ในลานเงียบกริบนทันที เข็มร่วงยังได้ยิน
เงาร่างสูงโปร่งนั้นผมแผ่สยาย อาภรณ์ขาดวิ่น ใบหน้าซีดขาว ดูค่อนข้างสะบักสะบอม
คนผู้นี้ย่อมเป็นหลินสวิน
ก่อนหน้านี้การซุ่มโจมตีอันน่าสะพรึงและปุบปับฉากนั้น ต่อให้ถูกเขาสลายอานุภาพไปเกินกว่าครึ่ง แต่สุดท้ายก็ยังได้รับบาดเจ็บอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ ยามเมื่อเห็นภาพนี้ทุกคนต่างอึ้งงัน ปากอ้าตาค้าง
“ยังไม่ตาย!?”
“หะ… เหตุใดเขาถึงยังรอดอยู่อีก”
“ผู้เฒ่าหลงหยวนถูกฆ่าเช่นนี้แล้ว…”
เสียงอุทานดังขึ้นรอบทิศ
ใครจะกล้าจินตนาการว่าภายใต้การล้อมโจมตีของมหาจักรพรรดิยี่สิบกว่าคน ถึงกับยังมีคนสามารถรอดชีวิตออกมาได้
ที่น่ากลัวที่สุดคือ
เพียงแค่ยื่นมือออกมาเท่านั้น หลินสวินก็ปลิดหัวของบรรพจารย์ขั้นเก้าคนหนึ่ง เด็ดหัวเขาออกมา บดขยี้กลายเป็นเถ้าถ่าน ระเบิดตายคาที่
ภาพน่าสยดสยอง!
ไอหนาวเย็นไร้รูปทะลักสู่กลางใจมหาจักรพรรดิเหล่านี้ดุจกระแสน้ำหลาก ทำเอาพวกเขาหนังหัวชาหนึบ นี่ต้องเป็นพวกร้ายกาจแบบไหนกัน
“ข้ากับพวกเจ้าไร้แค้นไร้พยาบาท เหตุใดต้องมาลอบซุ่มโจมตีข้าด้วย” สายตาหลินสวินเย็นเยียบจนน่ากลัว
เขามองเห็นทุกคนถนัดตาแล้ว ล้วนไม่คุ้นตา ไม่รู้จักกันสักนิด
เพียงแต่ไม่มีใครตอบคำถาม
สีหน้าทุกคนล้วนเจือแววเย็นชา
“ลงมือ! เขาบาดเจ็บอยู่ ไม่ได้ไร้เทียมทาน นี่เป็นโอกาสดีที่จะสังหารเขา!”
หลังจากผ่านความตกตะลึงในคราแรก ระดับจักรพรรดิเหล่านี้ก็ทะยานเข้าหาหลินสวินจากคนละทิศทาง
ไม่ว่าระดับจักรพรรดิคนใดก็ตามที่สามารถมาถึงเมืองตั้งต้น ซ้ำยังเข้าร่วมการเคี่ยวกรำในแดนลับฝึกหลอม มีใครบ้างไม่ใช่พวกร้ายกาจที่สภาวะจิตดุจเหล็ก ผ่านประสบการเข่นฆ่า มีไม่น้อยที่เป็นยอดผู้กล้าและจอมเผด็จการจากโลกแห่งหนึ่ง ผงาดกร้าวท่ามกลางการสังหารและนองเลือดกันทั้งนั้น
ฮูม…
แสงศักดิ์สิทธิ์มากมายแผ่พุ่งไหลหลั่ง ศาสตราจักรพรรดิที่แข็งแกร่งจำนวนหนึ่งกำลังสั่งสมพลัง สมบัติบนตัวมหาจักรพรรดิเหล่านี้ย่อมไม่ใช่ธรรมดาทั่วไป ล้วนอานุภาพน่าสะพรึงกันทั้งนั้น
กระบี่มรรคที่คมกริบทะยานฟ้า ร่มสำริดที่ปิดฟ้าบังตะวัน แส้เทพที่ยาวพันจั้ง ประทับใหญ่ที่ดุจภูเขาเทพ… แต่ละชิ้นล้วนพร่างพราวสะดุดตา ปรากฏภาพยิ่งใหญ่ตระการตาปิดครอบสี่ทิศ
ไม่อาจไม่ยอมรับ นี่คือพวกน่าสะพรึงกลุ่มหนึ่ง หากอยู่ในทางเดินโบราณฟ้าดาราล้วนสามารถอาละวาดไร้กลัวเกรง เหยียดหยันทั่วหล้าได้
“หลิงเสวียนจื่อ จะบอกเจ้าให้ ไม่ว่าผู้แข็งแกร่งคนใดที่เข้าสู่แดนลับฝึกหลอม ขอเพียงมีโอกาสล้วนต้องฆ่าเจ้าอย่างไม่เกรงใจสักนิด ต่อให้เจ้าดิ้นรนแค่ไหนสุดท้ายก็เปลืองแรงเปล่า”
มหาจักรพรรดิขั้นแปดที่ดูราวกับเด็กหนุ่มคนหนึ่งเอ่ยปากเรียบๆ ท่าทางองอาจ โดดเด่นเหนือโลกีย์
หลินสวินเลิกคิ้ว จากนั้นก็เผยสีหน้าเหยียดหยัน “งั้นรึ เช่นนั้นข้าก็ไม่ถือที่จะมองที่นี่เป็นสุสาน ฝังศัตรูทั้งหมด”
ผมดำของเขาพลิ้วไหว นัยน์ตาดุจสายฟ้า ปลดปล่อยกลิ่นอายของตนโดยไม่มีปกปิด ทันใดนั้นดุจดั่งมหาสมุทรโหมคลั่ง พาดขวางแผ่นดินใหญ่ไพศาล
ทุกคนสีหน้าแข็งทื่อ หลินสวินสงบนิ่งไม่เกรงกลัว นี่ทำให้ในใจพวกเขายังหนาวเยือกอย่างอดไม่ได้ สีหน้าล้วนเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมหาใดเปรียบ
“ฆ่า!”
พวกเขาลงมือพร้อมกันโดยไม่ลังเล
ร่มโบราณสำริดกางออกปิดฟ้าบังตะวัน ประทับใหญ่ภูเขาเทพกระแทกแผ่นดินจม ศาสตราจักรพรรดิแต่ละชิ้นร่ายรำ ดุจดั่งโค่นภูเขาคว่ำสมุทร น่าสะพรึงล้นเหลือ!
และที่น่ากลัวที่สุดคือมีสมบัติลับที่พลังสังหารน่าสะพรึงบางชิ้นแตกตัวออก สามารถสร้างภัยคุกคามให้ระดับบรรพจารย์ขั้นเก้าด้วยซ้ำ ร้ายกาจน่าพรั่นพรึง
ขณะเดียวกันก็มีลายมรรคผนึกที่อัศจรรย์สุดหยั่งมากมายไหลหลั่งออกมา แผ่สยายออกไป ปิดครอบเวิ้งฟ้าแถบนี้เอาไว้ เห็นชัดว่าในหมู่คนพวกนี้มีคนที่เชี่ยวชาญการด้านลายมรรคสร้างกระบวนค่ายกลออกมา
แทบจะในพริบตาเดียว
ฟ้าดินแถบนี้จมสู่ความโกลาหลอีกครั้ง แผ่นดินใหญ่จมทรุดหลายพันจั้ง เทือกเขาทั้งหมดล้วนอันตรธานหายไป ห้วงอากาศพังทลาย กระแสพลังที่ท่วมท้นแผ่กว้างออกไป ทุกที่ที่กวาดผ่านเต็มไปด้วยภาพน่าสะพรึงประหนึ่งดับทำลายก็ไม่ปาน
มหาจักรพรรดิยี่สิบกว่าคนร่วมมือกัน ไม่มีใครเก็บงำ ล้วนฝีมือร้ายกาจ จิตต่อสู้กร้าวแกร่ง ยามนี้โจมตีเต็มกำลัง สามารถทำให้เทพผีหวาดผวาได้ชัดๆ
หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ต่อให้เป็นบรรพจารย์ขั้นเก้าที่แจ้งมรรคมานานปี เวลานี้ล้วนต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะไม่สามารถหลีกหนีได้ การล้อมโจมตีระดับนี้น่าสะพรึงเกินไป
แต่หลินสวินกลับสามารถฝ่าวงล้อมแน่นหนามาได้ ซ้ำยังเตรียมพร้อมมาแล้ว มีหรือจะถูกล้อมอีกครั้ง
ตั้งแต่ตอนที่ทุกคนลงมือ เงาร่างของเขาพริบไหวทันที ส่ายไหวแปลกประหลาด จากนั้นก็ปรากฏตัวห่างออกไปนอกพันลี้
ศัตรูเหล่านี้รับมือยากยิ่งยวด ทั้งวิชามรรค ศาสตราจักรพรรดิ พลังผนึก สมบัติลับ… ไม่มีใครไม่ใช่ของดีที่สุดของตน การฆ่าบรรพจารย์ขั้นเก้าให้ตายยังไม่ใช่ปัญหา ถึงขั้นอาจคุกคามบรรพจารย์มรรคได้ด้วยซ้ำ
หากไม่ใช่เพราะที่นี่คือแดนลับฝึกหลอม ต้องสามารถกวาดล้างฟ้าดาราแห่งหนึ่ง ดับทำลายโลกมิติหนึ่งได้อย่างแน่นอน!
“เขาถึงกับหนีไปแล้ว… อยู่ตรงนั้น!”
ทุกคนหันมองไปก็มองเห็นหลินสวินแล้ว หัวใจพลันหนักอึ้งทันที ไอเย็นวาบผุดขึ้นในใจ
หลินสวินในเวลานี้แม้จะยืนอยู่คนเดียวตรงนั้น แต่กลับมีกลิ่นอายกลืนดินหมื่นลี้ ท่วงท่าไร้ใดเปรียบ เหยียดหยันใต้หล้า
ทุกคนสบตากันปราดหนึ่ง ล้วนเผยสีหน้าดุกร้าว
“ฆ่า!”
ระยะพันลี้ สำหรับคนอย่างพวกเขาแค่เคลื่อนย้ายครั้งเดียวก็ไปถึงแล้ว และครั้งนี้หากปล่อยให้หลินสวินหนีไปได้ ภายหน้าเกรงว่าคงหาโอกาสเช่นนี้ไม่ได้อีกแล้ว
อีกอย่างต่อสู้กันจนถึงตอนนี้ หลินสวินยังไม่เคยสำแดงฝีมือที่ทำให้พวกเขาหวาดหวั่นอย่างแท้จริงมาก่อน นี่ทำให้พวกเขาล้วนคิดว่ายังมีหวัง
และก็เป็นตอนนี้…
ตูม!
หลินสวินชิงตัดหน้าเคลื่อนไหวก่อนก้าวหนึ่ง เป็นฝ่ายสำแดงการโจมตีก่อน หนึ่งก้าวย่างออกไป ฟ้าดินสั่นสะท้าน ดาวเคลื่อนดาราคล้อย เจือแสงศักดิ์สิทธิ์พร่างฟ้าโจมตีเข้ามา
เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งส่งเสียงอึงอล ดุจดั่งหุบเหวใหญ่กลืนฟ้าแห่งหนึ่งปรากฏอยู่เหนือศีรษะหลินสวิน
เขาลงมือเรียบง่ายและตรงไปตรงมา ปราณกระบี่สายหนึ่งฟันออกไป ปราณกระบี่ตัดขวางสามพันลี้ ประกายกระบี่พลิกม้วน ภูเขาใหญ่ไกลออกไปพันลี้ยังถูกเลิกกระเด็น
พรูด!
คนที่อยู่หน้าสุดทั่วร่างแหวกออก จากนั้นก็พังทลาย แตกระเบิดกลายเป็นหมอกโลหิตไปพร้อมกับศาสตราจักรพรรดิของเขา ถูกปราณกระบี่ที่ดุดันไร้ทัดเทียมนั่นบดขยี้
ตูม โครม!
ทุกการเคลื่อนไหวของหลินสวินมีเสียงประหนึ่งเขาถล่มสมุทรคำรามดังออกมา แสงมรรครอบกายล้นฟ้า เขาประหนึ่งเทพมาร อยู่เหนือสุดไร้ทัดเทียม ปราณกระบี่ที่ฟันออกไปดุจคลื่นยักษ์โหมซัดต่อเนื่อง ล้วนสะท้อนแก่นแท้แห่งหนึ่งกระบี่เกิดดับ
ชั่วอึดใจนั้นมหาจักรพรรดิก็ถูกสังหารไปอีกสามคน!
หมอกโลหิตคละคลุ้ง ศาสตราจักรพรรดิน่ากลัวสองชิ้นและพลังผนึกเป็นชั้นๆ ล้วนทลายออกเป็นชิ้นๆ ต่อเนื่อง แสงมรรคเดือดคลั่ง น่าสะพรึงไร้ขอบเขต!
และสภาพที่เดิมทีเป็นการล้อมกรอบโจมตี ก็ถูกหลินสวินคนเดียวใช้ฝีมือในการสังหารอันไร้ทัดเทียมแหวกออกเป็นเส้นทางเลือดสายหนึ่งทั้งอย่างนั้น
“นี่… ยังใช่คนอยู่หรือ เขา… เหตุใดถึงแข็งแกร่งเช่นนี้” มีบางคนตกใจกลัว จิตวิญญาณล้วนสั่นไหว
วู้ม!
ประทับใหญ่ที่สูงตระหง่านหนาหนักดุจเนินเขาเทพร่วงหล่นลงมา นี่คือศาสตราจักรพรรดิที่มีชื่อเสียงโด่งดังชิ้นหนึ่ง มีอานุภาพสยบสังหารจักรวาล บดขยี้สุริยันจันทราเป็นผุยผง
ทว่าหลินสวินที่ไอสังหารทะลักฟ้า แสงมรรคเรืองรองไปทั้งร่างบดบังสุริยันจันทราธารดารา ดุจดั่งเทพศักดิ์สิทธิ์มาเยือนโลก ตบใส่ฟ้าสูงไปหนึ่งฝ่ามือกก็ซัดประทับเทพชิ้นนี้กระเด็นออกไป ทั้งยังปรากฏรอยร้าวเป็นสายๆ!
“พวกเรา… หาเรื่องคนเช่นใดกันแน่!?”
เสียงอุทานดังขึ้น เหล่าจักรพรรดิที่แต่เดิมยังสงบเยือกเย็น เวลานี้ไม่มีใครไม่ใจสะท้าน เป็นครั้งแรกที่นึกเสียใจกับการตัดสินใจของตัวเอง
ยามต่อสู้ประจันหน้ากัน พวกเขาถึงได้ตระหนักว่าอานุภาพของหลิงเสวียนจื่อผู้นี้น่ากลัวขนาดไหน!
ตูม!
เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งส่งเสียงอึงอล ท่ามกลางเสียงกึกก้อง ร่างกายท่อนล่างของบรรพจารย์ขั้นเก้าคนหนึ่งที่ซ่อนตัวลอบสังหารกลายเป็นหมอกโลหิตกลุ่มหนึ่งไปแล้ว แหลกละเอียดเป็นฝุ่นผง เขาร้องโหยหวนน่าอนาถ ร่างท่อนบนลอยคว้าง ผมกระเซอะกระเซิง แววหวาดหวั่นฉายทั่วใบหน้า
ทว่ากระบี่มรรคเล่มหนึ่งพุ่งออกมาจากในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง พริบไหวคราเดียว ประกายกระบี่นั่นก็ฟันร่างครึ่งท่อนที่เหลืออยู่ขาดออก จิตสิ้นวิญญาณสลาย
“ช่วยข้าด้วย!”
ในที่นั้นมีคนร้องเสียงแหลมตกใจ
กลับเห็นนัยน์ตาหลินสวินแผ่ลำแสงน่าตระหนก ตัดสลับกลายเป็นกระบี่เทพที่ส่งเสียงดังชิ้งๆ คู่หนึ่ง พาดไขว้อยู่กลางห้วงอากาศแล้วฟันออกไป กรีดเป็นเครื่องหมายกากบาท
จากนั้นผู้แข็งแกร่งอีกคนก็ถูกสังหาร ครานี้เป็นมกุฎมหาจักรพรรดิคนหนึ่ง มีปราณระดับจักรพรรดิขั้นหก เดิมคิดว่าอยู่ระดับขั้นเดียวกับหลินสวินก็ไม่จำเป็นต้องกลัว
ไหนเลยจะคาดคิด เพียงแค่ประจันหน้ากันคราเดียวก็ถูกหลินสวินกำจัดทิ้ง
คนมากมายขนลุกขนชันทั่วร่าง สีหน้าซีดขาว นี่เป็นเทพสังหารคนหนึ่งชัดๆ ไปหาเรื่องราชันมารที่ไม่ควรหาเรื่องเข้าจนได้
อันที่จริงหลินสวินในตอนนี้เห็นชัดว่าน่ากลัวหาใดเปรียบจริงๆ มรรควิถีทั้งร่างสำแดงออกมา ใช้เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งเบิกทาง ฟาดฟันสังหารทั่วทิศ แสงมรรคพร่างพราว กลิ่นอายกลืนกินหมื่นลี้
ทุกอิริยาบถเผยท่วงท่าบดขยี้อันไร้ศัตรู ทุกที่ล้วนแตกพ่าย!
เทือกเขาหมู่ธาราล้วนกลายเป็นผงฝุ่น พินาศราวกระดาษเปื่อย นี่ยังจะสู้อย่างไรไหว
เพิ่งจะเริ่มต่อสู้หลินสวินก็ประดุจเทพมารมาเยือนโลก ถึงตอนนี้มีระดับจักรพรรดิหกคนตายไปพร้อมความคับแค้นแล้ว เลือดสดเจิ่งนอง
เทพมาร!
ในใจคนเหล่านี้ตะโกนลั่น สีหน้าซีดขาว เกิดความรู้สึกไร้แรงอย่างหนึ่ง ร่างกายสั่นเทิ้มอย่างอดไม่อยู่ ไม่เคยหวาดหวั่นเหมือนอย่างตอนนี้มาก่อน
พรูด!
ละอองเลือดพุ่งกระฉูด หลินสวินสีหน้าราบเรียบ นัยน์ตาเย็นชา เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งส่งเสียงกึกก้อง กระแทกใส่คนอีกผู้หนึ่งจนระเบิดตาย สภาพน่าสังเวช
พลังต่อสู้กร้างแกร่งที่เขาเผยออกมาในเวลานี้สะท้านใจผู้คน ไม่ทันไรก็โจมตีระดับจักรพรรดิคนหนึ่งตายอนาถ ร่างกายแยกเป็นชิ้นๆ ทั้งกายจิตล้วนดับสิ้น
การเข่นฆ่าดำเนินต่อไป ในใจหลินสวินมีเพลิงโทสะที่บอกไม่ถูกสายหนึ่งไหลหลั่ง
ตั้งแต่เข้าสู่เมืองตั้งต้น เขาสงบเสงี่ยมอย่างยิ่ง พยายามไม่ก่อเรื่อง ไหนเลยจะคาดคิด เพิ่งเข้าสู่แดนลับฝึกหลอมก็พบเจอการลอบโจมตีจากทั่วทิศอย่างหนักหน่วง
หากไม่ใช่เพราะเขามีมรรควิถีที่กร้าวแกร่งมากพอ เกรงว่าต้องประสบเคราะห์ในทันทีไปแล้ว
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หลินสวินมีหรือจะไม่เดือดดาล ดังนั้นยามลงมือจึงไม่ไว้ไมตรีสักนิด เลือดเย็นเหี้ยมโหดอย่างที่สุด
“อ๊าก…”
“หนี!”
“หนีเร็ว!”
…ท่ามกลางเสียงร้องตื่นตกใจ ผู้ฝึกปราณที่เหลืออยู่เหล่านั้นล้วนเผ่นหนีอุตลุด ทะยานไปยังสี่ทิศแปดทาง
ตอนนี้ใครก็ดูออกว่านี่คือเทพมารคนหนึ่ง เป็นศัตรูกับเขามีแต่ตายสถานเดียว
ต่อให้เป็นบรรพจารย์ขั้นเก้าก็ยังรับการโจมตีเดียวไม่ไหว!
“คิดหนีหรือ สายไปแล้ว!”
หลินสวินแค่นเสียงเย็น ในเมื่อเลือกลงมือ เช่นนั้นก็ต้องฆ่าให้สิ้นซาก เขาไม่ใช่คนมีเมตตาใจดีอะไร
“สหายยุทธ์ไว้ชีวิตด้วย ข้าน้อยสำนึกผิดแล้ว ไม่ควรถูกคนยุยงจนมาล้อมโจมตีสหายยุทธ์” ชายชราคนหนึ่งถูกไล่ตามก็ร้องขอชีวิตด้วยใบหน้าซีดเผือด เกือบคุกเข่าลงตรงนั้น
หลินสวินไม่แม้แต่จะมอง กดนิ้วหนึ่งออกไป หน้าผากชายชราถูกเจาะทะลวง เลือดพุ่งออกมาดุจดอกไม้เบ่งบาน แววตกใจกลัวบนใบหน้าอีกฝ่ายแข็งค้าง ทรุดลงจมบ่อเลือดตรงๆ
ตูม!
ทันใดนั้นร่มโบราณสำริดที่ผิดฟ้าบังตะวันคันหนึ่งหล่นร่วงลงมา สาดแสงมรรคมากมาย นั่นเป็นโซ่เทพสายแล้วสายเล่าพันเกี่ยวอยู่ใต้เวิ้งฟ้า ดุจดั่งใช้ทองเทพหล่อขึ้น พร่างพราวสะดุดตา เข้ามากำราบหลินสวิน
นี่เป็นศาสตราจักรพรรดิที่แข็งแกร่งชิ้นหนึ่ง ปิดฟ้าบังตะวันหมื่นกาล ก่อตัวเป็นพื้นที่น่าสะพรึงประหนึ่งกักขังภูผาธารา หากถูกขังอยู่ในนั้น ก็เหมือนถูกผลักลงนรก ดุจดั่งนักโทษที่ถูกคุมขัง
“มารชั่วนี่ถูกกำราบแล้ว ทุกท่านรีบเข้าไปสังหารเขาเร็ว!” ชายวัยกลางที่ท่าทางเหมือนบัณฑิตคนหนึ่งตะโกนลั่น เจือแววลำพองใจ
ร่มโบราณสำริดนี้ก็คืออาวุธสังหารของเขา เวลานี้เอามาใช้แบบไม่นึกเสียดาย จองจำหลินสวินเอาไว้ภายใน
และเมื่อบัณฑิตท่องคัมภีร์คลุมเครือเก่าแก่ ร่มโบราณสำริดนี้ก็ดุจดั่งตื่นจากการหลับใหล สัญลักษณ์แปลกประหลาดหลั่งไหลราวกระแสน้ำหลาก ปลดปล่อยกลิ่นอายผนึกไร้ขอบเขต!
…………………