Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2527 กล่าวอ้างว่าเป็นเซียนสุรา

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2527 กล่าวอ้างว่าเป็นเซียนสุรา

ตอนที่ 2527 กล่าวอ้างว่าเป็นเซียนสุรา

ว่าพลางหลินสวินก็คล้องแขนขอทานพยุงเขาขึ้นมา สายตามองไปยังผู้ดูแล “เตรียมห้องส่วนตัวหนึ่งห้อง เอาเหล้าและอาหารที่ดีที่สุดของพวกเจ้ามา”

“ใต้เท้าหลิน ท่านคงไม่ได้คิดจะเลี้ยงเหล้าเจ้าหมอนี่จริงหรอกนะ เมื่อก่อนก็มีคนสงสารเขา เลี้ยงเหล้าเขา แต่…”

ผู้ดูแลเพิ่งพูดได้ครึ่งเดียว ยามเผชิญกับสายตาที่ลุ่มลึกราวกับหุบเหวของหลินสวินก็อดสั่นเทิ้มไปทั้งตัวไม่ได้ ไม่กล้าพูดมากอีก รีบหันกลับไปเตรียมของในหอสุรา

“เหล้าและอาหารที่ดีที่สุดคืออะไร ข้าดื่มเพียงจอกล่องธารไหล” ขอทานพึมพำ

“ได้ เช่นนั้นก็ดื่มจอกล่องธารไหล”

หลินสวินถอนหายใจในใจ พยุงขอทานเดินเข้าหอสุราไป

“หรือคนผู้นั้นเป็นญาติมิตรของหลินสวิน”

ผู้คนที่อยู่รอบๆ เห็นเช่นนี้ก็อดประหลาดใจไม่ได้

ขอทานนั่นเร่ร่อนอยู่ในเมืองจรดฟ้าหลายปี ถูกหลายคนสงสัยว่าเขามีที่มาไม่ธรรมดาเช่นกัน ไม่เช่นนั้นไม่มีทางรอดชีวิตมาถึงเมืองจรดฟ้าได้

แต่หลายปีมานี้หลังจากการหยั่งเชิงหลายต่อหลายครั้งของผู้คน จึงพบว่าขอทานคนนี้บ้าไปแล้วจริงๆ จิตมรรคเสียการควบคุม พลังปราณสูญสิ้นไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ต่างอะไรกับคนไร้ประโยชน์

แม้ก่อนหน้านี้มีที่มาที่ยิ่งใหญ่เพียงใด แต่ตอนนี้ก็เป็นแค่ขอทานบ้าๆ บอๆ

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หลินสวินกลับเลี้ยงเหล้าเขา ย่อมทำให้คนแปลกใจและประหลาดใจ

ไม่นานผู้คนก็กระจายตัวกันไป

และข่าวที่หลินสวินเลี้ยงเหล้าขอทานบ้าคนนั้นก็กลายเป็นเรื่องตลกในเมืองอย่างรวดเร็ว

เวลาเดียวกันในห้องส่วนตัวชั้นสามของหอสุราอุดมทรัพย์ อาหารเลิศรสมากมายวางเรียงอยู่บนโต๊ะใหญ่ สาวใช้งดงามคอยนำจอกล่องธารไหลกาแล้วกาเล่าเข้ามา

ขอทานที่เสื้อผ้าเลอะเทอะ เผ้าผมรุงรัง ใบหน้ามอมแมม สองขานั่งยองอยู่บนเก้าอี้ กอดเหล้ากาหนึ่งและดื่มอย่างบ้าคลั่ง

หลินสวินนั่งอยู่ตรงหน้า สีหน้าซับซ้อน

ในสายตาเขา แม้ขอทานจะสกปรกไปทั้งตัว แต่ยังคงปกปิดหน้าตาที่ราวกับเด็กหนุ่มนั่นไม่ได้

ในหัวหลินสวินปรากฏภาพเหตุการณ์ยามอยู่ในแดนปรินิพพานขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว…

ตูม!

ส่วนลึกของฟ้าดาราราวกับถูกซัดจมหาย ทลายลงเป็นเหวลึกกลางอากาศ พลังกฎเกณฑ์ที่ดุดันปะทุออกมา แผ่อานุภาพที่ไร้เทียมทาน

จากนั้นเงาร่างหนึ่งเดินออกมาจากเหวลึกกลางอากาศ ผอมซูบ สง่าผ่าเผย สูงใหญ่…

เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!

เมื่อเงาร่างนั้นปรากฏออกมา ฟ้าดาราสั่นสะท้านเหมือนจะแตกสลาย พลังมหามรรคทรุดทลาย จมสู่ความปั่นป่วนโกลาหล

ชั่วขณะนั้นเหมือนเทพที่มาจากห้วงมิติประหลาดมาเยือนที่แห่งนี้ เพียงแค่กลิ่นอายที่แผ่ออกจากร่าง ก็ทำให้ฟ้าดาราผืนนี้แทบไม่สามารถรับได้แล้ว!

เงาร่างนั่นเดินออกมา ทุกก้าวที่ก้าวออกไปอากาศรอบๆ ล้วนทรุดทลาย กฎเกณฑ์มหามรรคสลายไปทั้งหมด

เงาร่างของเขาผอมสง่างามปกคลุมด้วยประกายศักดิ์สิทธิ์อมตะที่งดงามสว่างไสว กลายเป็นวงแสงหลายวงส่องสว่างทั่วหล้า

แต่เมื่อมองอย่างละเอียด เขากลับมีรูปลักษณ์อย่างเด็กหนุ่ม คิ้วตางดงาม สวมชุดสีดำ ผมยาวปล่อยสยาย น้ำเต้าสุราใบหนึ่งใช้เชือกแดงมัดไว้ข้างเอว

มีเพียงตอนที่ลูกตาเคลื่อนไหว ถึงแผ่กลิ่นอายมากประสบการณ์ออกมา

ตอนนั้นภาพนี้นำพาความตะลึงอย่างหาที่เปรียบไม่ได้มาให้หลินสวิน เหมือนเป็นประทับหนึ่งที่จนตอนนี้เขาก็ยังจำได้แม่น

จากนั้นหลินสวินถึงรู้ว่า เขามีนามว่า ‘คงเจวี๋ย’

คือคงเจวี๋ยที่ ‘เอวห้อยน้ำเต้ากลืนกิน ก้าวเดินบนมหามรรค ชีวิตก่อนหน้าข้ามด่านเคราะห์มาสิบแปดครั้ง ชีวิตในภายหลังแจ้งอมตะ’

เป็นคงเจวี๋ยที่ ‘เป็นหนึ่งในประวัติการณ์ มีเพียงหนึ่งเดียว!’

เป็นคนแรกในยุคต้นดึกดำบรรพ์ที่มุ่งหน้าสู่ฟากฝั่งฟ้าดารา ถูกคนระดับเดียวกันในตอนนั้นมองว่าเป็น ‘ผู้นำ’

พรสวรรค์โดดเด่นยิ่งยวด!

ยิ่งเป็นสหายที่ดีที่สุดที่เจ้าแห่งคีรีดวงกมลเอ่ยถึง ถูกผู้สืบทอดคีรีดวงกมลเรียกว่า ‘อาจารย์อา’!

เพียงแต่…

คนบ้าที่เหมือนขอทานตรงหน้านี้เร่ร่อนอยู่กลางถนนข้างหน้า… ยังใช่ตำนานที่ข้ามฟ้าดารา สามารถประชันกับเจ้าแห่งคีรีดวงกมลอาจารย์ตนอีกหรือ

จู่ๆ ในใจหลินสวินก็เกิดความเสียใจที่พูดไม่ออก

อาจารย์อาคงเจวี๋ยในตอนนั้นโดดเด่นเพียงใด สูงส่งเย่อหยิ่งเพียงใด

ทว่าตอนนี้กลายเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร

“อร่อย ฮ่าๆ อร่อยมาก! ข้าไม่ได้ดื่มเหล้าชั้นดีเช่นนี้มานานมากแล้ว วันนี้ได้ดื่มอย่างสะใจ แม้โดนด่าตายก็คุ้ม ฮ่าๆๆ…”

คงเจวี๋ยดื่มเหล้าพลางหัวเราะฮ่าๆ เหมือนคนบ้า สีหน้าเต็มไปด้วยความสุข ประหนึ่งเด็กที่ได้ลูกกวาดคนหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น

แววตาหลินสวินไม่อาจสงบนิ่งได้ จะดูไม่ออกได้อย่างไรว่าจิตมรรคของคงเจวี๋ยว่างเปล่า ไร้ซึ่งสติแล้ว

เขาในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับคนบ้าที่สติไม่ดี

“หลายปีมานี้ท่านผ่านอะไรมา” หลินสวินอดถามไม่ได้

แต่คงเจวี๋ยที่อยู่ตรงหน้ากลับไม่สนใจเขา เอาแต่กอดกาเหล้าดื่มอย่างสะใจ อาหารเลิศรสบนโต๊ะล้วนไม่แตะต้องสักนิด ดื่มแต่เหล้า

ราวกับว่าเหล้าได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเขาแล้ว

หลินสวินเงียบ

เขานึกถึงสิ่งที่อาจารย์ตนเคยพูดในตอนนั้น

‘คงเจวี๋ยนั้นสมชื่อตัว เสาะหามรรคาที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติการณ์ เพียงแต่เขายึดมั่นเกินไป หลังจากข้ามด่านเคราะห์อมตะก็คิดเอาเองว่าเหนือกว่ามหามรรค ไม่เสื่อมสูญและมีอิสระไร้ผูกมัดอย่างแท้จริง…’

‘และด้วยเขายึดมั่นเกินไป ทำให้สภาวะจิตของเขาประสบเคราะห์ที่ไม่อาจคาดเดา’

‘เคราะห์จิตใจนี้หากไม่ขจัด สภาวะจิตของเขาจะถดถอยไม่หยุด แม้จะมีมรรควิถีทั้งตัวอยู่ แต่นิสัย ประสบการณ์ ความทรงจำของเขาจะหายไปอย่างต่อเนื่อง กลับไปเหมือนแรกเริ่ม’

‘ก็เหมือนชายชราที่ฉลาดเฉลียวคนหนึ่ง มีสภาวะจิตและประสบการณ์ที่ย้อนกลับไปตอนหนุ่มภายในเวลาข้ามคืน’

‘แต่มรรควิถีของเขาไม่ถูกขจัด นี่เป็นเรื่องอันตรายที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย เจ้าลองคิดดู เด็กที่ประสบการณ์ไม่ถึง จิตใจเหมือนกระดาษขาวคนหนึ่ง กลับยึดกุมพลังที่แข็งแกร่งกว่าบรรพจารย์จักรพรรดิ นั่น… จะอันตรายเพียงใด’

ตอนนั้นหลินสวินที่ได้รู้เรื่องพวกนี้ยังอดสะท้านสะเทือนไม่ได้

นี่น่าเหลือเชื่อจริงๆ เคราะห์จิตใจครั้งหนึ่ง กลับทำให้สภาวะจิต ประสบการณ์ และสติปัญญาของบุคคลชั้นยอดคนหนึ่งถดถอยย้อน กลับไปเหมือนแรกเริ่ม เช่นนั้นเขายังจะควบคุมมรรควิถีที่มีได้อย่างไร

หากเขาทำชั่ว ทั่วหล้าจะต้องประสบหายนะ!

ที่น่ากลัวที่สุดคือ การเสื่อมถอยของความทรงจำและสติปัญญา กลับจะทำให้เขา ‘ไม่สนใจใครหน้าไหน!’

แต่เมื่อได้พบกันวันนี้ หลินสวินกลับพบว่าอาจารย์อาคงเจวี๋ยไม่เพียงสภาวะจิต ความทรงจำและสติปัญญาถดถอยลง

แม้แต่มรรควิถีทั้งหมดก็สูญเสียไปอย่างสิ้นเชิง!

อย่างน้อยในสัมผัสของหลินสวิน มรรควิถีของคงเจวี๋ยหายไปทั้งหมดแล้ว ไม่ต่างอะไรกับคนทั่วไป

ไม่ถูกสิ

ควรบอกว่าเขาแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไปเล็กน้อย อย่างน้อยก็สามารถดื่มเหล้าชั้นเลิศที่ไอวิญญาณพลุ่งพล่านกาแล้วกาเล่าได้

คนทั่วไปรับฤทธิ์เหล้าขนาดนี้ไม่ได้เด็ดขาด

คงเจวี๋ยดื่มหมดไปเจ็ดกาแล้ว ตอนที่เขากำลังจะดื่มกาที่แปดกลับถูกหลินสวินกดมือไว้

“อยากดื่มต่อหรือ” หลินสวินจ้องตาอีกฝ่าย

“อืม” คงเจวี๋ยพยักหน้าแรงๆ ในดวงตาเต็มไปด้วยความเว้าวอน

“ขอเพียงท่านตอบคำถามไม่กี่คำถามของข้า ข้าก็จะให้ท่านดื่มจนพอใจ” หลินสวินกล่าว

คงเจวี๋ยเอ่ยอย่างเดือดดาล “หลายปีมานี้คนมากมายจะถามคำถามข้า แต่ข้าตอบไปแล้วพวกเขากลับไม่พอใจ ไม่ให้ข้าดื่มสักจอก”

หลินสวินอึ้งไป เอ่ยว่า “ท่านไม่ต้องเป็นห่วง ขอเพียงแค่ท่านตอบ ข้ารับรองว่าจะให้ท่านดื่มเต็มที่”

คงเจวี๋ยเอ่ยอย่างอดรนทนไม่ไหว “เช่นนั้นเจ้ารีบถาม หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว”

“ท่าน… ยังจำได้หรือไม่ว่าตัวเองเป็นใคร” หลินสวินถาม

คงเจวี๋ยหัวเราะฮ่าๆ “ข้าจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าตัวเองเป็นใคร ข้าน่ะ เป็นเซียนสุรา!”

หลินสวินขมวดคิ้วกล่าว “เซียนสุรา ท่านมาอยู่ในเมืองจรดฟ้าได้อย่างไร”

คงเจวี๋ยเกาผมที่ยุ่งเหยิงพร้อมกล่าวว่า “ข้าลืมแล้ว คงมาตอนเมากระมัง อ๊า ไม่สนแล้ว แค่มีเหล้าให้ดื่มก็พอ”

หลินสวินถาม “เช่นนั้นท่านรู้จักคนผู้นี้หรือไม่”

ว่าพลางเขารวบนิ้วตวัดคราหนึ่ง จอภาพหนึ่งปรากฏออกมา ในจอภาพสะท้อนเงาร่างผอมซูบ งามสง่า คิ้วตางดงามสะอาดสะอ้าน สวมชุดดำ ผมยาวสยายเป็นอิสระ น้ำเต้าสุราใบหนึ่งใช้เชือกแดงมัดไว้ข้างเอว

พร้อมกันนั้นหลินสวินยังเอ่ยเสียงเบา “เอวห้อยน้ำเต้ากลืนกิน ก้าวเดินบนมหามรรค ชีวิตก่อนหน้าข้ามด่านเคราะห์มาสิบแปดครั้ง ชีวิตในภายหลังแจ้ง…”

ไม่รอพูดจบคงเจวี๋ยก็ชี้น้ำเต้าสุราที่อยู่ตรงเอวของเงาร่างในจอภาพ พูดอย่างตะกละตะกลามเหมือนน้ำลายจะไหล “ที่อยู่ในนี้จะต้องเป็นเหล้าชั้นดีที่อร่อยที่สุดอย่างแน่นอน!”

ว่าพลางก็ยกมือไปคว้า

หลินสวินขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม หลังจากถามอีกหลายคำถามก็ไม่ได้ความอะไรเลย

ครู่ใหญ่หลังจากนั้น ความผิดหวังแวบผ่านเข้ามาในสายตา เขาพลันปล่อยจิตรับรู้เสี้ยวหนึ่งออกมา พุ่งเข้าในร่างของคงเจวี๋ย

ครู่หนึ่งหลังจากนั้น หลินสวินเก็บจิตรับรู้กลับมาด้วยความผิดหวัง

ในร่างของคงเจวี๋ยว่างเปล่า ไร้ซึ่งไอวิญญาณ และไม่มีความเร้นลับอะไรให้พูดถึง

“ดื่มเหล้า ข้าจะดื่มเหล้า” คงเจวี๋ยพึมพำ

เขาในตอนนี้เหมือนเด็กคนหนึ่งจริงๆ ทุกการกระทำล้วนเหมือนมาจากนิสัยดั้งเดิม

หลินสวินกล่าว “ท่านไปกับข้า ต่อไปข้าจะให้ท่านดื่มจนพอ ไม่เพียงแค่ดื่มจอกล่องธารไหล ยังได้ดื่มเหล้าชั้นหนึ่งชนิดต่างๆ ทั่วเหล้า”

“ไม่ได้ ข้าจะรอคน” คงเจวี๋ยกลับส่ายหน้าปฏิเสธ

รอคน?

ในใจหลินสวินกระตุกวูบ “รอใคร?”

คงเจวี๋ยส่ายหน้า เอ่ยด้วยสายตาเลื่อนลอย “ข้าก็ไม่รู้ แต่ข้าจะรอตลอดไป”

“ถ้าเจอคนผู้นั้นแล้วท่านจะทำอะไร” หลินสวินถาม

“กลับบ้าน” คงเจวี๋ยคลี่ยิ้ม สายตาแฝงความมุ่งหวัง เหมือนเด็กที่อยากกลับสู้อ้อมอกแม่

หลินสวินเงียบไป ครู่ใหญ่ถึงพูดว่า “อาจารย์อา ตอนนั้นอาจารย์ข้าเคยบอกว่า หากวันใดได้เจอท่าน ก็ให้พาท่านกลับทางเดินโบราณฟ้าดาราด้วย เพราะท่านเป็น ‘ผู้เบิกทาง’ ของทางเดินโบราณฟ้าดารา ยิ่งเป็นอาจารย์อาของพวกเราผู้สืบทอดคีรีดวงกมล”

คงเจวี๋ยอึ้งไป สีหน้าแปรเปลี่ยนไม่สามารถสงบได้

ภาพที่ผิดปกตินี้ทำให้หลินสวินอดมีความหวังไม่ได้

แต่สิ่งที่ทำให้เขาผิดหวังคือ ครู่ต่อมาคงเจวี๋ยก็พึมพำว่า “อาจารย์อาอะไร ผู้เบิกทางอะไร มีเหล้าสำคัญหรือ เจ้าอยากหลอกข้า ไม่ให้ข้าดื่มเหล้าเหมือนคนอื่นๆ ใช่หรือไม่”

หลินสวินถอนหายใจยาว ล้มเลิกการหยั่งเชิงอย่างสิ้นเชิง

เขาสะบัดแขนเสื้อเก็บเหล้าทั้งหมดบนโต๊ะ นี่ทำให้คงเจวี๋ยลนลานขึ้นมา พลันพุ่งไปข้างหน้ากอดขาหลินสวินแล้วกล่าวว่า “เหล้า เหล้าของข้า! ข้าจะดื่มเหล้า!”

ฝ่ามือหลินสวินปรากฏเจดีย์ไร้สิ้นสุดขึ้นมาเงียบๆ พูดว่า “หากท่านอยากดื่ม ก็เข้ามาในเจดีย์นี้ด้วยตัวเอง”

คงเจวี๋ยเงยหน้าขึ้น พูดอย่างยินดี “เจ้าไม่ได้โกหกข้านะ”

หลินสวินพยักหน้า

“ให้ข้าเข้าไปเดี๋ยวนี้ เร็ว!” คงเจวี๋ยพูดอย่างเร่งรีบ

หลินสวินเปิดเจดีย์ไร้สิ้นสุด แสงมรรคสายหนึ่งสาดลงมา

ก็เป็นตอนนี้เอง พลังระเบียบที่ไร้รูประลอกหนึ่งปรากฏในห้องนี้เงียบๆ โดยพลัน

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท