Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2453 แยกแล้วจึงกวาด รอชุบมือเปิบ

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2453 แยกแล้วจึงกวาด รอชุบมือเปิบ

ภาพนี้สร้างความตกใจให้กับพวกยอดจักรพรรดิเสวียนซิงอย่างยิ่งยวด

ครู่หนึ่งยอดจักรพรรดิเสวียนซิงจึงเอ่ยเสียงเบาว่า “พี่หลิง คราวนี้ขอบคุณมาก”

หลินสวินเอ่ย “คราวก่อนที่สมรภูมิมายาโบราณ ข้าติดค้างน้ำใจเจ้าไว้ครั้งหนึ่ง ตอนนี้มองว่าเป็นการคืนให้เจ้าก็แล้วกัน”

ยอดจักรพรรดิเสวียนซิงอึ้งไป ยิ้มเจื่อนเอ่ยว่า “พี่หลิงล้อเล่นแล้ว เรื่องคราวก่อนนั้นข้าแค่อยากฉวยโอกาสชิงมุกบริสุทธิ์ของมารมายาระดับจอมราชันก็เท่านั้น”

หลินสวินเอ่ย “ข้าก็เหมือนกัน คราวนี้ก็ทำเพื่อชิงแหล่งดาราที่อยู่ที่นี่”

พอพูดเช่นนี้ออกไป เหล่าคนที่อยู่ใกล้ๆ ยอดจักรพรรดิเสวียนซิงต่างเผยความโกรธเกรี้ยว สีหน้าไม่น่าดู

“หลิงเสวียนจื่อ คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะเป็นคนแบบนี้!”

มีคนขุ่นเคือง

“เฮอะ น่าผิดหวังจริงๆ…”

มีคนถอนใจยาว

ก่อนหน้านี้พวกเขาต่อสู้อาบเลือดก็เพื่อปกป้องแหล่งดาราที่อยู่ที่นี่ เดิมนึกว่าการมาถึงของหลินสวินจะเป็นการช่วยเหลือพวกเขา แต่จะคิดได้อย่างไรว่าความจริงแล้วจะกลับกันโดยสิ้นเชิง

นี่ทำให้พวกเขาต่างโกรธเคืองหาใดเทียบ รู้สึกว่าตนโดนหลอกแล้ว

ตาดำหลินสวินดุจสายฟ้า กวาดมองคนที่โกรธเคืองเหล่านี้ปราดหนึ่ง กล่าวว่า “ทำไม ข้าตอบแทนน้ำใจให้ครั้งหนึ่งแล้ว พวกเจ้ายังรู้สึกว่าไม่พอหรือ”

คำพูดง่ายๆ แต่ยอดจักรพรรดิเสวียนซิงกลับหน้าเปลี่ยนสี ฝืนยิ้มเอ่ยว่า “พี่หลิงอย่าเข้าใจผิด นี่พวกเราก็จะไปแล้ว”

พูดจบก็พาคนเหล่านั้นจากไปโดยไม่สนใจอะไร

กระทั่งพวกเขาหายลับไปหลินสวินจึงชักสายตากลับมา ในใจหัวเราะเย็นชา เจ้าพวกนี้คิดว่าตนจะไม่คิดเล็กคิดน้อย ชอบช่วยเหลือคนอื่นจริงหรือ

น่าขัน!

ความจริงแล้วตั้งแต่ตอนที่ ‘ผู้ร่วมทาง’ อย่างสิงมู่เทียน จักรพรรดิขวงหรู หนิงเต้าจื้อ รวมถึงยอดจักรพรรดิเสวียนซิงตั้งใจตีตัวออกหากตนในเมืองตั้งต้น ด้วยกังวลว่าจะชักนำภัยใส่ตัว หลินสวินก็ไม่เคยมองอีกฝ่ายเป็น ‘ผู้ร่วมทาง’ อีกต่อไปอยู่แล้ว!

หลินสวินไม่โทษที่อีกฝ่ายทำเช่นนี้ ถึงอย่างไรก็ไม่ได้มีมิตรภาพที่แท้จริงระหว่างกัน

และตอนนี้สิ่งที่หลินสวินกระทำก็อยู่บนพื้นฐานนี้ ไม่ได้ผูกมิตร ยังมาแค้นเคืองที่ตนจะชิงแหล่งดาราไปหรือ

ไม่กลัวว่าหากตนโกรธจะทำการสังหารครั้งใหญ่หรือ

ถ้าไม่ใช่ว่าในตอนสุดท้ายยอดจักรพรรดิเสวียนซิงรวบรัดพาคนพวกนี้จากไปทันที หลินสวินคงสั่งสอนเจ้าสารเลวพวกนั้นอย่างไม่เกรงใจสักยกไปนานแล้ว

หลินสวินส่ายหัว จากนั้นก็สะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง

ตูม!

ไม่ไกลนักภูเขาใหญ่สีดำที่อบอวลด้วยคลื่นพลังชีวิตลูกนั้นก็พังถล่ม แหล่งดาราทอแสงสดใสชิ้นหนึ่งบินโฉบออกมา ถูกหลินสวินคว้าเอาไว้ในมือ

หลินสวินประเมินดูเล็กน้อยก็เก็บแหล่งดาราแล้วจากไปอย่างฉับไว

ในขณะเดียวกัน

“คุณหนู แหล่งดารานั่นพวกเราเป็นคนเจอก่อน แต่สุดท้ายกลับถูกหลิงเสวียนจื่อนั่นชิงไป เจ้าหมอนี่จะชั่วช้าเกินไปแล้ว!”

กลางห้วงอากาศไกลลิบ คนผู้หนึ่งเอ่ยปากอย่างโกรธเคือง

“ใช่แล้ว เดิมพวกเรานึกว่าเขาจะหวังดีช่วยเหลือ ใครจะคิดว่าท่าทางปากคอจะทุเรศทุรังได้ขนาดนั้น!”

คนอื่นก็พากันเอ่ยปาก

“หุบปาก!”

ยอดจักรพรรดิเสวียนซิงคุมไฟโทสะในใจไม่อยู่อีกต่อไป เอ่ยอย่างเย็นชาว่า “ข้อแรก เพราะพวกเราขีดเส้นแบ่งกับเขาหลิงเสวียนจื่อไว้อย่างชัดเจน”

“ข้อสอง เมื่อครู่ถ้าไม่ได้หลิงเสวียนจื่อยื่นมือมาแทรก ไม่เพียงแต่จะถูกชิงแหล่งดาราไป พวกเราคงไม่มีทางรอดถอยออกมาได้อย่างปลอดภัย”

“ข้อสาม ในสถานการณ์เช่นนี้ หลิงเสวียนจื่อเป็นฝ่ายปรากฏตัว ช่วยพวกเราสะสางความขัดแย้งให้เอง เท่ากับเป็นการช่วยเหลือพวกเราแล้ว”

พูดถึงตรงนี้ทุกคนก็เงียบเป็นจักจั่นหน้าหนาวไปแล้ว

ยอดจักรพรรดิเสวียนซิงเอ่ยชัดถ้อยชัดคำ “ไม่รู้จักซาบซึ้งบุญคุณ อย่างน้อยก็ต้องแยกแยะถูกผิดดีชั่วได้ พวกเจ้า… มีสิทธิ์อะไรไปโกรธเคืองและไม่ยินยอม”

ทุกคนสีหน้าเดี๋ยวเขียวเดี๋ยวขาด

ยอดจักรพรรดิเสวียนซิงก็ถอนหายใจยาวในใจ ความเสียใจอย่างบอกไม่ถูกผุดขึ้นมา

……

วันที่สองที่ค้นหาแหล่งดาราในเขตที่หก

หลินสวินถูกล้อมโจมตีครั้งใหญ่ยามชิงแหล่งดาราชิ้นหนึ่ง

มีขุมอำนาจสามกลุ่มร่วมกันลงมือ

กลุ่มหนึ่งนำโดยเด็กหนุ่มผมขาวผู้หนึ่ง คนผู้นี้เป็นมกุฎมหาจักรพรรดิขั้นเจ็ดที่พลังต่อสู้แกร่งกล้าถึงที่สุดคนหนึ่ง มีนามว่าอู่เทียนเฉิน

ข้างกายห้อมล้อมไปด้วยบรรพจารย์ขั้นเก้าสามคนกับระดับจักรพรรดิกลุ่มหนึ่ง

กลุ่มที่สองมีนักพรตเฒ่าชุดแดงคนหนึ่งเป็นผู้นำ นักพรตเฒ่าผู้นี้ไม่ได้เป็นระดับมกุฎมหาจักรพรรดิ แต่พลังปราณบรรพจารย์ขั้นเก้าในตัวก็บรรลุขั้นสมบูรณ์แล้ว แข็งแกร่งกว่าท่านย่าเสวี่ยที่อยู่ข้างกายเหวินเซ่าเหิงอยู่บ้าง

กลุ่มที่สาม…

ก็คือคนหน้าคุ้นกลุ่มหนึ่ง เป็นพวกจักรพรรดิขวงหรูนั่นเอง!

ยามลงมือ ไม่ว่าจะเป็นจักรพรรดิขวงหรูหรือคนที่อยู่ข้างกายเขาต่างไร้ซึ่งคลื่นอารมณ์ มองหลินสวินเป็นคู่ต่อสู้ จู่โจมด้วยพลังทั้งหมดไม่มีเกรงใจสักนิด

หลินสวินไม่ถึงกับขุ่นเคือง และไม่ได้รู้สึกผิดปกติสักนิด

ในที่สุดหลินสวินก็เลือกหลบหนี

แต่ไม่ได้จากไป ยืนอยู่ไกลๆ คอยสังเกตการณ์

นี่ทำให้ขุมอำนาจสามกลุ่มอึดอัดไปหมด สถานการณ์อยู่ในสภาพคุมเชิงกันอย่างประหลาด

ตัวตนของหลินสวินเป็นภัยคุกคามอย่างหนึ่ง และสำหรับขุมอำนาจสามกลุ่มนั้น ใครก็ไม่ยอมหลีกทางมอบแหล่งดาราที่อยู่ที่นี่ให้แต่โดยดี

แต่ถ้าพวกเขาขุมอำนาจทั้งสามกลุ่มเข่นฆ่ากันเอง กลับจะทำให้หลินสวินชุบมือเปิดเอาได้

ชั่วขณะหนึ่งสถานการณ์ก็พบทางตันหาทางออกไม่ได้อยู่เช่นนั้น

หลินสวินสงบเยือกเย็น แต่สีหน้าของขุมอำนาจทั้งสามนั้นออกจะไม่สู้ดีแล้ว

ใครๆ ต่างรู้ว่ายิ่งดึงเวลาออกไปนาน ก็ยิ่งมีคู่แข่งมาจากทั่วสารทิศมากยิ่งขึ้น ถึงตอนนั้นสถานการณ์ก็จะยิ่งยุ่งเหยิง

“พี่หลิง พวกเราเป็นคนร่วมทางเดียวกัน คราวนี้ถ้าเจ้าช่วยพวกเราชิงแหล่งดารานี้ คราวหน้าพวกเราก็ย่อมช่วยเจ้า”

จู่ๆ จักรพรรดิขวงหรูก็เอ่ยปาก สีหน้าจริงใจ

หลินสวินเผยยิ้มหยัน “ก่อนหน้านี้ในเมืองตั้งต้นยังขีดเส้นแบ่งกับข้าชัดเจน ทำไมตอนนี้มาเปลี่ยนใจอีกเล่า”

หลินสวินหยุดไปแล้วเอ่ยต่อว่า “เมื่อครู่ยามต่อสู้แย่งชิง ก็ไม่ยักเห็นพวกเจ้าจะมองข้าเป็นคนร่วมทางเดียวกัน”

จักรพรรดิขวงหรูสีหน้าแข็งทื่อไปครู่หนึ่ง ถอนใจเบาๆ เอ่ยว่า “ตอนนั้นส่วนตอนนั้น ตอนนี้ส่วนตอนนี้”

กลับพบว่าสายตาหลินสวินมองไปที่ผู้นำของขุมอำนาจอีกสองกลุ่ม “ถ้าพวกเจ้าร่วมมือกันกำจัดเจ้าคนต่ำช้าพวกนี้ ข้าจะจากไปทันที รับรองว่าจะไม่ยื่นมือเข้ามายุ่งเรื่องนี้อีกเด็ดขาด”

ประโยคเดียวทำให้เด็กหนุ่มผมขาวกับนักพรตเฒ่าชุดแดงพวกนั้นใจเต้นนัก

จักรพรรดิขวงหรูกลับหน้าเปลี่ยนสี เอ่ยว่า “พี่หลิง นี่เจ้าจะยืมมือคนอื่นฆ่าคนหรือ!”

“มีปัญหาหรือ”

หลินสวินยิ้ม “จำไว้ให้ดี พวกเราไม่ได้เป็นเพื่อนกัน และไม่ใช่คนร่วมทางเดียวกันด้วย แต่เป็นศัตรู ปฏิบัติกับศัตรูย่อมต้องใช้ทุกวิถีทาง”

สีหน้าจักรพรรดิขวงหรูอึมครึมลงทันที ความแค้นปะทุออกมาจากดวงตา

“หลิงเสวียนจื่อ เจ้าร่วมมือกับพวกเราฆ่าเจ้าพวกนี้ก่อน จากนั้นเจ้าค่อยจากไปจะไม่ยิ่งดีหรอกหรือ”

จู่ๆ เด็กหนุ่มผมขาวก็เสนอขึ้นมา

“ไม่ผิดๆ”

นักพรตเฒ่าชุดแดงก็พยักหน้าเห็นด้วย

“นี่ย่อมดียิ่งแน่นอน”

หลินสวินยิ้มแฉ่ง

แต่พวกจักรพรรดิขวงหรูต่างใจหล่นไปอยู่ตาตุ่ม ตกตะลึงระคนโกรธเกรี้ยว

ก่อนหน้านี้ยังเป็นพวกเขาสามกลุ่มล้อมโจมตีหลินสวินคนเดียวอยู่เลย นี่เพิ่งผ่านไปไม่เท่าไร กลับเป็นกลุ่มพวกเขาที่ถูกมองเป็นเป้าสังหาร!

“พวกเจ้าสองคนจะเชื่อคำพูดบ้าๆ ของหลิงเสวียนจื่อจริงๆ หรือ” จักรพรรดิขวงหรูตะคอกลั่น สีหน้าคล้ำเขียว

เด็กหนุ่มผมขาวเอ่ยอย่างเฉยชาว่า “เรื่องพวกนี้ไม่สำคัญ ที่สำคัญก็คือคู่ต่อสู้น้อยลงไปกลุ่มหนึ่ง สำหรับพวกเราแล้วเป็นเรื่องดีทั้งนั้น”

“ลงมือ!”

นักพรตเฒ่าชุดแดงตะโกนลั่น นำเหล่าระดับจักรพรรดิออกโจมตีอย่างเหี้ยมหาญ

ด้านหลินสวินก็ไม่ได้ออมมือ ร่วมมือโจมตีเข้าใส่พวกจักรพรรดิขวงหรูทันที

“ไป!”

จักรพรรดิขวงหรูส่งเสียงคำรามกราดเกรี้ยว พาทุกคนหนีทันที ไม่กล้าประจันหน้า

“ทั้งสองท่าน การช่วงชิงหลังจากนี้ก็อยู่ที่พวกเจ้าทั้งสองฝ่ายแล้ว”

ด้านหลินสวินก็ไม่ทำให้ผิดหวัง หัวเราะร่าแล้วก็เคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศ ไล่ตามพวกจักรพรรดิขวงหรูไป

เด็กหนุ่มผมขาวกับนักพรตเฒ่าชุดแดงต่างลอบถอนหายใจโล่งอกอยู่ในใจ

เพียงพริบตาหลินสวินกับพวกจักรพรรดิขวงหรูต่างก็จากไป เท่ากับทำให้สถานการณ์ผ่อนคลายลงมากทันที

คล้ายกับใจสื่อถึงกัน เด็กหนุ่มผมขาวกับชายชราชุดแดงสบตากัน จากนั้นต่างก็ลงมือโจมตีเข้าหาอีกฝ่าย…

ตูม!

ทั้งสองนำผู้แข็งแกร่งจากฝั่งของตนเข้าต่อสู้ในการแย่งชิงอันดุเดือด

ใต้เวิ้งฟ้าไกลลิบ

หลินสวินกำลังไล่สังหารพวกจักรพรรดิขวงหรู เร็วจนเหลือเชื่อ ทั้งยังลงมืออย่างไม่เกรงใจสักนิด

ฟุบ!

ฟุบ!

ฟุบ!

ดอกไม้สีเลือดดอกแล้วดอกเล่าระเบิดออก สีแดงฉานร้อนระอุ ก็พบว่าระดับจักรพรรดิข้างกายจักรพรรดิขวงหรูคนแล้วคนเล่าถูกฆ่าตาย ถูกปลิดชีพราวกับเด็ดต้นหญ้า ดับสลายทั้งกายจิต

นี่กระตุ้นให้จักรพรรดิขวงหรูแทบคลั่ง ส่งเสียงคำรามว่า “หลิงเสวียนจื่อ เจ้าจะไล่ฆ่าให้เหี้ยนจริงๆ หรือ”

ดวงตาเขาแดงก่ำแล้ว

“ก่อนหน้านี้ตอนเจ้ากับเจ้าพวกนั้นล้อมโจมตีข้า ได้ยั้งมือไว้ไมตรีหรือไม่เล่า”

หลินสวินสีหน้าไม่ทุกข์ไม่สุข

“นั่นก็เพื่อชิงแหล่งดาราเท่านั้น ส่วนเจ้าเล่า ตอนนี้ทิ้งแหล่งดาราไปแล้ว ทำไมยังต้องเหี้ยมโหดปานนี้ด้วย”

ขณะที่จักรพรรดิขวงหรูคำรามลั่น ระดับจักรพรรดิข้างกายอีกคนก็ถูกสังหาร น้ำเลือดที่สาดกระเซ็นออกมาพุ่งผ่านหน้าเขา กระตุ้นให้เขาสั่นไปทั้งตัว ตาแดงไปหมดแล้ว

“เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าข้าจะทิ้งแหล่งดาราชิ้นนั้นไป” ความเวทนาปรากฏขึ้นในแววตาหลินสวิน

จักรพรรดิขวงหรูผงะไป

ก็ตอนนี้เอง หลินสวินพุ่งทะยาน เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งที่ห่อหุ้มด้วยแสงมรรคมากมายกำราบลงมา

ตูม โครม!

การสังหารสะท้านฟ้าสะเทือนดินอุบัติขึ้น พื้นที่แถบนี้ปั่นป่วนไปหมด แม้จักรพรรดิขวงหรูจะแข็งแกร่ง แต่จะเป็นคู่ต่อสู้ของหลินสวินได้อย่างไร

เพียงครู่สั้นๆ ก็ถูกกระบี่ไร้ก้นบึ้งพาดขวาง ร่างกายแบ่งออกเป็นสองท่อน ถูกกำจัดท่ามกลางกระแสปราณกระบี่ แหลกสลายเป็นฝุ่นควัน

ก่อนตายยังมีความไม่ยินยอมอย่างลึกซึ้ง ไม่เข้าใจว่าทำไมหลินสวินถึงเด็ดขาดไร้ปรานีเช่นนี้

“ขอเพียงมองข้าเป็นศัตรู ล้วนต้องกำจัด”

หลินสวินแววตาลุ่มลึก ไม่หวั่นไหวแม้สักนิด

เขาหันหลังกลับไปทางเดิม

สาเหตุที่เปลืองแรงมากขนาดนี้ ก็เพื่อชิงโอกาสให้ต่างคนต่างบดขยี้กันเอง

หาไม่แล้วด้วยพลังของเขาคนเดียว ยังยากนักที่จะต้านการร่วมมือของขุมอำนาจสามกลุ่มอย่างเด็กหนุ่มผมขาว นักพรตเฒ่าชุดแดงและจักรพรรดิขวงหรูได้

และตอนนี้ พวกจักรพรรดิขวงหรูก็ถูกกำจัดแล้ว

ต่อไปก็ควรไปจัดการเด็กหนุ่มผมขาวกับนักพรตเฒ่าชุดแดงพวกนั้นแล้ว

ที่เหนือความคาดหมายของหลินสวินก็คือ เมื่อเขากลับมา พวกเด็กหนุ่มผมขาวกับพวกนักพรตเฒ่าชุดแดงฆ่ากันจนเสียสติอยู่ก่อนแล้ว ต่างฝ่ายต่างบาดเจ็บล้มตายอย่างสาหัส

เห็นดังนี้หลินสวินก็แทบหัวเราะออกมา

นกปากซ่อมสู้กับหอยกาบ ชาวประมงมาชุบมือเปิบ โบราณว่าไว้ไม่มีผิด!

“หลิงเสวียนจื่อ!”

ระหว่างที่ต่อสู้ เมื่อเห็นเงาร่างหลินสวินปรากฏขึ้นอีกครั้งเด็กหนุ่มผมขาวก็หน้าเปลี่ยนสีทันที “เจ้ากลับมาอีกทำไม”

“เวรเอ๊ย!”

เห็นได้ชัดว่านักพรตเฒ่าชุดแดงเข้าใจแล้ว สีหน้าย่ำแย่หาใดเทียบ “พวกเราติดกับเจ้าชั่วนี่แล้ว!”

ก็พบว่าหลินสวินก้าวเท้าขึ้นไปในอากาศ เสื้อผ้าปลิวไสว ละม้ายเซียนไร้มลทินที่อยู่เหนือกว่าคนทั่วไป บนใบหน้าหล่อเหลายังมีรอยยิ้มเจิดจ้า

“เชิญทั้งสองท่านต่อไปได้เลย ให้ดีที่สุดคือบาดเจ็บสาหัสทั้งคู่ ย่อยยับไปด้วยกัน เช่นนี้ข้าจะได้ฉวยเอาผลประโยชน์ก้อนโตไปโดยไม่ต้องเปลืองแรง”

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท