Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2430 การเปลี่ยนแปลงอันละเอียดอ่อนของระเบียบนิพพาน

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2430 การเปลี่ยนแปลงอันละเอียดอ่อนของระเบียบนิพพาน

ตอนที่ 2430 การเปลี่ยนแปลงอันละเอียดอ่อนของระเบียบนิพพาน

ในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งก็เหมือนโลกเหวลึกแห่งหนึ่ง กลิ่นอายแรกกำเนิดแพร่กระจายอยู่ภายใน

กระบี่มรรคเล่มหนึ่งลอยอยู่ในความขุ่นมัว อาบอยู่ในเพลิงหงส์ระเบียบสีม่วงพร่างพราวเป็นประกาย

หลายปีมานี้เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งดูดซึมพลังเพลิงหงส์ระเบียบได้เกือบหนึ่งส่วนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นคุณลักษณะหรืออานุภาพกฌเกิดการเปลี่ยนแปลงที่พลิกฟ้าพลิกดินนานแล้ว

วันหนึ่งหากเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งดูดซึมเพลิงหงส์ระเบียบได้อย่างหมดสิ้น ก็จะสามารถแปรสภาพเป็นศาสตราจิตที่ประทับพลังระเบียบชิ้นหนึ่งได้!

แน่นอนว่าตอนนี้ยังเร็วไป

อีกฝั่งหนึ่ง ลวดลายดอกบัวที่แปลงมาจากระเบียบนิพพานลอยผลุบโผล่ แผ่คลื่นมหามรรคที่ที่แปลกประหลาดคลุมเครือ ดูแล้วไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร

ทว่าพอจิตรับรู้ของหลินสวินแทรกเข้าไป ก็สัมผัสได้ทันทีว่าระเบียบนิพพานเปลี่ยนไปแล้ว!

เมื่อก่อนในระเบียบนิพพานสั่งสมพลังของแดนปรินิพพานอยู่ ราวกับโลกวัฏจักรแห่งหนึ่ง และเหมือนกำแพงเมืองฟ้าดาราบนสะพานสวรรค์

แต่ตอนนี้ในระเบียบนิพพานกลับมีแดนนรกรางเลือนแห่งหนึ่ง!

แดนนรกที่เปิดออกบนดินแดนอันกว้างใหญ่ใต้กำแพงเมืองฟ้าดารา มีสะพานปลงอนิจจัง แม่น้ำลืมเลือน สระโลหิต… และมีทางน้ำพุเหลือง นรกสิบแปดขุม ตำหนักพญายม ศาลหกภูมิ…

ทิวทัศน์ทั้งหมดล้วนพร่ามัวมาก ถึงขั้นขาดหายไม่สมบูรณ์

ทว่ากลิ่นอายที่แผ่ออกจากในนั้นกลับเหมือนไอแห่งแดนนรกที่หลินสวินสัมผัสได้บนสะพานปลงอนิจจังไม่มีผิดเพี้ยน!

‘นี่มันสถานการณ์อะไร หรือระเบียบนิพพานจะสร้างแดนนรกขึ้นมาใหม่’

หลินสวินประหลาดใจ

ไม่นานเขาก็สังเกตเห็นอีก ว่าบนผนังด้านในของเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งปรากฏลายมรรคบิดเบี้ยวราวกับลูกอ๊อดที่ไม่ชัดเจนเป็นสายๆ แผ่กลิ่นอายที่เหมือนกับแดนนรก

ควรรู้ว่าเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งใช้เก้าศาสตราจักรพรรดิแห่งคุนหลุนเป็นวัตถุดิบหลักในการหลอม มีความวิเศษอัศจรรย์อยู่แล้ว

และเมื่อมีลายมรรคที่ราวกับมาจากแดนนรกเป็นสายๆ ปรากฏ ทำให้คุณลักษณะของเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งเกิดการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยบางอย่าง

‘หรือนี่ก็เป็นพลังระเบียบอย่างหนึ่ง’

หลินสวินจมสู่ภวังค์ความคิด ลายมรรคแปลกประหลาดเหล่านั้นพร่าเลือนมาก แต่กลิ่นอายกลับน่าตกใจหาใดเปรียบ ไม่ด้อยกว่ากลิ่นอายของเพลิงหงส์ระเบียบ

นี่ทำให้หลินสวินอดประหลาดใจไม่ได้ สิ่งที่ประทับอยู่ในลายมรรคเหล่านี้ มีความเป็นไปได้สูงมากว่าจะเป็นพลังแห่งระเบียบของแดนนรก เพียงแต่แผ่วจางและพร่าเลือนมากเท่านั้น

พลังระเบียบของยุคก่อน จะยังมีโอกาสคงอยู่ได้อย่างไร

หากมีความเป็นไปได้ที่จะปรากฏต่อโลกจริงๆ บางทีอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับระเบียบนิพพาน!

คิดถึงตรงนี้ในใจหลินสวินสั่นสะท้าน ตระหนักได้ถึงจุดสำคัญหนึ่ง นิพพาน!

นิพพาน ก็หมายความถึงการสร้างใหม่และเกิดใหม่ไม่ใช่หรือ

หรือว่าความวิเศษอัศจรรย์หลักของระเบียบนิพพานก็คือสิ่งนี้

ชั่วขณะหนึ่งความคิดหลินสวินล่องลอย นึกถึงเรื่องราวมากมาย

ระเบียนนิพพานถือกำเนิดในพลังต้นกำเนิดของทางเดินโบราณฟ้าดารา แต่กลับหายไปนับหมื่นกาล และก็ทำให้เจ้าแห่งดวงกมลอาจารย์ของตนรอคอยมาเนิ่นนาน!

ยอดหนทางสู่อมตะ แดนปรินิพพาน เคราะห์จ่อมจมชั่วกัปกัลป์ หนึ่งบัวเบ่งบาน

ตอนนี้หลินสวินรู้แล้วว่า หนึ่งบัวเบ่งบานก็คือตน แต่กลับไม่ได้เข้าใจอย่างแท้จริงว่ายอดหนทางสู่อมตะและแดนปรินิพพานคืออะไร

อมตะ คำนี้จะเรียกโดยไม่มีปี่มีขลุ่ยไม่ได้ นี่มักจะเป็นตัวแทนของระดับที่เหนือกว่าระดับบรรพจารย์

อย่างเช่นพวกที่ตัวตนอมตะในเผ่าจักรพรรดิอมตะ

เช่นนั้นแดนปรินิพพานนี้คืออะไร

ครู่ใหญ่หลินสวินถึงสงบและใจเย็นลง

ไม่ว่าอย่างไร เขากล้ามั่นใจแล้วว่านัยเร้นลับของระเบียบนิพพานจะต้องน่าตกใจหาใดเปรียบแน่

การเปลี่ยนแปลงประหลาดก่อนหน้านี้ของระเบียบนิพพาน มีความเป็นไปได้สูงมากว่าจะได้รับพลังระเบียบของ ‘แดนนรก’ ไปแล้ว!

และทั้งหมดนี้ก็ทำให้เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งของตนเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ละเอียดอ่อน!

นี่ก็คือการคาดเดาของหลินสวิน

“เป็นอย่างไร” นกกระจอกเขียวมองหลินสวินตาปริบๆ

หลินสวินกล่าว “มีการเปลี่ยนแปลงที่เล็กน้อยจริงๆ เพียงแต่ไม่รู้ว่าดีหรือร้าย”

หลินสวินไม่ได้บอกการคาดเดาของตนออกมาทั้งหมด นี่น่าตกใจเกินไป หากนกกระจอกเขียวเล่าให้ผู้ยิ่งใหญ่ตระกูลหยวนนั่นฟัง ไม่แน่ว่าจะชักนำความวุ่นวายอะไรเข้ามา

“หึ! เจ้าจะต้องมีเรื่องปิดบังแน่ แต่ข้ารู้ว่านี่คือความลับของเจ้า และคร้านจะถามอีก”

นกกระจอกเขียวแค่นเสียงขึ้นจมูก “และก็เจ้าวางใจได้ ระหว่างทางแม้พบเจออะไร ข้าเป็นเพียงแค่คนนำทาง สำหรับเรื่องทุกอย่างของเจ้า ข้าจะบอกเพียงคุณหนูตระกูลข้า ส่วนคุณหนูตระกูลข้าจะบอกคนอื่นหรือไม่นั้น ข้าก็ไม่รู้”

หลินสวินยิ้ม ลอบกว่าในใจว่านี่อาจจะเป็นเหตุผลที่หยวนชิงเหิงทิ้งนกกระจอกเขียวให้นำทางให้ตนกระมัง

ตอนนี้จุดที่เขายืนอยู่ฝั่งตรงข้ามของสะพานปลงอนิจจัง ที่นี่เป็นอีกทิวทัศน์หนึ่ง เต็มไปด้วยหมอกสีดำ

บนท้องฟ้าอาทิตย์สีม่วงสาดส่อง สามารถมองเห็นเส้นทางสีแดงสดที่ราวกับลุกโชนสายหนึ่งรางๆ ยืดขยายไปสู่ส่วนลึกในหมอกสีดำ

“หลังจากนี้เจ้าจะต้องระวัง ทหารนรก แม่ทัพนรก ราชันนรกบนทางน้ำพุเหลืองโผล่มาได้ตลอดเวลา”

นกกระจอกเขียวชี้แนะว่า “หากเร็วพอ ประมาณหนึ่งเดือนก็สามารถผ่าน ‘ประตูผี’ ได้ เขตผนึกลึกลับที่ข้าบอกเจ้าก่อนหน้านี้ก็ตั้งอยู่บริเวณประตูผี ถึงตอนนั้นหากเจ้ามีความกล้าจะเข้าไปจริงๆ ข้าค่อยเตือนเจ้าก็ยังไม่สาย”

หลินสวินพยักหน้า

เพียงแต่เขากลับไม่ได้เคลื่อนไหวในทันที สายตาราวกับสายฟ้า มองไปในความว่างเปล่าอีกฝั่ง เหมือนสังเกตเห็นบางอย่าง

ที่แห่งนี้เงียบสงบไร้เสียง เป็นเพราะเงียบเกินไปกลับดูผิดปกติมาก

เมื่อสายตานี้ของหลินสวินกวาดไป เขาถึงเข้าใจทันทีว่าเหตุใดที่นี่จึงไม่ปกติ

เพราะกลางฟ้าดินที่หมอกดำปกคลุมอยู่ ห้วงอากาศในรัศมีพันลี้ถึงกับมีเงาร่างจำนวนไม่น้อยซุ่มอยู่!

เงาร่างเหล่านีรวมตัวเป็นกลุ่มสามคนห้าคน น่าจะมาจากขุมอำนาจที่แตกต่างกัน กระจายอยู่คนละตำแหน่ง ก็ไม่รู้ว่าใช้วิชาลับอะไรถึงได้สามารถซ่อนตัวในห้วงอากาศว่างเปล่า ปกปิดเงาร่างได้อย่างสิ้นเชิง

ก็เหมือนงูพิษที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืด ปกปิดร่องรอย ทำให้คนยากจะสังเกตเห็น ถึงขั้นแม้แต่จิตรับรู้ยังสัมผัสการดำรงอยู่ของพวกเขาไม่ได้

หากไม่ใช่เพราะหลินสวินโคจรเปิดตาทิพย์ ทำให้สามารถมองทะลุความลวง จับจ้องถึงความว่างเปล่า ก็เกือบจะถูกปิดบังไปได้แล้ว

ทว่าตอนนี้ถูกเขามองเห็นอย่างหมดจด

ชั่วขณะเดียวเขาก็มองออกว่าคนที่ซุ่มอยู่รอบๆ มีสามสิบกว่าคน แบ่งเป็นเจ็ดขุมอำนาจ

ถึงขั้นที่เขายังมองเห็นอย่างชัดเจน ว่าตอนที่สายตาของคนพวกนั้นตกลงบนร่างตนล้วนเผยสีหน้าเย็นเยียบที่ยากจะสังเกตออกมา เหมือนฝูงสัตว์ป่าจับจ้องเหยื่อที่ตกหลุมพรางตัวหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น

‘ดูท่าเจ้าล้วนเป็นเจ้าแห่งโจรทั้งนั้น ซุ่มอยู่อีกฝั่งของสะพานปลงอนิจจัง เป็นตำแหน่งปล้นชิงที่ยอดเยี่ยมจริงๆ คนทั่วไปมาถึง มีหรือจะสังเกตเห็นว่าในหมอกดำรอบๆ นี้มีอันตรายซุ่มอยู่อย่างหนาแน่น’

ริมฝีปากของหลินสวินเผยความเย็นเยียบอันคลุมเครือ เดาจุดประสงค์ของพวกคนที่ซุ่มอยู่ที่นี่ออก

ขณะเดียวกันก็ทำให้เขารู้ว่า ก่อนหน้าตนก็มีผู้แข็งแกร่งมากมายเข้าสู่แดนนรกเซินหลัวจากแดนสิ้นจิตวิญญาณแล้ว

คิดๆ แล้วหลินสวินท่าทางเหมือนไม่รู้ตัว เดินไปตามทางน้ำพุเหลืองที่แดงสดราวกับลุกโชน เข้าสู่ส่วนลึกของหมอกดำ

สวบ!

เพิ่งเดินไปเพียงไม่นาน แสงกระบี่ที่เย็นเยียบดุดันก็แทงมาจากข้างกายเขาอย่างกะทันหัน ราวกับปรากฏกลางอากาศ เจ้าเล่ห์และโหดเหี้ยม แทงไปยังที่สาบเสื้อของเขาตรงๆ

แทบจะในเวลาเดียวกัน ห้วงอากาศอีกด้านก็มีเงาร่างสองสามสายกระโดดออกมา โจมตีหลินสวินจากมุมที่แตกต่าง การเคลื่อนไหวรวดเร็วมาก จู่โจมราวกับสายฟ้า อานุภาพปานอสนีบาต

เห็นชัดว่าคิดจะโจมตีหลินสวินให้ตายในคราเดียว!

ก็เห็นสี่ทิศแปดด้าน บนท้องฟ้าใต้พื้นดินเต็มไปด้วยไอสังหารเย็นเยียบน่าสะพรึง เหมือนแหฟ้าตาข่ายดิน ปิดทางหนีทั้งหมดของหลินสวินอย่างสิ้นเชิง

เปลี่ยนเป็นระดับจักรพรรดิคนอื่นๆ อยู่ที่นี่ เผชิญกับสิ่งที่เกิดขึ้นกะทันหันนี้คงไม่สามารถหนีได้ ถูกสังหารในทันที สมบัติในตัวถูกปล้น

อันที่จริงโจรพวกนี้ล้วนเป็นพวกที่แข็งแกร่งยิ่งอย่างไม่มีข้อยกเว้น หากเป็นพวกอ่อนแอ จะจากสมรภูมิมายาโบราณ แดนสิ้นจิตวิญญาณ จนมาถึงที่นี่ได้อย่างไร

น่าเสียดาย ครั้งนี้พวกเขาเลือกเป้าหมายผิดแล้ว

“ตาย!”

เงาร่างของหลินสวินไม่ได้ขยับ รอบตัวกลับระเบิดกลิ่นอายน่าพรั่นพรึงสายหนึ่ง เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งที่ลอยเบื้องหน้ามาตลอดจู่ๆ ก็ส่องแสงสว่างไสว

ตูม!

ประหนึ่งลมพายุที่มีหลินสวินเป็นศูนย์กลางลูกหนึ่งซัดกวาดออกมาทันใด แสงมรรคนับไม่ถ้วนกลายเป็นหุบเหวที่ราวกับจะกลืนกินฟ้าดิน

เพียงการโจมตีเดียวก็ซัดทำลายและกวาดล้างการจู่โจมรอบๆ จนหมดสิ้น

ส่วนโจรเหล่านั้นก็เหมือนถูกฟ้าผ่า ล้วนตัวสั่นเทิ้ม กระเด็นออกไปอย่างรุนแรง จมูกปากกบเลือด

ไม่รอให้พวกเขายืนมั่น กระบี่มรรคที่เรียบง่ายเก่าแก่เล่มหนึ่งพุ่งออกจากเตาหลอม กวาดพาดกลางอากาศ

หนึ่งกระบี่เกิดดับ!

พลันเห็นปราณกระบี่ดุดันที่พร่างพราวเรืองรองนับไม่ถ้วนพุ่งออกจากกระบี่มรรค กลายเป็นอานุภาพกลบฟ้าดิน แน่นขนัดราวกับพายุฝน ตัดความว่างเปล่าเป็นรอยแยกทับซ้อนนับไม่ถ้วน

โจรเหล่านั้นเพิ่งถูกโจมตีอีกครั้งอย่างหนักหน่วง ยังไม่ทันยืนมั่นก็ถูกปราณกระบี่นับไม่ถ้วนปกคลุมเงาร่าง แม้แต่โอกาสหนียังไม่มี

“ไม่…!”

“สมควรตาย!”

ชั่วขณะเดียวเสียงร้องโหยหวนน่าอนาถหาใดเปรียบดังขึ้น ดูน่าสยดสยองยิ่งกลางฟ้าดินที่หมอกดำอบอวลนี้

ครู่หนึ่งหลังจากนั้น เสียงร้องเหล่านี้ก็หายไป

ระดับจักรพรรดิที่โจมตีหลินสวินก่อนหน้านี้ล้วนถูกฆ่าจนหมด กายจิตแหลกสลาย!

พวกที่ซ่อนตัวอยู่ในห้วงอากาศคนอื่นๆ เห็นภาพนี้ล้วนสูดหายใจสะท้าน ขนลุกซู่ไปทั้งตัว รู้ทันทีว่าเจ้าหนุ่มที่มาเยือนตามลำพังตรงหน้านี้ จะต้องเป็นพวกกร้าวแกร่งที่ไม่อาจหาเรื่องด้วยได้ง่ายๆ อย่างแน่นอน ศักยภาพน่ากลัวอย่างที่สุด!

“แม้แต่บรรพจารย์ขั้นเก้าสักคนยังไม่มี มิน่าถึงกล้าแค่ลอบโจมตีอย่างต่ำช้า”

ประกายดูถูกแวบผ่านสายตาหลินสวิน

เขาเหมือนทำเรื่องที่ปกติมากเรื่องหนึ่ง หลังจากฆ่าพวกไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงแล้วก็ปัดเสื้อผ้า เดินต่อไปบนทางน้ำพุเหลือง

พริบตาเดียวก็หายไปในหมอกสีดำแล้ว

ส่วนพวกโจรที่ซุ่มอยู่ในที่มืด แต่ละคนมองหน้ากัน โดยเฉพาะยามนึกถึงสายตาเย็นเยียบที่หลินสวินมองมาก่อนจากไป ยังคงทำให้พวกเขาหวาดหวั่นไม่หยุด

นั่นเป็นสายตาอย่างไรกัน

เย็นเยียบดั่งดาบ ทะลวงจิตโดยตรง ราวกับเทพที่มองลงมายังมด เต็มไปด้วยความน่าเกรงขามที่ไม่อาจท้าทาย!

เจ้าหมอนั่นเป็นใคร

บนโลกนี้มีคนที่แข็งแกร่งขนาดนี้ได้อย่างไร

เห็นชัดว่าคนเหล่านี้อาจมาถึงแดนนรกเซินหลัวก่อน จึงไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับเหวินเซ่าเหิง

ไม่เช่นนั้นคงไม่กล้ามองหลินสวินเป็นเหยื่อ

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท