Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2424 เงามายาร่างแยก

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2424 เงามายาร่างแยก

ตอนที่ 2424 เงามายาร่างแยก

เมื่อพวกเหวินเซ่าเหิงมาถึงบนแผ่นดินที่ลอยอยู่นั้น การต่อสู้ชุลมุนที่เกิดขึ้นก็จบลงอย่างไม่ทราบสาเหตุ

เหวินเซ่าเหิง!

ถือกำเนิดในเผ่าจักรพรรดิอมตะ แค่ฐานะนี้ก็ทำให้ระดับจักรพรรดิที่มาจากโลกพันจักรวาลหวาดหวั่นไม่สิ้นแล้ว

‘เจ้าหมอนี่เอง…’

หลินสวินซึ่งอยู่ในที่มืดอึ้งไปก่อน จากนั้นเผยสีหน้านึกสนุก

คนอื่นหวาดกลัวฐานะของเหวินเซ่าเหิง แต่หลินสวินไม่สนใจสักนิด

อีกทั้งยามอยู่ในเมืองข้ามแดนก็หักหน้าอีกฝ่ายแล้ว ในใจหลินสวินจึงมองเขาเป็นศัตรูไปนานแล้ว!

ยามนี้ทั้งพื้นที่นี้ล้วนเงียบงัน เหล่าผู้กล้าชำเลืองมอง ล้วนไม่มีใครไม่เผยสีหน้าหวาดกลัว มุมปากของเหวินเซ่าเหิงอดเผยรอยยิ้มเย่อหยิ่งไม่ได้

นั่นเป็นความทระนงอย่างหนึ่ง เผยความเย่อหยิ่งอย่างไม่ปกปิดสักนิด

“พวกเจ้าสลายตัวไปเดี๋ยวนี้เถอะ ต้นกำเนิดมหามรรคนี่ข้าจะเอา” เขาพูดง่ายๆ ประโยคเดียว หมายจะยึดครองวาสนาที่ทุกคนต่อสู้แย่งชิงกันมานาน

สีหน้าของระดับจักรพรรดิที่อยู่บริเวณนั้นอึมครึม

โดยเฉพาะพวกที่ต่อสู้ชุลมุนกันอยู่บนแผ่นดินนั้น ไม่ว่ามาจากขุมอำนาจไหน ในใจล้วนเดือดดาล

“หึ! คำพูดของนายน้อยตระกูลข้า พวกเจ้าไม่ได้ยินหรือ”

หญิงชราข้างๆ เหวินเซ่าเหิงส่งเสียงหยันเย็นเยียบ “สามลมหายใจ หากยังไม่ไปอีก ก็รับผลลัพธ์กันเอง!”

เสียงดังไปทั่ว

“ไป!”

ทันใดนั้นระดับจักรพรรดิกลุ่มหนึ่งจากไปด้วยสีหน้าอึมครึมทันที จากนั้นคนอื่นๆ ในที่นั้นก็จากไปตามๆ กัน

รวมทั้งบุคคลขอบเขตมกุฎอย่างพวกสิงมู่เทียน ล้วนโกรธแต่ไม่กล้าพูด เลือกที่จะถอยจากไป

ภาพนี้ทำให้หลินสวินได้เห็นความน่ากลัวของเผ่าจักรพรรดิอมตะอีกฟากฝั่งโดยตรง นั่นเป็นความน่าเกรงขามที่ไร้รูปอย่างหนึ่ง สามารถทำให้บุคคลชั้นเลิศในโลกพันจักรวาลเหล่านั้นต่างก้มหัว อดทนอดกลั้น!

“ยังมีพวกที่ซ่อนตัวอยู่ในที่มืดเหล่านั้นด้วย ถ้ายังไม่ไปก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ!” หญิงชราสายตาราวกับสายฟ้า กวาดมองพื้นที่รอบๆ แผ่นดินล่องลอย

ไม่ทันไรก็มีระดับจักรพรรดิที่จับจ้องตาเป็นมันอยู่ในที่มืดส่วนหนึ่งถอนหายใจ หมุนตัวจากไป

มีขุมอำนาจตระกูลเหวินอยู่ที่นี่ ใครจะกล้าไปแย่งเล่า

แต่ก็มีคนโกรธเคือง อดส่งเสียงไม่ได้

“แดนใหญ่พันศึกไม่ใช่เขตอิทธิพลของตระกูลเหวิน พวกเจ้าทำเช่นนี้เผด็จการเกินไปหรือไม่”

ประโยคเดียวทำให้เหวินเซ่าเหิงขมวดคิ้ว

และหญิงชราคนนั้นก็พุ่งปราดออกไปในทันที เคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศ ใช้ไม้เท้าไผ่ที่เขียวมรกตดุจหยกในมือกระแทกออกไปคราหนึ่ง

ตูม โครม!

แสงเขียวมรกตพรั่งพรูลงมา กระแทกพื้นที่แห่งนั้นจนทลายปั่นป่วน

เงาร่างระดับจักรพรรดิคนหนึ่งถูกสะเทือนจนซวนเซ หน้าเปลี่ยนอย่างอดไม่ได้ หมุนตัวหมายจะหนีแต่ก็ช้าไปก้าวหนึ่งแล้ว

ปัง!

เมื่อหญิงชราก้าวเท้า ไม้เท้าไผ่ในมือจรดกลางอากาศเบาๆ คราหนึ่ง

แสงประกายเขียวสายหนึ่งพุ่งยิงออกมา ชั่วพริบตาศีรษะของระดับจักรพรรดิคนนั้นก็ถูกโจมตีทะลุ ปรากฏหลุมเลือดน่ากลัว

จากนั้นทั้งร่างกลายเป็นเถ้าถ่านล่องลอย กายและจิตดับสิ้น!

ภาพน่ากลัวเช่นนี้ทำให้ระดับจักรพรรดิบางส่วนที่ยังไม่จากไปอดสูดหายใจสะท้านไม่ได้ ในใจหวาดหวั่น

“ระดับจักรพรรดิขั้นเจ็ดคนหนึ่ง สามารถรอดชีวิตเข้ามาในแดนสิ้นจิตวิญญาณได้ก็โชคดีมากแล้ว เหตุใดต้องรนหาที่ตาย”

หญิงชรายิ้มเยาะ สีหน้าเต็มไปด้วยความดูถูก

เงาร่างของนางพริบไหวกลับไปอยู่ข้างๆ เหวินเซ่าเหิง

‘ยายเฒ่านี่แม้ไม่ใช่บรรพจารย์มรรค แต่ก็ไม่ใช่คนที่บรรพจารย์ขั้นเก้าทั่วไปจะเทียบได้ พลังปราณคงจะบรรลุถึงระดับจักรพรรดิขั้นเก้าขั้นสัมบูรณ์แล้ว ขาดเพียงแค่ครอบครองมหามรรคที่สมบูรณ์ชนิดหนึ่งก็จะสามารถกลายเป็นบรรพจารย์มรรคที่แท้จริงได้…’

หลินสวินหรี่ตาน้อยๆ หญิงชราคนนั้นแม้เย่อหยิ่งเผด็จการ แต่ก็ต้องยอมรับว่าเป็นพวกที่รับมือยากคนหนึ่ง สามารถสั่นคลอนมกุฎมหาจักรพรรดิจำนวนมาก

มีข้ารับใช้เฒ่าที่เป็นยอดฝีมือเช่นนี้คุ้มกัน บวกกับชาติกำเนิดในเผ่าจักรพรรดิอมตะ ก็ไม่แปลกที่เหวินเซ่าเหิงจะกล้าไปยึดครองต้นกำเนิดมหามรรคของที่นี่แต่เพียงผู้เดียวอย่างไม่เกรงกลัวเช่นนี้

ระดับจักรพรรดิรอบๆ แผ่นดินลอยนั้นทยอยจากไปแทบจะทั้งหมดแล้ว

สำหรับพวกเขา ในแดนสิ้นจิตวิญญาณไม่ได้มีแค่ที่นี่ที่มีต้นกำเนิดมหามรรค ไม่คุ้มกับการไปล่วงเกินพวกเหวินเซ่าเหิง

เมื่อเห็นว่าไม่มีอุปสรรคใดอีก เหวินเซ่าเหิงจึงสั่งว่า “ท่านย่า พวกเจ้าเฝ้าอยู่ที่นี่ ข้าไปหลอมต้นกำเนิดมหามรรคนั่น”

“เจ้าค่ะ”

หญิงชรากล่าวด้วยความเคารพ อยู่เฝ้ารอบๆ บริเวณนั้นกับคนอื่นๆ

ส่วนเหวินเซ่าเหิงเดินตรงเข้าไปในน้ำวนที่นิ่งเงียบห่างออกไป

ก็เป็นตอนนี้เอง…

เสียงกรีดแหวกปานอสนีบาตสายหนึ่งดังขึ้น ทำเอาฟ้าดินครวญคร่ำ

หญิงชราสีหน้าอึมครึมทันใด ก็เห็นศรเทพที่แหลมคมสายหนึ่งแหวกอากาศเป็นแนวยาว ยิงมาด้วยความเร็วน่าเหลือเชื่อ

ตลอดทางที่ผ่านห้วงอากาศล้วนระเบิดออก ระลอกคลื่นแผ่กระจาย

หญิงชราโบกไม้เท้าไผ่หยกมรกต แปลงม่านแสงเขียวมรกตแถบหนึ่งออกมา พลังมหามรรคที่ลึกลับนับไม่ถ้วนอัดแน่นอยู่ภายใน

ปัง!

เสียงกระแทกสะเทือนฟ้าดินดังก้องขึ้น

แม้สกัดศรนี้ไว้ได้ แต่ม่านแสงเขียวมรกตที่แปลงออกมาก็ระเบิดแหลก ทำให้หญิงชราจำต้องโบกไม้เท้าไผ่อีกครั้งถึงสลายกระแสพลังที่น่ากลัวนั่นได้

“รนหาที่ตาย!”

ประกายเย็นเยียบพุ่งผ่านในดวงตาหญิงชรา นางคิดไม่ถึงว่าภายใต้สถานการณ์ที่รู้ฐานะของพวกเขา กลับยังมีคนกล้าลงมือกับพวกเขา เบื่อชีวิตแล้วจริงๆ สินะ

เพียงพริบตานางก็จับตำแหน่งของศัตรูได้แล้ว อดอึ้งไปไม่ได้ จากนั้นแสยะยิ้ม “เจ้าตัวจ้อย พวกข้ายังไม่ได้ไปคิดบัญชีกับเจ้า เจ้ากลับมาหาถึงที่!”

ในเวลาเดียวกันหมีอู๋หยาและเยียนอวี่โหรวที่ติดตามเหวินเซ่าเหิงมาตลอดทางก็หัวใจสะท้าน เผยสีหน้ายากจะเชื่อ

หลินสวิน!

พวกเขาแทบไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง

คนที่ลงมือแน่นอนว่าเป็นหลินสวิน

ตอนนี้เขาถือธนูวิญญาณไร้แก่นสาร ยืนอยู่ในหมอกเทาขาวที่อยู่ไม่ไกลแผ่นดินลอยแห่งนี้ ศรเมื่อครู่ก็เป็นเขาที่ยิงออกมา

เห็นว่าศรนี้ถูกขวางไว้ เขาหมุนตัวพุ่งห่างออกไปไกล

“พวกเจ้าเฝ้าอยู่ที่นี่ ข้าไปฆ่าหัวขโมยนั่น!” หญิงชราว่าพลางก้าวออกไป เงาร่างหายไปในบันดล

‘เหตุใดเขาจึงเลอะเลือนเช่นนี้!’ ในใจหมีอู๋หยาและเยียนอวี่โหรวต่างบีบรัดระลอกหนึ่ง

คนตระกูลเหวินใช่คนที่จะล่วงเกินได้หรือ

“พวกเจ้าสองคนเหตุใดจึงตื่นเต้นเช่นนี้ หรือกังวลว่าท่านย่าเสวี่ยจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าสวะนั่น” ข้างๆ กันชายชุดดำคนหนึ่งกวาดมองทั้งสองแวบหนึ่ง อดแค่นเสียงเย็นเยียบไม่ได้

หมีอู๋หยาและเยียนอวี่โหรวก้มหน้าลงโดยพร้อมเพรียง

หญิงชุดเงินอีกคนพูดเอื่อยเฉื่อย “อย่าสร้างความลำบากให้พวกเขา นายน้อยเคยบอกแล้ว ว่าพรสวรรค์ของสองคนนี้ล้วนเรียกได้ว่าอยู่ในอันดับสูงสุดของโลกจักรวาลแห่งหนึ่ง พากลับไปและฝึกเพิ่ม สามารถกลายเป็นทาสที่จงรักภักดีที่สุด”

ชายชุดดำยิ้ม “คิดๆ แล้วก็น่าทอดถอนใจ ในโลกพันจักรวาล พรสวรรค์ดีแค่ไหนแล้วอย่างไร อนาคตก็เป็นแค่ทาส! แน่นอนว่าสามารถเป็นทาสตระกูลเหวินของเรา ก็เป็นความโชคดีที่คนทั่วหล้าปรารถนาแต่ไม่อาจครอบครองได้แล้ว”

ทุกคนบริเวณนั้นต่างหัวเราะขึ้นมา

“เอ๊ะ!”

ทันใดนั้นเสียงอุทานตกใจเสียงหนึ่งดังขึ้น ชี้ไปไกลๆ “ทำไมเขา… เขากลับมาได้อย่างไร ท่านย่าเสวี่ยล่ะ”

ทุกคนหันมองไป ก็เห็นว่าห่างออกไปมีเงาร่างสูงโปร่งสายหนึ่งปรากฏตัว เป็นหลินสวินนั่นเอง

ภาพนี้ทำให้ทุกคนตกใจ

เกิดอะไรขึ้น

ก่อนหน้านี้ท่านย่าเสวี่ยไล่ตามสังหารคนผู้นี้ไม่ใช่หรือ

แม้แต่หมีอู๋หยาและเยียนอวี่โหรวยังอึ้งจนปากอ้าตาค้าง

“อินหวง เจ้าไปฆ่าเจ้าหมอนี่กับข้า คนอื่นๆ เฝ้าอยู่ที่นี่ จำไว้ว่า จะให้นายน้อยถูกรบกวนไม่ได้เด็ดขาด!”

ชายชุดดำออกคำสั่ง พุ่งโจมตีไปทางหลินสวินพร้อมกับหญิงชุดเงินที่ถูกเรียกว่าอินหวง

กลับเห็นหลินสวินหมุนตัวเดินจากไป

ไม่นานเงาร่างของเขารวมถึงชายชุดดำและหญิงชุดเงินล้วนหายไป

และบนแผ่นดินลอยแห่งนั้น บรรยากาศก็เปลี่ยนเป็นตึงเครียดขึ้นไม่น้อย ระดับจักรพรรดิที่มาจากตระกูลเหวินเหล่านั้นต่างระแวดระวัง

แต่ไม่นานก็มีคนร้องเสียงหลง “ทำไมมาอีกแล้ว!”

ทุกคนหันมองไป ในห้วงอากาศไกลๆ นั่นปรากฏเงาร่างหลินสวินอีกครั้ง ทำเอาพวกเขาอึ้งตาค้าง

พวกเขามั่นใจว่านั่นไม่ใช่วิชามายาอะไร มีความเป็นไปได้สูงมากว่าจะเป็นร่างแยกมหามรรควิชาหนึ่งที่สำแดงออกมา!

คิดถึงตรงนี้ ความรู้สึกไม่เข้าดีพุ่งเข้าในใจพวกเขาโดยพร้อมเพรียง

ตอนนี้ท่านย่าเสวี่ย ชายชุดดำ หญิงชุดเงินต่างถูกล่อออกไป ในที่นี้เมื่อรวมกับหมีอู๋หยาและเยียนอวี่โหรวแล้ว มีระดับจักรพรรดิเพียงเจ็ดคนเท่านั้น

“จะหลงกลอีกไม่ได้แล้ว เฝ้าปกป้องที่นี่ด้วยกัน รอพวกท่านย่าเสวี่ยกลับมา!” คนผู้หนึ่งตัดสินใจเด็ดขาดพลางออกคำสั่ง

ทุกคนล้วนพยักหน้า ต่างตระหนักได้ถึงความแปลกประหลาดของสถานการณ์

ทว่าเหนือความคาดหมายของพวกเขา ครั้งนี้ทันทีที่หลินสวินปรากฏตัว ก็เคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศพุ่งเข้ามาทางพวกเขา

“ช่างกล้านัก!”

มีคนโมโหจัด

คนอื่นๆ ก็สีหน้าอึมครึม จิตสังหารแผ่ไปทั่ว เร่งเร้าพลังในตัวถึงขีดสุด เตรียมพร้อมลงมือ

ในฐานะระดับจักรพรรดิที่มาจากเผ่าจักรพรรดิอมตะตระกูลเหวิน พวกเขายังไม่เคยเจอคู่ต่อสู้ที่บุ่มบ่ามไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเช่นนี้มาก่อน

หมีอู๋หยาและเยียนอวี่โหรวสบตากัน ต่างเผยสีหน้ากังวล

กลับเห็น…

ทันทีที่หลินสวินมาถึงก็โจมตีมาทันที รุนแรงดั่งพายุ พลังปราณทั้งหมดถูกปลดปล่อย กลายเป็นลักษณ์แห่งหุบเหวพาดขวาง ปกคลุมทั้งพื้นที่นั้น

อานุภาพระดับนั้นทำให้หลายคนนัยน์ตาหดรัด ต่างเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมาพร้อมๆ นี่น่าจะเป็นร่างต้นของเจ้าหมอนั่น!

ร่างแยกไม่มีทางมีอานุภาพน่ากลัวขนาดนี้!

ตูม โครม…

การต่อสู้ปะทุขึ้น ฟ้าดินสั่นสะเทือน

ท่าทางของหลินสวินดุจกวาดล้าง อานุภาพที่ปลดปล่อยออกจากร่างกดข่มจนระดับจักรพรรดิหลายคนหายใจลำบาก สีหน้าล้วนเปลี่ยนไป

ในบรรดาพวกเขา คนที่พลังปราณสูงสุดก็มีเพียงแค่บรรพจารย์ขั้นเก้าหนึ่งคน พลังปราณของคนอื่นๆ ล้วนอยู่ระหว่างระดับจักรพรรดิขั้นเจ็ดถึงระดับจักรพรรดิขั้นแปด

หากเป็นยามปกติ กำลังพลเช่นนี้สามารถสยบเหล่าผู้กล้า กวาดล้างดินแดนแห่งหนึ่งได้

แต่ตอนนี้กลับไม่เพียงพอโดยสิ้นเชิง!

อีกทั้งยามหมีอู๋หยาและเยียนอวี่โหรวต่อสู้ แม้ดูเหมือนต่อสู้เด็ดขาด แต่ความจริงล้วนออมมืออย่างมาก

ดังนั้นในเวลาไม่กี่พริบตา

พร้อมๆ กับเสียงกัมปนาทสะเทือนหูดังขึ้น หลินสวินรวบนิ้วเป็นกระบี่ ฟันผ่าระดับจักรพรรดิขั้นเจ็ดคนหนึ่งในคราเดียว ร่างกายสองท่อนล้วนถูกแสงมรรคน่ากลัวท่วมท้น กำจัดสิ้นซาก

ส่วนคนอื่นๆ ได้รับบาดเจ็บไม่มากก็น้อยแล้ว!

แม้บรรพจารย์ขั้นเก้าคนนั้นลงมือ ก็ไม่สามารถสกัดกั้นและต้านทานการเข่นฆ่าของหลินสวินได้ กลับถูกหลินสวินโจมตีจนถอยร่นครั้งแล้วครั้งเล่า

นี่ทำให้สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ใครจะกล้าคิดว่ามกุฎมหาจักรพรรดิที่มาจากสถานที่ตกต่ำอย่างทางเดินโบราณฟ้าดารา มีพลังปราณเพียงขั้นหกเท่านั้น กลับครอบครองพลังต่อสู้ที่เย้ยฟ้าเช่นนี้เชียวหรือ

สิ่งที่ทำให้พวกเขาสิ้นหวังที่สุด คือพวกท่านย่าเสวี่ยยังไม่กลับมา…

“เร็ว! ไปรายงานนายน้อยให้ดำเนินการป้องกัน!”

มีคนตะโกนอย่างเดือดดาล

ทว่าตอนนี้เอง บริเวณน้ำวนขนาดใหญ่ที่นิ่งเงียบนั้นพลันถูกพลังผนึกลายมรรคที่ปกฟ้าคลุมดินแถบหนึ่งกลบทับ

……………………….

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท