GGS:บทที่ 1050 สุดยอดสวนสัตว์ (5)
“ไปยังพื้นที่ถัดไปกันดีกว่า ตอนนี้คนเริ่มเข้ามามากขึ้นแล้วล่ะ พวกเรายืนอยู่นานคงไม่ดี” ฟานเว่ยเชินที่เห็นคนเริ่มหลั่งไหลมาแล้ว พวกเขาจึงได้ไปยังพื้นที่ถัดไปเพื่อที่จะเปิดโอกาสให้คนอื่นได้ดูบ้าง
ในพื้นที่ที่สามนี้ เป็นทางเดินที่พาเข้าไปสู่พื้นที่ที่มีสวนล้อมรอบ
บางคนนั้นยังติดใจอยู่ที่นี่อยู่ก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมาว่า “เดี๋ยวสิ ฉันยังดูไม่หนำใจเลย”
คนกลุ่มแรกที่มาด้วยกันนั้นยังมีบางคนที่ยังดูสัตว์สูญพันธุ์ไม่หนำใจเลยสักนิด บางคนถึงกลับคว้ากล้องออกมาถ่ายรูปตลอดทางที่เขากำลังจะเดินจากไป
ก็ไม่แปลกที่เขานั้นยังไม่หนำใจ นั่นก็เพราะหากว่าสัตว์กลุ่มนี้เป็นอะไรไปอีกล่ะก็ พวกเขาอาจจะไม่ได้มีวันเห็นพวกมันอีกแล้วก็ได้
“ในเมื่อว่ามาอย่างนั้นล่ะก็ เอาเป็นว่าคนไหนจะอยู่ก็ได้นะ ส่วนผมจะพาคนอื่นๆไปยังพื้นที่ถัดไป” ฟานเว่ยเชินพูดออกมาด้วยรอยยิ้มก่อนที่จะนำคนกลุ่มแรกไปยังสถานที่ต่อไปพร้อมซิ่วจงหง
ถึงแม้จะมีหลายๆคนในกลุ่มนี้ที่ยังอยากจะดูบรรดาสัตว์สูญพันธุ์เหล่านี้อยู่ก็ตาม แต่พวกเขาก็ยังเดินตามไปอยู่ดี
“”ผู้อาวุโสฟาน สัตว์ชนิดต่อไปคืออะไรหรือ ชายวัยกลางคนคนหนึ่งถามออกมาอย่างอดจะถามเสียไม่ได้
“เอาน่า เดี๋ยวไปก็รู้เอง” ฟานเว่ยเชินพูดออกมา
พวกเขาได้พาคนกลุ่มแรกพื้นถนนคดเคี้ยวมาอีกประมาณหลายสิบเมตร พวกเขาก็ถึงพื้นที่ถัดไปแล้ว ที่นี่เป็นสวนขนาดเล็กสวนหนึ่ง พื้นที่โดยรอบนั้นเป็นทรงกลมเส้นรอบวงประมาณสิบเมตรเห็นจะได้
ทั้งสวนนั้นถูกปกคลุมไปด้วยหญ้าเถาวัลย์ที่นำมาปลูกอย่างดีราวกับว่าเพื่อป้องกันอะไรบางอย่าง นี่ทำให้ทุกคนที่เห็นอดไม่ได้ที่จะรู้สึกมหัศจรรย์ใจไม่ได้ พวกเขาต่างก็นึกไปต่างๆนานาว่าอะไรจะอยู่ข้างในสวนแห่งนี้ จะเป็นว่าพวกเขาเดินเข้าไปอยู่ท่ามกลางฝูงนกรึเปล่านะ
แต่ถ้าพวกเขามองดีๆล่ะก็จะพบว่าพืชส่วนใหญ่ที่ปลูกในสวนแห่งนี้นั้น ส่วนใหญ่แล้วเป็นดอกไม้ซะมาก ส่วนพืชอย่างอื่นนั้นมีไม่มากนัก แม้แต่ต้นไม้ก็มีเพียงสองต้นเท่านั้นเอง
ถึงจะพูดว่ามีแค่นี้ แต่บรรยากาศภายในนั้นกลับสวยงามอย่างมาก แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น พวกเขาก็ยังไม่พบว่าในสวนนี้มีสิ่งมีชีวิตอะไรอยู่
“ที่นี่มีสัตว์ตัวเล็กๆซ่อนอยู่ใต้ดอกไม้และใบหญ้าพวกนี้อย่างนั้นเหรอ”
“ฉันว่าจะต้องเป็นนกหายากแน่ๆ”
“ผู้อาวุโสฟานครับ ที่นี่มีอะไรกันแน่” ชายวัยกลางคนคนเดิมได้ถามออกมาอีกครั้ง
“ถ้าคุณมองดูดีๆคุณก็เห็นมันแล้วล่ะ” ฟานเว่ยเชิงพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
ด้วยประโยคนี้ทำให้หลายๆคนที่ได้ยินต่างก็ไม่เข้าใจ มีใครบางคนได้เข้าไปลองค่อยๆแหวกใบไม้ออกดู แต่ไม่ว่าพวกเขานั้นจะแหวกยังไง พวกเขาก็ไม่พบอะไรสักตัว
ทันใดนั้น มีใครคนหนึ่งรู้สึกว่ามีลมอะไรบางอย่างพัดมาจากใบหญ้าใบหนึ่ง ไม่สิ ต้องบอกว่าทั้งใบหญ้า และดอกไม้นั้นอยู่ๆก็ได้เกิดลมพัดเบาๆออกมาจากพวกมัน
เมื่อพวกเขามองดีๆก็พบว่าทั้งใบหญ้าและดอกไม้นั้นต่างก็ถูกปกคลุมไปด้วยผีเสื้อที่เกือบจะพร้อมใจกันกระพรือปีกในทุกครั้งที่มีตัวใดตัวหนึ่งกระพรือปีก ราวกับว่ามีคนกำลังเล่นเวฟกันอยู่
ก็ไม่รู้ว่าพวกมันจะสวยงามดีรึเปล่า รู้แต่ว่าพวกมันนั้นทำให้สวนแห่งนี้สวยงามราวกับเป็นดินแดนแห่งภูตในเทพนิยายเลยทีเดียว
“สวยจัง”
“ผีเสื้อพวกนี้ทั้งสวยและตัวใหญ่จังเลยแหะ”
“เดี๋ยวนะ ไม่ใช่ว่าที่เราเห็นทั้งหมดนี่คือผีเสื้อพันธุ์เดียวกันหรอกเหรอ”
“ไม่น่านะ ต่อให้พวกมันนั้นสวยก็จริงแถมยังมีลวดลายที่งดงาม แต่พวกมันไม่น่าจะเป็นผีเสื้อพันธุ์เดียวกันนะ”
“นอกซะจากว่านี่จะเป็นพันธุ์ที่สูญพันธุ์ไปแล้วนั่นล่ะนะ ฮ่าฮ่าฮ่า….”
ผู้คนที่ได้ยินคำพูดนี่จากที่หัวเราะกันอย่างร่าเริงก็เปลี่ยนเป็นเงียบกริบในทันทีที่รู้สึกตัว พวกเขาในตอนนี้เริ่มรู้สึกแล้วว่าสัตว์ที่ซูจิ้งนำมาจัดแสดงได้ลางๆแล้วว่าพวกมันล้วนแล้วน่าจะสูญพันธุ์ไปแล้ว แต่อย่างน้อยผีเสื้อพวกนี้ก็ดูเหมือนจะยังไม่น่าสูญพันธุ์ล่ะนะ น่าจะแค่จับมาใส่แบบมั่วๆเท่านั้น
“เดี๋ยวนะ ไม่ใช่ว่าพวกนี้มัน….” ชายแก่คนหนึ่งที่เริ่มจดจำผีเสื้อพวกนี้ได้ก็ได้พูดออกมาลอยๆ
เขานั้นได้มองไปยังผีเสื้อที่โบยบินไปมา ก่อนที่จะวิ่งเข้าไปหาผีเสื้อที่เกาะอยู่ที่ดอกไม้อย่างรวดเร็ว จนทำให้ชายหนุ่มหลายๆคนประหลาดใจจนอดจะคอยประคองเขาไปตลอดทางไม่ได้
ชายแก่ในที่สุดก็ได้เห็นผีเสื้ออย่างชัดถนัดตา ผีเสื้อกลุ่มนี้นั้นมีขนาดลำตัวประมาณสามเซนติเมตรเห็นจะได้ แต่ปีกของมันนั้นมีขนาดใหญ่กว่าลำตัวถึงสิบเซนติเมตรเลยทีเดียว
บนปีกคู่บนของพวกมันนั้นมีลายสีเขียวออกทองเป็นวงอยู่ ส่วนปีกล่างของมันเองก็มีลวดลายสีทองวนเป็นวงทั่วไปหมด นอกจากนั้นยังมีวงกลมสีทองอยู่บนปีกนี่อีก นี่ทำให้พวกมันดูสวยงามอย่างมาก
ชายแก่ที่เป็นก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงและพูดออกมาว่า “พระเจ้าเถอะ นี่มันผีเสื้อจุดทองคำ”
“เป็นไปได้ยังไง ที่พวกเราเห็นนี่ก็ร่วมๆยี่สิบตัวเลยนะ”
“พระเจ้าช่วย จริงด้วย”
เมื่อเห็นคนกลุ่มหนึ่งที่มีท่าทีตื่นเต้นอย่างมาก นี่ทำให้คนที่เหลือต่างก็เริ่มสงสัยไปกันหมด
“ผีเสื้อพันธุ์นี้มีอะไรเหรอ ทำไมถึงได้ดูตื่นเต้นกันจัง”
ผีเสิ้อจุดทองคำนี้เป็นผีเสื้อสายพันธุ์หนึ่งที่เรียกได้ว่หายากยิ่งในโลกใบนี้ จำนวนของพวกมันที่ยังคงหลงเหลือในป่านั้นน้อยเสียกว่าจำนวนแพนด้ายักษ์เสียอีก
พวกมันถูกล่าวขานกันในวงการว่าสมบัติลับแห่งเมืองจีน และรู้จักกันทั่วไปในนามผีเสื้อแห่งชาติ นั่นก็เพราะผีเสื้อพันธุ์นี้พบได้เฉพาะในพื้นที่คุ้มครองพิเศษแห่งรัฐบาลจีนเท่านั้น
ความหายากของมันนั้นติดอันดับหนึ่งในแปดของผีเสื้อพันธุ์หายากบนโลกใบนี้ บางคนก็เรียกพวกมันว่าผีเสื้อแห่งความฝัน ฟอสซิลมีชีวิต หรือแม้แต่ราชินีแห่งผีเสื้อกันเลยทีเดียว
และสำหรับนักสะสมแล้ว พวกมันเพียงส่วนเดียวก็มีค่าหลายแสนหยวนเข้าไปแล้ว
“ช่างน่าเหลือเชื่อนัก”
ในขณะที่ทุกคนกำลังรู้สึกมหัศจรรย์กับมวลหมู่ผีเสื้อนั้น หนึ่งในนั้นก็ได้พูดออกมาด้วยความตื่นเต้นว่า “พระเจ้า ผีเสื้อพวกนี้ดูน่าประหลาดจริงๆ”
“นั่นสิ ลวดลายของปีกซ้ายนั้นช่างสวยงาม แต่ลวดลายของปีกขวานี่ช่างน่าขนลุกจริงๆ”
ทุกคนที่ได้ยินต่างก็มองตาม พวกเขามองไปยังผีเสื้อกลุ่มหนึ่งที่มีขนาดใหญ่ ปีกซ้ายของมันสวยงามราวกับหญิงงาม แต่ปีกขวานั้นดูน่ากลัวราวกับโครงกระดูกจนหน้าขนลุก
“พระเจ้า ผีเสื้อนางไม้ไม่ใช่เหรอ” เฉินฮงพูดออกมาอย่างตื่นเต้น และก้าวเข้าไปหาผีเสื้อกลุ่มที่ว่าในทันที นี่ทำให้เฉินเจียเหยา จูเจียนฮัว และหลิวหยินอดไม่ได้ที่จะเดินตาม
“คุณปู่ อะไรคือผีเสื้อนางไม้คะ” เฉินเจียเหยาอดไม่ได้ที่จะถามออกมา
“มันผีเสื้อในตำนานของจีนอย่างแท้จริงน่ะ ในตอนนั้น มีชาวต่างชาติคนหนึ่งที่ชื่อคาสเชฟ เขาได้มาเยือนที่ประเทศจีนในช่วงปี 1920 แล้วได้พบกับผีเสื้อที่สุดแสนจะแปลกตาในหมู่บ้านพิศวงแห่งหนึ่งในยูหนาน
หลังจากนั้นเขาก็ได้เผยแพร่ลักษณะของมันในตำราสารานุกรมทางชีววิทยาของอเมริกาและเรียกชื่อมันว่า “ผีเสื้อนางไม้”
แถมยังตั้งค่าหัวพวกมันไว้อีกว่าหากใครจับให้เขาได้ เขาจะมอบเงินจำนวนสองแสนห้าหมื่นดอลลาร์สหรัฐให้ แต่ตั้งแต่บัดนั้นจนบัดนี้ ยังไม่เคยมีใครเห็นพวกมันอีกเลย” เฉินฮงพูดออกมา
“สองแสนห้าหมื่นเหรียญเนี่ยนะ นี่ไม่ใช่ว่าผีเสื้อนางไม้นี่จะหายากยิ่งกว่าผีเสื้อจุดทองคำนั่นเหรอ” จูเจียนฮัวพูดหลังจากสะดุ้งเฮือกออกมา
“ก็ไม่แปลกที่จะว่ามาอย่างนั้นเพราะมันถือได้ว่าอยู่คนละระดับกันน่ะ ผีเสื้อจุดทองคำนั้นยังพอจะมีคนพบเห็นเป็นตัวเป็นตนอยู่จะมีสถานที่ที่พบเห็นมันได้
แต่กับเจ้าผีเสื้อนางไม้นี้นั้นถ้าจะให้บอกว่าเป็นเพียงคำร่ำลือก็ว่าได้เพราะมันมีแค่คนที่พบเห็นแค่คนเดียวเท่านั้น” เฉินฮงพูดออกมา
“ผีเสื้อนางไม้งั้นเหรอ ช่างเป็นผีเสื้อที่สมกับคำร่ำลือที่เลื่องไปทั่วโลกจริงๆ” หลิวหยินพูดออกมาพลางถอดถอนหายใจ
“แม่..เอ๊ย มันไม่ได้มีอะไรดูน่าแปลกใจอะไรขนาดนั้นเลยสักหน่อย” ชายหนุ่มเจาะหูพูดออกมาเบาพร้อมน้ำเสียงไม่เห็นด้วยอย่างแรงกล้า
เขาและพวกถูกส่งมาเพื่อตรวจสอบสภาพของสวนสัตว์จงหยุนแห่งนี้เพราะยังซะต่อให้ทำอะไรไม่ได้แต่พวกเขาก็ไม่อยากจะเห็นซูจิ้งได้ดีอย่างแน่นอน
นึกไม่ถึงว่าสิ่งที่พวกเขาได้พบนั้นช่างเหนือกว่าที่คิดไปมากมายนัก นี่จึงทำให้พวกเขานั้นอารมณ์ไม่ดีอย่างมากเพราะการที่จะต้องรายงานเรื่องแบบนี้ให้นายน้อยของพวกเขาได้รับทราบย่อมทำให้นายน้อยของพวกเขาอารมณ์ไม่ดีอย่างแน่นอน
“อืม…มันไม่ใช่แค่ผีเสื้อแล้วล่ะ”
“ใช่ พวกมันจะต้องถูกใครสักคนทำขึ้นมาแน่ๆเพราะจำนวนมากมายขนาดนี้ไม่มีทางเลยที่จะพบสัตว์หายากได้มากมายขนาดนี้ ลองดูผีเสื้อกลุ่มนั้นสิ ดูยังไงก็น่าจะเป็นผีเสื้อธรรมดาเท่านั้น”
ชายหนุ่มที่อยู่ในมาดสุขุมที่ใส่แว่นได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงดูถูกนิดหน่อย นั่นก็เพราะตอนที่เขาและหนุ่มเจาะหูได้ยินเรื่องของผีเสื้อจุดทองคำและผีเสื้อนางไม้นี้จนทำให้พูดอะไรไม่ออกเลยแม้แต่น้อย
เมื่อเห็นว่ามีผีเสื้อธรรมดาอยู่ที่นี่จึงรีบชิงโอกาสเล่นงานในทันที นั่นก็เพราะว่าต่อให้มันเป็นผีเสื้อธรรมดาที่สวยงามยังไง แต่ในเมื่อมันได้มาอยู่ท่ามกลางตัวตนที่สูญพันธุ์ไปแล้วแบบนี้มันชวนน่าหัวเราะเกินไป
คนที่มากับสองคนนี้เองล้วนแล้วแต่เป็นคนของฟูหงซิ่วและหยวนหยินหนิง พวกเขาจึงเลือกที่จะไม่สนใจฟังคำอธิบายต่างๆ และนี่ทำให้ผู้คนเริ่มแตกตื่น
“หนุ่มน้อย เธอแน่ใจนะว่ามันคือผีเสื้อธรรมดาน่ะ” ซิ่วจงหงที่ได้ยินคำพูดนี้ก็อดไม่ได้ที่จะหันไปถาม
“แล้วไม่ใช่รึไงกัน ผีเสื้อพวกนี้ดูน่ารักก็จริงแต่มันก็แค่นั้น พวกมันน่จะเห็นได้ทั่วไปในป่าอย่างแน่นอน” ชายหนุ่มอีกคนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงค่อนข้างค่อนแคะไปยังซิ่วจงหง เขานั้นคิดว่าซิ่วจงหงจะออกมายอมรับความจริงว่าพวกมันเป็นผีเสื้อธรรมดา นึกไม่ถึงว่าจะเป็นฝ่ายเขาที่โดนถามกลับมา
แต่ว่าชายหนุ่มคนนี้ก็ยังไม่ลดละและนึกว่ามันก็แค่การข่มกลับเฉยๆเพื่อไม่ให้เสียหน้าเท่านั้น และเขามั่นใจว่าผีเสื้อฝูงนี้เป็นเพียงผีเสื้อธรรมดาเท่านั้นเอง
ทั้งชายหนุ่มแว่นมาดสุขุมและคนอื่นๆก็ตั้งจับจ้องไปที่ผีเสื้อกลุ่มนั้นอย่างไม่วางตา นั่นก็เพราะคำพูดของซิ่วจงหงจึงทำให้ผีเสื้อฝูงที่เป็นประเด็นถูกจับจ้องเป็นพิเศษ