Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2433 มุกยมโลก

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2433 มุกยมโลก

ตอนที่ 2433 มุกยมโลก

หลินสวินไม่สนใจว่าผู้ฝึกปราณเหล่านั้นจะคิดอย่างไร

เขาสังหรณ์อยู่อย่างหนึ่งว่าเมื่อสังหารทหารนรกกับแม่ทัพนรกพวกนี้ได้หมดแล้ว เป็นไปได้สูงยิ่งว่าลายมรรคนรกที่อยู่ในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งทั้งแปดสิบเอ็ดลายจะแปรสภาพชนิดพลิกฟ้าคว่ำดิน!

ฆ่า!

ฆ่า!

ฆ่า!

ในสนามรบเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งส่องแสง แต่ละครั้งที่พุ่งออกไปจะต้องสังหารทหารนรกไปเจ็ดแปดคน และปราณกระบี่ที่พุ่งกวาดออกมาจากเตายิ่งดุดันหาใดเทียบ สังหารทหารนรกเหมือนตัดถอนวัชพืช

แม่ทัพนรกผู้นั้นสังเกตได้ว่าไม่สู้ดีนานแล้ว ดิ้นรนจะหลบหนีอยู่หลายครั้ง แต่ถูกหลินสวินกดข่มอยู่หมัด ไม่อาจทะยานหนีไปได้

สู้จนท้ายสุดหลินสวินถึงกับเริ่มรู้สึกว่าช้าไปบ้างแล้ว จึงปล่อยกายมรรคทั้งห้าออกมาร่วมสู้กับร่างต้นทันที

เห็นผลชะงัด

ผลการต่อสู้เริ่มเพิ่มสูงฉับพลันหลายเท่า

ผ่านไปเพียงหนึ่งถ้วยชา

ทหารนรกในสนามถูกซัดกวาดจนหมดแล้ว ส่วนหลินสวินตอนนี้ ในที่สุดก็ไม่ยั้งมืออีก สังหารแม่ทัพนรกคนนั้นในการโจมตีเดียว

ปัง!

เมื่อเงาร่างสูงใหญ่มหึมาของแม่ทัพนรกระเบิด หมอกควันสีดำล้นหลามหาใดเทียบแผ่กระจายออกมา เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งกลืนกินอยู่สองสามชั่วอึดใจกว่าจะดูดซับหมอกควันสีดำที่แปลงมาจากแม่ทัพนรกผู้นี้จนเกลี้ยง

ก็ในตอนนี้เอง เหล่าผู้ฝึกปราณที่อึ้งงันสะท้านสะเทือนมาตลอดจึงตื่นขึ้นเต็มตาทันที

เมื่อเห็นสนามรบวังเวงที่ไม่มีศัตรูสักคน เหลือเพียงหลินสวินยืนอยู่เพียงลำพังนั้น พวกเขาต่างแข็งทื่อไปทั้งตัว อกสั่นขวัญหาย

ทัพทหารนรกที่ยิ่งใหญ่กองทัพหนึ่ง ถึงขั้นมีแม่ทัพนรกคนหนึ่ง ถึงกับถูกเจ้าหมอนั่นคนเดียวฆ่าตายหมดแล้ว!

ก่อนหน้านี้ใครจะคาดคิดเช่นนี้

ส่วนหลินสวินในตอนนี้ก็พ่นลมหายใจขุ่นออกมายาวๆ หลอมโอสถเทพเติมพลังกายที่หมดไปเกินครึ่งนั้นพลางเริ่มประเมินเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง

ก็พบว่าหลังจากลายมรรคนรกแปดสิบเอ็ดลายในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งดูดซับพลังแห่งนรกมหาศาลนั้นแล้ว ก็ล้วนหลอมจนอยู่ในสภาพสมบูรณ์!

แต่ละลายมองเห็นชัดเจน เปล่งจิตวิญญาณอย่างหนึ่งออกมา

มิหนำซ้ำยังการแปรสภาพเช่นนี้ยังคงดำเนินอยู่

จนภายหลังลายมรรคนรกแปดสิบเอ็ดลายนี้เริ่มบีบตัว หลอมรวมเข้าด้วยกัน…

ในที่สุดก็หลอมรวมเป็นลายมรรคนรกใหม่เก้าลาย!

ลายมรรคนรกแต่ละลายต่างสำแดงท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์ที่แตกต่างกันออกมา แผ่กลิ่นอายแตกต่างกันไป

บ้างเย็นเยียบดุจน้ำแข็ง หนาวเหน็บเสียดกระดูก

บ้างตระการตาระเบิดประทุ ดั่งน้ำเดือดดุจเปลวเพลิง

บ้างเป็นท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์ที่เผยให้เห็นความผุกร่อน…

ลายมรรคเก้าลายก็เหมือนกิ่งก้านทั้งเก้าของกฎเกณฑ์นรก ร่วมกันสร้างเป็นนัยเร้นลับนรกที่สมบูรณ์

เพียงแต่ยังคงคลุมเครือ!

พอหลินสวินใช้จิตรับรู้ไปสัมผัสจึงพบว่า ลายมรรคนรกใหม่ทั้งเก้าลายนี้ แต่ละลายแสดงลักษณะพิเศษกระจัดกระจาย คลุมเครือไม่สมบูรณ์ออกมา

‘หรือยังต้องควบรวมอีกขั้น ถึงจะหลอมลายมรรคนรกทั้งเก้าลายนี้ให้ไปถึงขั้นบริบูรณ์ได้’

หลินสวินครุ่นคิด

ต่อให้เป็นเช่นนี้เขาก็ยังพบว่าเมื่อลายมรรคนรกทั้งเก้านี้ถูกควบรวม เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด มีท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์อันลึกลับเพิ่มขึ้นมา

มองไปก็คล้ายทางเข้าสู่แดนนรก มีสีสันพิสดารน่าหวาดผวา!

หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งหลินสวินก็พลิกมือ ไข่มุกขนาดเท่าไข่นกพิราบเม็ดหนึ่งปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือ มีสีขุ่นหรุบหรู่ ภายในเหมือนมีกระแสธารสายหนึ่งไหลหลั่ง ถั่งโถมไหลเวียน แผ่กลิ่นอายเย็นเยียบเสียดกระดูกออกมา

มุกยมโลก!

มีเพียงบนตัวแม่ทัพนรกถึงมีสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ มีประโยชน์เหลือเชื่อต่อการหลอมศาสตราจักรพรรดิ หากอยู่ในโลกยอดนิรันดร์สามารถแลกเป็นผลึกต้นกำเนิดจักรวาลชั้นหนึ่งสามแสนก้อนได้เลย!

และตามที่นกกระจอกเขียวพูด คนที่ครอบครองมุกยมโลกทุกคนน้อยนักจะเอาสิ่งนี้ไปขาย

สาเหตุก็เพราะสมบัตินี้หายากถึงที่สุด มีแต่ในแดนนรกเซินหลัวแห่งนี้ถึงมีโอกาสได้มา

หลินสวินคิดเล็กน้อยแล้วเก็บมุกยมโลกไป ตัดสินใจว่าภายหน้ายามรวบรวมได้มากพอค่อยมาศึกษาประโยชน์ของมุกนี้

หลินสวินชำเลืองมองเหล่าผู้ฝึกปราณที่อยู่บนเส้นทางด้านหลังแวบหนึ่งแล้วเดินหน้าต่อไป

“อึ้งหาอะไร ไปเร็วสิ”

ผู้ฝึกปราณเหล่านั้นคล้ายเพิ่งตื่นจากฝัน รีบร้อนตามไป

……

สามวันผ่านไป

หรือก็คือวันที่สิบสี่ที่หลินสวินเหยียบย่างบนทางน้ำพุเหลือง

เขาได้พบกับพวกถานไถเฟิงอีกครั้ง

ที่ตลกก็คือ คราวนี้พวกถานไถเฟิงถูกกองทัพทหารนรกทัพหนึ่งล้อมไว้อีกแล้ว คราวนี้มีแม่ทัพนรกถึงสองคน รวมถึงทหารนรกหลักพัน!

เมื่อหลินสวินมาถึง พวกถานไถเฟิงก็สังเกตเห็นเช่นกัน ต่างเผยสีหน้าประหลาดอย่างห้ามไม่อยู่ คล้ายคิดไม่ถึงว่าเจ้าคน ‘กล้าหาญรักคุณธรรม ชอบช่วยเหลือคนอื่น’ ผู้นี้จะยังมีชีวิตอยู่

“นี่ สหายคนดี รีบมาช่วยที!” มีคนร้องเสียงดัง เรียกหลินสวินว่าคนดีอย่างอดไม่อยู่ เผยบรรยากาศพิลึกพิลั่น

ถานไถเฟิงนิ่วหน้า ตะคอกว่า “ถ้ากล้าพูดสั่วๆ อีกก็อย่าหาข้าไม่เกรงใจ!”

หลินสวินที่อยู่ไกลออกไปยิ้มน้อยๆ ไม่สนใจเรื่องเหล่านี้ เงาร่างเขาไหววูบ พุ่งไปหาแม่ทัพนรกที่อยู่ไกลลิบคนหนึ่ง

เห็นดังนี้ถานไถเฟิงอึ้งไปอย่างอดไม่ได้ “เจ้าหมอนี่คงไม่ใช่คิดอยากช่วยคนอื่นขึ้นมาอีกกระมัง”

ทุกคนที่อยู่ข้างกายเขาต่างสีหน้าพิกล ขนาดพวกเขายังคิดไม่ถึงว่าในสถานการณ์เช่นนี้หลินสวินจะถึงกับเสียสละตน ลุกขึ้นสู้อีกครั้งหนึ่ง!

ก็ในตอนที่พวกเขากำลังครุ่นคิดอยู่ หลินสวินประมือกับแม่ทัพนรกนั่น ห้ำหั่นกันอย่างดุเดือดนานแล้ว

เพียงครู่สั้นๆ

แม่ทัพนรกผู้นี้ก็ถูกสังหาร ส่งผลให้ยามหลินสวินได้มุกยมโลกมาเม็ดหนึ่ง ก็ทำให้เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งดูดซับพลังแห่งนรกอันไพศาลหาใดเทียบไปพร้อมกันด้วย

ไกลออกไปแม่ทัพนรกอีกคนกำลังต่อสู้กับระดับบรรพจารย์ขั้นเก้าสองคน

เห็นดังนี้หลินสวินก็ส่ายหัวน้อยๆ ล้มเลิกความคิดจะไปชิงเหยื่อ หมุนตัวกระโจนออกไปไกล ไม่คิดจะหยุดอยู่ที่นี่แล้ว

ตลอดทางนี้เขาได้ทดสอบแล้ว ว่าพลังแห่งนรกที่รวมรวมได้จากการสังหารทหารนรกแทบไม่มีประโยชน์กับเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง

นี่ทำให้เขาตระหนักได้ว่าถ้าอยากให้ลายมรรคนรกทั้งเก้าลายแปรสภาพต่อ ก็ทำได้เพียงไปสังหารพวกระดับแม่ทัพนรก

และในตอนนี้สาเหตุที่หลินสวินล้มเลิก ไม่ไปสู้กับแม่ทัพนรกอีกคน ก็เพราะว่าบรรพจารย์ขั้นเก้าสองคนนั้นก็อยู่ด้วย ทันทีที่ตนสอดมือเข้าไปฆ่าแม่ทัพนรกคนนั้น มุกยมโลกที่ได้มา… จะตกเป็นของใคร

แทนที่จะชักนำความยุ่งยากที่ไม่จำเป็น หลินสวินสู้ตัดใจไปเลยดีกว่า

เขาคิดจะเร่งเดินทาง ชิงตัดหน้าพวกถานไถเฟิง เช่นนี้แล้วหากพบศัตรูระดับแม่ทัพนรกอีกก็จะชิงโอกาสได้ก่อน

“ไม่ถูก พี่ชายคนดีจะชิงออกไปก่อนนี่!” มีคนร้องแปลกๆ

ผู้คนมากมายก็ย่อมเห็นภาพนี้ ต่างนิ่วหน้าอย่างอดไม่ได้

ในสนามรบแห่งนี้ พวกเขาดึงดูดกำลังหลักของทัพทหารนรก เช่นนี้แล้วตอนหลินสวินจากไปจึงง่ายยิ่งนัก

นี่ก็เป็นหลักการเดียวกับเมื่อสามวันก่อนที่มีหลินสวินสกัดไว้ ทำให้พวกเขาฝ่าวงล้อมออกไปง่ายๆ

เพียงแต่หลินสวินออกไปเช่นนี้ กลับทำให้จิตใจของคนเหล่านั้นไม่สงบแล้ว

“มีสิทธิ์อะไรมาให้พวกเรามาสกัดกำลังพลของศัตรู แต่เจ้าหมอนี่กลับฉวยโอกาสจากไป พวกเราไม่เคยพูดว่ายินดีที่ได้ช่วยเหลือคนอื่นเหมือนเขานะ!”

มีคนแค่นเสียง

“ไป ฝ่าไปด้วยกัน อย่าให้เขาเอาเปรียบเช่นนี้ได้”

มีคนกระตุ้น

ถานไถเฟิงโกรธอย่างห้ามไม่อยู่ แววตาน่าสะพรึง “หมากินสำนึกผิดชอบชั่วดีของพวกเจ้าไปหมดแล้วหรือ ไม่ว่าอย่างไรหลิงเสวียนจื่อก็เคยช่วยพวกเรา มิหนำซ้ำก่อนหน้านี้ยังสังหารแม่ทัพนรกไปคนหนึ่ง พวกเจ้ากลับพูดจาไร้ยางอายเช่นนี้ออกมาได้ ข้าเสียหน้าเพราะพวกเจ้าหมดแล้ว!”

คำพูดประโยคนี้ดังลั่นดั่งอสนี ทำเอาคนเหล่านั้นต่างหน้าเปลี่ยนสี เงียบเป็นจักจั่นหน้าหนาว

ไกลออกไปบรรพจารย์ขั้นเก้าคนหนึ่งที่กำลังสู้กับแม่ทัพนรกส่งเสียงมาว่า

“นายน้อยพูดถูก สามารถสังหารแม่ทัพนรกคนหนึ่งอย่างง่ายดายท่ามกลางพันพลหมื่นม้าได้ ความน่ากลัวในพลังต่อสู้ของหลิงเสวียนจื่อผู้นี้ไม่อาจเทียบกับมกุฎมหาจักรพรรดิทั่วๆ ไปได้อย่างยิ่ง บุคคลเช่นนี้จะถูกดูหมิ่นได้อย่างไร”

นี่ทำให้สีหน้าถานไถเฟิงอ่อนลงไม่น้อย เอ่ยว่า “สู้ต่อไป ข้าพูดไว้แล้ว สิ่งประสบบนทางสายนี้ล้วนเป็นการเคี่ยวกรำที่หาได้ยากยิ่ง ถ้าไม่ใช่เช่นนี้ ข้าคงใช้ไพ่ตายสังหารศัตรูตรงหน้าเหล่านี้ให้หมด แต่นั่นก็จะเสียโอกาสขัดเกลาตัวเองไป”

เมื่อพูดจบเขาก็สะบัดแขนเสื้อ นำพาทุกคนสู้ต่อ

หลินสวินที่ฝ่าวงล้อมออกไปได้นานแล้วได้ยินเสียงสนทนาเช่นกัน และเปลี่ยนมุมมองต่อถานไถเฟิงผู้นั้นไปบ้าง

ไม่ขอให้รู้จักทดแทนบุญคุณ ขอเพียงต้องรู้จักแยกแยะอารมณ์และเหตุผลก็พอแล้ว!

น่าเสียดายที่คนส่วนใหญ่ไม่ได้มีน้ำใจเช่นถานไถเฟิง

สวบ!

ไม่นานนักเงาร่างหลินสวินก็หายลับไปบนทางน้ำพุเหลืองที่ปกคลุมไปด้วยหมอกดำหนาทึบนั้น

ด้านผู้ฝึกปราณที่ตามหลังเขามาตลอดทางล้วนงุนงงไปหมดแล้ว ปากก็พร่ำบ่น

พวกเขาไม่ได้เก่งกล้าขนาดฝ่าวงล้อมของกองทัพทหารนรกนี้ได้

และเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็เท่ากับพวกเขาเสียโอกาสตามหลังหลินสวิน ไม่อาจได้รับการคุ้มครองไปตลอดทาง…

“เฮ้อ คราวนี้จบสิ้นแล้ว”

หลายคนถอนใจเสียงดัง

“พบกันโดยบังเอิญ ไม่ใช่ทั้งมิตรและศัตรู ตลอดทางนี้พวกเราได้ประโยชน์มาพอแล้ว ได้รับการคุ้มครองจากสหายยุทธ์คนนั้นมาตลอดทางก็เป็นบุญคุณเท่าฟ้าแล้ว!”

ชายชราคนหนึ่งนิ่วหน้า เอ่ยเสียงเข้มว่า “ถ้าได้คืบจะเอาศอก ไม่สำนึกบุญคุณอีกก็จะไร้เหตุผลไปแล้ว”

ทันใดนั้นทุกคนต่างเงียบไป

“ไป ไปฆ่าศัตรู! ตอนนี้ไปช่วยคนอื่นก็คือช่วยพวกเราเอง อย่าไปเพ้อฝันอยากสบายอีก!”

ชายชราคนนั้นโบกมือแล้วพุ่งไปยังสนามรบ

คนอื่นสบตากัน จากนั้นก็กัดฟันกระโจนเข้าไป

เป็นอย่างที่ชายชราผู้นั้นว่าไว้ ตอนนี้มีแต่ร่วมต่อสู้กับพวกถานไถเฟิงถึงมีโอกาสเดินหน้าต่อได้!

หาไม่แล้ว ใครก็อย่าคิดฝ่าเคราะห์สังหารคราวนี้ไปได้

และยามถานไถเฟิงเห็นภาพนี้เข้าก็ยิ่งหน้าเปลี่ยนสี บนโลกนี้… มีคนมากมายปานนี้ปรากฏตัวขึ้นตั้งแต่เมื่อไร

“พวกเจ้า… ก็ชอบช่วยเหลือผู้อื่นเหมือนกันหรือ”ถานไถเฟิงถามอย่างอดไม่ได้

ระดับจักรพรรดิเหล่านั้นต่างผงะไป ทันใดนั้นชายชราที่เป็นคนนำหน้าผู้นั้นก็เอ่ยเสียงกังวานว่า “แม้พวกเราไม่เก่งกาจ แต่ต้องการเอาอย่างสหายยุทธ์หลิงเสวียนจื่อ!”

ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้!

ถานไถเฟิงรู้สึกใจปั่นป่วนอย่างอดไม่ได้ เอ่ยว่า “ทุกท่านวางใจ มีข้าถานไถเฟิงอยู่ ย่อมไม่ให้ทุกท่านประสบอันตราย!”

ถ้าหลินสวินได้เห็นภาพนี้เกรงว่าจะต้องตกตะลึงอ้าปากค้าง

ถึงอย่างไรสาเหตุที่เขา ‘ยินดีที่ได้ช่วยเหลือผู้อื่น’ เป้าหมายก็ไม่ได้บริสุทธิ์ใจ

แต่เห็นได้ชัดว่าถานไถเฟิงคงซาบซึ้งแล้ว…

แน่นอนว่าเรื่องเหล่านี้ไม่เกี่ยวกับหลินสวินแล้ว

บนทางน้ำพุเหลืองอันเวิ้งว้าง เขาตะบึงไปเร็วยิ่ง ตลอดทางต่อให้พบเจอทหารนรกที่โจมตีมาจำนวนหนึ่งก็คร้านจะใส่ใจแล้ว หลบหนีอย่างว่องไวแล้วรีบมุ่งหน้าต่อไปทันที

ตอนนี้มีแต่ระดับแม่ทัพนรกถึงเข้าตาหลินสวินได้!

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท