Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2436 มรรคสิบตำหนักพญายม

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2436 มรรคสิบตำหนักพญายม

ตอนที่ 2436 มรรคสิบตำหนักพญายม

“สิ่งที่ได้เห็นเมื่อครู่ ต้องเป็นประทับการต่อสู้ชิ้นหนึ่งแน่” ครู่ใหญ่นกกระจอกเขียวถึงส่งเสียง เห็นได้ชัดว่ามันเพิ่งสงบใจจากความตื่นตะลึงเช่นกัน

“หรือพวกเราจะออกไปไหม” นกกระจอกเขียวเอ่ยเสนอ

หลินสวินส่ายหัว ตาดำลุ่มลึก “อุตส่าห์มาแล้ว ถ้าไม่ไปดูเพลิงระเบียบดับสูญนั่นก็น่าเสียดาย”

ขณะพูดเขาก็เดินหน้าต่อ

จู่ๆ นกกระจอกเขียวก็รู้สึกเสียใจอยู่บ้างที่กระตุ้นหลินสวิน ที่นี่ดูปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นสถานที่อันเลวร้ายโหดเหี้ยมนัก เกรงว่าต่อให้เกิดเหตุผิดคาดแม้สักนิด ก็เป็นไปได้สูงยิ่งที่จะชักนำเภทภัยมาถึงตัว!

แต่นกกระจอกเขียวไม่อาจเกลี้ยกล่อมได้ ด้วยดูออกว่าหลินสวินตัดสินใจแล้ว

ยิ่งลึกเข้าไปหมอกสีดำยิ่งเข้มข้น เงียบสงัด ไม่มีเสียงสักนิด

ภายใต้การตรวจสอบของเปิดตาทิพย์ของหลินสวิน ก็พบเศษกระเบื้องแตกมากมายและโครงกระดูกหักพังหมองดำจำนวนหนึ่งกระจายอยู่บนพื้น ต่างเน่าเบื่อไม่เหลือดี แตะทีเดียวก็กลายเป็นขี้เถ้าปลิวว่อนสลายไป

นี่ทำให้หลินสวินระบุได้ ว่าในยุคก่อนเป็นไปได้สูงยิ่งที่ที่นี่จะมีตึกรามบ้านช่องมากมายกระจายตัวอยู่ มีสรรพชีวิตพำนักอยู่ที่นี่

ส่วนอย่างอื่นไม่อาจตรวจสอบได้อีก

มุ่งหน้าไปเบื้องหน้าเช่นนี้อีกหลายสิบลี้ ระหว่างทางกลับไม่พบอันตรายใดๆ อีก ดูเงียบสงบถึงที่สุด

เพียงแต่หลินสวินยังสัมผัสได้อย่างฉับไว ว่ายิ่งลึกเข้ากลิ่นอายอึดอัดชวนให้หายใจไม่ออกนั้นก็ยิ่งหนาแน่น น่าขนลุกตามไปด้วย

“ทำไมยังไม่พบเพลิงระเบียบดับสูญที่เจ้าว่า” หลินสวินถามขึ้นอย่างอดไม่ได้

นกกระจอกเขียวกำลังจะตอบ

จู่ๆ ก็พบว่าส่วนลึกของหมอกดำนั้นมีเงาดำมหึมาเงาหนึ่งอุบัติขึ้น ตั้งตระหง่านดุจภูผาอยู่ตรงนั้น

หลินสวินหวาดหวั่นใจ หยุดเดินทันที

เมื่อเขาเพ่งดูโดยละเอียด กลับพบว่าเงาดำมหึมานั้นดันเป็นเตาหลอมเตาหนึ่ง!

สูงหลายสิบจั้ง ทั้งเตามีร่องรอยผุกร่อนกระดำกระด่างกระจายอยู่เต็มไปหมด หมอกสีดำโอบล้อม ทำให้เตานี้ดูลึกลับยิ่งนัก

หลินสวินคิดๆ แล้วกัดฟันแล้วเดินเข้าไป

เมื่อเข้าไปมองใกล้ๆ ก็พบว่าเตาใหญ่นี้ผุพังอย่างหนักไปนานแล้ว จะสลายกลายเป็นซากเมื่อไรก็ได้

พื้นผิวเตาใหญ่มองเห็นลายเมฆคลุมเครือจำนวนหนึ่งได้รางๆ เพียงแต่ไม่อาจแยกได้ว่านั่นเป็นภาพเช่นไรกันแน่

ก็ในตอนนี้เอง…

วู้ม…

ระเบียบนิพพานพุ่งออกมาอีกครั้ง แสงมรรคที่กระจายออกมาปกคลุมไปทั้งเตามหึมานั้น

หลินสวินกับนกกระจอกเขียวต่างอึ้งงันไปครู่หนึ่ง

จากนั้นทั้งสองก็เข้าใจบางอย่างแล้ว เกรงว่าในเตาหลอมนี้จะมีปริศนาบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับแดนนรกเมื่อยุคก่อนประทับอยู่!

เห็นได้ชัดว่าเป็นดังที่หลินสวินคาดเดาไว้ ผ่านไปสักพักเมื่อระเบียบนิพพานย้อนกลับมา แดนนรกในโลกระเบียบนั้นก็มีตำหนักพญายมสิบหลังกระจายตัวเพิ่มขึ้นมา!

ตำหนักพญายมแต่ละหลังต่างสะท้อนความสง่างามอันแตกต่าง ล้วนแขวนป้ายเหนือประตูต่างกันไป

ได้แก่ ตำหนักฉินก่วงอ๋อง ตำหนักฉู่เจียงอ๋อง ตำหนักซ่งตี้อ๋อง ตำหนักอู่กวนอ๋อง ตำหนักเหยียนหลัวอ๋อง ตำหนักเปี้ยนเฉิงอ๋อง ตำหนักไท่ซานอ๋อง ตำหนักตูซื่ออ๋อง ตำหนักผิงเติ่งอ๋องและตำหนักจ้วนหลุนอ๋อง

เมื่อพอตำหนักพญายมทั้งสิบปรากฏขึ้หลินสวินก็สังเกตเห็นว่าหนึ่งในลายมรรคนรกเก้าลายชัดเจนสมบูรณ์ขึ้นทันตา!

จิตรับรู้แทรกสอดเข้าไป ชั่วพริบตานัยเร้นลับมหามรรคอันลึกลับอัศจรรย์ก็ผุดขึ้นในใจ

มรรคสิบตำหนักพญายม!

มหามรรคนรกอันลึกลับสุดหยั่งชนิดหนึ่ง แบ่งออกเป็นสิบสายใหญ่ ต่างเกี่ยวข้องกับโทษทัณฑ์และการเข่นฆ่า

เช่น ‘มรรคันฉ่องบาป’ มหามรรคที่ครอบครองโดยตำหนักฉินก่วงอ๋อง เป็นพลังที่สามารถมองทะลุบาปได้ หากฝึกถึงขีดสุด พลังมหามรรคจะควบรวมเป็นภาพพิสดารดั่ง ‘บันทึกเกิดดับ’ ภาพหนึ่ง

หรือ ‘มรรคจ่อมจมทะเลทุกข์’ มีตำหนักฉู่เจียงอ๋องครอบครอง เป็นมรรคแห่งการลงทัณฑ์ชนิดหนึ่ง หากฝึกถึงขีดสุด จะสามารถควบรวมภาพทะเลทุกข์ภาพหนึ่ง

หรืออย่าง ‘มรรคจรัสเพลิง’ มีซ่งตี้อ๋องครอบครอง เป็นมรรคกำราบกักขังชนิดหนึ่ง หากฝึกถึงขีดสุดจะสามารถควบรวมภาพวงล้อมันดาลาได้ภาพหนึ่ง

มหามรรคสายอื่นต่างก็มีความมหัศจรรย์และอานุภาพของตัวเอง

พลังมหามรรคสิบชนิดนี้ รวมตัวกันเป็น ‘มรรคสิบตำหนักพญายม’

เมื่อหลินสวินได้รู้ดังนี้ก็อุทานในใจอย่างอดไม่ได้

เมื่อเทียบกับ ‘มรรคกักวิญญาณ’ ที่มีต้นกำเนิดจากด่านประตูผีแล้ว ‘มรรคสิบตำหนักพญายม’ ที่มีต้นกำเนิดจากสิบตำหนักพญายมนี้ซับซ้อนและคลุมเครือกว่า มีอานุภาพอัศจรรย์มากมาย น่าตื่นตะลึงถึงขีดสุดอย่างไม่ต้องสงสัย

นี่ทำให้หลินสวินไม่กล้าจินตนาการว่าแดนนรกยุคก่อนนั้นจะล้ำเลิศปานไหน ถึงได้ครอบครองพลังมหามรรคอันน่าเหลือเชื่อได้มากมายปานนี้!

หากไม่ใช่ว่าระเบียบนิพพานมีความสามารถในการฟื้นคืนและให้กำเนิดใหม่ ฟื้นคืนมรรคกักวิญญาณกับมรรคสิบตำหนักพญายมให้ปรากฏขึ้น เกรงว่าทั้งชาติคงไม่มีทางได้เข้าใจนัยเร้นลับเช่นนี้

“ได้ผลเก็บเกี่ยวชิ้นใหญ่อีกแล้วหรือ” นกกระจอกเขียวพึมพำ เหมือนอิจฉาอยู่บ้าง

ข้ามสะพานปลงอนิจจัง ฝ่าด่านประตูผี กระทั่งตอนนี้พบกับเตาหลอมนี้ ทำให้หลินสวินได้ผลเก็บเกี่ยวทุกครั้ง แล้วนี่จะให้นกกระจอกเขียวสงบใจได้อย่างไร

ในอดีตที่ผ่านมา นกกระจอกเขียวไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าจะมีผู้ฝึกปราณคนไหนประสบโชคในแดนนรกเซินหลัวหลายครั้งอย่างหลินสวิน

ทว่านกกระจอกเขียวก็รู้ชัด ว่าทั้งหมดนี้เกรงว่าจะเกี่ยวกับพลังระเบียบอันลึกลับในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งสายนั้น!

พลังระเบียบนั่นน่าทึ่งเกินไป สามารถฟื้นคืนพลังระเบียบที่พินาศไปตั้งแต่ยุคก่อนได้ ทำให้มันเกิดใหม่ ปรากฏขึ้นอีกครั้งบนโลกนี้!

ทว่าหลินสวินได้รับประโยชน์จากในนั้นมากมายเพียงไหนกันแน่ นกกระจอกเขียวกลับไม่รู้สักนิด นี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้มันหงุดหงิดว้าวุ่นทั้งยังอิจฉาตาร้อน

“ไม่ถึงกับเป็นผลเก็บเกี่ยวใหญ่โต แค่รู้สึกว่าออกจะเหลือเชื่อ”

หลินสวินทอดถอนใจออกมา

ไม่ได้เจอเพลิงระเบียบดับสูญนั้น แต่กลับทำให้เขาได้รับมรรคสิบตำหนักพญายมของยุคก่อน นี่เป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายของเขาจริงๆ

นกกระจอกเขียวเอ่ยว่า “รู้จังหวะไหนควรหยุดก็หยุด รีบออกไปเถอะ”

สายตาหลินสวินประเมินเตาหลอมกระดำกระด่างเตานี้แล้วเปรยว่า “เจ้าว่าในเตาหลอมนี้จะเป็นอย่างไรกันแน่”

นกกระจอกเขียวอึ้งไป

เงาร่างหลินสวินไหววูบ กระโจนพุ่งขึ้นกลางอากาศไปอยู่เหนือเตาหลอมพลางมองลงไป

แม้เขาจะเก็บงำพลังทั้งตัว ระมัดระวังอย่างเต็มที่แล้ว แต่ตอนที่เคลื่อนผ่านอากาศขึ้นไปก็ยังแผ่คลื่นพลังจำนวนหนึ่งออกมาเหมือนเดิม

ทันใดนั้นเตาหลอมนี้เหมือนสะดุ้งตกใจ ปลดปล่อยกลิ่นอายทำลายล้างอันน่าสะพรึงไร้สิ้นสุดออกมาจากในนั้น

ตูม!

ชั่วพริบตาเตาหลอมที่ผุพังกระดำกระด่างมาก่อนแล้วก็ระเบิดออก แสงเพลิงสีดำบาดตาไร้สิ้นสุดพุ่งขึ้นทะลุเมฆ

เมื่อเสียงปังดังขึ้น หลินสวินก็ถูกซัดจนร่างกระเด็นคว่ำออกไป เจ็บปวดยิ่งไปทั้งตัว รู้สึกปวดแสบปวดร้อนไปทั่วตั้งแต่ผิวหนังยันเส้นผมเหมือนโดนไฟลวก

เขาอดตะลึงไม่ได้

ด้วยมรรควิถีของเขาในตอนนี้ ไม่ได้ยับเยินเช่นนี้มานานแล้ว

ยามมองไปไกลๆ อีกครั้ง สายรุ้งเปลวเพลิงราวโซ่เทพระเบียบสายหนึ่งพาดผ่านฟ้าดิน เปล่งแสงเจิดจ้าเหลือประมาณออกมา กระแสทำลายล้างร้อนระอุทำให้หมอกดำที่ปกคลุมอยู่ระเหยไป ห้วงอากาศถูกเผาจนแดงเหมือนเปลวเพลิงไปหมด!

“เพลิงระเบียบดับสูญ!” นกกระจอกเขียวร้องลั่น

หลินสวินใจสั่นอย่างรุนแรง ที่แท้นี่ก็คือเพลิงอันน่าสะพรึงที่สามารถสังหารบรรพจารย์มรรคได้อย่างง่ายดาย!

ยังไม่ทันให้เขาคิดอะไรอีก เพลิงระเบียบนั้นก็หวดมาทางเขาอย่างแรงเหมือนแส้เทพเริงระบำสายหนึ่งแล้ว

โครม!

เปลวเพลิงคับฟ้า ทุกที่ที่เพลิงระเบียบผ่านฟ้าดินเหมือนถูกเผา สรรพสิ่งดับสลาย ความน่ากลัวของกลิ่นอายทำลายล้างเช่นนั้นทำเอาหลินสวินยังหน้าเปลี่ยนสีอย่างอดไม่ได้

สวบ!

เขาไม่ลังเลสักนิด หันหลังหนีไป

เดิมทีหลินสวินยังคิดจะใช้พลังของเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งกำราบเพลิงระเบียบดับสูญ แต่เมื่อเห็นภาพเช่นนี้เขาก็ล้มเลิกทันที

พลังเช่นนั้นน่าหวาดหวั่นเกินไป อย่างกับว่าแค่แตะโดนเบาๆ ก็จะกลายเป็นเถ้าธุลีปลิดปลิวในชั่วพริบตา!

“แย่แล้ว!”

ทันใดนั้นในใจหลินสวินกระตุกรุนแรง หลบไปด้านหนึ่งตามจิตใต้สำนึก

ก็เห็นเพลิงระเบียบดับสูญกลุ่มหนึ่งพลันผุดออกมาบนทางที่เขาหลบหนี อย่างกับซ่อนอยู่ตรงนั้นนานแล้ว ถ้าไม่ใช่เขาหลบทัน เกรงว่าคงแตะต้องไปแล้ว!

หลินสวินตกใจจนเหงื่อกาฬไหลไปทั้งตัวอย่างอดไม่ได้ เจ้าของเล่นนี่จะพิสดารไปแล้ว

เขาไม่กล้าหยุด หลบหนีต่อไป

แต่เพียงครู่เดียวหลินสวินก็สีหน้าเหยเก

ที่แท้รอบๆ พื้นที่ที่อบอวลด้วยหมอกดำนี้ ถึงกับถูกเพลิงระเบียบดับสูญกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าล้อมเอาไว้ตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้!

เพลิงระเบียบแต่ละลูกล้วนแตกต่างกัน บ้างใหญ่หนาเหมือนมังกร สง่างามเปล่งประกาย ส่องสว่างภูผาธารา บ้างเรียวเล็กเหมือนปราณกระบี่ ไหววูบพเนจร พิสดารสุดคาดเดา

แต่ไม่ว่าอย่างไรเพลิงระเบียบดับสูญเหล่านี้ก็เหมือนมีจิตวิญญาณ แปลงเป็นวงแหวนไฟขนาดมหึมาลูกหนึ่งล้อมบริเวณรอบๆ หลินสวินเอาไว้

มิหนำซ้ำยังหดตัวและบีบเข้ามาใกล้ไม่หยุด!

นี่มันไร้ทางสู่ฟ้า ไร้ประตูสู่ดินจริงๆ จะรุกจะถอยก็ต้องสัมผัสกับเปลวเพลิงน่ากลัวพวกนี้ตรงๆ อย่างไม่อาจเลี่ยงได้

“จบเห่แล้ว…” นกกระจอกเขียวส่งเสียงคล้ายโอดครวญ “ถ้าฟังข้าแต่แรกจะตกอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวังเช่นนี้ได้อย่างไร”

แต่หลินสวินไม่มีเวลามาสนใจนกกระจอกเขียว เขาสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง กลับเยือกเย็นอย่างที่สุด

สวบ!

ทันใดนั้นเขาพลันเคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศ ถลาไปหาเพลิงระเบียบเรียวเล็กดุจปราณกระบี่สายหนึ่ง ฝ่ายหลังฉายวาบอย่างพิสดาร หายลับไปกลางอากาศทั้งอย่างนั้น

หลินสวินสีหน้าดีใจ กำลังจะฉวยโอกาสนี้หนีออกไปจากวงล้อม

แต่ครู่ต่อมาความดีใจบนใบหน้าก็แข็งค้าง

เพราะบนทางข้างหน้ามีเพลิงระเบียบนับร้อยนับพันแน่นขนัดปรากฏขึ้น ล้วนเรียวเล็กเหมือนปราณกระบี่ สว่างจ้าบาดตาถึงที่สุด

ยามมองไปทางอื่นอีกครั้ง เพลิงระเบียบต่างๆ ก็ถาโถมเข้ามาอย่างฮึกเหิม ฟ้าดินถูกเผา เปลวเพลิงคับฟ้าในทุกที่ที่ผ่าน

“สู้ตาย!”

หลินสวินกัดฟันเรียกเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งออกมา พุ่งตรงไปข้างหน้า

ปัง!

เมื่อเพลิงระเบียบคล้ายปราณกระบี่สายแรกปะทะกับเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง พลังทำลายล้างอันน่าตระหนกก็กระจายออกมา ซัดจนหลินสวินแทบกระอักเลือด

แต่เขาไม่อาจสนใจเรื่องพวกนี้ โคจรพลังถึงขีดสุดเหมือนเอาชีวิตเข้าแลก ถึงได้สลายพลังของเพลิงระเบียบนี้ไปได้

แต่จากนั้นเพลิงระเบียบกลุ่มอื่นที่เบียดแน่นอยู่เบื้องหน้าก็พุ่งเข้ามา

ปัง! ปัง! ปัง!

เสียงระเบิดจนหูแทบดับดังก้องฟ้าดิน ทุกครั้งที่เสียงปะทะดังขึ้น จะต้องมีพลังเปลวเพลิงอันน่าพรั่นพรึงปลดปล่อยออกมาด้วย

ครู่หนึ่งเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งสั่นระรัวรุนแรงส่งเสียงหึ่งๆ ขึ้นมา แม้หลินสวินจะใช้มรรควิถีทั้งตัวก็ยังถูกการจู่โจมแน่นขนัดเหล่านั้นซัดจนหน้าถอดสี กระอักเลือดไม่หยุด

ที่น่ากลัวที่สุดก็คือเพลิงระเบียบด้านหลังก็พุ่งเข้ามาแล้ว…

หากเปลี่ยนเป็นผู้ฝึกปราณอื่นเกรงว่าต้องสิ้นหวังไปแล้ว

แต่ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ หลินสวินพลันตะคอกลั่น สำแดงอภินิหารหยุดเวลา

ชั่วพริบตาเดียว

ฟ้าดินเหมือนเงียบสงัด หยุดชะงักอยู่เช่นนั้น

ด้านหลินสวินฉวยโอกาสชั่วพริบตานี้ใช้เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งกระแทกออกไปแรงๆ เพลิงระเบียบที่ขวางหน้าอยู่ถูกทำลายและเปิดทางออกทันที

อาศัยโอกาสนี้ หลินสวินเคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศพุ่งถลาออกไป

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท