“ในที่สุดก็ออกมาเสียที… ข้ารอพวกเจ้ามานานแล้ว!”
เพียงแต่ไม่ทันรอให้พวกหลินสวินเริ่มเคลื่อนไหว ก็มีเสียงตะโกนลั่นเย็นชาสายหนึ่งดังลอยมาจากหมอกชั่วร้ายเข้มข้นไกลๆ
เสียงราวสายฟ้าฟาด กึกก้องฟ้าดิน
ทันใดนั้นวิญญาณร้ายแข็งแกร่งกลุ่มหนึ่งก็พุ่งออกมาจากที่ไกลโพ้น กลิ่นอายสะท้านยุค ประหนึ่งกระแสน้ำเชี่ยวกรากหอบม้วนผ่านห้วงอากาศ
ผู้นำถึงกับเป็นวิญญาณร้ายระดับบรรพจารย์สิบกว่าตน!
และด้านหลังก็คือกองทัพใหญ่วิญญาณร้ายระดับจักรพรรดินับร้อยพัน เพิ่งปรากฏตัวก็สำแดงอานุภาพปิดครอบฟ้าดิน ล้อมเทือกเขามหึมาลูกนั้นที่พวกหลินสวินอยู่
“พวกผีร้ายนี่หมายหัวข้าไว้แล้ว…” หลินสวินขมวดคิ้ว มีหรือจะไม่เข้าใจ เห็นชัดว่ากองทัพใหญ่วิญญาณร้ายที่กำลังพลแข็งแกร่งทัพนี้ซุ่มโจมตีอยู่บริเวณนี้นานแล้ว
เพียงแต่จำนวนเช่นนั้นทำให้เขาหวั่นหวาดเช่นกัน ใครจะกล้าเชื่อว่าจำนวนวิญญาณร้ายในโบราณสถานมหามรรคแห่งนี้จะมากมายขนาดนี้
ตามข้อมูลที่เขาเข้าใจก่อนหน้านี้ แม้วิญญาณร้ายระดับจักรพรรดิจะพบได้บ่อยในโบราณสถานมหามรรค แต่ไม่ได้มีจำนวนมากมายอย่างแน่นอน
ในระหว่างการทดสอบที่ผ่านมาในอดีต เพื่อจะแย่งกันล่าวิญญาณร้ายจักรพรรรดิ ผู้ฝึกปราณมากมายถึงขั้นลงมือกันครั้งใหญ่
สาเหตุเป็นเพราะวิญญาณร้ายระดับจักรพรรดิมีไม่พอแบ่งกัน
แต่ตอนนี้ไม่เพียงมีกองทัพวิญญาณร้ายนับไม่ถ้วน ปรากฏตัวขวางทางผู้ฝึกปราณที่พยายามหนีออกจากโบราณสถานมหามรรคใต้เวิ้งฟ้าไกลๆ เท่านั้น
ถึงขั้นยังมีกองทัพใหญ่ที่ขนาดและจำนวนเรียกได้ว่าน่าตกใจอีกทัพกรูกันเข้ามาเพียงเพราะตน!
‘ในโบราณสถานมหามรรคแห่งนี้มีวิญญาณร้ายมากเท่าไหร่กันแน่’
ข้อกังขาหนึ่งผุดขึ้นในใจหลินสวิน
เซี่ยงเสี่ยวหยวนและเยวี่ยตู๋ชิวก็หน้าเปลี่ยนสีเช่นกัน สัมผัสได้ถึงความผิดปกติของสถานการณ์ จำนวนทัพใหญ่วิญญาณร้ายนั่นทำให้พวกเขาหนังศีรษะชาหนึบ
เพียงแค่วิญญาณร้ายระดับบรรพจารย์ก็มีสิบกว่าตนแล้ว จะให้สู้อย่างไรไหว
“พวกเจ้าสองคนตามหลังข้ามาก็พอ” หลินสวินตัดสินใจในทันที ตั้งใจแน่วแน่ว่าจะแหวกวงล้อมแน่นหนาออกไป ไม่อาจโอ้เอ้ได้อีก
“หลินสวิน ขอเพียงเจ้ามอบประทับแห่งยุคสมัยออกมา ฝ่าบาทรับปากว่าจะเหลือทางรอดแก่เจ้า!”
ในเสียงคำรามดังสนั่น วิญญาณร้ายระดับบรรพจารย์ราวยักษ์ใหญ่พันจั้งตนหนึ่งปรากฏตัว เส้นเอ็นราวงูมังกรพันรอบตัว เรือนกายสูงใหญ่ แข็งแกร่งทรงพลัง เส้นผมรุงรังราววัชพืช นัยน์ตาดุจระฆังทองแดง สาดประกายเย็นเยียบอำมหิต
เขาอ้าปากคำรามคราหนึ่ง ห้วงอากาศถูกเสียงคำรามทุบแหลกโดยตรง ไอชั่วร้ายทั่วร่างพุ่งทะยานเสียดฟ้าประหนึ่งรุ้งยาว!
นี่คือวิญญาณร้ายที่น่ากลัวยิ่งตนหนึ่ง เป็นพวกเฉิดฉายในระดับบรรพจารย์!
เวลานี้เขานำทัพใหญ่วิญญาณร้ายมาเยือน อานุภาพเปี่ยมล้น ดวงตาทั้งคู่กวาดมอง ประดุจดาบคมสองเล่มกรีดห้วงนภา
ประทับแห่งยุคสมัย?
เซี่ยงเสี่ยวหยวนและเยวี่ยตู๋ชิวอึ้งไป
“ความเป็นตายของข้า มีหรือที่ตี้สือขี้หมาอะไรนั่นจะมาตัดสินได้ ไป!”
หลินสวินยิ้มเย็น เหินขึ้นห้วงอากาศพลางเรียกเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งออกมา แสงมรรคมหาศาลไหลหลั่ง ตำราหยกศุภโชคที่ขาวดุจหิมะปรากฏขึ้นในฝ่ามือขวาของเขา
ตูม!
เขาไม่ได้พุ่งปะทะ แต่ทะยานขึ้นไปบนเวิ้งฟ้าตรงๆ
เซี่ยงเสี่ยวหยวนและเยวี่ยตู๋ชิวไม่กล้าชักช้า เรียกสมบัติออกมาแล้วตามหลังไปติดๆ
“ฆ่าพวกเขาซะ!”
ยักษ์พันจั้งพุ่งออกมา ถือขวานยักษ์ด้ามหนึ่งฟันฉับลงมาราวธารดารา แสงเลือดตรงคมขวานแสบตา เวิ้งว้างไปทั้งแถบ
ที่ตามมาติดๆ คือวิญญาณร้ายระดับบรรพจารย์สิบกว่าตนในบริเวณนี้ก็ออกโจมตีเช่นกัน ทวนเทพมหึมา ดาบยาวเจิดจรัส ค้อนเทพสายฟ้าม่วงรายล้อม… อานุภาพและศาสตราวุธน่าพรั่นพรึงมากมายปรากฏออกมา และโจมตีเข้าไปอย่างรุนแรง หมายปลิดชีพหลินสวินตรงๆ
“ทลาย!”
หลินสวินเอ่ยเบาๆ คราหนึ่ง ไม่หลบไม่หลีก กระชับตำราหยกศุภโชคกลางฝ่ามือแล้วโจมตีไปเบื้องหน้า
เปรี๊ยะ!
ขวานยักษ์ที่ส่องประกายเย็นเยียบปรากฏรอยแตก จากนั้นพลันแตกระเบิด แหลกสลายไปกลางห้วงฟ้า อีกทั้งการเคลื่อนไหวของยักษ์พันจั้งก็ชะงักค้างเช่นกัน เพราะได้รับแรงโจมตีแข็งกร้าว
ตูม!
หลินสวินลงมืออย่างกร้าแกร่ง เวลานี้พุ่งสังหารไปเบื้องหน้าโดยไม่มีออมมือใดๆ ภัยพิบัติสะท้านยุคอาจใกล้มาเยือนแล้ว เขาไม่อยากถูกขังอยู่ในโบราณสถานมหามรรคแห่งนี้
เวลานี้เขาโคจรมรรคนรก ยังคงทำลายได้ทุกสิ่ง อีกทั้งมีเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งกำบังภัย เขาไม่หวั่นเกรงการโจมตีใดๆ สักนิด
และภายใต้การทุบสังหารของตำราหยกศุภโชค ทวนศึกคมกริบยาวสิบกว่าจั้ง ดาบยาวเจิดจ้า รวมถึงค้อนอสนีม่วงล้วนถูกซัดแหลกสิ้นซาก
กร้าวแกร่งอหังการ ยังคงอานุภาพดุจมิอาจต้าน!
นี่ต่างจากการสังหารพวกเหวินเทาเลวี่ย เหิงสิงโจว ลั่วเสินถู มรรคแดนนรกที่หลินสวินครอบครอง เป็นพลังข่มวิญญาณร้ายเหล่านี้ตามธรรมชาติ
และตำราหยกศุภโชคยิ่งเป็นอาวุธสังหารชั้นยอด สามารถหลอมและกลืนกินพลังของวิญญาณร้ายได้ สองสิ่งนี้จับคู่กัน พลังที่ปะทุออกมาทำให้หลินสวินได้เปรียบในการต่อสู้
ตูม!
หลินสวินปล่อยหมัดหนึ่งออกไป พลังหมัดพลุ่งพล่านไร้ทัดเทียม แฝงด้วยพลังของตำราหยกศุภโชค ซัดพลังโจมตีที่เหนือจินตนาการออกมา
ชั่วพริบตาวิญญาณร้ายระดับบรรพจารย์ตนหนึ่งก็ถูกสังหาร สมบัติล้วนถูกป่นแหลก ร่างที่แตกเป็นเสี่ยงยังไม่ทันสลาย ก็ถูกตำราหยกศุภโชคหลอม ดุจวาฬตัวยาวสูบกลืนน้ำ ไม่เหลือแม้แต่หยดเดียว
ยักษ์พันจั้งที่เป็นผู้นำสะท้านไหว นี่เป็นเผ่ามนุษย์ที่ร้ายกาจยิ่งกว่าวิญญาณร้ายอย่างพวกเขา ครบครองมรรคนรก ใช้ประทับแห่งยุคสมัย เป็นดาวข่มของพวกเขาโดยแท้!
“ฆ่า! เข้าไปพร้อมกัน ห้ามปล่อยให้เขาหนีไปได้เด็ดขาด!”
ยักษ์พันจั้งคำรามสนั่นฟ้า นี่เป็นคำสั่งที่ฝ่าบาทในก้นบ่อน้ำโบราณสั่งมา ต่อให้ต้องตายพวกเขาก็ไม่กล้าฝ่าฝืน ยิ่งไม่กล้าล่าถอยในการต่อสู้
ตูม ครืน…
ก็เห็นสี่ทิศแปดทางมีเงาร่างของวิญญาณร้ายระดับจักรพรรดิแน่นขนัดราวพยับเมฆ บีบกดฟ้าดินแถบนี้ ขัดขวางเส้นทางเบื้องหน้าของหลินสวินเอาไว้
วิญญาณร้ายระดับจักรพรรดิเหล่านั้นไม่ได้มีจิตวิญญาณและสติปัญญาเหมือนกับวิญญาณร้ายระดับบรรพจารย์ พวกมันมีเพียงสัญชาตญาณเข่นฆ่าและต่อสู้อย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่รู้ว่าความเป็นความตายคือสิ่งใด ย่อมไม่กลัวตายเป็นธรรมดา
ชั่วขณะเดียวหลินสวินเสมือนตกลงไปในมหาสมุทรที่สร้างขึ้นจากเหล่าศัตรู สี่ทิศแปดทางมีแต่เงาร่างเบียดเสียดแน่นขนัด
เพียงแต่น่าเสียดาย แม้จำนวนของวิญญาณร้ายระดับจักรพรรดิเหล่านี้จะมากมายมหาศาล แต่สำหรับหลินสวินแล้ว ไม่ถึงขั้นเป็นภัยคุกคามใดๆ สักนิด
ต่อให้กรูเข้ามาอย่างไม่กลัวตาย ก็ไม่ต่างอะไรกับมดเขย่าต้นไม้
“ฆ่า!”
ทันใดนั้นเงาร่างหลินสวินกลายเป็นแสงแสบตาว่องไวสายหนึ่ง ตัวเขาและเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งประสานเข้าด้วยกัน แฝงเสียงคลื่นยักษ์สนั่นหวั่นไหว เขาพุ่งทะยานขึ้น ตัดผ่านเก้าฟ้า เข้าปะทะกองทัพใหญ่วิญญาณร้ายโดยพลัน ดุจดั่งภูเขาเทพพุ่งกระแทกตรงๆ ทุบทำลายวิญญาณร้ายระดับจักรพรรดิตลอดทางไม่รู้เท่าไหร่ แขนขาขาดวิ่นมากมายลอยสะเปะสะปะ เลือดสดกระเซ็นสาดสี่ทิศ
กลางห้วงอากาศเปิดออกเป็นเส้นทางนองเลือดทอดยาวสายหนึ่ง
หากไม่เพราะเซี่ยงเสี่ยวหยวนและเยวี่ยตู๋ชิวตอบสนองว่องไว ก็เกือบตามความเร็วในการเข่นฆ่าของหลินสวินไม่ทัน!
เมื่อทอดสายตามองจากที่ไกลๆ ก็เห็นกองทัพใหญ่วิญญาณร้ายที่ราวพยับเมฆแผ่คลุมนั่น ถูกแสงแสบตาสายหนึ่งกรีดแหวกเป็นรอยแยกสีเลือด แผ่ขยายไปในห้วงอากาศ ตระการตาเป็นที่สุด
“แข็งแกร่งนัก! คนผู้นั้นเป็นใคร”
“เหมือนจะเป็นหลินสวินจากทางเดินโบราณฟ้าดาราคนนั้น!”
“เป็นเขานี่เอง มิน่าถึงกร้าวแกร่งอหังการเช่นนี้…”
…ภาพนี้ทำให้ผู้ฝึกปราณที่กำลังต่อสู้อยู่ในพื้นที่ต่างๆ พยายามหนีออกจากโบราณสถานมหามรรคล้วนตกใจเช่นกัน
“รีบขวางพวกเขาเร็ว!”
เมื่อเห็นว่าพวกหลินสวินกำลังจะฝ่าวงล้อมออกไป ยักษ์พันจั้งส่งเสียงคำรามเดือด พุ่งโจมตีออกมา
“ไม่เจียมตน!”
นัยน์ตาดำหลินสวินวาบประกายเย็นเยียบ ชูตำราหยกศุภโชคขึ้น แล้วตบลงมาอย่างหนักหน่วง
ตูม!
ยักษ์พันจั้งร้องโหยหวน พลังของอีกฝ่ายราวกับหักทำลายไม้ผุ โจมตีปะทะตรงๆ ทะลวงผ่านการต้านทานทั้งหมดของเขาทันที กายเนื้อมหึมาของเขาล้วนถูกกระแทกจนแตกออก
จากนั้นแขนทั้งสองที่ประหนึ่งเทือกเขาใหญ่ของเขาก็ขาดออก ตามมาด้วยลำตัว ขาสองข้าง…
เพียงชั่วพริบตาเท่านั้น ตำราหยกศุภโชคก็หลอมกลืนกินยักษ์พันจั้งตนนี้สิ้นซาก
“ฆ่า!”
ด้านหลังยักษ์พันจั้งยังมีวิญญาณร้ายระดับบรรพจารย์อีกสิบกว่าตน แต่ละตนล้วนแข็งแกร่งทรงพลัง กลิ่นอายดุกร้าว
กล่าวได้ว่าไม่มีพวกรับมือง่ายเลยสักตน แต่ละตนแข็งแกร่ง พุ่งโจมตีเข้ามา ไอชั่วร้ายคละคลุ้งแผ่ออกจากตัว พวยพุ่งขึ้นฟ้า
“ฆ่า!”
หลินสวินตะโกนลั่น นำหน้าเซี่ยงเสี่ยวหยวนและเยวี่ยตู๋ชิวทะยานไปข้างหน้า สำแดงการสังหารเด็ดขาด สถานการณ์อันตราย หากอานุภาพโจมตีชะงักลงแม้เพียงนิด ต้องถูกวิญญาณร้ายระดับจักรพรรดินับไม่ถ้วนพุ่งเข้าขวาง จำเป็นต้องจัดการพวกมันให้หมดในทันที
“โฮก!”
เสียงคำรามของสัตว์ยักษ์กระดูกขาวที่มีขนแดงฉานทั้งตัวดังสนั่นฟ้า แต่เมื่อประมือกับหลินสวิน ก็ถูกตำราหยกศุภโชคทุบจนร่างแตกระเบิดไม่หยุด สุดท้ายต้องตายไปพร้อมความแค้น ร่างใหญ่โตแหลกเป็นผง ถูกกลืนกินหมดสิ้น
พรูด!
จากนั้นหลินสวินลงมือดุดันต่อเนื่อง โคจรมรรคนรกถึงขีดสุด สะท้อนภาพแดนนรกชวนประหวั่น โจมตีสังหารนกปีศาจเก้าหัวตัวหนึ่ง
ขนปีกปลิวว่อน เลือดสดสาดกระเซ็น ไม่รอให้เลือนหายไปก็ถูกตำราหยกศุภโชคหลอมกลืนทันที
สมบัตินี้แปลกพิสดารหาใดเปรียบ แม้จะไม่ได้เป็นฝ่ายกำราบและหลอมวิญญาณร้ายด้วยตัวเองเหมือนตอนแรก แต่เมื่ออยู่ในมือหลินสวิน กลับเสมือนอาวุธเทพที่ทำลายได้ทุกสิ่ง เคลื่อนขวางพันทัพ
ไม่ทันไรห้วงอากาศแถบนี้เหมือนกลายเป็นแดนอสูร
เซี่ยงเสี่ยวหยวนและเยวี่ยตู๋ชิวต่างก็กำลังลงมือเต็มกำลัง เพียงแต่คู่ต่อสู้เป็นพวกวิญญาณร้ายระดับจักรพรรดิ แต่ก็ช่วยแบ่งเบาภาระหลินสวินไปได้มาก ทำให้เขาสามารถเพ่งสมาธิจัดการกับวิญญาณร้ายระดับบรรพจารย์เหล่านั้นได้
เพียงครู่เดียวเท่านั้น
วิญญาณร้ายระดับบรรพจารย์สิบกว่าตนถูกฆ่าล้างบางเกลี้ยง!
ผลการต่อสู้ที่อหังการเช่นนั้น เรียกเสียงฮือฮาจากผู้ฝึกปราณในพื้นที่ต่างๆ ได้มากมาย รู้สึกไม่อยากเชื่อ
และมีผู้ฝึกปราณจำนวหนึ่งอาศัยจังหวะนี้ประชิดเข้ามา ตะโกนอย่างฮึกเหิม
“สหายยุทธ์หลินอย่าตระหนกไป พวกเรามาช่วยเจ้าแล้ว!”
“ทุกคนเข้าไปพร้อมกัน แหวกวงล้อมออกไปพร้อมกับสหายยุทธ์หลิน!”
“ฆ่า…”
ภาพนี้ทำเอาเซี่ยงเสี่ยวหยวนและเยวี่ยตู๋ชิวเห็นแล้วแทบกลอกตา นี่ใช่การช่วยเหลือเสียที่ไหน เข้ามาชุบมือเปิบชัดๆ
ทุกคนต่างมองออกว่าหลินสวินมีอานุภาพดุจผ่าลำไผ่ สังหารวิญญาณร้ายระดับบรรพจารย์ได้ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ มีหรือจะไม่รู้ ว่าหากพุ่งไปพร้อมหลินสวินจึงจะมีโอกาสหนีออกจากโบราณสถานมหามรรคแห่งนี้ได้มากที่สุด
หลินสวินไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้
เขาพุ่งไปข้างหน้าอย่างอาจหาญ แหวกเส้นทางนองเลือดท่ามกลางกองทัพใหญ่วิญญาณร้ายแน่นหนา เหินทะยานออกไป
ฉับพลันนั้นเสียงท่องคัมภีร์คลุมเครือแปลกประหลาดระลอกหนึ่งดังขึ้น
หัวใจหลินสวินไหวหวั่น ขนลุกพอง สัมผัสได้ถึงอันตรายยิ่งยวด และที่น่ากลัวคือ ไม่ว่าเขาจะโคจรอานุภาพทั้งหมดอย่างไรก็ไม่สามารถต้านการรุกรานของเสียงท่องคัมภีร์นี้ได้
กลับเป็นสภาวะจิตและวิญญาณที่บังเกิดความเจ็บปวดรุนแรงราวถูกกรีดทึ้ง ประหนึ่งมีดาบคมกริบจ้วงแทงเข้ามาไม่ยั้ง
ชั่วอึดใจเงาร่างของหลินสวินซวนเซ สีหน้าซีดขาว
‘ทิ้งตำราหยกศุภโชคไว้ ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า หาไม่จะทำลายจิตดั้งเดิมเจ้า กัดแทะเลือดเนื้อเจ้าให้สิ้นซาก!’
เสียงเย็นชาเต็มไปด้วยอานุภาพยิ่งใหญ่สายหนึ่งดังก้องอยู่ในสภาวะจิตของหลินสวิน ซัดจนสภาวะจิตของเขาเกือบพังทลาย
หลินสวินหน้าเปลี่ยนสียกใหญ่
เขาตัดสินได้ในทันที คนที่ลงมือในเวลานี้ เกรงว่าจะเป็นตี้สือที่ถูกผนึกในบ่อน้ำโบราณนั่น!
……………………..