Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2467 การต่อสู้ที่ล้มล้างการรับรู้ของผู้คน

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2467 การต่อสู้ที่ล้มล้างการรับรู้ของผู้คน

เสียงหัวเราะสะเทือนฟ้า

ชั่วขณะนี้กลิ่นอายกร้าวแกร่งแผ่ออกจากตัวเหิงเทียนซั่ว ราวกับเขื่อนระเบิดมหาสมุทรซัดสาด ม้วนตลบสิบทิศ

แสงมรรคเป็นสายๆ ที่ไหลหลั่งบนร่างหลินสวินสกัดกั้นอานุภาพน่ากลัวนั่น เงาร่างสูงสง่ายืนนิ่งไม่ขยับ ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ

แต่ผู้ฝึกปราณหลายคนบริเวณนี้กลับไม่อาจปัดป้องได้ แต่ละคนหน้าขาวซีด ทั้งซวนเซทั้งตื่นตระหนก สีหน้าราวกับเห็นผี ถอยหลังอย่างต่อเนื่อง

ไอสังหารเลิศล้ำที่เหิงเทียนซั่วปลดปล่อยออกมาพลุ่งพล่าน ทำให้ฟ้าดินปรากฏรอยแตก!

นี่สะท้านขวัญยิ่ง แค่กลิ่นอายที่แผ่ออกมาก็ทำให้คนหวาดหวั่นแล้ว หากสู้กันจริงๆ จะแข็งแกร่งขนาดไหน

“ก็ไม่เท่าไร ถ้าเป็นการต่อสู้ในระดับเดียวกัน ข้าฆ่าเจ้าได้เหมือนเชือดไก่ โชคดีที่เจ้าแจ้งมรรคบรรลุบรรพจารย์แล้ว ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีคุณสมบัติมาต่อสู้กับข้า”

หลินสวินสีหน้าไม่ทุกข์ไม่สุข

“น่าเสียดาย ชาตินี้เกรงว่าเจ้าจะไม่อาจบรรลุถึงระดับบรรพจารย์ อยู่ในระดับเดียวกับข้าได้แล้ว”

เหิงเทียนซั่วก้าวออกไป ฟ้าดินแปรปรวน เมฆลมแหลกสลาย เหมือนราชันเยื้องย่าง เหยียดหยันทั่วหล้า มีอานุภาพหนึ่งเดียวไร้ศัตรู

ข้ากายเขา ดาวขนาดใหญ่ดวงแล้วดวงเล่าปรากฏออกมา เขาเหมือนเทพคนหนึ่งที่กำลังก้าวเดิน ทั้งร่างปกคลุมด้วยกฎเกณฑ์โซ่เทพสีทอง มีเพียงแววตาที่เย็นเยียบชวนกดดัน

ลายมหามรรคเต็มฟ้า ก้าวเดินง่ายๆ เช่นนี้หนึ่งก้าวก็น่ากลัวถึงขนาดนี้แล้ว!

“ฆ่า!”

หลินสวินส่งเสียงตะโกน สาดแสงมรรคไปทั้งร่าง ประกายศักดิ์สิทธิ์อบอวล กลิ่นอายกร้าวแกร่งพาดขวาง ปกฟ้าคลุมดิน

โดยเฉพาะเหนือศีรษะของเขา เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งปรากฏลอยอยู่ ส่งเสียงอึงอล ละอองแสงมากมายไหลลู่ มีอานุภาพกำราบอดีตปัจจุบันอนาคตอยู่รางๆ

นี่เป็นการต่อสู้ซึ่งหน้ากับบรรพจารย์มรรคคนหนึ่ง!

เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!

ในที่นั้นเสียงระเบิดสะเทือนฟ้า พลังแห่งกฎเกณฑ์สีทองไหลหลั่งบนร่างเหิงเทียนซั่ว ราวกับนายเหนือหัว รอบๆ ตัวเขาเวิ้งฟ้าถล่มทลาย ดวงดาวระเบิดแหลก กลายเป็นภาพหักพัง ไอแรกกำเนิดขุ่นมัวถูกซัดออกมา

ทว่าเผชิญหน้ากับการโจมตีอันกร้าวแกร่งของหลินสวิน ทั้งตัวเขากลับไร้ซึ่งบาดแผล ไม่ได้รับความเสียหายสักนิด ไม่สามารถถูกซัดสะเทือน!

ตูม!

ฟ้าดาราแถบนี้ระเบิดออก เกิดการถล่มทลาย

ทุกคนหวาดหวั่นจนหน้าถอดสี อุทานอย่างตกใจต่อการโจมตีอันดุเดือดรุนแรงและอหังการของหลินสวิน ยิ่งตกใจกับอานุภาพเลิศล้ำปานไม่สามารถสั่นคลอนได้ของเหิงเทียนซั่ว

หลินสวินนัยน์ตาหดรัดเล็กน้อย บรรพจารย์มรรคเป็นศัตรูตัวฉกาจที่น่ากลัวถึงขีดสุดคนหนึ่งจริงๆ!

พลังและกฎเกณฑ์ที่ครอบครองล้วนเหนือกว่าบรรพจารย์ขั้นเก้า ไปถึงปลายยอดของระดับจักรพรรดิ ยืนอยู่บนจุดสูงสุด!

และหลินสวินแม้มีพลังขอบเขตมกุฎ ทว่าถึงอย่างไรก็เป็นระดับจักรพรรดิขั้นเจ็ด ต่างกันไม่ใช่แค่ขั้นเดียว

ในสายตาของคนที่มองดูการต่อสู้คนอื่นๆ ระดับปราณของเหิงเทียนซั่วสูงกว่าหลินสวิน แทบจะเป็นการต่อสู้ที่ไม่ต้องกังวล!

ทว่าหลินสวินกลับไร้ซึ่งความกลัวใดๆ สีหน้าสงบนิ่ง

“เห็นหรือยัง นี่ก็คือระยะห่างระหว่างเจ้ากับข้า” เหิงเทียนซั่วยิ้ม เผยความดูถูกและเย่อหยิ่ง

“วางใจเถอะ วันนี้ข้าจะต้องฆ่าเจ้า”

ผมดำของหลินสวินพลิ้วไหว แววตาคมปลาบ จิตต่อสู้ฮึกเหิม กล้าหาญโดดเด่น อานุภาพการโจมตียิ่งแข็งแกร่งขึ้น

“เช่นนั้นหรือ เสียดายที่เจ้าไม่มีโอกาส”

เหิงเทียนซั่วแววตาน่ากลัว มีความถือดีที่เหยียดหยัดมหาจักรพรรดิทั่วหล้า มีข้าเป็นใหญ่เพียงหนึ่งเดียว ใช้มือเดียวกระชับทวนศึกสีเลือด ชี้ตรงไปยังหลินสวินแล้วพุ่งเข้าใส่

ไอสังหารท่วมท้นฟ้าดิน!

ตูม!

ฟ้าดินปั่นป่วน สุริยันจันทราไร้แสง

นี่เป็นการโจมตีไร้ใดเปรียบ ทวนศึกสีเลือดและเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งในมือทั้งสองปะทะกัน ทำเอาเวิ้งฟ้าทะลุ แสงประกายศักดิ์สิทธิ์พันหมื่นสายสาดส่อง สะท้อนลักษณ์ประหลาดน่าเหลือเชื่อมากมาย

ระหว่างทั้งสองคนแสงศักดิ์สิทธิ์เจิดจ้า ไอสังหารล้นฟ้า ม้วนตลบทั่วทิศ ไอแรกกำเนิดอบอวล จิตต่อสู้ทะลวงจักรวาลฟ้าดารา

นี่เป็นพิบัติภัยครั้งใหญ่ เหล่าผู้กล้าเย็นวาบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า แต่ละคนอกสั่นขวัญหนี

นี่เป็นการต่อสู้ที่ยากจะเห็นในหมื่นกาลแน่นอน เกิดขึ้นระหว่างบรรพจารย์มหามรรคคนหนึ่งและมกุฎจักรพรรดิขั้นเจ็ดคนนหึ่ง พลังปราณเหลื่อมล้ำกันมาก แต่กลับต่อสู้กันอยู่ที่นี่ ชักนำความสะท้านสะเทือนอันเป็นประวัติการณ์!

ตูม โครม…

ไม่ทันไรทั้งสองต่างปะทะกันไปมา แต่ละคนพุ่งไปเบื้องหน้า แต่เงาร่างสายหนึ่งสั่นสะเทือนรุนแรง ละอองเลือดกลุ่มหนึ่งสาดกระเซ็น ดูบาดตามากเป็นพิเศษ

ร่างกายเบื้องหน้าของหลินสวินถูกกรีดเป็นรอยเลือดสายหนึ่ง เนื้อเปิดหนังแหวกอย่างน่าตกใจ

“หลิงเสวียนจื่อจะถูกกำราบแล้วหรือ” หลายคนตกใจ

“ถึงอย่างไรเหิงเทียนซั่วก็เป็นบรรพจารย์มรรค ก็เหมือนปราการสวรรค์สูงสุดของระดับจักรพรรดิ ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันน้อยนักที่จะมีคนเอาชนะได้…”

คนบางส่วนทอดถอนใจ

“อันที่จริงหลิงเสวียนจื่อสามารถสู้กับเหิงเทียนซั่วซึ่งหน้าได้ถึงขนาดนี้ ก็เรียกได้ว่าน่าเหลือเชื่อแล้ว ต่อให้พ่ายแพ้ ความยิ่งยงนั้นก็จะคงอยู่เนิ่นนาน”

“น่าเสียดาย สุดท้ายเขาก็ต้องร่วงหล่นที่นี่…”

ผู้คนใจไหวกระเพื่อม ไม่สามารถสงบได้

บาดแผลนั้นของหลินสวินน่าหวาดหวั่น ยากจะสมานกันในทันที มีพลังแหลมคมสีทองชนิดหนึ่งกำลังกระจายอยู่ ทำลายเลือดพิสุทธิ์ในร่างเขา

“นี่ก็คือพลังของบรรพจารย์มรรคหรือ…” เสียงหลินสวินแผ่วต่ำเหมือนกำลังพึมพำกับตัวเอง แววตาลุ่มลึกไร้คลื่น

ตูม!

เหิงเทียนซั่วหัวเราะเสียงดัง โจมตีเข้ามาอีกครั้ง ทวนศึกสีเลือดทะลวงอากาศ มีอานุภาพซัดสุริยันจันทราดารา น่ากลัวอย่างที่สุด

ไม่นานหลินสวินก็บาดเจ็บอีกครั้ง แผ่นหลังถูกกรีดแหวกเป็นรอยเลือด ลึกจนเห็นกระดูก มีหยดเลือดไหลออกมา

กลิ่นอายของเหิงเทียนซั่วน่ากลัวยิ่งยวด กฎเกณฑ์สีทองไหลหลั่งทั่วร่าง ปกคลุมทั้งตัวเขาเอาไว้ ราวกับเทพไท้ออกรบ แสงประกายแผ่ออกหมื่นจั้ง

อานุภาพระดับนั้นทำให้คนสิ้นหวังจริงๆ

หลินสวินไม่ได้พูดอะไร รอบตัวประหนึ่งเตาหลอมเดือดพล่าน มรรควิถีทั้งร่างเหมือนกำลังลุกโชน ราวกับไม่ได้รู้สึกว่าตนบาดเจ็บแล้ว

ครืนโครม!

ฟ้าพลิกดินตลบ ก็เห็นเหิงเทียนซั่วกระชับทวน แทรกสอดด้วยอานุภาพล้นฟ้า พุ่งโจมตีลงมาเหมือนดาวดวงโต ระลอกคลื่นทำลายล้างทำให้ทุกที่ที่เคลื่อนผ่านพังทลาย ปรากฏหมอกแรกกำเนิด

ระหว่างนี้หลินสวินบาดเจ็บต่อเนื่อง ตกอยู่ในสภาพเป็นรอง ร่างกายเต็มไปด้วยรอยแตก เลือดสาดพรม

นี่ทำให้คนเห็นแล้วขวัญหนีดีฝ่อ หนังหัวชาวาบ

“กำราบ!”

ในสนามรบสีหน้าของเหิงเทียนซั่วเย็นชา มือถือทวนศึกสีเลือดพุ่งไปเบื้องหน้า นิ้วทั้งห้าของมือซ้ายกางออกกลายเป็นกรงไร้เทียมทาน เข้ากำราบหลินสวิน

บนเวิ้งฟ้าแสงต่างๆ พริบไหว เหมือนมีเทพกำลังท่องคัมภีร์อยู่รางๆ นั่งขัดสมาธิอยู่ในส่วนลึกของจักรวาลคอยกำราบโลก

พลังระดับนั้นน่าเหลือเชื่ออย่างที่สุด!

แววตาของหลินสวินลุ่มลึกยิ่งกว่าเดิม ยังคงสงบนิ่ง มรรควิถีทั้งตัวสำแดงออกมาอย่างหมดจดในชั่วขณะนี้ สำแดงหมื่นลักษณ์ทั่วหล้า เรืองรองไร้สิ้นสุด

เหมือนมีหุบเหวใหญ่พาดขวางกลางฟ้า กลืนสิบทิศอยู่รางๆ

แม้ในการต่อสู้เข่นฆ่าเขาจะบาดเจ็บต่อเนื่อง ถูกกดข่มไม่หยุด แต่ต่อสู้มาถึงตอนนี้ก็ยังไม่เคยถูกกำราบอย่างสิ้นเชิง ประกายคมปลาบไม่มีลดลง

เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ผู้คนก็ค่อยๆ สังเกตเห็นความผิดปกตินี้ ต่างอดอึ้งงันไม่ได้

ภายใต้การจู่โจมของบรรพจารย์มรรค กลับไม่สามารถกำราบหลิงเสวียนจื่อได้เสียที!

ยิ่งมีคนคิดขึ้นมาอย่างไม่อาจห้าว ว่าด้วยมรรควิถีในตอนนี้ของหลินสวิน หากโชคดีรอดชีวิตจากการต่อสู้ครั้งนี้ วันหน้าเมื่อเขากลายเป็นบรรพจารย์ บนโลกนี้ใครยังจะสามารถเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้

“แข็งแกร่งเกินไปแล้ว…” เยวี่ยตู๋ชิวพึมพำ สายตาล่องลอย

เดิมทีเขาก็เป็นมกุฎมหาจักรพรรดิ เชื่อมั่นในพลังตนยิ่งยวด มีรากฐานพลังล้ำเลิศ คิดว่าตนไม่ได้ด้อยไปกว่าหลินสวิน ถึงขั้นมั่นใจยิ่งว่าสามารถประลองวัดสูงต่ำกับหลินสวินได้

ทว่าตอนนี้เขากลับสั่นคลอนบ้างแล้ว

เซี่ยงเสี่ยวหยวนขมวดคิ้วกล่าว “เหิงเทียนซั่วที่เป็นเจ้าเมือง ระดับปราณก็เหนือกว่าหลิงเสวียนจื่อ ตอนนี้ต่อสู้มานานยังไม่อาจเอาชนะได้ ย่อมทำให้เขาเสียหน้า ข้าสงสัยว่าเขาจะลงมือเด็ดขาดในทันที”

ตามคาด ยามที่เสียงของนางสิ้นสุด

“ฆ่า!”

ชั่วขณะนี้เหิงเทียนซั่วส่งเสียงตะคอกต่ำลึกคราหนึ่ง ทั่วร่างแผ่ไอเลือดที่ดุจดั่งมหาสมุทร กฎเกณฑ์สีทองพุ่งทะลวงเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน พลังแห่งระดับบรรพจารย์ทั้งร่างเสมือนปลดปล่อยอย่างสิ้นเชิงในชั่วขณะนี้ น่ากลัวไร้ขอบเขต

เห็นชัดว่าการที่ฆ่าหลินสวินไม่ได้เสียทีทำให้เขารู้สึกอึดอัดอยู่บ้าง ถึงอย่างไรเขาก็เป็นบรรพจารย์มรรค! กลับยังฆ่ามกุฎมหาจักรพรรดิขั้นเจ็ดคนหนึ่งไม่ตายเสียที หากแพร่ออกไปเขาจะต้องกลายเป็นตัวตลกแน่!

และในยามนี้หลินสวินกฌ็คำรามเสียงกระจ่างคราหนึ่ง อานุภาพทั้งร่างถึงกับพุ่งทะยานขึ้นต่อเนื่อง แข็งแกร่งถึงขีดสุด

ร่างประหนึ่งเตาหลอมใหญ่ หลอมทั่วหล้า!

ครืนโครม…

ทั้งสองปะทะกันอย่างดุเดือด พุ่งทะยานทั้งบนล่าง โจมตีอหังการแข็งกร้าว สั่นคลอนห้วงฟ้า ทำเอาเวิ้งฟ้าสิบทิศสะเทือนไหว สุริยันจันทราดาราส่ายโอนราวกับจะร่วงหล่น

เหล่าผู้กล้าตกตะลึง แต่ละคนปากอ้าตาค้าง ความรู้สึกหนาวสะท้านแผ่ลามขึ้นจากด้านหลัง ถอยห่างอย่างต่อเนื่อง

อานุภาพที่เกิดจากการต่อสู้ระดับนี้น่ากลัวเกินไป แม้ดูการต่อสู้อยู่ไกลๆ ก็ยังทำให้พวกเขารู้สึกถึงภัยคุกคาม!

ที่ทำให้พวกเขาคิดไม่ถึงยิ่งกว่าก็คือ เหิงเทียนซั่วใช้พลังทั้งหมดแล้ว กระตุ้นอานุภาพแห่งบรรพจารย์มรรคถึงขีดสุด กลับทำได้เพียงกดข่มหลินสวินเท่านั้น ไม่สามารถสังหารเขาให้สิ้นซาก!

นี่เป็นเรื่องเหนือความคาดหมายโดยสมบูรณ์ ถึงขั้นไม่สามารถจินตนาการได้ว่าหลินสวินทำถึงขั้นนี้ได้อย่างไร

“ตาย!”

ในดวงตาเหิงเทียนซั่วสาดประกายดุดัน กลิ่นอายทั้งร่างพลุ่งพล่าน ตลบพลิกห้วงอากาศ แข็งแกร่งราวกับเทพที่เดือดดาลหมายจะทำลายล้างโลก

และยามนี้หลินสวินก็ปลดปล่อยถึงขีดสุดแล้ว สำแดงพลังเข้าปะทะเต็มกำลัง

ไม่นาน พร้อมๆ กับที่เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งส่งเสียงอึงอล กระบี่มรรคทะยานออกมา ที่แตกต่างจากก่อนหน้านี้คือหนึ่งกระบี่ที่ฟันออกมาคราวนี้ มีอานุภาพเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวในชั่วพริบตา!

พรูด!

แม้เหิงเทียนซั่วจะสกัดกระบี่นี้ไว้ได้ แต่กลับถูกปราณกระบี่กวาดเข้าใส่ ฟันไหล่เป็นรอยกระบี่มรรคสายหนึ่ง กระดูกล้วนแตกหัก

ทั้งที่นั้นต่างอึ้งงัน สั่นสะเทือนไม่มีข้อยกเว้น

ตั้งแต่เริ่มต่อสู้มา นี่เป็นครั้งแรกที่เหิงเทียนซั่วบาดเจ็บ ทำให้คนยากจะเชื่อว่าบรรพจารย์มรรคอย่างเขาจะถูกซัดได้!

“เจ้า… ถึงกับทำร้ายข้าได้หรือ”

เหิงเทียนซั่วคล้ายยากจะเชื่อเช่นกัน สีหน้าอึมครึมลงทันที เย็นชาน่าหวาดหวั่น พุ่งปราดออกมา

ตูม!

เขาเหมือนสัตว์ปีศาจที่เดือดดาล ทวนศึกพาดกวาด สำแดงวิชาระดับบรรพจารย์ กฎเกณฑ์สีทองไร้ขอบเขตแปลงเป็นพายุคลั่งที่สั่นสะเทือนฟ้าดิน พุ่งโหมออกมา

“เจ้าไม่มีโอกาสแล้ว”

ดวงตาหลินสวินลึกล้ำ ปรากฏประกายวาวน่าหวาดกลัว

ร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลของเขาสมานกันด้วยความเร็วน่าตระหนกในชั่วขณะนี้ มรรควิถีทั้งร่างราวกับภูเขาไฟที่อัดอั้นมานานได้รับการปลดปล่อยอย่างสิ้นเชิง

อานุภาพระดับนั้นถึงขั้นไม่ด้อยกว่าเหิงเทียนซั่ว!

เคร้ง!

เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งส่องแสงสว่างไสว ประกายศักดิ์สิทธิ์มากมายไหลลู่ โจมตีไปพร้อมกับหลินสวิน มีอานุภาพอหังการที่เหนือฟ้าใต้ดินล้วนมีเพียงข้า

ให้ความรู้สึกเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน!

ไม่มีใครรู้ว่าเพราะเป็นการต่อสู้กับบรรพจารย์มรรคเป็นครั้งแรก ระหว่างต่อสู้ก่อนหน้านี้หลินสวินจึงระวังและรอบคอบอย่างที่สุดมาโดยตลอด กำลังหยั่งเชิงและสัมผัสพลังของระดับบรรพจารย์มรรค ไม่เคยเปิดเผยไพ่ตายที่แท้จริง

และตอนนี้เขาเข้าใจพลังของเหิงเทียนซั่วอย่างชัดเจนแล้ว จึงมั่นใจเต็มเปี่ยม ตัดสินใจเปิดฉากตอบโต้ หมายจะกำจัดเฒ่าชราคนนี้!

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท