Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2525 ทุกเรื่องราวย่อมทิ้งร่องรอย

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2525 ทุกเรื่องราวย่อมทิ้งร่องรอย

ตอนที่ 2525 ทุกเรื่องราวย่อมทิ้งร่องรอย

สี่ตระกูลตงหวง!

หลินสวินนัยน์ตาหดรัดเล็กน้อย เผ่าจักรพรรดิอมตะชั้นยอดสี่ตระกูลที่ครอบครองระเบียบระดับสวรรค์ เบื้องหลังคือตระกูลตงหวงที่เป็นหนึ่งในยักษ์ใหญ่อมตะน่านฟ้าที่แปด

นี่ทำให้อดสงสัยไม่ได้ ว่าทั้งหมดนี้เป็นคำสั่งของตระกูลตงหวงหรือไม่

หลินสวินอ่านต่อไป

บันทึกในม้วนหยกละเอียดมาก แม้แต่ข้อมูลเกี่ยวกับพลังระเบียบ วิชายุทธ์มรดก อาณาเขต การกระจายอิทธิพลของตระกูล รวมถึงสมบัติพิทักษ์ตระกูลและอื่นๆ ที่สี่ตระกูลตงหวงครอบครอง ล้วนถูกบันทึกอย่างละเอียด

สมบัติพิทักษ์ตระกูล!

ยามเห็นสมบัติพิทักษ์ตระกูลของสี่ตระกูลตงหวง หลินสวินรู้สึกเพียงในสะท้านในใจ จู่ๆ ก็ตระหนักถึงอะไรบางอย่าง สีหน้าพลอยเปลี่ยนไปด้วย

ตระกูลหนานครอบครองทวนหมื่นมายา ตระกูลกู้ครอบครองกระบี่สังหารเทพ ตระกูลลี่ครอบครองขวานเบิกฟ้า ตระกูลอวิ๋นครอบครองทวนศึกดับโลกา!

ชื่อของสมบัติสี่ชิ้นนี้ หลินสวินจะลืมได้อย่างไร

นึกถึงตอนนั้นยามเขาบรรลุมกุฎจักรพรรดิที่แดนปรินิพพาน เคยชักนำเคราะห์ใหญ่ยิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ และขณะที่ข้ามด่านเคราะห์ ก็ถูกขัดขวางอยู่เป็นระยะ

ในนั้นมีระดับอมตะสี่คนที่ข้ามฟ้าดารามาด้วย ครอบครองพลังเจตจำนงเสี้ยวหนึ่งของสมบัติสี่ชิ้นนี้!

ตอนนั้นเพราะพลังเจตจำนงเสี้ยวหนึ่งของเจ้าแห่งคีรีดวงกมลปรากฏขึ้น จึงกำจัดพวกน่ากลัวที่มาจากฟากฝั่งฟ้าดาราทั้งสี่ได้

เหตุการณ์นั้นหลินสวินจะลืมได้อย่างไร

เขาจำได้แม่นว่าเจ้าแห่งคีรีดวงกมลเคยบอกว่า จุดประสงค์ที่ระดับอมตะสี่คนนั้นมา ก็เพื่อขวางการบรรลุมกุฎจักรพรรดิของเขา!

เพราะบรรลุมกุฎจักรพรรดิในสถานที่อย่างแดนปรินิพพาน หมายความว่าต่อไปมีความเป็นไปได้สูงมากที่จะก้าวสู่ ‘ยอดหนทางสู่อมตะ’!

“ยอดหนทางสู่อมตะ แดนปรินิพพาน เคราะห์จ่อมจมชั่วกัปกัลป์ หนึ่งบัวเบ่งบาน…” หลินสวินพึมพำ

เพื่อแดนปรินิพพาน เจ้าแห่งคีรีดวงกมลรอคอยมาหมื่นกาล ศิษย์พี่รองจ้งชิวควบคุมดูแลโลกมืดมาไม่รู้นานเท่าไหร่

เดิมทีหลินสวินคิดว่าวาสนานี้เกี่ยวข้องกับการบรรลุมกุฎจักรพรรดิของตน

แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า แกนหลักของวาสนานี้คือ ‘ยอดหนทางสู่อมตะ’!

และเป็นเพราะวาสนานี้เย้ยฟ้าและต้องห้ามเกินไป ตอนนั้นสี่ตระกูลตงหวงถึงได้มาขัดขวาง!

ควรรู้ว่าจากที่เจ้าแห่งคีรีดวงกมลพูดตอนนั้น แม้อยู่ในฟากฝั่งฟ้าดาราก็มีไม่กี่คนที่สามารถก้าวขึ้นเส้นทางนี้ได้

“มิน่าเล่า…”

ดวงตาดำของหลินสวินลึกล้ำ เข้าใจรางๆ แล้ว

ครั้งนี้ในเมืองจรดฟ้า ที่สี่ตระกูลตงหวงจะเล่นงานตน คงเกี่ยวข้องกับที่ตนได้รับศุภโชคแดนปรินิพพาน

และศุภโชคนี้ ความจริงก็คือระเบียบนิพพานที่อยู่ในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง!

สามารถคาดการณ์ได้ว่าพวกเขาคงรู้นานแล้วจึงไม่ปกปิดไอสังหารสักนิด หมายจะสังหารตนในสมรภูมิทวยเทพ

คิดถึงตรงนี้สีหน้าของหลินสวินก็เผยความเย็นเยียบ

ตระกูลลั่ว ทำเพื่อพรสวรรค์ของเขาและห้องโถงมรรคาสวรรค์

ส่วนสี่ตระกูลตงหวง เห็นชัดว่าเพื่อระเบียบนิพพาน!

ไป๋เจี้ยนเฉินเจ้าเมืองเมืองยอดยุทธ์เคยพูดว่า บนโลกนี้ไม่มีเรื่องร้ายโดยไม่มีเหตุผล

ตอนนี้หลินสวินจะไม่รู้ได้อย่างไร ว่าไอสังหารที่อวิ๋นมู่เจอมีต่อตนในตอนนั้น แท้จริงแล้วมีความลับอื่นซ่อนอยู่

เหตุผลง่ายมาก อวิ๋นมู่เจอมาจากตระกูลอวิ๋นที่เป็นหนึ่งในสี่ตระกูลตงหวง!

เห็นชัดว่าตอนอยู่ในเมืองยอดยุทธ์ คนผู้นี้ก็รู้ฐานะของเขาแล้ว

ถึงขั้นที่หลินสวินยังคิดไปมากกว่านั้น การที่กำลังพลของสี่ตระกูลตงหวงเคลื่อนไหวพร้อมกัน มารวมตัวในเมืองจรดฟ้าแห่งนี้ จะเกี่ยวข้องกับอวิ๋นมู่เจอหรือไม่

นี่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้!

‘ใครจะคาดคิดได้ ว่าไอสังหารครั้งนี้จะดันเกี่ยวข้องกับศุภโชคแดนปรินิพพานในตอนนั้น…’

เมื่อเข้าใจเรื่องทั้งหมดนี้แล้ว หลินสวินก็อดทอดถอนใจไม่ได้ นี่เรียกว่าทุกเรื่องราวย่อมทิ้งร่องรอยให้สืบหาได้

เขาเก็บม้วนหยกแล้วเริ่มนั่งขัดสมาธิ

ฮูม…

กฎเกณฑ์ละอองแสงปานน้ำไหลตัดสลับปกคลุมเงาร่างของเขา ในอากาศปรากฏภาพมหามรรคที่ลึกลับมากมาย สะท้านสะเทือนใจคน

การต่อสู้นองเลือดสิบแปดปี เคี่ยวกำผ่านความอันตรายมาสิบแปดปี เขาในวันนี้ เป็นผู้ฝึกปราณระดับมกุฎจักรพรรดิขั้นแปดแล้ว และอยู่ในขั้นกลางของระดับขั้นนี้แล้ว

ขาดเพียงนิดเดียวก็บรรลุสู่ขั้นปลาย

ตอนนี้เมื่อเขาโคจรพลังปราณ ที่อวัยวะตันห้าล้วนมีร่างแยกหนึ่งโคจรไปพร้อมกัน ประกายศักดิ์สิทธิ์ไหลเคลื่อน เสียงมรรคก้องสะท้อน

หลายปีมานี้หลินสวินใช้คัมภีร์เตาหลอมมหามรรคหลอมต้นกำเนิดของกายมรรคทั้งห้าขึ้นใหม่ เคี่ยวกรำมาถึงตอนนี้ ร่างแยกทุกร่างล้วนได้รับการแปรสภาพรูปแบบใหม่

ถึงขั้นที่หลินสวินรู้สึกได้รางๆ ว่าหากตนยินยอม ร่างแยกเหล่านั้นถึงขั้นสามารถมีสติปัญญาเป็นของตน มีจิตใจและมรรควิถีที่เป็นอิสระ!

แต่สุดท้ายหลินสวินก็กดความคิดเช่นนี้ไว้

หากเป็นเช่นนั้น กายมรรคทั้งห้า… จะต้องกลายเป็นตนที่แตกต่างกันโดยสมบูรณ์ห้าคน มรรคาหลังจากนี้ยากจะคาดเดาอย่างแท้จริง

หากวันใดวันหนึ่ง เพื่อแสวงมรรควิถี ร่างแยกเหล่านี้เกิดความขัดแย้งกับมหามรรคของร่างต้น จะไม่ใช่กลายเป็นศัตรูกับตนเองหรือ

ที่น่ากลัวที่สุดคือกายมรรคทั้งห้าเกิดจากเขา รู้เบื้องลึกเบื้องหลังของเขาดีที่สุดเช่นกัน หากเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ไม่อาจคาดเดาขึ้น สถานการณ์เช่นนั้นน่าสยองอย่างไม่ต้องสงสัย

ดังนั้นหลินสวินจึงไม่ได้เลือกเปลี่ยนแปลง ยังคงใช้วิธีเดิม ใช้การรับรู้และเจตจำนงของร่างต้นควบคุมทุกอย่างของกายมรรคทั้งห้า

นี่ก็หมายความว่า ระหว่างพวกเขาเป็นความสัมพันธ์ที่หากได้รับก็ได้ทั้งคู่ หากเสียก็เสียทั้งคู่

ถึงขั้นที่ขอเพียงร่างต้นของหลินสวินเกิดความคิด กายมรรคทั้งห้าก็จะกลายเป็นพลังต้นกำเนิดมหามรรคอีกครั้ง หลอมเป็นร่างเดียวกับร่างต้นของเขา

……

ขณะที่หลินสวินฝึกปราณ

ในหมู่อาคารเก่าแก่แห่งหนึ่งของเมืองจรดฟ้า แสงไฟสว่างไสว

นี่คืออาณาเขตของตระกูลหนาน หออาคารเรียงราย ปกคลุมด้วยพลังผนึกเป็นชั้นๆ

ในโถงคฤหาสน์แห่งหนึ่ง

เฒ่าชราผมเงินที่เคยเสียดสีและข่มขู่หลินสวินหน้าศิลาศึกข้ามแดนนั่งอยู่บนที่นั่งหลักในโถง สีหน้าเคร่งขรึม

เขามีนามว่าหนานหย่งเชียง เป็นบรรพจารย์จักรพรรดิที่มีชีวิตมาแล้วไม่รู้กี่หมื่นปีคนหนึ่ง ในกาลเวลาไร้สิ้นสุดที่ผ่านมา ควบคุมดูแลอาณาเขตในเมืองจรดฟ้ามาโดยตลอด จัดการเรื่องทุกอย่างเกี่ยวกับแดนใหญ่พันศึกให้กับตระกูล

“ในเมื่อมาครบแล้ว เช่นนั้นข้าขอพูดตามตรงเลยแล้วกัน ศุภโชคในตัวหลินสวินนั่น คือสิ่งที่ตระกูลตงหวงจะต้องได้มาครอบครอง ซึ่งก็หมายความว่า ครั้งนี้จะให้เจ้าหมอนี่รอดชีวิตออกจากสมรภูมิทวยเทพไม่ได้เด็ดขาด!”

ชายผมเงินหนานหย่งเชียงเอ่ยเรียบๆ เสียงก้องสะท้อนทั้งโถง

สองข้างของโถงมีเงาร่างน่ากลัวนั่งอยู่ ต่างมาจากตระกูลกู้ ตระกูลลี่ ตระกูลอวิ๋น

ล้วนมีตระกูลตงหวงอยู่เบื้องหลังเช่นเดียวกับตระกูลหนาน พวกเขาเผ่าจักรพรรดิอมตะสี่ตระกูลถูกเรียกว่าสี่ตระกูลตงหวง

“แต่เจ้าหมอนี่ถูกตระกูลฝูหมายปองแล้ว หากตระกูลฝูส่งกำลังออกมาคุ้มครองเจ้าหมอนี่ นั่นคงไม่ดีแน่”

หญิงที่รูปลักษณ์ราวกับเด็กสาวงดงามเย้ายวนกล่าวขึ้น ผิวขาวกระจ่าง ดวงตาราวกับน้ำในฤดูใบไม้ร่วง ทุกอิริยาบถล้วนยั่วยวน

หน้าอกนางอิ่มฟู พร้อมกับคำพูดเสียงสั่น ดึงดูดสายตาเพลิดเพลินในที่นั้นไม่รู้เท่าไหร่

หน้าอกของนางอวบอิ่ม เผยเนินเนื้อขาวดั่งหิมะแถบใหญ่ ยามพูดจาจะสั่นสะเทือน ดึงดูดสายตาลุ่มหลงไม่รู้เท่าไหร่ในที่นั้น

นางมีนามว่ากู้ปั้นจวง เป็นผู้ดูแลควบคุมอาณาเขตตระกูลกู้ในเมืองจรดฟ้า รูปลักษณ์เหมือนเด็กสาว แต่ความจริงเป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับบรรพจารย์จักรพรรดิที่มีชีวิตอยู่ไม่รู้นานเท่าไหร่แล้ว

“เหอะๆ เรื่องนี้ไม่ต้องเป็นห่วง โบราณสถานทวยเทพเป็นเขตผนึกอันดับหนึ่งของแดนใหญ่พันศึก ไม่เคยเปิดตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ขอเพียงหลินสวินกล้าเข้าไป ต่อให้เป็นตระกูลฝูก็ยากจะให้การคุ้มครองที่แน่นอนกับเขาได้”

หนานหย่งเชียงยิ้ม ขณะพูดก็เหลือบมองหน้าอกอวบอิ่มเย้ายวนคู่นั้นของกู้ปั้นจวงแวบหนึ่ง รู้สึกเพียงว่าปากคอแห้งผากอยู่บ้าง

ไม่ใช่เพราะความงามเย้ายวนทำให้เขาเกิดความคิดลามก แต่เพราะกู้ปั้นจวงเย้ายวนแต่กำเนิด สิ่งที่แสวงหายังเป็นมหามรรคที่เกี่ยวข้องกับเสน่ห์ ทุกอิริยาบถล้วนยั่วยวนใจ

หากนางสำแดงมรรควิถีทั้งหมดออกมาอย่างแท้จริง ความเย้ายวนตะลึงโลกนั่น อย่าว่าแต่บรรพจารย์จักรพรรดิ แม้แต่พระพุทธเจ้ายังต้องหวั่นไหว

‘นางผู้หญิงเปี่ยมเสน่ห์คนนี้ มรรควิถีลึกล้ำขึ้นเรื่อยๆ แล้ว’ หนานหย่งเชียงแอบสูดหายใจลึกคราหนึ่ง สกัดกั้นความปรารถนาในใจเอาไว้

“ทุกท่าน เจ้าหมอนี่เป็นผู้สืบทอดคีรีดวงกมล ยังไม่ต้องพูดถึงเจ้าแห่งคีรีดวงกมลที่จนตอนนี้ยังไม่พบร่องรอย เพียงแค่ผู้สืบทอดคีรีดวงกมลเหล่านั้น ล้วนเป็นบุคคลดั่งเทพมังกรที่เห็นหัวไม่เห็นหาง หลายปีมานี้ตอนที่ผู้สืบทอดคีรีดวงกมลเหล่านี้ไปถึงโลกยอดนิรันดร์ก็ทำให้เกิดคลื่นลมครั้งใหญ่”

ชายชุดดำคนหนึ่งพูด เสียงต่ำลึก ทุกคำพูดดุจกระบี่หนัก เผยความกดดันอันน่าสะพรึง

คำพูดนี้ทำให้คนที่นั่งอยู่ไม่น้อยนัยน์ตาหดรัด

พวกเขาจะไม่รู้เรื่องนี้ได้อย่างไร

หลายปีก่อนเหล่าผู้สืบทอดคีรีดวงกมลมาถึงโลกยอดนิรันดร์ ในเวลาสั้นๆ เพียงเก้าวัน ก็บุกทะลวงจากน่านฟ้าที่หนึ่งไปถึงน่านฟ้าที่หก

ไม่มีใครขวางได้!

ตอนนั้นเพราะการปรากฏตัวของผู้สืบทอดคีรีดวงกมล ถึงขั้นทำให้เกิดความตื่นตระหนกครั้งใหญ่ในน่านฟ้าที่หก ถูกเผ่าจักรพรรดิอมตะไม่รู้เท่าไหร่มองเป็นสัตว์ร้ายหายนะ ชักนำมาซึ่งความลนลานราวกับหมาป่ามาเยือน

แต่ที่เหนือความคาดหมายของทุกคนคือ ผู้สืบทอดคีรีดวงกมลกลุ่มนั้นกลับหายไปดื้อๆ เก็บตัวเงียบหายไป

ทว่าแม้จะเป็นเช่นนี้ ก็ไม่มีใครกล้าดูถูกคีรีดวงกมลอีก

เก้าวัน

บุกทะลวงตลอดทางจนมาถึงน่านฟ้าที่หก กวาดล้างตลอดทาง ไม่สามารถสกัดกั้นได้!

หลายคนคิดว่า จากพลังต่อสู้ที่ผู้สืบทอดคีรีดวงกมลสำแดงออกมา ต่อให้เป็นการบุกขึ้นน่านฟ้าที่เจ็ดก็ไม่ใช่เรื่องยาก

แต่พวกเขากลับหายไป ใครก็ไม่รู้ว่าพวกเขาไปไหน

แต่ทุกคนกล้ามั่นใจว่าตอนที่ผู้สืบทอดคีรีดวงกมลปรากฏตัวอีกครั้ง จะต้องเกิดความปั่นป่วนอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์!

ในฐานะสี่ตระกูลตงหวง เหล่าผู้ฝึกปราณที่อยู่ในโถงตอนนี้ยิ่งรู้ความน่ากลัวของคีรีดวงกมลดีกว่าคนอื่น

เพราะเมื่อนานมาแล้ว ในตระกูลของพวกเขาเคยส่งคนน่ากลัวระดับอมตะสี่คนข้ามฟ้าดารา มุ่งหน้าไปยังทางเดินโบราณฟ้าดาราเพื่อช่วงชิงวาสนาที่เกี่ยวข้องกับยอดหนทางสู่อมตะ

ทว่าผลลัพธ์…

กลับไปไร้หวน ล้วนสิ้นชีพทั้งหมด!

ว่ากันว่า คนลงมือก็คือเจ้าแห่งคีรีดวงกมล!

เรื่องนี้ถึงขั้นทำให้สี่ตระกูลตงหวงทั้งเดือดดาลและตื่นตะลึง ล้วนไม่กล้าเชื่อว่าในทางเดินโบราณฟ้าดาราที่ตกต่ำนั่น จะมีตัวตนที่แข็งแกร่งขนาดนี้ได้อย่างไร

และเพราะผ่านเรื่องนี้มา ทำให้สี่ตระกูลตงหวงจำชื่อคีรีดวงกมลนี้ได้แม่น

“ที่นี่คือเมืองจรดฟ้า ไม่ใช่ทางเดินโบราณฟ้าดารา ยิ่งไม่ใช่อาณาเขตของคีรีดวงกมล ทุกท่านไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนี้”

หนานหย่งเชียงเอ่ยเสียงขรึม “ยิ่งไปกว่านั้น ทุกท่านอย่าลืมว่าต่อให้ผู้สืบทอดคีรีดวงกมลเหล่านั้นจะแข็งแกร่งเพียงใด ก็ยังมีตระกูลตงหวงเข้าจัดการ พวกเราแค่ชิงวาสนาของหลินสวินมาได้ก็พอแล้ว”

ตระกูลตงหวง!

เมื่อเอ่ยถึงชื่อนี้ ก็เหมือนภูเขาใหญ่ที่ตั้งตระหง่าน กดข่มอยู่ในใจทุกคน

คำสั่งที่ให้สังหารหลินสวิน ช่วงชิงศุภโชค ก็มาจากตระกูลตงหวง นี่ทำให้เผ่าจักรพรรดิอมตะสี่ตระกูลอย่างพวกเขา ไม่ว่ามีความคิดเห็นอย่างไร ก็ถูกกำหนดให้ไม่อาจปฏิเสธได้!

……………………

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท