ตอนที่ 2472 ลอบสังหารและให้ทาน
น้ำค้าง!?
ความคิดแรกของหลินสวินก็คือ มือสังหารที่เป็นดั่งตำนานคนนั้นของแดนเร้นนภา
ทว่าหลินสวินก็รู้ว่าไม่ใช่ในทันที
เพราะชั่วขณะนี้ เงาร่างปานมายาสายหนึ่งพลันซัดปราณกระบี่แทงใส่หญิงชุดเขียวที่อยู่ข้างๆ ตนโดยตรง!
ปราณกระบี่นั่นเร็วหาใดเปรียบ ทะลวงผ่านห้วงอากาศอย่างเงียบเชียบ
ที่ประหลาดที่สุดคือ พร้อมๆ กับการลอบสังหารนี้ ฟ้าดินผืนนี้เหมือนถูกตัดขาดจากโลกภายนอก คนอื่นๆ รอบๆ ต่างไม่รู้ตัว เหมือนไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
มีเพียงหลินสวินซึ่งอยู่ใกล้หญิงชุดเขียวที่สุดที่รับรู้ได้ในทันที ทั้งยังตกใจยิ่ง
เพราะมือสังหารนั่นเป็นยอดฝีมืออย่างแน่นอน น่ากลัวกว่านกกระเรียน มือสังหารของแดนเร้นนภา ปราณกระบี่ที่ลอบสังหารนี้อันตรายถึงชีวิต เล็งไปที่จุดเดียว กักขังฟ้าดินแห่งหนึ่งเหมือนกรงไร้รูป
และเมื่ออยู่ข้างใน ก็หนีไม่พ้นอย่างแน่นอน!
วิชาลอบสังหารระดับนี้เหนือชั้นยิ่งยวดจริงๆ รวมแก่นแท้มรรคสังหารในหมื่นกาลไว้ในกระบี่เดียว แปลกประหลาดเหี้ยมโหดจนถึงขั้นเหลือเชื่อ
คนที่ถูกลอบสังหารจะต้องตายอย่างแน่นอน
ในช่วงเวลาอันตรายยิ่งนี้ ก็เห็นหญิงชุดเขียวเหมือนสัมผัสได้เช่นกัน พลันคลี่พัดหยกในมือออกขวางไว้ด้านหน้าตน
ปัง!
ทว่าการตอบสนองนี้ช้าไปเสี้ยวหนึ่ง ปราณกระบี่นั่นยังน่ากลัวหาใดเปรียบ โจมตีพัดหยกจนแตกละเอียดในพริบตา ระเบิดเป็นฝุ่นผง!
และกระบี่นี้อานุภาพไม่ลดลง แทงตรงเข้ามา!
ปังๆๆ!
พลังป้องกันบนตัวหญิงชุดเขียวล้วนฉีกขาด สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ขณะเดียวกันสมบัติป้องกันตัวนานาชนิดล้วนระเบิดออกทั้งหมด ถูกทำลายในพริบตา ต้านคมประกายของกระบี่นี้ไม่อยู่สักนิด
ความเคลื่อนไหวทั้งหมดนี้ล้วนเกิดขึ้นในชั่วพริบตา!
และคนที่ออกกระบี่นั่นก็ดุดัน เหี้ยมโหดอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เหนือกว่านกกระเรียน มือสังหารแห่งแดนเร้นนภาไปไกล
แม้แต่หลินสวินซึ่งอยู่ใกล้ที่สุด ยังสะเทือนอยู่ในอานุภาพกระบี่ที่อันแน่นนี้
ราวกับว่ากระบี่นี้หมายจะกำจัดหญิงชุดเขียวรวมถึงฟ้าดินบริเวณนี้ไปทั้งหมด!
ตูม!
ในที่สุดหนึ่งกระบี่นี้ก็ทลายพลังป้องกันที่หญิงชุดเขียวคนนี้มีทั้งหมด เห็นอยู่ว่ากำลังจะแทงเข้าไปในร่างของนางแล้ว
ในช่วงสำคัญนั้นเอง
นิ้วมือนิ้วหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว ปรากฏบนคมกระบี่แล้วดีดเบาๆ คราหนึ่ง
เคร้ง!
เสียงแหลมเสียดหูดังขึ้น ดูเหมือนดีดนิ้ว แต่กลับหนักประหนึ่งค้อนเทพแสนจั้งกระแทกลงไป อานุภาพร้ายกาจและไอสังหารไร้เทียมทานที่สั่งสมอยู่ในกระบี่นี้พลันสลายไปทั้งหมด ส่งเสียงครวญรุนแรงปานจะหูจะหนวก
คนที่ลงมือย่อมต้องเป็นหลินสวิน
ในช่วงเวลาที่ความเป็นความตายมาจ่ออยู่เบื้องหน้านี้ สามารถขวางกระบี่นี้ไว้ในทันที ขณะเดียวกันก็รับการโจมตีชั้นเลิศรวมถึงไอสังหารน่าหวาดหวั่นที่พุ่งมานั้นด้วย
ความจริงแล้วเขาไม่อาจไม่ลงมือ เพราะอานุภาพของกระบี่นี้ปกคลุมบริเวณที่เขายืนอยู่ ไม่ว่าหญิงชุดเขียวจะต้านกระบี่นี้ได้หรือไม่ หลินสวินก็ต้องโดนลูกหลงไปด้วย
ตูม โครม!
แม้ต้านกระบี่นี้ไว้ได้ แต่ไอสังหารและพลังอันน่ากลัวที่ท่วมท้นบนกระบี่นี้กลับพุ่งเข้าสู่ร่างกายเขา แปลกประหลาดอหังการ ชั่วพริบตาก็เหมือนทุบทำลายอวัยวะตันห้ากลวงหก เส้นลมปราณจุดชีพจร รวมถึงโลกจักรพรรดิบริสุทธิ์ในร่างของเขา
หลินสวินสูดหายใจลึกคราหนึ่ง สองตาลุ่มลึก มรรควิถีทั้งร่างโคจรเหมือนหุบเหวใหญ่ สลายไอสังหารน่ากลัวนั่นจนหมดจด
“หืม?”
มือสังหารนั่นเหมือนแปลกใจ คิดไม่ถึงว่ากระบี่ไร้เทียมทานของตนกลับถูกคนสกัดไว้ได้ กระทั่งพลังที่ปลดปล่อยออกจากกระบี่ยังถูกกำราบและสลายอย่างแข็งกร้าว
“ฆ่า!”
มือสังหารตอบสนองเร็วมาก ถึงอย่างไรก็เป็นยอดฝีมือชั้นเลิศ เมื่อลอบสังหาสรไม่สำเร็จก็เก็บกระบี่ทันใด กลายเป็นเงามายาหนีไกลออกไป
“หึ!”
หลินสวินจะยอมให้มือสังหารคนนี้ไปได้อย่างไร ยื่มมือคว้าผ่านอากาศ
ครืน!
มือใหญ่ข้างหนึ่งทะลวงอากาศออกมา เสมือนม่านรัตติกาลทะลวงฟ้า ปิดฟ้าคลุมตะวัน ปกคลุมจักรวาล กักขังทั่วทิศ
ฟ้าดินนอกประตูเมืองพังถล่มทันที จมสู่ความปั่นป่วน ทหารและผู้ฝึกปราณรอบๆ ชั่วขณะนี้ล้วนตื่นตระหนก หน้าเปลี่ยนสีอย่างไม่มีข้อยกเว้น
พลังน่ากลัวนัก!
เคร้ง!
ฝ่ามือยักษ์ของหลินสวินกำลังจะปกคลุมมือสังหารนั่นแล้ว อีกฝ่ายพลันขยับเงาร่าง ปราณกระบี่ในฝ่ามือพาดขวาง โจมตีออกมาเป็นร้อยครั้งในชั่วพริบตานั้น ทุกกระบี่ล้วนดุดันไร้ใดเปรียบ ไอสังหารแน่นขนัด
พริบตานั้นฝ่ามือนี้ของหลินสวินเต็มไปด้วยรูพรุน ถูกกรีดแหวกออก
เงาร่างมือสังหารฉวยโอกาสนี้หนีไกลออกไปอีก
‘น่าเสียดาย ข้าต้องปกปิดฐานะ ไม่เหมาะจะสำแดงมรรควิถีออกมาทั้งหมด…’ จู่ๆ หลินสวินก็ลังเลเล็กน้อย
ก็เป็นชั่วขณะที่ลังเลนี้ เสียงเย็นเยียบดังจากในเมืองพยัคฆ์ครอง “สารเลว! จะไปไหน!”
สายฟ้านับไม่ถ้วนยิงออกมา เงาร่างกำยำที่อาบอยู่ในคลื่นอสนีปรากฏกลางอากาศ ความรุนแรงของอานุภาพทำเอาทหารและผู้ฝึกปราณบริเวณนั้นหายใจติดขัด ในใจหวาดหวั่น รู้สึกกดดันอย่างที่สุด
มือสังหารนั่นหนีไปไกลมากแล้ว แต่ตอนนี้กลับสั่นสะท้านไปทั้งตัว ตกใจยกใหญ่
เพราะคมประกายที่มาจากอสนีสีม่วงนั่นฟันลงในห้วงอากาศที่เขากำลังเคลื่อนย้ายหนี ปลดปล่อยอานุภาพทำลายล้าง สะเทือนจนเงาร่างของเขาเซถอยออกไป!
เงาร่างสูงใหญ่ที่อาบอยู่ในอสนีพุ่งโจมตีเข้ามาแล้ว
ตูม โครม…
กฎเกณฑ์ที่สะดุดตามากมายร่ายรำอยู่บนมือของเงาร่างกำยำนั่น ฟ้าดินแห่งนั้นถูกแหวกออก กลายเป็นภาพที่แตกสลาย สองมือของเขาไขว้กัน แปลงเป็นอานุภาพแห่งอสนีที่ซับซ้อนและไพศาล พุ่งสังหารกลางอากาศ
“สมควรตาย!”
มือสังหารนั่นเพียงส่งเสียงตะโกนคราหนึ่งก็ถูกอสนีสีม่วงทั่วฟ้าปกคลุม ร่างระเบิดออก ทั้งร่างและจิตดับสลาย
‘บรรพจารย์มรรคคนหนึ่ง!’
หลินสวินในใจสั่นสะท้าน รู้ว่าคนที่ปรากฏตัวคือบรรพจารย์จักรพรรดิที่แท้จริง ครอบครองกฎเกณฑ์สมบูรณ์แบบ ถึงได้มีอานุภาพเช่นนี้
ถึงขั้นที่อานุภาพบนตัวคนผู้นี้แข็งแกร่งกว่าเหิงเทียนซั่วเล็กน้อย
“โยวหรัน เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม” และตอนนี้ ชายหนุ่มชุดม่วงที่สูงใหญ่หล่อเหลา บุคลิกไม่ธรรมดาคนหนึ่งมาถึงข้างกายหญิงชุดเขียวอย่างเร่งรีบแล้ว ใบหน้าเต็มไปด้วยความห่วงใย
“ข้าไม่เป็นไร” หญิงชุดเขียวแววตากระจ่าง บนใบหน้าขาวนวลที่งดงามโดดเด่นเต็มไปด้วยความนิ่งสงบ
ถูกลอบสังหารโดยไม่ทันตั้งตัว เหมือนไม่ได้ทำให้นางตกใจมากนัก
เพียงแต่ตอนที่เผชิญกับความห่วงใยของชายหนุ่มชุดม่วง นางขมวดคิ้วดำดุจหมึกอย่างยากจะสังเกตเห็น คล้ายต่อต้านอยู่บ้าง
ครืนโครม!
บรรพจารย์มรรคคนนั้นย้อนกลับมา พลิ้วตัวมาถึง ทั้งที่นั้นล้วนเงียบกริบไร้เสียง
อสนีสีม่วงที่โหมคลั่งถูกเก็บลงไป กลายเป็นชายวัยกลางคนที่น่าเกรงขามคนหนึ่ง สวมเกี้ยวประดับสูงชุดโบราณ เหมือนราชันบรรพกาลอย่างไรอย่างนั้น ท่าทางราวกับภูเขาที่สูงตระหง่าน ยามกะพริบตาสาดพลังที่เผด็จการดั่งสามารถบดขยี้ทุกสิ่งให้เป็นฝุ่นผงได้
นี่ก็คืออานุภาพของบรรพจารย์จักรพรรดิ!
“คารวะใต้เท้าเจ้าเมือง!” ทหารคุ้มกันที่สวมชุดเกราะแข็งแกร่งบริเวณประตูเมือง ตอนนี้ต่างสีหน้าเคร่งขรึม คารวะโดยพร้อมเพรียง
ผู้ฝึกปราณบริเวณนั้นก็เผยสีหน้าอึ้งค้าง
เผิงเชียนเหอ!
ฉายาบรรพจารย์จักรพรรดิเชียนเหอ มาจากเผ่าจักรพรรดิอมตะตระกูลเผิง ตอนนี้ปกครองเมืองพยัคฆ์ครอง ลือกันว่าเขาไปถึงจุดสูงสุดแห่งระดับบรรพจารย์จักรพรรดิแล้ว มีความเป็นไปได้สูงมากว่าจะทะลวงสู่ระดับที่สูงกว่าอย่างระดับอมตะ!
หลินสวินเองก็จำอีกฝ่ายได้ ระหว่างทางที่มาหลินสวินก็เคยได้ยินมาแล้ว
ตระกูลเผิงคือหนึ่งในสี่เผ่าจักรพรรดิอมตะใหญ่ ประกอบด้วย ตระกูลเหวิน ตระกูลเหิง ตระกูลเผิง ตระกูลเฮ่อ รากฐานพลังไม่ด้อยกว่าตระกูลเหวินที่เหวินเซ่าเหิงอยู่ และตระกูลเหิงที่เหิงเทียนซั่วอยู่
“กระบวนท่าเดียวก็ฆ่ามือสังหารได้แล้ว ร้ายกาจจริงๆ”
“มือสังหารนั่นก็ไม่รู้ว่ามีที่มาอย่างไร”
“ชายที่ช่วยผู้หญิงคนนั้นก็เป็นคนร้ายกาจเช่นกัน ชั่วพริบตาอันตรายนั่นถึงกับสกัดมือสังหารไว้ได้ ทั้งยังขวางไม่ให้มือสังหารหนีไป ไม่เช่นนั้นมือสังหารนั่นคงหนีไปได้แล้ว…”
ในที่นั้นเสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้น สถานการณ์สงบลงแล้ว ผู้ฝึกปราณมากมายต่างตื่นตระหนก เร่งทะยานเข้ามาจากไกลๆ เพราะสัมผัสถึงคลื่นพลังชีวิต
“คุณหนูโยวหรัน”
กลับเห็นเผิงเชียนเหอเดินมาอยู่ตรงหน้าผู้หญิงคนนั้นทันที สายตาเจือแววรู้สึกผิด “ต้องโทษข้าที่ไม่คิดให้รอบคอบ ไม่คิดว่านอกประตูเมืองจะถึงกับมีมือสังหารกล้าก่อเหตุ ทำให้เจ้าตกใจแล้ว”
เขาในฐานะบรรพจารย์มรรค กลับเกรงใจและเคารพหญิงชุดเขียวอย่างมาก นี่ทำให้หลินสวินอดประหลาดใจไม่ได้
“ข้าไม่เป็นไร ครั้งนี้โชคดีที่ได้สหายยุทธ์คนนี้ช่วยไว้ทันเวลา”
หญิงชุดเขียวพูด สายตามองไปยังหลินสวิน แววตาเผยความอ่อนโยน “ขอบคุณมาก”
ก็เป็นตอนนี้เองที่เผิงเชียนเหอเคลื่อนสายตามามองหลินสวิน แววตากลับคืนสู่ความน่าเกรงขามในตอนแรก ก่อนพยักหน้าพูด
“สหายน้อยศักยภาพไม่เลว ครั้งนี้เจ้าช่วยคุณหนูโยวหรันไว้ ข้าจะต้องตอบแทนเจ้าแน่”
หลินสวินส่ายหน้า “บังเอิญเท่านั้น ข้าก็ทำเพื่อปกป้องตนเอง สำหรับเรื่องตอบแทนก็ช่างมันเถอะ”
ที่เขาพูดคือความจริง
เผิงเชียนเหออึ้งไป มองหลินสวินอีกคราอย่างไม่อาจห้าม
ก็เป็นตอนนี้เองที่ชายหนุ่มชุดม่วงซึ่งก่อนหน้านี้เร่งรีบเข้ามา เอ่ยขึ้นอย่างเรียบเฉย “ที่ควรขอบคุณก็ต้องขอบคุณ ไม่เช่นนั้นคนนอกจะหัวเราะเยาะว่าคนตระกูลเผิงของข้าไม่รู้จักมารยาทไม่ใช่หรือ พูดมาเถอะ ข้าต้องการอะไรเป็นการตอบแทน ขอเพียงเป็นสิ่งที่ตระกูลเผิงของข้าทำได้ จะตอบรับเจ้าเต็มที่”
บอกว่าตอบแทน แต่คำพูดกลับให้ความรู้สึกประหนึ่งให้ทาน
จากเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของคนบริเวณนั้น หลินสวินได้รู้ว่าชายหนุ่มชุดม่วงก็เป็นคนตระกูลเผิงเช่นกัน นามว่าเผิงเทียนเสียง เป็นมกุฎมหาจักรพรรดิคนหนึ่ง มีชื่อเสียงอย่างมากในเมืองพยัคฆ์ครอง
ส่วนเจ้าเมืองเผิงเชียนเหอก็คืออาสามของเขา
ไม่รอให้หลินสวินตอบ หญิงชุดเขียวก็ขมวดคิ้วกล่าวเจือความเย็นชา “เผิงเทียนเสียง คำพูดเจ้านี่มันอย่างไรกัน”
เผิงเทียนเสียงยิ้มขื่น “โยวหรัน ข้าก็แค่ออกหน้าแทนเจ้า ช่วยขอบคุณ… ผู้มีพระคุณคนนี้อย่างไรเล่า”
เผิงเชียนเหอที่อยู่ข้างๆ หัวเราะเบิกบาน “คุณหนูโยวหรัน เทียนเสียงเองก็หวังดี เพียงแค่คำพูดไม่เหมาะสมนัก อย่าได้เข้าใจผิด”
“ไม่ต้องลำบากพวกท่าน เรื่องนี้ข้าตอบแทนเอง”
เสียงของหญิงชุดเขียวเผยความไม่พอใจ กระทั่งกับเผิงเชียนเหอก็ไม่ไว้หน้า
แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ เผิงเชียนเหอยังคงหัวเราะ ไม่เผยสีหน้าโมโหสักนิด เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ยิ่งทำให้หญิงชุดเขียวคนนี้ดูไม่ธรรมดา
“สหายยุทธ์ ข้ารู้ว่าในใจข้ามีความสงสัย เช่นนั้นฉวยโอกาสนี้ พวกเราเข้าเมืองไปดื่มด้วยกันสักหน่อยดีหรือไม่ ให้ข้าได้มีโอกาสแสดงความขอบคุณด้วย”
หญิงชุดเขียวมองไปยังหลินสวิน สายตาอ่อนโยนขึ้นมาแล้ว
เห็นได้ชัดว่านางขอบคุณการลงมือก่อนหน้านี้ของหลินสวินจากใจจริง
แต่ภาพนี้กลับทำให้สายตาของเผิงเทียนเสียงอึมครึม กวาดมองหลินสวินอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง เผยการตักเตือนอย่างไร้เสียง
เหมือนขอเพียงแค่หลินสวินกล้ารับปาก ก็เท่ากับทำความผิดที่ไม่อาจให้อภัย
——