Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2507 ไพ่ตาย

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2507 ไพ่ตาย

“หลินสวิน เจ้าจะผยองเกินไปแล้ว หากยอมฟังคำผู้อาวุโสลั่วเสินถูบ้างมีหรือจะเป็นเช่นนี้”

ลั่วหลิงถอยออกไปอยู่ไกลๆ มองดูหลินสวินที่ถูกพลังนับไม่ถ้วนกลบมิด ในใจอดทอดถอนใจเบาๆ ไม่ได้

บรรพจารย์มรรคสามคนจากน่านฟ้าที่หกลงมือ มีหรือที่บรรพจารย์จักรพรรดิทั่วไปในโลกพันจักรวาลจะเทียบชั้นได้

ทั้งยังมีแต่ผู้แข็งแกร่งปลายยอดในระดับบรรพจารย์จักรพรรดิ กอปรกับครอบครองวิชาลับร้ายกาจมากมาย มีศาสตราจักรพรรดิแห่งยุคติดตัว ทอดสายตามองไปทั่วหล้าใครจะอยากเป็นศัตรูด้วย

เวลานี้ผู้แข็งแกร่งเผ่าจักรพรรดิอมตะสามตระกูลที่ถอยออกไปอยู่ไกลๆ เหมือนลั่วหลิงล้วนไม่ได้อยู่เฉย เรียกจานกระบวนสารพัดแบบออกมา เริ่มวางกระบวน

ที่ทำเช่นนี้เพราะกังวลว่าหลินสวินจะใช้วิชาลับพิเศษในการหลบหนี

“พี่หลิน!”

เยวี่ยตู๋ชิวดวงตาแทบถลน

เขาตั้งท่าจะพุ่งเข้าไป กลับถูกเซี่ยงเสี่ยวหยวนขวางไว้ทันที ตวาดว่า “หากเจ้าเข้าไปคงถูกฆ่าในพริบตา จะไม่เท่ากับไปตายเปล่าหรือ”

เยวี่ยตู๋ชิวสีหน้าอึมครึม “แต่พี่หลินกำลังลำบาก จะกอดอกยืนดูอยู่เฉยๆ ได้อย่างไร” แววตาเยวี่ยตู๋ชิวเปลี่ยนเป็นน่ากลัว “ในมือข้ามีไพ่ตายอยู่จำนวนหนึ่ง พอจะสู้ได้!”

เซี่ยงเสี่ยวหยวนกล่าว “รอก่อน พวกเราใช้ไพ่ตายออกมาพร้อมกันยังจะพอเปิดทางรอดสายหนึ่งได้ หากเจ้าลงมือตอนนี้มีแต่จะทำให้อีกฝ่ายระวังและเตรียมป้องกัน ทั้งยังอาจเรียกภัยมาฆ่าตัวเองได้”

นางนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนที่ดวงตางดงามจะผุดประกายแน่วแน่ “ถึงตอนนั้นให้ข้ารั้งท้าย ด้วยฐานะของข้า พวกเขาไม่กล้าสังหารข้าโดยเด็ดขาด และสิ่งที่เจ้าต้องทำก็คือหนีไปพร้อมกับพี่หลิน ยิ่งหนีไปไกลเท่าไหร่ยิ่งดี”

ในใจเยวี่ยตู๋ชิวสั่นสะเทือน มีหรือจะไม่เข้าใจ นี่เห็นชัดว่าเซี่ยงเสี่ยวหยวนตั้งใจจะเอาชีวิตไปเสี่ยงอันตรายเพื่อช่วยหลินสวิน

“ถึงจะมีพรสวรรค์ แต่กลับไม่รู้ดีชั่ว ก็ต้องประสบเคราะห์ตายในที่สุด”

เหวินเทาเลวี่ยสีหน้าเรียบเฉย ทวนศึกสำริดในมือกวาดขวาง ควบรวมเป็นประกายคมหมื่นจั้ง พุ่งสังหารทั่วพื้นที่

การโจมตีนี้เสมือนจะตัดแยกฟ้าดิน!

ส่วนลั่วเสินถูยิ่งไม่เอ่ยพูดสักคำ ไม้เท้าต้อนดาราในมือเคาะออกไปกว่าร้อยครั้งในชั่วอึดใจ ทันใดนั้นดวงดาวไร้สิ้นสุดพลันทะยานเข้ามา รายล้อมด้วยแสงอสนีม่วงอันน่าสะพรึง แผ่ครอบฟ้าดิน พุ่งโจมตีเข้าใส่หลินสวิน

ตูม ครืน!

ราวกับทัณฑ์สวรรค์ฟาดลงมา ราวกับเทพอสนีโบราณตวัดแส้ในมือ ทั้งห้วงอากาศเหลือเพียงสายฟ้าสีม่วงที่เจือพลังโทษทัณฑ์ไร้ขอบเขตกรีดสะบัดร่ายรำนับพันหมื่น

กลองหนังสัตว์ของเหิงสิงโจวก้องกังวานต่อเนื่อง แน่นขนัดดุจสายฝน กึกก้องสนั่นหวั่นไหว แปลงเป็นคลื่นเสียงสีทองพร่างฟ้า ควบคุมจิตวิญญาณ สะเทือนสภาวะจิต น่าสะพรึงแปลกประหลาด

บรรพจารย์จักรพรรดิสามคนล้วนโจมตีเต็มกำลัง!

ชั่วอึดใจเดียวหลินสวินตกสู่สภาพไร้ทางหนีอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน พลังน่าประหวั่นเช่นนี้เกือบจะทำให้คนสิ้นหวัง!

ฝ่ามือเซี่ยงเสี่ยวหยวนและเยวี่ยตู๋ชิวล้วนบีบแน่น ร่างกายรัดเกร็ง

ตูมๆๆ!

การโจมตีนับครั้งไม่ถ้วนตกใส่รอบตัวหลินสวินโดยตรง เพียงชั่วอึดใจฟ้าดินแถบนั้นล้วนถูกอานุภาพน่าสะพรึงเบียดแทรก

พลังที่พวยพุ่งถึงขั้นเจาะทะลวงลงมา โจมตีเข้าใส่ผืนปฐพี

แผ่นดินถูกฟาดแตกทันที เกิดเป็นหลุมบ่อมหึมากินพื้นที่หมื่นจั้งเต็ม ลึกจนไม่เห็นก้น บันไดหินเก้าสิบเก้าขั้น รวมถึงตำหนักยอดยุทธ์บนนั้นล้วนได้รับแรงโจมตีด้วยเช่นกัน สั่นโคลงรุนแรง

“ตายแล้วหรือ”

มีคนร้องขึ้นมาอย่างยินดี

ภายใต้การเข่นฆ่าน่าพรั่นพรึงเช่นนี้ ต่อให้เป็นบรรพจารย์จักรพรรดิยังต้องร่วงหล่น นับประสาอะไรกับหลินสวิน ทุกคนมองดูอย่างตั้งตาคอย แต่กลับเห็นภาพน่าเหลือเชื่อภาพหนึ่ง

ละอองแสงพุ่งสาด ไหลหลั่งปั่นป่วนอยู่กลางวังวน

เงาร่างหลินสวินเดี๋ยวเลือนเดี๋ยวชัด เพลิงเทพสีดำสนิทดุจน้ำหมึกสายหนึ่งในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งที่ลอยเหนือศีรษะของเขาดุจดั่งสัตว์ร้ายบรรพกาลที่ถูกกำราบมาช้านาน พุ่งโฉบออกมาในทันที เพียงแค่กลิ่นอายชวนขนลุกที่ปลดปล่อยออกมา ก็กวาดล้างอานุภาพการโจมตีของบรรพจารย์จักรพรรดิสามคนจนหมดสิ้น

เพลิงระเบียบดับสูญ!

ปรากฏบนโลกในที่สุด!

นี่เป็นเพลิงเทพที่แปลงมาจากพลังระเบียบที่พังทลายในช่วงยุคก่อนดับสลาย แปรสภาพมาจากเศษเสี้ยวระเบียบนับไม่ถ้วน

ตอนแรกก็เพราะอาศัยเพลิงนี้ บรรพจารย์จักรพรรดิอย่างเหิงเทียนซั่วยังถูกเผาวอดในพริบตา เผาจนจิตกายดับสิ้น วิญญาณแตกซ่าน!

แม้ว่าสิ่งที่ปลดปล่อยออกมาในตอนนี้จะเป็นเพียงเสี้ยวเดียวเท่านั้น ดูเหมือนเล็กจ้อยไร้ใดเปรียบ แต่ก็น่าสะพรึงถึงขีดสุด เหนือกว่าจินตนาการของผู้คนไปไกลโข

พร้อมๆ กับการปรากฏของเพลิงระเบียบดับสูญเสี้ยวนั้น ฟ้าดินราวกับกลายเป็นเตาเพลิงใบใหญ่ กระแสร้อนระอุเดือดคลั่งไร้สิ้นสุดพุ่งทะยานฉับพลัน ห้วงอากาศล้วนถูกเผาไหม้กลายเป็นหลุมดำ เส้นแสงบิดเบี้ยวขาดสะบั้น ละอองแสงมหามรรคล้วนถูกหลอมระเหยสิ้นในพริบตา

เหวินเทาเลวี่ย เหิงสิงโจว ลั่วเสินถูล้วนหน้าเปลี่ยนสีตามๆ กัน ตระหนักถึงอันตรายยิ่งยวด ใช้ไพ่ตายออกมาทันใด

“โอม!”

“ทะยาน!”

“สยบ!”

ก็เห็นภาพภูผาธาราสีเขียวภาพหนึ่ง ลัญจกรหยกหลากสีสันชิ้นหนึ่ง ร่มสำริดที่อสนีรัดพันคันหนึ่ง ถูกพวกเหวินเทาเลวี่ยเรียกออกมาในทันใด

สมบัติเหล่านี้ล้วนล้ำค่าหายากสุดจะเปรียบ เป็นไพ่ตายอย่างแท้จริง หากไม่อยู่ในช่วงชี้เป็นชี้ตาย พวกเขาไม่มีทางเรียกใช้เด็ดขาด

ตูม!

ก็เห็นฟ้าดินแถบนั้นถูกแสงสมบัติน่าสะพรึงกลบมิดโดยสมบูรณ์ เจิดจ้าบาดตา สว่างไสวสุดขีด พลังพลุ่งพล่านรวมตัวกันเป็นทะเลคลั่ง โหมกระหน่ำดุเดือด

อานุภาพระดับนั้นค่อยๆ แผ่ขยายออกมา ล้วนสามารถบดขยี้สุริยันจันทรา เจาะทะลวงเวิ้งฟ้า!

เพียงแค่มองจากไกลๆ ก็ทำให้ผู้คนหนังหัวชาหนึบ สั่นเทิ้มไปทั่วร่างแล้ว น่ากลัวเกินไปแล้ว ไม่อาจเข้าใกล้ได้สักนิด หาไม่ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย

แต่เพียงพริบตา…

แสงสมบัติเจดจ้าสว่างโรจน์และกระแสงพลังโหมคลั่งเหล่านี้ราวกับถูกเผาไหม้และระเหยไป ร่วงโรยลงเป็นชิ้นๆ ลอยกระจายกลายเป็นเถ้าธุลี

สามารถมองเห็นได้รางๆ ว่าหลินสวินที่อยู่กลางอานุภาพเดือดคลั่งนั่นถึงกับยังรอดชีวิตอยู่!

“เป็นไปได้อย่างไร!?”

พวกลั่วหลิงล้วนเบิกตากว้างอย่างไม่กล้าเชื่อ

การโจมตีของผู้แข็งแกร่งมากมายขนาดนี้ หลินสวินถึงกับรอดมาได้ นี่อยู่เหนือความคาดหมายของพวกเขาโดยสิ้นเชิง

หรือเป็นเพราะเปลวเพลิงสีดำนั่น

คนมากมายใจสั่นสะท้าน

และสิ่งที่ทำให้พวกเขาหวาดหวั่นยิ่งกว่าคือ เวลานี้บรรพจารย์จักรพรรดิทั้งสามอย่างเหวินเทาเลวี่ย เหิงสิงโจว ลั่วเสินถูถึงกับร้องโหยหวนไม่หยุด อาการเหมือนปวดแสบปวดร้อนสุดขีด สีหน้าดูไม่ได้เป็นที่สุด

ก็เห็นสมบัติก้นกรุที่พวกเขาแต่ละคนเรียกออกมาล้วนได้รับความเสียหาย ภาพภูผาธาราสีเขียวเกิดรูโบ๋ไหม้เกรียม ลัญจกรหยกหลากสีอับแสง ปรากฏรอยไหม้

ร่มสำริดล้อมอสนีถึงกับเหลือเพียงคันร่ม…

เซี่ยงเสี่ยวหยวนและเยวี่ยตู๋ชิวที่อยู่ไกลๆ ยังอดอึ้งงันอยู่ตรงนั้นไม่ได้ เพลิงเทพสีดำสายนั้นน่าสะพรึงถึงเพียงนี้เชียวหรือ!?

“เพลิงระเบียบ!”

เหวินเทาเลวี่ยเอ่ยเสียงต่ำ สีหน้าไม่น่าดูยิ่ง เขียวคล้ำสุดจะเปรียบ

“ฆ่า! ข้าจะฆ่าเขานี้!” เหิงสิงโจวคำรามเดือด สมบัติก้นกรุได้รับความเสียหาย ทำให้หัวใจเขาล้วนหลั่งเลือด

“ช่างทำให้คนอยากฉีกเลือดกินเนื้อทั้งเป็นจริงๆ…”

นัยน์ตาลั่วเสินถูก็เผยแววแค้นและเดือดดาลประหนึ่งเพลิงโหมเช่นกัน

ตูม!

พวกเขาร่วมมือกันโจมตีเข้าไปอีกครั้ง แต่ละคนประหนึ่งเสียสติ เห็นชัดว่าถูกการโจมตีเมื่อครู่ปลุกเร้าแล้ว

“พวกเจ้าคิดจริงๆ หรือว่าข้ามีแค่เพลิงระเบียบเสี้ยวเดียวนี้”

เวลานี้ ในที่สุดหลินสวินที่อยู่ใจกลางก็เงยหน้าขึ้นมอง

ดวงตาของเขาดุจดั่งเหวลึกไร้ก้นบึ้ง ราวกับสามารถกลืนกินสรรพสิ่ง ตัดเฉือนได้ทุกอย่าง เคลือบแฝงแววเยาะหยัน

ตูม!

เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งเอียงตัว เพลิงระเบียบดับสูญสายหนึ่งพุ่งออกไปอีกครั้ง ราวกับสายฟ้าเล็กเรียวสีดำสนิท ดูไม่สะดุดตาสักนิด

แต่เมื่อปรากฏตัวกลับเหมือนเทพเพลิงมาเยือน เคลื่อนขวางโจมตีสามพันโลก เจือพลังแผดเผาน่าพรั่นพรึงอันน่าเหลือเชื่อ เรียกคลื่นกระหน่ำทั่วฟ้าขึ้นในห้วงอากาศ!

เมื่ออยู่ต่อหน้าพลังสายนี้ อภินิหารเคล็ดวิชาใดๆ ล้วนเสมือนเปราะบาง ไม่อาจทนรับการโจมตีเดียวได้

“ยังมีอีกหรือ”

“สมควรตาย!”

“ถอยไป!”

ในเสียงคำรามเดือดดาล บรรพจารย์จักรพรรดิสามคนล้วนแล้วแต่ระงับความหวาดกลัวในใจ เร่งกระตุ้นพลังและมรรควิถีในตัวจนถึงขีดสุด

เห็นเพียงกระแสคลั่งตัดผ่านห้วงอากาศ สายฟ้าดุจหยาดฝน แสงสมบัติหลั่งริน แม้แต่ห้วงอากาศก็ยังเหมือนถูกฟาดแตก ทั่วฟ้าดินประหนึ่งกลายเป็นแดนแรกกำเนิด

กระนั้นยามอยู่ต่อหน้าเพลิงระเบียบดับสูญล้วนเหมือนกระดาษเปื่อย!

ตูม!

ไม้เท้าต้อนดาราที่อยู่ในมือลั่วเสินถูถูกเผาตรงๆ กลายเป็นเถ้าธุลีในพริบตา นางกรีดร้องออกมา เพราะเสื้อผ้าก็ถูกไฟไหม้จนเผาผิวหนังของนางด้วยเช่นกัน

และในช่วงเวลาอันตรายหาใดเปรียบเช่นนี้ จิตดั้งเดิมของนางรีบเผ่นหนีออกมาทันใด หมายจะหนีไป

แต่ก็เป็นตอนนี้ที่หลินสวินพุ่งเข้ามา

ชิ้ง!

กระบี่มรรคไร้ก้นบึ้งที่คมกริบประดุจตีขึ้นจากทองเทพอมตะกรีดแหวงห้วงอากาศ

ฟุ่บ!

จิตดั้งเดิมของลั่วเสินถูถูกแบ่งเป็นสองส่วนจากตรงกลาง จากนั้นพลันจมอยู่ในกระแสปราณกระบี่อันน่าสะพรึง

คนระดับบรรพจารย์ที่อีกนิดเดียวก็เอื้อมถึงมรรคาอมตะ กลับถูกเพลิงระเบียบดับสูญสายหนึ่งเผาจนร่างไหม้ จิตดั้งเดิมถูกกำจัดตรงๆ!

เสียงร้องตกใจแกมเดือดดาลระลอกหนึ่งดังขึ้นในที่นั้น ทุกคนล้วนรู้สึกเหมือนจะเสียสติ

แต่ในเวลานี้เหวินเทาเลวี่ยและเหิงสิงโจวล้วนเอาตัวไม่รอด เพลิงระเบียบดับสูญสายนั้นแผ่กว้าง ดุจดั่งหนอนไชกระดูก ขณะที่ลั่วเสินถูถูกฆ่า ก็ทำให้พวกเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสด้วยเช่นกัน

“แค่เพลิงระเบียบเท่านั้น เหตุใดถึงแข็งแกร่งเช่นนี้”

เหวินเทาเลวี่ยตะโกนลั่น ตระหนกลนลานโดยสมบูรณ์

ใช่ว่าเขาไม่เคยพบเจอเพลิงระเบียบมาก่อน แต่กลับไม่เคยเห็นเพลิงระเบียบที่อหังการยิ่งยวดเช่นนี้ อยู่เหนือจินตนาการและความรู้ความเข้าใจของพวกเขาโดยสิ้นเชิง

ยามนี้เขาเร่งเร้ามรรควิถีทั้งหมด สกัดพลังเผาผลาญนั่นเอาไว้ไม่หยุด คิ้วตาและผมเผ้าล้วนถูกเผา ผิวหนังแตกแห้ง แม้แต่ทวนใหญ่สำริดในมือยังหลอมละลายกลายเป็นของเหลว เห็นได้ชัดว่าสะบักสะบอมสุดจะเปรียบ

สวบ!

กลับเห็นเพียงเงาร่างหลินสวินไหวขยับ พริบตาเดียวก็มาถึงข้างหลังเหวินเทาเลวี่ย

“โอม!”

เหวินเทาเลวี่ยสมกับเป็นบรรพจารย์มรรคที่มีประสบกรณ์โชกโชน แม้ตัวจะตกอยู่ในอันตราย แต่ในชั่วอัดใจนั้นถึงกับตอบสนองได้ทัน เรียกโล่สำริดสิบสองชิ้นออกมา ในโล่สำริดแต่ละชิ้นล้วนประทับพลังผนึกโลกอาคม สามารถสกัดพลังโจมตีสุดแรงของบรรพจารย์จักรพรรดิได้ตรงๆ

แต่พลังของหลินสวินในตอนนี้น่ากลัวถึงระดับใด

เมื่อเขาโคจรพลังของ ‘ขวดไร้ขอบเขต’ ที่อยู่ในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง พลังโจมตีพลันพุ่งทะยานขึ้นหลายเท่า!

เปรี๊ยะ!

เห็นเพียงโล่สำริดที่ประทับพลังผนึกโลกอาคมสิบสองชิ้นนั้นแตกออกเป็นชิ้นๆ นับไม่ถ้วนจากตรงกลาง เสมือนเศษผ้าที่ถูกกรรไกรแหวกผ่าน กรีดแยกออกกลางอากาศ

และบนใบหน้าเหวินเทาเลวี่ยก็เผยความอับแสง

จากนั้นตรงบริเวณหัวคิ้วก็ปรากฏรอยเลือดขึ้นสายหนึ่ง

รอยเลือดนี้ เริ่มแรกมีเพียงตรงหัวคิ้ว ก่อนลุกลามมายังจมูก คาง และหน้าอก จากนั้นพลันแยกเป็นสองท่อนกลางอากาศ!

บรรพจารย์จักรพรรดิผู้สูงส่งคนหนึ่ง ถึงกับถูกหลินสวินฟันสังหารเป็นสองท่อนในกระบี่เดียว!

ตูม!

พร้อมๆ กับการโจมตีของเพลิงระเบียบ ร่างกายที่แยกออกของเหวินเทาเลวี่ยล้วนถูกเผาไหม้ แม้แต่เศษซากยังไม่มีเหลือ

“นี่เป็นไปได้อย่างไร…”

“ไม่! นี่ไม่ใช่เรื่องจริง!”

ไกลออกไปผู้ฝึกปราณจากเผ่าจักรพรรดิอมตะสามตระกูลล้วนรู้สึกราวกับคลุ้มคลั่ง แต่ละคนว้าวุ่นยิ่ง สีหน้าแตกตื่น ไม่อาจยอมรับเรื่องทั้งหมดนี้ได้

ภาพนี้สยดสยองและนองเลือดเกินไป

ลั่วเสินถูเพิ่งร่วงหล่น เหวินเทาเลวี่ยก็ถูกสังหารตามไปติดๆ เพียงไม่กี่พริบตาเท่านั้น ทำให้คนถึงขั้นเกือบตอบสนองไม่ทัน

ส่วนเซี่ยงเสี่ยวหยวนและเยวี่ยตู๋ชิวที่แต่เดิมตั้งใจจะเข้าช่วยเหลือหลินสวินในช่วงวิกฤตจวนตัว ล้วนพากันอึ้งไป จิตใจเหม่อลอย

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท