ค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณสั่นไหว เกิดพลังอากาศว่างเปล่าที่คลุมเครือ
เงาร่างของพวกหลินสวิน เฟิงจวินหลิน เซี่ยงเสี่ยวหยวน เยวี่ยตู๋ชิวปรากฏขึ้นแทบจะในเวลาเดียวกัน
ถ้าเป็นเมื่อก่อน ทุกครั้งที่การเคี่ยวกรำในแดนลับฝึกหลอมสิ้นสุดลงจะดึงดูดความสนใจของทุกคน สถานการณ์ยิ่งใหญ่ ยิ่งถูกทุกคนจับจ้อง ถูกเคารพนับถือและชื่นชม
แต่ตอนนี้กลับแตกต่างเป็นพิเศษ
ถนนเส้นนี้บรรยากาศกดดันอันตราย ทหารที่สวมชุดเกราะสีดำรวมตัวกันเป็นกลุ่ม ปิดกั้นพื้นที่บริเวณนี้
แทบจะในทันที ทุกสายตาและไอสังหารล้วนพุ่งเป้าไปที่หลินสวินคนเดียว
อานุภาพน่ากลัวที่ราวกับจับต้องได้นั้น ทำให้ผู้แข็งแกร่งที่กลับมาพร้อมหลินสวินอดหน้าเปลี่ยนสีไม่ได้ ในใจตึงเครียด
ดังคาด วันนี้จะต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น!
“พวกเราได้รับคำสั่งให้มาจับหลิงเสวียนจื่อ คนอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวเชิญจากไป!”
คนที่เป็นหัวหน้าส่งเสียงเย็นเยียบ เขาถือทวนศึกสีเงิน เงาร่างกำยำทรงพลัง กลิ่นอายดุดันแผ่พุ่งทั่วร่าง ปั่นป่วนเมฆลม
ฉับพลันนั้นคนที่อยู่ข้างๆ หลินสวินจากไปอย่างเร่งรีบ ใครก็ไม่อยากข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้ กลัวเพียงว่าจะอันตรายถึงชีวิต
“หลิงเสวียนจื่อ อวยพรให้ตัวเองเถอะ หากเจ้าตายในเมืองนี้ ข้าจะผิดหวังอยู่บ้าง!” เฟิงจวินหลินเหลือบมองหลินสวินคราหนึ่งแล้วพาคนของตนจากไป
ความหมายในคำพูดแฝงนัย
หลินสวินสุขุมเยือกเย็น กวาดมองทั้งที่นั้นเงียบๆ
‘สหายยุทธ์หลิง ต้องการความช่วยเหลือหรือไม่ ขอเพียงแค่เจ้าพยักหน้า ข้าสามารถคว้าโอกาสรอดชีวิตให้เจ้าได้สายหนึ่ง’
จู่ๆ เซี่ยงเสี่ยวหยวนก็สื่อจิต หญิงงามที่บุคลิกโดดเด่น แบกดาบคู่เขียวม่วงบนหลังคนนี้ ถึงกับยื่นมือมาช่วยในตอนนี้อย่างเหนือความคาดหมาย
ฐานะของนางสูงส่ง แม้มาจากโลกพันจักรวาล ทว่ามารดาของนางก็เป็นคนใหญ่คนโตในขุมอำนาจใหญ่แห่งหนึ่งของโลกยอดนิรันดร์ ย่อมมีความมั่นใจในการพูดเช่นนี้
‘ไม่จำเป็น ขอบคุณมาก’ หลินสวินปฏิเสธพร้อมรอยยิ้ม
เซี่ยงเสี่ยวหยวนไม่ได้ดึงดัน เพียงมองหลินสวินอย่างลึกล้ำครู่หนึ่งแล้วหมุนตัวจากไปพร้อมกับเยวี่ยตู๋ชิว
ไม่นานก็เหลือเพียงหลินสวินคนเดียว
เขายังคงยืนนิ่งอยู่หน้าค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณเพียงลำพัง รอบๆ ถูกทหารปิดล้อมแน่นหนา ภาพเช่นนั้นทำให้คนที่มองดูอยู่ไม่รู้เท่าไหร่หนาวสะท้านและสิ้นหวัง
แต่สีหน้าของเขากลับไร้คลื่นลม ราบเรียบเหมือนเดิม
กลางฟ้าดินไอเข่นฆ่าพวยพุ่ง กดข่มจนอากาศราวกับหยุดชะงัก สิบทิศเงียบสงัด บรรยากาศตึงเครียดถึงขีดสุด
“หลิงเสวียนจื่อ เจ้ารู้ความผิดหรือไม่”
ผู้เป็นหัวหน้าพูดเสียงเย็น เสียงราวกับสายฟ้าทำลายความเงียบ
ครืน!
ทหารทุกคนต่างชูอาวุธในมือ ชี้ไปยังหลินสวินคนเดียว ไอสังหารดุดันหาใดเปรียบรวมตัว ทำให้ฟ้าดินราวกับถล่มทลาย ส่งเสียงคร่ำครวญ
นี่ทำให้คนอกสั่นขวัญแขวน
กลับเห็นหลินสวินเหมือนไม่รู้สึก สายตากวาดมองต่อเนื่องแล้วขมวดคิ้วถาม “เหิงเทียนซั่วเล่า ถึงขนาดนี้แล้วเหตุใดไม่เห็นเขาปรากฏตัว กลับส่งข้ารับใช้อย่างพวกเจ้ามาตาย”
คำพูดแผ่วเบาประโยคหนึ่งทำให้ผู้คนที่จับตามองเหตุการณ์นี้อยู่ในที่มืดต่างสูดหายใจสะท้าน จิตใจสั่นไหว หลิงเสวียนจื่อนี่…
ถึงกับประกาศศึกกับเจ้าเมืองโดยตรง!
เขาไปเอาความมั่นใจมาจากไหน กล้าพูดเช่นนี้ภายใต้การปิดล้อมแน่นหนานี้หรือ
“ช่างเป็นสารเลวที่ดื้อดึงนัก! ตอนนี้ต่อให้เจ้ากลับใจสำนึกผิดก็ไม่มีประโยชน์ คุกเข่าร้องขอชีวิตก็ต้องฆ่าไม่มียกเว้น!”
หัวหน้าสีหน้าอึมครึม ไอสังหารเดือดพล่าน
ทหารคนอื่นๆ เองก็ไอสังหารพวยพุ่ง เตรียมพร้อมลงมือ
ก็เป็นตอนนี้เองที่หลินสวินเคลื่อนสายตามองหัวหน้าคนนั้น รวมถึงทหารคุ้มกันทั้งกลุ่มที่อยู่ในที่นี้ มุมปากเผยอาการดูถูก
ปึง!
ครู่ต่อมาหลินสวินยกมือขึ้นคราหนึ่ง เหิงจั้นที่ถูกเขาจับไว้พลันคุกเข่าลงกลางอากาศ อาบเลือดทั้งตัว เผ้าผมยุ่งเหยิง สะบักสะบอมน่าอนาถ
“ใต้เท้าเหิงจั้น!”
ทุกคนนัยน์ตาหดรัด หน้าเปลี่ยนสีครั้งใหญ่
ฐานะของเหิงจั้นพิเศษมาก มาจากตระกูลเหิง ในจวนเจ้าเมืองก็อยู่ใต้คนผู้เดียวอยู่เหนือคนนับหมื่น ทั้งยังเป็นแขนขาของเหิงเทียนซั่ว
แต่ตอนนี้กลับถูกกักขัง ถูกเหยียดหยามอย่างหนัก!
“หลิงเสวียนจื่อ เจ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วจริงๆ สินะ รีบปล่อย…” ทหารคนหนึ่งตวาดอย่างกราดเกรี้ยว
พรูด!
แสงเลือดสาดออกมา ใครก็คิดไม่ถึงว่าทหารคนนี้พูดยังไม่ทันจบ หลินสวินก็ลงมือแล้ว
เขาดีดนิ้วคราหนึ่ง ปราณกระบี่สายหนึ่งพุ่งออกไป แทงทะลุกลางหว่างคิ้วคนผู้นั้นตรงๆ เลือดสดสาดไปทั่ว
ชั่วพริบตานี้ทุกคนล้วนหนังหัวชาวาบ ทั้งหมดนี้กะทันหันเกินไปแล้ว ใครที่ไหนจะกล้าฆ่าคนบนถนนกลางเมือง
เขาละเมิดกฎเมือง ต้องชดใช้ด้วยชีวิต!
ทั้งใครจะกล้าจินตนาการว่าหลินสวินจะกระทำการโดยไม่กลัวเกรง เด็ดขาดและว่องไวเช่นนี้ โดยเฉพาะกระบี่นี้ของเขาคมไร้เทียมทาน แข็งแกร่งประหนึ่งว่าระดับจักรพรรดิยังถูกสังหารในพริบตาเดียว!
ทั้งที่นั้นต่างแตกตื่น
เหล่าคนที่จับจ้องอยู่ในที่มืดล้วนเลือดสูบฉีดขยายตัว หนังหัวชาวาบ หลิงเสวียนจื่อตั้งใจจะจัดการเด็ดขาด โหมซัดฝนเลือดลมคาว!
ทหารคุ้มกันทั้งกลุ่มของจวนเจ้าเมืองถูกกระตุ้น หลายคนตะโกน ตะคอก ทั้งหมดนี้กะทันหันเกินไป จู่ๆ หลินสวินก็ลงมือเด็ดขาด ฆ่าคนต่อหน้าต่อตา ใครเล่าจะคาดคิด
“ประโยคเดียว ใครขวางข้าตาย”
และตอนนี้ ฝ่ามือหนึ่งของหลินสวินตบใส่ศีรษะของเหิงจั้น เสียงตูมดังขึ้น ละอองเลือดกระเซ็น เหิงจั้นกลายเป็นขี้เถ้าสลายไป
ภาพนี้ทำให้หัวหน้าคนนั้นโกรธจนตาแดงก่ำ ตะโกนว่า “ไป ฆ่าสาวเลวนี่ซะ!”
“ฆ่า!”
“ฆ่า!”
ทหารเหล่านั้นร้องตะโกนดุจสายฟ้า แสงต่างๆ เหินทะยาน โจมตีไปเบื้องหน้าพร้อมกัน
แววตาของหลินสวินเย็นชา ไม่หลบไม่หนี เขาจะทำเช่นนี้ สังหารต่อหน้าทุกคน ใช้เลือดล้างแค้น ฆ่าให้ถึงที่สุด
ตูม โครม!
ปราณกระบี่เจิดจ้านับไม่ถ้วนทะยานออกจากจุดชีพจรทั่วตัวเขา วิวัฒน์เป็นพายุกระบี่แน่นขนัด พุ่งขึ้นฟ้าแล้วแผ่ออกสิบทิศ
ห้วงอากาศก็ประหนึ่งถูกดาบแหลมคมกรีดทำลาย เกิดเสียงกัมปนาทอึงอล แสงกระบี่พวยพุ่งปกคลุมเต็มฟ้า ทำเอาฟ้าดินล้วนอับแสง
ภาพนั้นบาดตาจนทำให้หลายคนลืมตาไม่ขึ้น
ชั่วพริบตาเท่านั้น
ทหารสิบกว่าคนที่พุ่งเข้ามาล้วนถูกปราณกระบี่บดขยี้ สมบัติแตกสลาย เกราะระเบิดออก ร่างกลายเป็นน้ำเลือดข้นคลั่กสาดกระเซ็น
และนี่เป็นเพียงกลุ่มแรกเท่านั้น
พร้อมๆ กับการก้าวเท้าของหลินสวิน ปราณกระบี่ทะยานสามพันลี้ พาดขวางกลางชั้นฟ้า ทำให้เกิดฝนเลือดขึ้นในที่นั้นระลอกแล้วระลอกเล่า
ท่าทางของเขาใจเย็น ร่างกายส่องแสง ราวกับเทพก้าวเดินในโลก ทุกที่ที่ผ่าน ฝนเลือดและความตายกลายเป็นทิวทัศน์ที่จะปรากฏอย่างโหดร้ายที่สุด!
เสียงระเบิดสะเทือนหูดังขึ้นต่อเนื่อง ศาสตราวุธไม่รู้เท่าไหร่ถูกโจมตีทำลาย วิชามรรคไม่รู้เท่าไหร่สลายกลายเป็นละอองแสง
เสียงโหยหวน เสียงคำราม เสียงกรีดร้องยิ่งดังขึ้นไม่ขาดสาย
เหล่าผู้ชมในที่มืดต่างตัวสั่น ในใจหวาดกลัว
พวกทหารจวนเจ้าเมืองล้วนไม่ใช่คนธรรมดา ก่อนหน้านี้คือมหาจักรพรรดิที่แผลงฤทธิ์ในโลกแห่งหนึ่ง เพราะทำผิดจึงถูกกำราบเป็นข้ารับใช้
ทว่ายามนี้แม้จะเข้าปิดล้อม กลับเหมือนแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ เหมือนมดเขย่าไม้ใหญ่ ถูกสังหารอย่างง่ายดาย
ฟ้าดินปั่นป่วน ห้วงอากาศล้วนโกลาหลทรุดทลาย สิ่งก่อสร้างบริเวณนั้นเหมือนกระดาษเปื่อย กลายเป็นฝุ่นผงภายใต้คลื่นการต่อสู้อันน่ากลัว
เพียงครู่เดียว
หลินสวินยื่นมือตบออกไปคราหนึ่ง หัวหน้าที่นำทหารคุ้มกันเข้ามา ถูกตบจนศีรษะแหลกตรงๆ ร่างระเบิดออกทุกกระเบียด ตายคาที่ เลือดสดๆ ไหลหลั่ง!
ตั้งแต่หลินสวินปรากฏตัว จนถึงตอนนี้ที่อาละวาดฆ่าสังหาร ทั้งหมดเสร็จสิ้นภายในเวลาที่สั้นมาก หลินสวินรวดเร็วดั่งสายฟ้า ไม่มีใครสามารถขวางได้
ยามหัวหน้าคนนี้ถูกตบตายในฝ่ามือเดียว ในที่นั้นถึงขั้นเกิดความเงียบขึ้นครู่หนึ่ง!
แต่ที่ตามมาติดๆ คือเสียงตะโกนที่พุ่งขึ้นฟ้า ในเมืองเดือดพล่านอย่างสิ้นเชิง ไม่เคยเห็นคนที่ใจกล้าเช่นนี้มาก่อน ทำเอาผู้คนตะลึง
“พลังต่อสู้ของหลิงเสวียนจื่อนี่น่ากลัวเกินไปแล้ว! นั่นเป็นถึงทหารจวนเจ้าเมืองนับร้อยคน เท่ากับจักรพรรดินับร้อยคน แต่กลับไม่อาจต้านได้เพียงนี้เชียวหรือ”
“เหิงจั้นตายแล้ว พวกทหารคุ้มกันก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ หรือมีเพียงเจ้าเมืองเหิงเทียนซั่วลงมือเองถึงจะสามารถกำราบเขาได้”
ไม่มีใครคิดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น สังหารคนของจวนเจ้าเมืองกลางถนน กำเริบเสิบสาน สามารถพูดได้ว่ากระทำการโดยไม่สนสิ่งใด
ยิ่งไม่มีใครคิดว่าภายใต้การปิดล้อมเช่นนี้ หลินสวินกลับไร้ศัตรู ยิ่งใหญ่ทรงพลัง!
คนผู้หนึ่งอาละวาดกวาดล้างทั่วพื้นที่!
นี่ทำให้มกุฎมหาจักรพรรดิและบรรพจารย์ขั้นเก้าที่จับตาดูการต่อสู้อยู่ในที่มืดต่างอกสั่นขวัญหาย ไม่สามารถสงบได้
ตูม!
ทันใดนั้นเฒ่าชราที่เผ้าผมหนวดเครายุ่งเหยิง ร่างกายผอมซูบคนหนึ่งปรากฏตัวกลางอากาศ ผิวหนังดุจดั่งสีทองแดงเจืออานุภาพน่ากลัว ซัดหมัดหนึ่งออกมา
ฟ้าถล่มดินทลาย สุริยันจันทราสั่นไหว
อานุภาพของหมัดนี้แข็งแกร่งถึงขีดสุด
หลินสวินนัยน์ตาหดรัดเล็กน้อย รวบนิ้วเป็นกระบี่กวาดออกไป
กระบี่หมัดเข้าปะทะ สาดแสงหมื่นชั้น
เงาร่างเฒ่าชราที่ผอมซูบส่ายไหวคราหนึ่ง อดแค่นเสียงเย็นขึ้นจมูกไม่ได้ ก่อนจะพุ่งเข้ามาอีกครั้ง ตวัดหมัดเข่นฆ่า
เขารวดเร็วอหังการ พลังหมัดหนาหนักดุจภูเขาเทพที่ตั้งตระหง่าน กดข่มจนฟ้าดินยังส่งเสียงครืนโครม ลักษณ์ประหลาดและละอองแสงมากมายสาดกระจายราวกับน้ำตก
เฒ่าชราผอมซูบคนนี้น่ากลัวมาก!
“เป็นเขา โม่จั้นที่ถูกมองเป็นหนึ่งใน ‘เจ็ดนักโทษ’ แห่งเมืองตั้งต้น คนคลั่งที่เคยถูกกำราบเพราะฆ่าบรรพจารย์ขั้นเก้าของจวนเจ้าเมืองไปคนหนึ่ง!”
มีคนร้องด้วยความตกใจ จำฐานะของเฒ่าชราผอมซูบได้
เจ็ดนักโทษ!
เป็นตัวแทนของพวกที่ดุดันแข็งกร้าวที่สุดเจ็ดคนซึ่งถูกกำราบอยู่ในเมืองตั้งต้นในกาลเวลาไร้สิ้นสุดที่ผ่านมา ทุกคนล้วนมีอานุภาพไม่ธรรมดา เคยสร้างคลื่นลมในเมือง ก่อความผิดใหญ่ แม้สุดท้ายจะถูกกำราบ แต่ก็ไม่อาจทำให้ผู้คนมองข้ามได้
ตอนนี้เมื่อรู้ว่าโม่จั้นออกโจมตี จึงสร้างความฮือฮาได้ทันใด ทำให้ระดับจักรพรรดิไม่รู้เท่าไหร่จุ๊ปาก
“เจ้าหนุ่ม ตอนนั้นข้าก็เหมือนเจ้า ก่อเรื่องในเมืองโดยไม่เกรงกลัว ชักนำลมคาวฝนเลือด แต่สุดท้าย… ก็ถูกขังที่นี่ ชีวิตไม่ใช่ของตน ข้าว่าเจ้าอย่าดิ้นรนอีกเลยดีกว่า สุดท้ายจุดจบก็มีแค่ถูกกำราบเท่านั้น”
เฒ่าชราผอมซูบลงมือพลางกล่าว
สิ่งที่ตอบเขาคือคำที่เต็มไปด้วยความดูถูกของหลินสวิน
“พวกสวะ!”
คนชั้นเลิศที่อาละวาดโดยไม่เกรงกลัว ผงาดกร้าวเหนือใคร มีหรือจะเลือกยอมแพ้เป็นข้ารับใช้ ใช้สิ่งนี้แลกโอกาสในการยืดลมหายใจ
นี่ไม่ใช่สวะแล้วจะคืออะไร
เฒ่าชราผอมซูบใบหน้าอึมครึมลง เดือดดาลขึ้นมา เข้าโจมตีอย่างรุนแรงกว่าเดิม
ตูม!
พลังหมัดของเขาอาจหาญ กร้าวแกร่งอหังการ ราวกับมีดวงดาวมากมายระเบิดออกในหมัด ปะทุกลิ่นอายทำลายล้างไร้เทียมทาน
“อับอายจนโกรธหรือ สวะก็คือสวะ ไม่เชื่อหรือ เช่นนั้นก็จะฟันเจ้า!”
ก็เห็นว่า…
เมื่อหลินสวินโคจรกลิ่นอายรอบตัว ทำให้ฟ้าดินทั้งผืนล้วนสั่นไหว ราวกับแทรกสอดกฎเกณฑ์มหามรรค ทำให้อานุภาพยิ่งแข็งแกร่ง
ขณะเดียวกันฝ่ามือของหลินสวินก็ตวัดอยู่กลางอากาศ วาดเส้นโค้งแปลกประหลาดออกมาสายหนึ่งก่อนจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ตูม!
ปราณกระบี่สายหนึ่งปรากฏ ทะลวงเวิ้งฟ้า ดวงดาวเต็มฟ้าล้วนสั่นไหว ดุดันไร้ทัดเทียม
นี่คือหนึ่งกระบี่ที่หลอมรวมความมหัศจรรย์แห่งคัมภีร์กระบี่ชั้นเลิศมากมาย มีเพียงคำเดียว เร็ว!
ราวกับทำลายการพันธนาการของห้วงอากาศว่างเปล่า ทะลวงการผูกมัดของกาลเวลา ไร้จำกัด ทำลายล้างได้ทุกสิ่ง ไม่มีที่ใดที่ไปไม่ถึง
พรูด!
หนึ่งกระบี่ทะลวงสมอง!
ปราณกระบี่ที่แหลมคมแทงทะลุพลังหมัดเป็ฯชั้นๆ นั้น โจมตีพลังป้องกันรอบตัวโม่จั้นจนแหลก และแทงเข้ากลางหว่างคิ้วของเขาด้วยความเร็วน่าเหลือเชื่อ ชักนำเลือดให้สาดออกจากท้ายทอย
กะโหลกศีรษะล้วนถูกตวัดขึ้น!
——