Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2481 ประกาศจับจากตระกูลลั่ว

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2481 ประกาศจับจากตระกูลลั่ว

เรื่องที่เกิดขึ้นนอกประตูเมือง หลินสวินไม่รู้สักนิด

ต่อให้รู้ ก็เกรงว่าจะมีแต่ลอบร้องดีใจกับตัวเองว่าโชคดีที่ออกมาทันเวลา หาไม่…

จินตนาการไม่ออกเลยจริงๆ!

“นกกระจอกเขียว รีบบอกข้าว่าจะออกจากด่านนภาอมตะที่สามนี่ได้อย่างไร ถ้าสามารถใช้เงินจัดการได้ล้วนไม่ใช่ปัญหา” หลินสวินรีบซักถาม

ตั้งแต่นกกระจอกเขียวได้รับสมบัติที่มีคุณสมบัติวัตถุอมตะกองพะเนิน ท่าทีที่ปฏิบัติต่อหลินสวินก็ยิ่งใส่ใจมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ให้คำชี้แนะทันทีโดยหยุดคิด

ผลลัพธ์คือ ในวันนั้นหลินสวินควักยี่สิบล้านผลึกต้นกำเนิดจักรวาลชั้นหนึ่งออกมา และได้ป้ายยืนยันผ่านการทดสอบทันที จากนั้นก็ออกไปในวันนั้นเลย!

มีเงินสามารถสั่งผีโม่หินได้ คำคนโบราณไม่หลอกลวงจริงๆ

ต่อให้อยู่ในแดนใหญ่พันศึกนี้ก็ยังใช้การได้เหมือนกัน แค่ขึ้นอยู่กับว่าสามารถจ่ายราคาที่ระดับจักรพรรดิทั่วไปไม่สามารถรับได้ไหวหรือไม่เท่านั้นแล้ว

ยามเมื่อตู๋กูโยวหรันได้รู้ข่าวนี้ ก็ทั้งโกรธทั้งขันอย่างอดไม่ได้

“เจ้าหมอนี่เห็นข้าเป็นเทพแห่งโรคระบาดจริงๆ หรือ”

ตู๋กูโยวหรันชักคันยุบยิบในใจขึ้นมาบ้าง

ยามอยู่โลกยอดนิรันดร์ เพราะนางรับเรื่องแต่งงานสารพัดรูปแบบที่ผู้อาวุโสตระกูลจัดแจงให้ไม่ได้ ดังนั้นจึงอ้างเหตุผลว่าจะเดินทางท่องโลกมาบังหน้า วิ่งมาผ่อนคลายจิตใจที่แดนใหญ่พันศึกแห่งนี้

แต่คิดไม่ถึงสักนิดว่าแม้จะมาถึงแดนใหญ่พันศึก ก็ยังมีฝูงภมรตอมบุปผามากมายคอยไล่ตามมาอีก

อย่างเผิงเทียนเสียง จู้หลิน หรงเซียงหลี รวมถึงบุคคลโดดเด่นทั้งกลุ่มที่เวลานี้ไล่ตามอยู่ข้างกายตนตลอดทาง ใครบ้างไม่เป็นเช่นนี้

นี่ทำให้นางหงุดหงิดแล้วหงุดหงิดอีก

ทว่าตู๋กูโยวหรันคิดไม่ถึงเด็ดขาดว่ามีเพียงหลิงเสวียนจื่อนั่นที่มองตนเป็นสัตว์ร้ายภัยพิบัติ ไม่อยากอยู่กับตนแม้แต่เพียงหนึ่งเค่อ ราวกับว่าตนจะแล่เนื้อเขามากินสดๆ อย่างไรอย่างนั้น

ทำให้ตู๋กูโยวหรันที่ถูกหมู่ดาราห้อมล้อม ถูกผู้อาวุโสตระกูลรักใคร่ตามใจตั้งแต่เล็กจนโต ได้สัมผัสรสชาติเช่นนี้เป็นครั้งแรก

นางฉลาดหลักแหลม ย่อมรู้กลยุทธ์แสร้งปล่อยเพื่อจับ คลายสายเบ็ดตกปลาใหญ่พวกนี้เป็นธรรมดา

ก่อนหน้านี้ก็มีคนไล่ตามเกี้ยวนางเช่นนี้ไม่ขาด ทว่ากลอุบายเช่นนี้ทำให้นางแค่นเสียงขึ้นจมูกอย่างสิ้นเชิง

มีเพียงหลินสวินที่มองนางเป็นตัวหายนะอย่างแท้จริงและไม่ปิดบังสักนิด นี่ทำให้นางทั้งฉุนทั้งขัน

บนโลกใบนี้ยังมีคนเช่นนี้อยู่ได้อย่างไร

เขาไม่รู้เชียวหรือว่าตนแค่เอ่ยง่ายๆ ประโยคเดียว ก็สามารถทำให้เขาไม่ต้องพบเจออันตรายใดๆ ก็สามารถไปถึงโลกยอดนิรันดร์ได้ตรงๆ

“ซ้ำยังจ่ายยี่สิบล้านผลึกต้นกำเนิดจักรวาลชั้นหนึ่ง ใช้จ่ายมือเติบเช่นนี้เพื่อจะหลบเลี่ยงข้า เจ้าหมอนี่… ช่าง… มีอย่างนี้ที่ไหนกัน!”

ตู๋กูโยวหรันลอบพึมพำกับตัวเอง

“คุณหนูโยวหรัน ในเมื่อผู้มีพระคุณคนนั้นของเจ้าจากไปแล้วก็ไม่ต้องคิดมากเพราะเรื่องนี้อีกต่อไปแล้ว ดูท่าเขาต้องมีเรื่องด่วนถึงได้จากไปเป็นแน่”

ชายหนุ่มที่บังคับรถศึกเข้ามาก่อนหน้านี้ยิ้มพลางเอ่ยปาก

เขาสวมชุดเกราะสีทอง ท่วงท่าองอาจทรงพลัง สง่าผ่าเผยไร้เทียมทาน เขาเองก็เป็นมกุฎมหาจักรพรรดิขั้นแปดคนหนึ่ง ซ้ำที่มายังไม่ธรรมดา

จากฐานะของเขา ต่อให้เป็นเจ้าเมืองนี้ก็ยังต้องเคารพสามส่วน

แต่เวลานี้ตู๋กูโยวหรันกลับกล่าวอย่างหมดความอดทน “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเขามีเรื่องด่วน เรื่องของข้า พวกเจ้าไม่ต้องมาเป็นห่วง!”

ทุกคนมองหน้าสบตากัน ต่างงุนงง ไม่เข้าใจว่าเหตุใดตู๋กูโยวหรันถึงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขนาดนี้

“เผิงเทียนเสียง เจ้าตามข้ามา ไปตามเจ้าหมอนั่น ในเมื่อเป็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิตข้า จะให้ข้าติดหนี้น้ำใจคนไม่ตอบแทนได้อย่างไร ข้าละอยากเห็นนักว่าเขาจะไปหลบที่ไหนได้!”

ตู๋กูโยวหรันตัดสินใจ

เผิงเทียนเสียงพยักหน้าหงึกๆ จิตใจไหวกระเพื่อม

ต่อให้ท่าทีที่ตู๋กูโยวหรันปฏิบัติต่อเขาจะยังไม่ถึงขั้นดีมากดังเดิม ทว่า… ก็เด่นกว่าคนอื่นอยู่ดีนั่นแหละ!

หาไม่ เหตุใดนางไม่เรียกคนอื่นให้ร่วมเดินทาง เรียกแต่ตนคนเดียวเล่า

เมื่อมองส่งตู๋กูโยวหรันและเผิงเทียนเสียงจากไป บุคคลกร้าวแกร่งซึ่งที่มาล้วนแล้วไม่ธรรมดาสุดขีดเหล่านั้นต่างอดขมวดคิ้วไม่ได้

“จินตู๋อี? เจ้าหมอนี่เป็นใคร เหตุใดถึงทำให้โยวหรันใส่ใจเช่นนี้”

มีคนกังขา

“อันตรายแล้ว โยวหรันคงไม่ได้ถูกใจคนผู้นี้แล้วกระมัง”

มีคนสีหน้าอึมครึม

“เฮอะ แค่พวกที่มาจากโลกพันจักรวาลคนหนึ่ง มีหรือจะต้องตาโยวหรันได้ จากความเห็นข้า โยวหรันแค่ไม่อยากติดหนี้น้ำใจใครก็เท่านั้น”

มีคนเยาะหยัน

“จินตู๋อี… ไม่ว่าสาเหตุอะไร ในเมื่อทำให้โยวหรันใส่ใจเช่นนี้ คนผู้นี้ย่อมต้องกำจัดทิ้ง!”

มีคนแววตาวาบไอสังหาร

นี่ก็คืออานุภาพของตู๋กูโยวหรัน คนทั่วไปไหนเลยจะทนรับความเคียดแค้นที่มาจากเหล่าคนที่คอยเทียวไล้เทียวขื่อข้างกายนางเหล่านั้นได้

ยังดีที่หลินสวินออกไปแต่เนิ่นๆ หาไม่ เกรงว่าจะก่อให้เกิดคลื่นลมลูกใหญ่ขึ้นมาอีกเป็นแน่

เวลาดุจกระสวยบิน ผันผ่านอย่างรวดเร็ว

หลินสวินมุ่งหน้าเพียงลำพัง ผ่านสนามรบที่อันตรายรอบด้าน ทะยานข้ามฟ้าดาราเงียบเชียบที่แปลกพิสดารและอัปมงคล

สู้ศึกตลอดทาง

นองเลือดตลอดทาง

ไม่มีตัวปัญหาที่เกาะหนึบอย่างตู๋กูโยวหรันแล้ว ก็ไม่มีเรื่องวุ่นวายไร้สาระหลั่งไหลมาเยือน

จู่ๆ หลินสวินก็รู้สึกชอบการเดินทางคนเดียว เดินเหินเพียงลำพังเช่นนี้ขึ้นมาแล้ว

ชิงชัยในเส้นทางจักรพรรดิ สัญจรเพียงลำพังในมหามรรค

หนทางแห่งการฝึกปราณ เดิมก็เป็นขั้นตอนของการเสาะหาการเปลี่ยนแปลงแห่งตนอยู่แล้ว เต็มไปด้วยคลื่นลม และย่อมไม่มีทางคลื่นลมสงบสบายไปตลอดอย่างแน่นอน

และการที่สามารถบุกฝ่าออกมาจากอันตราย อยู่รอดท่ามกลางความเป็นตาย เคี่ยวกรำตนเองจากการเข่นฆ่า จึงจะสามารถทำให้ฝ่าทะลวงได้ครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างแท้จริง

อันที่จริงตลอดทางมานี้หลินสวินก็ประสบอันตรายสุดหยั่งอยู่บ่อยๆ ถึงขั้นพบเจอภัยคุกคามถึงชีวิตหลายครั้ง

ทว่าหลังจากเปลี่ยนร้ายกลายเป็นดีในแต่ละครั้ง มรรควิถีของเขาล้วนเกิดความมั่นคง นี่เป็นการตกตะกอนที่ล้ำค่ายากจะได้รับอย่างหนึ่ง

ผู้ไร้ประสบการณ์ผ่านอันตรายเป็นตาย ย่อมไม่อาจเอ่ยถึงมหามรรค!

หลังครึ่งปีที่ออกจากเมืองลมมงคล เท่ากับช่วงเวลาหนึ่งปีสามเดือนที่หลินสวินเข้าสู่แดนใหญ่พันศึก

หลินสวินบุกตะลุยเข้าสู่ด่านนภาอมตะที่สี่

เขาใช้เวลาหนึ่งวันเอาสมบัติที่รวบรวมได้ตอนที่เตร็ดเตร่ตลอดทางนี้ ขอเพียงไม่ได้ใช้งานล้วนเอาออกมาขายทิ้ง

และจากนั้นก็ซื้อมุกยมโลกมาได้อีกห้าเม็ด

เขาไม่ได้ชักช้า หลังจากทำการทดสอบของจวนเจ้าเมืองเสร็จ หลินสวินก็ออกเดินทางต่ออีกครั้ง

ในปีที่หนึ่งกับเจ็ดเดือนนับจากเข้าสู่แดนใหญ่พันศึก

หลินสวินเข้าสู่ด่านนภาอมตะที่ห้า

และก็เป็นการเข้าเมืองครั้งนี้ที่ทำให้หลินสวินได้รับข่าวที่คาดไม่ถึงข่าวหนึ่ง ฐานะของเขาถูกเปิดโปงแล้ว!

แม้แต่ในประกาศจับที่แขวนอยู่บนกำแพงเมืองนั่น ยังเขียนกำกับไว้ว่าหลินสวินสองคำ!

นี่ทำให้ในใจหลินสวินสะท้านไหว หลังจากตรวจสอบโดยละเอียดจึงรู้ว่า ที่แท้ก็เป็นผู้แข็งแกร่งจากตระกูลลั่วแห่งฟากฝั่งที่ปล่อยข่าวนี้ออกไป

‘ตระกูลลั่วแห่งฟากฝั่ง…’

หลินสวินหัวคิ้วขมวดมุ่น

สถานการณ์เหนือคาดนี้ทำเอาเขาเองยังตั้งรับไม่ทันอยู่บ้าง แต่เมื่อคิดอย่างถี่ถ้วนก็พอจะเข้าใจได้เลาๆ ว่าตระกูลลั่วระบุชัดออกมาได้อย่างไร

ในโลกยอดนิรันดร์ ขุมอำนาจที่เข้าใจทางเดินโบราณฟ้าดาราที่สุด เกรงว่าย่อมต้องเป็นตระกูลลั่วอย่างไม่ต้องสงสัย

และตนก็เป็นคนเดียวที่บรรลุมกุฎจักรพรรดิในช่วงเกือบแสนปีมานี้ ซ้ำยังถูกตระกูลลั่วมองเป็นเสี้ยนหนามตำใจ เป็นตะปูในอกอีกด้วย

ภายใต้สถานการณ์ระดับนี้ เมื่อรู้ว่าฐานะ ‘หลิงเสวียนจื่อ’ นั่นของตนมาจากทางเดินโบราณฟ้าดาราเช่นกัน ย่อมต้องเดาเบาะแสบางอย่างออกแน่นอน!

เหตุใดตระกูลลั่วถึงรู้ข่าวรวดเร็วเช่นนี้

นี่เกรงว่าจะเกี่ยวข้องกับประกาศจับที่ติดอยู่ในแต่ละเมืองของด่านนภาอมตะทั้งสี่สิบเก้าแห่งอย่างแยกไม่ออก

ถึงอย่างไร ‘หลิงเสวียนจื่อ’ ก็อยู่ลำดับที่เก้า ซ้ำยังมาจากทางเดินโบราณฟ้าดารา ตระกูลลั่วมีหรือจะไม่สงสัย

‘ดูจากตรงนี้ ตระกูลลั่วคงรู้เรื่องที่ข้ากำลังข้ามแดนใหญ่พันศึกมุ่งหน้าไปโลกยอดนิรันดร์แล้ว… ไม่สิ บางทีพวกเขาอาจเริ่มเคลื่อนไหวกันแล้วก็ได้…’

นัยน์ตาดำของหลินสวินลุ่มลึก ตระหนักได้ถึงสถานการณ์ของตน ว่าเป็นไปได้สูงว่าอาจเต็มไปด้วยอันตรายอีกแล้ว

ทว่าเขากลับไม่หวั่นเกรง

จากมรรควิถีในปัจจุบันของเขา กอปรกับไพ่ตายในมือ ย่อมไม่กลัวการฟาดฟันกับขุมอำนาจตระกูลลั่วในแดนใหญ่พันศึกแห่งนี้สักครั้ง

หนำซ้ำหลังจากหลินสวินขบคิดถี่ถ้วนแล้ว กลับรู้สึกว่านี่หาใช่เรื่องเลวร้าย อย่างน้อยก็ทำให้ตนสามารถหยั่งเชิงพลังและรากกฐานบางส่วนของตระกูลลั่วได้ตรงๆ

‘ข้าล่ะอยากเห็นนักว่าพวกเจ้าจะโผล่มาเมื่อไหร่…’

หลินสวินมองเห็นแล้ว บนประกาศจับนั่น ลำดับของตนทะยานขึ้นช่วงใหญ่ฉับพลัน ไปอยู่ในตำแหน่งที่สาม

สาเหตุก็เพราะตระกูลลั่วเข้ามาข้องเกี่ยวด้วย ออกประกาศจับเขาเช่นกัน ซ้ำยังตั้งรางวัลยี่สิบล้านผลึกต้นกำเนิดจักรวาลชั้นหนึ่ง

เมื่อรวมกับรางวัลนำจับของตระกูลเหวินและตระกูลเหิงก่อนหน้านี้ ก็เป็นจำนวนถึงยี่สิบหกล้านผลึกต้นกำเนิดจักรวาลชั้นหนึ่งแล้ว

น้อยกว่ารางวัลนำจับของ ‘คนสะพายดาบ’ ที่จัดอยู่ลำดับสองเพียงหนึ่งล้านเท่านั้น

และน้อยกว่ารางวัลนำจับของ ‘ชางฝูเซิง’ ที่อยู่อันดับหนึ่งสี่ล้าน

หนำซ้ำตระกูลลั่วยังระบุไว้ในประกาศจับเป็นพิเศษ ว่าหากใครสามารถจับเป็นหลินสวินแล้วส่งถึงมือตระกูลลั่วได้ รางวัลนำจับจะเพิ่มขึ้นสิบเท่าทันที!

ยามมองเห็น นัยน์ตาหลินสวินหดรัดลงอย่างอดไม่ได้

และอันที่จริงประกาศจับฉบับนี้ก็สร้างความฮือฮาไปทั่วแดนใหญ่พันศึกแล้ว ถูกผู้แข็งแกร่งไม่รู้เท่าไหร่มองเห็น ล้วนพากันคาดเดาอย่างอดไม่ได้ ว่าหลินสวินที่เคยใช้ชื่อปลอมว่าหลิงเสวียนจื่อผู้นี้ ก่อเรื่องใหญ่โตอะไรไว้กันแน่ ถึงได้หาเรื่องจนตระกูลลั่วเคลื่อนไหวยิ่งใหญ่ขนาดนี้

เรื่องนี้ฮือฮาอย่างมาก ผลลัพธ์ก็ประจักษ์ชัดยิ่ง มีบุคคลแห่งยุคที่ที่มาไม่ธรรมดามากมายล้วนเกิดความสนใจต่อเรื่องนี้อย่างอดไม่ได้

ทรัพย์สินเงินทองล่อใจคนมาตั้งแต่อดีต ต่อให้เป็นบรรพจารย์มรรค หากเสนอเงื่อนไขที่ล่อใจมากพอ ก็ย่อมไม่สามารถปฏิเสธได้อย่างแน่นอน

สามารถคาดเดาได้ว่า หลังจากเรื่องนี้เมื่อฐานะของหลินสวินถูกเปิดโปง จะต้องถูกพวกกร้าวแกร่งร้ายกาจจำนวนหนึ่งมองเป็น ‘เหยื่อ’ อย่างแน่นอน!

น่าเสียดาย หลินสวินในปัจจุบันต่างจากอดีตไปนานแล้ว จากมรรควิถีในตอนนี้ของเขา หากอยากปิดบังตัวตน ต่อให้เป็นบรรพจารย์มรรคก็ยังไม่อาจมองทะลุ

แต่ขณะเดียวกันหลินสวินก็พบว่า ในประกาศจับตระกูลลั่วระบุลักษณะพิเศษทั้งหมดของตนไว้อย่างชัดเจน กระทั่งเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งยังถูกวาดขึ้นมาอย่างสมจริง!

หรือกล่าวได้ว่า ขอเพียงเขาใช้เตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง ฐานะก็จะถูกเปิดเผยแน่นอน

‘เพื่อจะจัดการข้า ช่างลงทุนทุ่มเทจริงๆ…’

ในหอสุราแห่งหนึ่ง หลินสวินก้มหน้าก้มตาดื่มสุรา สีหน้าราบเรียบ ไม่สนใจสิ่งเหล่านี้ด้วยซ้ำ

ว่ากันถึงที่สุด เขาในตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้วจริงๆ

มรรควิถีมาถึงระดับอย่างเขา คนที่สามารถทำให้เขากริ่งเกรง บางทีอาจมีเพียงระดับอมตะที่อยู่เหนือกว่าระดับบรรพจารย์เท่านั้น

ไม่กี่วันต่อมาหลินสวินออกจากด่านนภาอมตะที่ห้า มุ่งหน้าออกเดินทางอีกครั้ง

ต่อให้ฐานะเขาถูกเปิดโปง อย่างน้อยก็ยังไม่ได้ส่งผลเป็นรูปธรรมใดๆ ต่อการเดินทางของเขาเป็นการชั่วคราว

และหลังจากหลินสวินออกไปได้ไม่นาน

นอกด่านนภาอมตะที่ห้า หนึ่งชายหนึ่งหญิงปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ

เป็นตู๋กูโยวหรันและเผิงเทียนเสียงนั่นเอง

ยามมองเห็นประกาศจับที่ติดอยู่บนประตูเมือง ตู๋กูโยวหรันอดอึ้งไปไม่ได้ นัยน์ตาสุกใสวาบแววประหลาดขึ้นมาเสี้ยวหนึ่ง มุมปากขยับโค้งขึ้นน้อยๆ

เจ้าคนจอมหลอกลวง!

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท