แต่น่าเสียดาย พวกเขาถึงขั้นกล้าเพ่งเล็งมาที่ตน ช่างรนหาที่ตายให้ตัวเองชัดๆ

หลินสวินเริ่มเร่งเดินทางเต็มกำลังโดยไม่มัวโอ้เอ้

จากความทรงจําของชายชราผอมแห้ง หลังจากผ่านสนามรบอันกว้างใหญ่นั้นไปแล้ว ข้ามโลกที่แตกสลายอีกสองสามแห่งก็จะถึงดินแดนโบราณต้าหลัว

หอกระบี่ฟ้าก็หาเจอได้ง่าย สำนักนี้เป็นสำนักกระบี่อันดับหนึ่งของดินแดนโบราณต้าหลัว เป็นที่รู้จักทั่วหล้า ขอเพียงมาถึงดินแดนโบราณต้าหลัวก็สามารถหาพบได้ง่าย

เพียงหนึ่งวันให้หลัง

ดินแดนโบราณต้าหลัว

หลินสวินเข้าไปในนั้นอย่างราบรื่น

‘แม้ว่าไอวิญญาณของฟ้าดินในโลกนี้จะเข้มข้น แต่ก็ไม่อาจเทียบได้กับดินแดนรกร้างโบราณที่เกิดการเปลี่ยนแปลงรุนแรงภายใต้สภาพที่ไอวิญญาณฟื้นคืน หากเป็นก่อนหน้านี้ ดินแดนรกร้างโบราณด้อยกว่าดินแดนนี้มากโขจนเทียบไม่ติดจริงๆ…’

หลินสวินเอามือไพล่หลัง เดินทางผ่านภูเขาลำธารหมือนนักเดินทาง แม้ดูเหมือนเดินเล่นลอยชาย แต่ในอันที่จริงความเร็วกลับว่องไวอย่างน่าเหลือเชื่อ

‘เมื่อคาดเดาเช่นนี้ เหตุที่พักนี้ดินแดนโบราณต้าหลัวมุ่งหน้าไปกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิและรุกรานโจมตีบ่อยครั้ง เกรงว่าคงเพราะตระหนักได้แล้วว่า เมื่อดินแดนรกร้างโบราณแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ภายใต้สภาพที่ไอวิญญาณฟื้นคืน ภายหน้าจะต้องคุกคามดินแดนโบราณต้าหลัวของพวกเขาอย่างรุนแรงแน่นอน’

‘ในขณะเดียวกัน หากสามารถรุกเข้าดินแดนรกร้างโบราณและปล้นชิงอาณาเขตของดินแดนรกร้างโบราณได้ ก็เท่ากับได้รับวาสนาและผลประโยชน์ต่างๆ จากไอวิญญาณฟื้นคืน…’

หลินสวินคิดไปพลางเร่งเดินทางไปพลาง เริ่มเข้าใจคร่าวๆ ถึงเจตนาที่ดินแดนโบราณต้าหลัวก่อสงครามบ่อยครั้งในช่วงหลายปีมานี้แล้ว

สำหรับสิ่งเหล่านี้หลินสวินไม่ได้สนใจ

เขามาที่นี่เพียงเพื่อพาตัวซูไป๋ศิษย์ฝากนามที่ไม่ได้พบกันมาหลายปีกลับไปเท่านั้น!

‘ดูเหมือนว่าผู้ฝึกปราณที่พบเห็นระหว่างทางนี้ไม่ได้แตกต่างจากดินแดนรกร้างโบราณมากนัก แต่ความแค้นระหว่างเก้าดินแดนเกิดขึ้นมานานมากแล้ว แค้นเลือดที่สะสมมานานหลายปีในกาลเวลาไร้สิ้นสุดนี้ ภายหน้าต้องมีบทสรุปอย่างแน่นอน…’

ระหว่างทางหลินสวินก็สังเกตไปด้วย เมื่อผ่านเมืองบางแห่ง สิ่งที่เห็นและได้ยินก็ไม่มีอะไรพิเศษนัก

เช่นเดียวกับในเวลานี้ เขาเดินทางอยู่ในดินแดนโบราณต้าหลัวนี้ แม้แต่พลังมหามรรคกลางฟ้าดินก็ไม่ได้ต่างจากดินแดนรกร้างโบราณมากนัก อย่างมากก็แค่กดปราณของเขาให้อยู่ในระดับมกุฎจักรพรรดิขั้นสามเท่านั้น

และเป็นเพราะจุดนี้ ทำให้หลินสวินเดาได้ว่า ในดินแดนโบราณต้าหลัวต้องไม่มีระดับจักรพรรดิที่ปราณเกินกว่าขั้นสามอย่างแน่นอน!

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท