Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2494 อานุภาพแห่งแดนนรก

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2494 อานุภาพแห่งแดนนรก

เมื่อมองออกไปไกลๆ ก็เห็นเงาร่างสีดำสายหนึ่งเคลื่อนตัวอยู่บนท้องฟ้าสูงหลายร้อยจั้ง ไอชั่วร้ายโหมกระหน่ำไปทั้งตัว กลิ่นคาวเลือดล้นฟ้าแผ่อบอวล

เขาถือธงศึกสีเลือดขาดวิ่นธงหนึ่ง ธงศึกแผ่สยาย มีสุริยันจันทราดาราแดงก่ำดั่งโลหิตปรากฏ สะเทือนจนท้องนภาปั่นป่วน

ขณะโบกมือ ระดับจักรพรรดิบางส่วนที่หนีไม่ทันถูกม้วนกลืนเข้าไปในธงศึกสีเลือดนั้น ร่างกายพังทลายเน่าเปื่อยในพริบตา สลายกลายเป็นธุลี

เมื่อมองธงศึกสีเลือดนั้นอีกครั้ง มันเหมือนกลืนกินของบำรุงอย่างดีเข้าไป แผ่แสงแดงก่ำที่ดูแปลกหาใดเปรียบ ย้อมฟ้าดินแถบนั้นจนกลายเป็นสีแดง

นี่คือลานสังหาร เป็นเขตผนึกของวิญญาณร้ายระดับบรรพจารย์ตัวหนึ่ง คนนอกห้ามก้าวล่วง!

ไม่นานสถานที่นี้ก็เงียบสงบลง

เงาร่างสีดำสูงหลายร้อยจั้งนั้นอ้าปากสูดกลืน ธงศึกสีเลือดก็กลายเป็นแสงรุ้งสายหนึ่งโฉบเข้าไปในร่างของมัน

จากนั้นเงาร่างสีดำกลายเป็นหมอกควันโหมกระหน่ำ หายไปในยอดเขามหึมาแถบหนึ่ง

“แข็งแกร่งเกินไปแล้วกระมัง” เวลานี้เยวี่ยตู๋ชิวที่เห็นภาพทุกอย่างอยู่ในสายตาสูดหายใจเย็นเยียบอย่างอดไม่ได้ สีหน้าจริงจังหาใดเปรียบ

วิญญาณร้ายตัวหนึ่งกลับครอบครองอาวุธประหลาด ปลิดชีพเหล่าจักรพรรดิ!

“ลือกันว่าวิญญาณร้ายที่จำศีลอยู่ในโบราณสถานมหามรรคนี้ เป็นสิ่งที่วิวัฒน์มาจากซากศพของยอดผู้แข็งแกร่งยุคก่อน ยุคก่อนดับสิ้นไปแล้ว แต่ซากศพพวกนี้กลับไม่ถูกทำลาย แค่คิดก็รู้แล้วว่าตอนที่ยอดผู้แข็งแกร่งพวกนี้มีชีวิตจะน่ากลัวระดับใด”

เซี่ยงเสี่ยวหยวนกล่าว “แต่ซากศพพวกนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกาลเวลาไร้สิ้นสุด จึงกลายเป็นวิญญาณร้ายครึ่งคนครึ่งผีเช่นนี้”

จากนั้นนางก็ขมวดคิ้ว “พี่หลิน ตามการชี้นำของแผนภาพลับ ถ้าอยากไปถึงแดนแห่งวาสนานั้น จำเป็นต้องผ่านยอดเขาที่วิญญาณร้ายระดับบรรพจารย์นั่นซ่อนตัว ภายในนั้นมีประตูห้วงอากาศบานหนึ่ง มีเพียงเข้าไปในนั้นจึงจะไปต่อได้”

หลินสวินคิดดูครู่หนึ่งแล้วกล่าวตรงไปตรงมา “ข้าเบิกทางเอง พวกเจ้าสองคนช่วยเป็นกองหนุนให้ข้า”

“นี่…”

เซี่ยงเสี่ยวหยวนกับเยวี่ยตู๋ชิวต่างอึ้งไป

“อย่าลืมสิ ไม่กี่วันก่อนข้าถูกเฒ่าชราระดับบรรพจารย์สามคนล้อมโจมตีก็ยังไม่เป็นไร” หลินสวินพูดพลางเคลื่อนที่ไปยังยอดเขาลูกนั้นก่อน

“ช่างเถอะ ก็ทำตามที่พี่หลินบอกแล้วกัน ถึงตอนนั้นขอเพียงเห็นท่าไม่ดีค่อยใช้ไพ่ตายทันที” นัยน์ตาเซี่ยงเสี่ยวหยวนฉายแววตัดสินใจ

เยวี่ยตู๋ชิวก็พยักหน้าน้อยๆ

ยอดเขามหึมา หมอกสีดำอบอวล แต่ขณะเดียวกันก็มีกลิ่นอายมหามรรคเข้มข้นหาใดเทียบอัดแน่น เหมือนแดนสมบัติมหามรรคที่ถูกไอชั่วร้ายบดบังแห่งหนึ่ง

ยังเห็นโอสถโบราณที่อัศจรรย์หายากหลายต้นหยั่งรากลงในซอกหินบนเทือกเขาเป็นครั้งคราว ดูดกลืนแสงพิสุทธิ์ รัศมีมรรคไหลวน น่าเย้ายวนหาใดเปรียบ

ก่อนหน้านี้เห็นชัดว่าระดับจักรพรรดิพวกนั้นถูกโอสถโบราณพวกนี้ดึงดูด แต่ผลลัพธ์กลับเป็นการล่อวิญญาณร้ายระดับบรรพจารย์ตัวนั้นออกมา

ไม่จำเป็นต้องสงสัย วิญญาณร้ายระดับบรรพจารย์นั่นต้องเป็นราชันของอาณาเขตนี้แน่ ไม่เหมือนวิญญาณร้ายทั่วไป พลังของมันแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง!

เมื่อหลินสวินเข้ามาใกล้

ตูม!

เสียงกัมปนาทราวฟ้าพลิกดินตลบพลันดังขึ้น เงาร่างวิญญาณร้ายสีดำที่สูงหลายร้อยจั้งนั้นปรากฏตัวอีกครั้ง มือถือธงสีเลือดขนาดใหญ่ไว้ผืนหนึ่ง

แต่ตอนนี้เมื่อเห็นหลินสวินที่เข้ามาใกล้ วิญญาณร้ายระดับบรรพจารย์นี้คล้ายอกสั่นขวัญแขวน รู้สึกเหมือนถูกเทพองค์หนึ่งจับจ้อง หนาวสะท้านไปทั้งตัวตั้งแต่หัวจรดเท้า

นี่คือเรื่องที่ไม่เคยมีมาก่อน!

“หยุด!”

วิญญาณร้ายระดับบรรพจารย์นี้เอ่ยปากอย่างพบเห็นได้น้อยครั้งนัก เสียงแหบแห้งเยียบเย็นเหมือนดังมาจากนรก ไอชั่วร้ายรอบตัวมันม้วนซัด อานุภาพชวนประหวั่นอบอวล ปิดฟ้าคลุมตะวัน

โดยเฉพาะธงสีเลือดในมือที่แม้จะขาดวิ่นแต่กลับปลดปล่อยกลิ่นอายราวกับจะทลายฟ้ามลายดิน ในความรางเลือนมีเสียงเหมือนทวนทองม้าเหล็ก เทพมารคำรามดังออกมา

นัยน์ตาดำของหลินสวินลุ่มลึก ริมฝีปากขยับพูดออกมาสองคำเบาๆ “หลีกไป!”

เคร้ง!

เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งปรากฏออกมา ลอยคว้างอยู่เหนือศีรษะหลินสวิน แสงมรรคนับหมื่นแสนไหลวน อาบไล้เงาร่างสูงตระหง่านของเขาไว้ภายใน

วิญญาณร้ายระดับบรรพจารย์เงียบไป ร่างสูงหลายร้อยจั้งมีแสงโลหิตน่ากลัวหลากสายหลั่งชโลม อานุภาพชวนสะพรึงยิ่งกว่าเดิมแล้ว แต่ส่วนลึกในใจมันกลับเต็มไปด้วยความหวาดกลัวอย่างน่าประหลาด

มันจำศีลอยู่ที่นี่มานานปี เคยเจอผู้เข้าร่วมการทดสอบบุกเข้ามานับไม่ถ้วน ทั้งเคยกลืนกินพวกอวดตัวว่าไม่ธรรมดาไปมากมาย

แต่เพิ่งเคยรู้สึกถึงภัยคุกคามร้ายแรงเป็นครั้งแรก!

คนผู้นั้นเหินห้วงอากาศมาแต่ไกล รูปร่างผอมบาง ผมดำสยาย นัยน์ตาล้ำลึก สง่างามราวกับเซียน แต่ในร่างสูงโปร่งนั้นเหมือนแฝงพลังที่หล่อหลอมจักรวาลได้ ทำให้มันหวาดหวั่นขึ้นมาเป็นพักๆ

หลินสวินในตอนนี้ดูเหมือนเงียบสงบ ท่าทางผ่อนคลาย สันโดษปลีกวิเวก แต่กลับสร้างแรงกดดันให้มันอย่างมาก

ผิดปกติเกินไปแล้ว!

ขณะเดียวกันหลินสวินก็สังเกตเห็นความไม่ชอบมาพากลของวิญญาณร้ายระดับบรรพจารย์ตัวนี้ เขาเลิกคิ้วอย่างอดไม่ได้ ส่งสัญญาณบอกเซี่ยงเสี่ยวหยวนกับเยวี่ยตู๋ชิวที่อยู่ข้างกายว่าไม่ต้องลงมือ

จากนั้นเขาจึงเอ่ยว่า “เจ้ากำลังกลัวอะไร”

“เจ้า… มาจากแดนนรกหรือ” วิญญาณร้ายระดับบรรพจารย์นั้นเงียบไปครู่หนึ่งแล้วจึงกล่าว

ประโยคเดียวทำให้นัยน์ตาดำของหลินสวินฉายแววประหลาดวูบหนึ่ง หรือเป็นเพราะพลังมหามรรคนรกที่ตนครอบครอง ทำให้วิญญาณร้ายระดับบรรพจารย์นี้รู้สึกว่าอันตรายโดยสัญชาตญาณ

“ไม่ผิด” หลินสวินพยักหน้า

เซี่ยงเสี่ยวหยวนกับเยวี่ยตู๋ชิวล้วนอึ้งไป จากนั้นก็เข้าใจ เป็นไปได้สูงว่าหลินสวินกำลังหลอกอีกฝ่าย

แต่ใครจะคิดว่าครู่ต่อมาวิญญาณร้ายระดับบรรพจารย์นั่นกลับส่งเสียงคำรามเยียบเย็น “นรกดับสิ้นแล้ว แดนนรกไม่คงอยู่ เจ้ายังคิดจะหลอกข้า ปล่อยเจ้าไว้ไม่ได้!”

ตูม!

มันสะบัดธงสีเลือด พุ่งโจมตีใส่หลินสวิน

พริบตานี้ฟ้าดินราวกับถูกบดบัง แสงโลหิตแดงก่ำชวนประหวั่นปกคลุม สุริยันจันทราดาราปรากฏ ทั้งหมดเหมือนอาบเลือดมา ครอบคลุมไปทางพวกหลินสวิน คล้ายจะม้วนกลืนพวกเขาทั้งหมดเข้าไปในนั้น

ก่อนหน้านี้พวกหลินสวินเคยเห็นอานุภาพนั้นมาก่อน มีหรือจะกล้าประมาท

ก็เห็นหลินสวินกระตุ้นเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งทันที ส่องประกายสว่างไสว ก่อให้เกิดละอองแสงมหามรรคไร้สิ้นสุดพุ่งโฉบออกไป

เขาไม่กล้าประมาท ใช้ความสามารถทั้งหมด ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นวิญญาณร้ายตนหนึ่งที่ทัดเทียมบรรพจารย์จักรพรรดิ น่ากลัวหาใดเปรียบ

ตูม!

เพียงชั่วขณะก็เห็นเตากระบี่ส่องประกาย ธงสีเลือดม้วนกลืนด้วยโทสะ ราวกับโลกสองใบปะทะกัน ชิ้นหนึ่งนองเลือดแดงก่ำ ไอชั่วร้ายโหมกระหน่ำ อีกชิ้นมหามรรคโคจร จักรวาลเคลื่อนคล้อย เกิดลักษณ์ประหลาดน่าเหลือเชื่อมากมาย

ในการต่อสู้ดุเดือดหลินสวินอดไหวหวั่นไม่ได้

อานุภาพของวิญญาณร้ายระดับบรรพจารย์นี้ไม่ได้น่ากลัวธรรมดา แข็งแกร่งกว่าเหวินเทาเลวี่ยถึงสามส่วน โดยเฉพาะธงสีเลือดขาดวิ่นผืนนั้น เห็นชัดว่าเป็นสมบัติน่าเหลือเชื่อชิ้นหนึ่ง เต็มไปด้วยกลิ่นอายอมตะสายแล้วสายเล่า

เซี่ยงเสี่ยวหยวนกับเยวี่ยตู๋ชิวคอยเป็นกองหนุน ไม่ได้ลงมือในทันที

พวกเขากำลังรอโอกาสปลิดชีพ

เมื่อเห็นหลินสวินใช้พลังของตัวเองไปปะทะกับวิญญาณร้ายระดับบรรพจารย์ตนหนึ่งเช่นนี้กับตา ในใจพวกเขาก็สั่นสะท้านไม่หยุดเช่นกัน

เจ้าหมอนี่ร้ายกาจเกินไปแล้วจริงๆ!

ทันใดนั้นหลินสวินส่งเสียงคำรามยาว อานุภาพรอบตัวพลันเปลี่ยนไป

รอบกายเขามีลายมหามรรคนานัปการปรากฏขึ้นโดยพลัน ได้แก่ ‘บันทึกเกิดดับ’ อันเป็นตัวแทนแห่งมรรคคันฉ่องบาป

‘ทะเลทุกข์’ อันเป็นตัวแทนแห่งมรรคจ่อมจมทะเลทุกข์

‘มันดาลา’ อันเป็นตัวแทนแห่งมรรคจรัสเพลิง

‘เขาคุกมืด’ อันเป็นตัวแทนแห่งมรรคกักขัง…

มีลายมหามรรคน่าเหลือเชื่อถึงสิบชนิด ผสานกันเป็นมรรคสิบตำหนักพญายมเคลื่อนคล้อยอยู่รอบตัวหลินสวิน ขับเน้นให้หลินสวินเป็นเหมือนมหาจักรพรรดิที่มาจากแดนนรก สามารถเข่นฆ่าได้ตามใจ พิพากษาระเบียบหกภูมิ

ตูม!

ภาพน่าเหลือเชื่อปรากฏในพริบตา ไอชั่วร้ายนองเลือดทั่วฟ้านั้นเหมือนเจอดาวข่มตามธรรมชาติ ถูกบดขยี้และแผดเผาอย่างง่ายดาย

เมื่อพลังของมรรคสิบตำหนักพญายมปะทะธงสีเลือดนั้น ฝ่ายหลังส่งเสียงครวญรุนแรง เหมือนถูกพลังที่มองไม่เห็นกำราบ ต้องการกักขังมันไว้

เวลานี้วิญญาณร้ายระดับบรรพจารย์นั่นแผดเสียงคำรามด้วยความขุ่นเคืองแล้ว “พญายมสิบตำหนัก! เป็นไปได้อย่างไร!? ยุคสมัยดับสิ้น แดนนรกไม่คงอยู่ ระเบียบวัฏจักรดับสลายไปนานแล้ว ทำไม… ทำไมพลังในแดนนรกนี่ถึงปรากฏอีกครั้ง”

เสียงคำรามนั้นสะท้านฟ้าสะเทือนดิน เต็มไปด้วยความขุ่นเคืองและหวาดกลัว

ในที่สุดหลินสวินก็ระบุได้ พลังมหามรรคนรกที่ตนครอบครอง คือพลังสยบวิญญาณร้ายพวกนี้ตามธรรมชาติ!

นัยน์ตาดำของเขาส่องประกาย พุ่งทะยานไปข้างหน้า ใช้มรรคนรกควบคุมเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง

ตูม!

หลินสวินในตอนนี้เหมือนเผยอานุภาพทำลายล้าง บดขยี้การโจมตีทั้งหมดของวิญญาณร้ายระดับบรรพจารย์นั่นจนแตกระเบิดทุกกระเบียด

เซี่ยงเสี่ยวหยวนกับเยวี่ยตู๋ชิวเห็นแล้วอดตะลึงตาค้างไม่ได้ นี่จะพลิกผันเกินไปแล้ว ทำให้พวกเขารู้สึกว่ายากจะเชื่อ

นี่ยังเป็นวิญญาณร้ายระดับบรรพจารย์อยู่อีกหรือ

เหตุใดกลับถูกหลินสวินกำราบจนไม่อาจเงยหน้าขึ้น

ในการต่อสู้ หลินสวินสำแดงมรรคนรกที่ครอบครองตามสะดวก

มรรคกักวิญญาณ มรรคขุมนรก มรรคสิบตำหนักพญายม มรรคพิพากษา มรรคกักทุกข์ มรรคผลาญมาร…

มหามรรคนรกหกชนิดล้วนมีอานุภาพและความอัศจรรย์ที่ต่างกัน ในอดีตมีโอกาสใช้น้อยนัก

แต่ตอนนี้ยามจัดการวิญญาณร้ายระดับบรรพจารย์นั่น กลับระเบิดอานุภาพไร้ใดเปรียบออกมา

“พิพากษา!”

ทันใดนั้นกระบี่มรรคไร้ก้นบึ้งโฉบพุ่งออกไป เต็มไปด้วยกลิ่นอายพิพากษาดุดันที่ลึกลับยากหยั่งถึง ฟาดฟันกลางอากาศราวกับทัณฑ์สวรรค์มาเยือน

ฉัวะ!

ร่างหลายร้อยจั้งของวิญญาณร้ายระดับบรรพจารย์นั้นถูกผ่าแหวกโดยตรง ปลดปล่อยหมอกควันโหมกระหน่ำออกมา

“ไม่…” มันแผดเสียงคำรามโหยหวนและตื่นตระหนก ขว้างธงศึกสีเลือดในมือใส่หลินสวินเต็มแรง

นี่ก็เหมือนการโจมตีที่เอาชีวิตเข้าแลก น่าหวาดกลัวยิ่งยวด

“ขุมนรก!”

หลินสวินชูมือขึ้น กฎเกณฑ์มหามรรคควบรวมเป็นทิวทัศน์ขุมนรกสิบแปดขุม ขุมนรกแต่ละขุมล้วนมีกลิ่นอายหล่อหลอมที่แตกต่างกันอบอวล ปรากฏกลางอากาศก็เหมือนนรกสิบแปดขุมในตำนานสะท้อนบนโลก สั่นสะเทือนใจคน

ปึง!

ธงศึกสีเลือดนั้นเพิ่งพุ่งออกมาก็ถูกกำราบอยู่ในขุมนรก ถูกเพลิงแห่งขุมนรกที่ชวนประหวั่นห่อหุ้ม ส่งเสียงครวญอย่างรุนแรง

แม้ว่าร่างกายของวิญญาณร้ายระดับบรรพจารย์จะถูกผ่าแหวก แต่ยังไม่ตายไป ควบรวมขึ้นมาใหม่อีกครั้ง

แต่ตอนนี้มันเหมือนรู้สึกสิ้นหวังอย่างสมบูรณ์ หันหลังเตรียมจะหนี

เวลานี้เองหลินสวินสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง

“ผลาญมาร!”

ตูม!

แสงมหามรรคไร้สิ้นสุดกลายเป็นเปลวเพลิงสีดำร้ายกาจแผ่คลุมออกไปราวกับจะปกคลุมฟ้าดิน เพียงพริบตาก็ฝังกลบวิญญาณร้ายระดับจักรพรรดินั้นไว้ภายใน

มรรคผลาญมารนี้ลึกลับเป็นอย่างยิ่ง ยามควบรวมถึงขีดสุด เพลิงผลาญที่ควบรวมออกมาจะกำจัดสิ่งชั่วร้ายและบาปเคราะห์ทั้งปวงได้โดยเฉพาะ

ภายใต้สายตาตกตะลึงของเซี่ยงเสี่ยวหยวนกับเยวี่ยตู๋ชิว เห็นเพียงร่างของวิญญาณร้ายระดับบรรพจารย์นั้นถูกแผดเผาอย่างต่อเนื่อง เปลี่ยนเป็นเลือนรางและเหมือนภาพมายาขึ้นเรื่อยๆ

เพียงชั่วขณะก็ถูกเผาจนราบคาบ สลายกลายเป็นธุลี

นั่นเป็นถึงวิญญาณร้ายระดับบรรพจารย์ตนหนึ่ง!

แต่กลับไม่มีแรงดิ้นรนแม้แต่น้อย ถูกหลินสวินใช้ท่าทางอันเด็ดขาดสังหาร!

เซี่ยงเสี่ยวหยวนกับเยวี่ยตู๋ชิวต่างสูดหายใจเย็นเยียบอย่างอดไม่ได้ ถูกเหตุการณ์นี้ทำให้ตกใจ

…………………

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท