ตอนที่ 2528 รอยแตกที่ทะลุผ่านโบราณสถานทวยเทพ
พลังนั่นปรากฏอย่างไร้สุ้มเสียง ตอนที่หลินสวินสัมผัสได้ร่างกายพลันแข็งทื่อ!!
การคุกคามถึงชีวิตที่ไม่อาจบรรยายออกมาได้นี้เหมือนคมดาบจี้อยู่ตรงคอ แค่ขยับเบาๆ ก็สามารถฆ่าตนได้แล้ว
นั่นเป็นการคุกคามถึงตาย!
ด้วยพลังปราณระดับมกุฎจักรพรรดิขั้นแปดที่เขาครอบครอง ยามเผชิญกับพลังระดับนี้ยังประหนึ่งต้นหญ้าที่รับการโจมตีเดียวไม่ไหว
หลินสวินพลันนึกถึง ‘เฮ่าเทียน’ ขึ้นมา พลังระเบียบที่ปกครองเมืองจรดฟ้า พลังระเบียบที่อย่างน้อยก็ต้องมีคุณสมบัติระดับสวรรค์ขั้นเก้า!
เพราะมีเพียงพลังระเบียบระดับนี้ จึงสามารถให้กำเนิดร่างวิญญาณเช่นเฮ่าเทียนได้
ทว่าเพียงพริบตาเดียว
การคุกคามถึงชีวิตนี้ก็ถูกสลายไป
ระเบียบนิพพานปรากฏขึ้น ประหนึ่งลวดลายดอกบัวที่เบ่งบาน ประกายระเบียบแปลกประหลาดอบอวล บดขยี้พลังระเบียบเฮ่าเทียนนั่นอย่างไร้สุ้มเสียง
ที่น่าเหลือเชื่อคือละอองแสงที่ถูกบดขยี้เป็นผุยผงนั่น ถูกระเบียบนิพพานดูดซับไปทั้งหมด ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังเก็บทรัพย์หลังศึกอย่างไรอย่างนั้น
สวบ!
ระเบียบเฮ่าเทียนประหนึ่งสายฟ้า หรือพูดอีกอย่างว่ารับรู้ได้ถึงความไม่เข้าที จึงสายหายไปในชั่วพริบตา
เห็นเช่นนี้ระเบียบนิพพานก็กลับคืนเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งอีกครา
ทุกอย่างเกิดขึ้นในชั่วพริบตา แต่แผ่นหลังของหลินสวินกลับเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ครู่ใหญ่ถึงถอนหายใจยาว ในใจมีความรู้สึกเหมือนรอดชีวิตหลังประสบเคราะห์
‘มิน่าหลายปีมานี้ถึงไม่มีใครสามารถพาอาจารย์อาคงเจวี๋ยไปได้ มีการปกคลุมของระเบียบเฮ่าเทียนนี้ ต่อให้มีคนคิดไม่ซื่อกับอาจารย์อาคงเจวี๋ยก็ไม่สามารถทำอะไรได้…’
หลินสวินเข้าใจรางๆ แล้ว เป็นเพราะตนเรียกเจดีย์ไร้สิ้นสุดออกมาเมื่อครู่นี้ ถึงดึงดูดให้ระเบียบเฮ่าเทียนปรากฏตัว!
‘ระเบียบนิพพานสามารถสยบและเก็บวิญญาณระเบียบอู๋ซวงได้ ทั้งสามารถสลายระเบียบเฮ่าเทียน ดูจากจุดนี้ ระดับของระเบียบนิพพาน… เกรงว่าคงอยู่ระดับเทพขึ้นไป!’
ในใจหลินสวินกระเพื่อมไหว
เมื่อนานมาแล้วเขาก็รู้สึกว่าระเบียบนิพพานแตกต่าง ทั้งสามารถหลอมสร้างระเบียบแดนนรก ระเบียบโลกมรรคเซียนขึ้นใหม่ ยังสามารถกำราบวิญญาณระเบียบอู๋ซวง ทั้งสร้างพลังระเบียบให้มันใหม่อีกครั้ง ทั้งหมดนี้เห็นได้ชัดว่าเหลือเชื่อมาก
ตอนนี้แม้แต่ระเบียบเฮ่าเทียนที่เป็นไปได้สูงมากว่าจะมาจากเผ่าเทพนิรันดร์ ยังสามารถถูกระเบียบนิพพานสลายการคุกคามได้
นี่ทำให้หลินสวินไม่สามารถมองระเบียบนิพพานเป็นระเบียบระดับสวรรค์ได้
มันมหัศจรรย์เกินไป
หากแบ่งตามระดับ อย่างน้อย… ก็คงจะอยู่ระดับเทพ!
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงการคาดเดาของหลินสวิน
เขาในตอนนี้ยังไม่เคยเหยียบย่างเส้นทางแห่งอมตะ ไม่มีทางเข้าใจและหยั่งรู้นัยเร้นลับของพลังระเบียบได้อย่างแท้จริง
ทำได้เพียงเปรียบเทียบและคาดการณ์เท่านั้น
“ฮ่าๆ ข้ามาแล้ว”
ตอนนี้เองคงเจวี๋ยเหมือนไม่ได้รู้สึกถึงความผิดปกติใดๆ เดินเข้าเจดีย์ไร้สิ้นสุดพร้อมหัวเราะลั่น ชั่วพริบตาก็หายไปแล้ว
แววตาของหลินสวินแปลกประหลาด แผ่จิตรับรู้เข้าไปในเจดีย์ไร้สิ้นสุดทันที
ทันใดนั้นเสียงร้องประหลาดพลันดังขึ้น “อ๋า ข้าเจอใครเนี่ย นี่ๆๆ… อาจารย์อาคงเจวี๋ยไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงตกต่ำจนกลายเป็นสภาพนี้ คงไม่ได้ถูกศิษย์น้องเล็กกำราบเหมือนข้าหรอกกระมัง”
ในเจดีย์ไร้สิ้นสุด หลิงเสวียนจื่อสีหน้าประหลาดใจเต็มประดา จับจ้องคงเจวี๋ยไม่หยุด ท่าทางเหมือนเจอผีอย่างไรอย่างนั้น
คงเจวี๋ยสีหน้างุนงง พึมพำว่า “เหล้าล่ะ เหล้าที่ว่าล่ะ”
หลิงเสวียนจื่อพูดด้วยสายตาแปลกประหลาด “อาจารย์อาคงเจวี๋ย ตอนที่ท่านไปเป็นแขกที่คีรีดวงกมล ข้าอายุเพียงสิบสองกระมัง แต่แวบแรกที่ท่านเห็นข้าก็บอกว่าข้าหลิงเสวียนจื่อหัวรั้น จิตใจไม่สงบ หากกระทำสิ่งชั่วร้ายจะต้องเป็นหายนะครั้งใหญ่ของโลก ท่านยังจำได้หรือไม่”
คงเจวี๋ยนอนลงพื้น ในปากโอดครวญ “เหล้า ข้าต้องการเพียงเหล้า!”
หลิงเสวียนจื่อหลุดขำออกมาทันที จุ๊ปากพูด “ข้าเคยเห็นคนที่แสร้งทำเป็นเลอะเลือนน่าสงสาร แต่ไม่เคยเห็นคนที่แสร้งทำเป็นมรรควิถีสลายสติไม่ดี”
ว่าแล้วก็ยื่นมือเข้าไปหาคงเจวี๋ย
“ศิษย์พี่สี่!” หลินสวินขวางเอาไว้ ทนดูไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว “อาจารย์อาคงเจวี๋ยกลายเป็นสภาพนี้แล้ว เหตุใดท่านยังทำเช่นนี้ได้อีก”
หลิงเสวียนจื่ออึ้ง พลันถอนหายใจยาวกล่าวว่า “ศิษย์น้องเล็ก เจ้าดูไม่ออกหรือว่าข้ากำลังหยั่งเชิง หรือพูดอีกอย่าง เจ้าคิดว่าคนอย่างเขาจะตกต่ำจนกลายเป็นสภาพนี้หรือ เห็นชัดๆ ว่าเขากำลังแสร้งทำเป็นสติไม่ดี!”
หลินสวินขมวดคิ้ว ถ่ายทอดคำพูดที่อาจารย์เคยพูดไว้ตอนนั้นทั้งหมดออกมา
หลิงเสวียนจื่อสีหน้าอึมครึมไม่สามารถสงบได้ เอ่ยว่า “สภาวะจิตมีปัญหาจริงหรือ เหตุใดข้าถึงเชื่อไม่ลงเลย แต่เจ้าวางใจเถอะ ถึงอย่างไรเขาก็เป็นอาจารย์อาของพวกเรา ข้าย่อมไม่มีทางไม่เคารพและละเลย”
หลินสวินคิดๆ แล้วไม่ได้พูดอะไรอีก
เขาลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องส่วนตัว จ่ายเงินก้อนใหญ่ซื้อจอกล่องธารไหลร้อยกว่ากาที่มีอยู่ทั้งหมด แล้วยัดเข้าไปในเจดีย์ไร้สิ้นสุด
หลินสวินย้อนกลับไปโรงเตี๊ยมที่พักตน ไม่มีกะจิตกะใจเดินเล่นอีก
จากข่าวสารที่รู้มา อย่างน้อยสามถึงห้าเดือน อย่างมากหนึ่งปี โบราณสถานทวยเทพที่ถูกเรียกว่าเขตผนึกอันดับหนึ่งจะเส้นทางหนึ่ง
ถึงตอนนั้นสมรภูมิทวยเทพก็จะปรากฏขึ้น
หลินสวินตั้งใจจะทะลวงศักยภาพของตนให้ถึงระดับมกุฎจักรพรรดิขั้นแปดขั้นปลาย!
……
หนึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เมืองจรดฟ้า เส้นทางแสนดาราที่อยู่ไกลๆ
นักพรตเฒ่าที่เงาร่างผอมซูบ มีสง่าราศีปรากฏตัวในห้วงฟ้าดาราอย่างไร้สุ้มเสียง แววตาของเขาขุ่นหมอง เผยกลิ่นอายแห่งกาลเวลา
“สมรภูมิทวยเทพ… ลึกลับสูงส่ง… คงไม่ใช่สมบัติที่ตำหนักเซียนใจกลางเก้าฟ้าเหลือเอาไว้ยามยุคก่อนล่มสลายกระมัง…”
นักพรตเฒ่าสายตาวูบไหว “ไม่สนเรื่องพวกนี้แล้ว ครั้งนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องชิงตำราหยกศุภโชคกลับมา!”
ในใจเขาผุดความชิงชังไร้ขอบเขต นึกถึงตำราหยกศุภโชคที่ถูกหลินสวินเอาไป และนึกถึงความอับอายไร้จำกัดที่ประสบตอนนั้น
ทันใดนั้นสีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นมืดทะมึนเขียวคล้ำ
สุดท้ายนักพรตเฒ่าก็ไม่ได้เข้าเมือง เงาร่างของเขาพริบไหว มาอยู่ส่วนลึกของจักรวาล จำศีลบนดาวโบราณดวงหนึ่ง
บริเวณที่ห่างไกลจากดาวโบราณไปไกล มีธารดาราที่สว่างไสวพร่างพราวผืนหนึ่ง ราวกับปีกผีเสื้อคู่หนึ่งที่จักรวาลให้กำเนิด มีดวงดาวหมื่นล้านโคจรอยู่ภายใน ลึกลับและไพศาล
เมื่อมองอย่างละเอียด กระแสกาลเวลาผันผวน พวยพุ่งอยูใกล้ๆ ธารดารานั้น สาดกลิ่นอายทำลายล้างที่ทำให้คนใจสั่น
นั่นก็คือโบราณสถานทวยเทพ!
ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ถูกยกย่องว่าเป็นเขตผนึกอันดับหนึ่งของแดนใหญ่พันศึก คนที่เข้าไปล้วนไม่มีใครรอดชีวิต!
……
เวลาล่วงเลยไป
บรรยากาศในเมืองจรดฟ้ายิ่งกดดันขึ้นเรื่อย เพราะในเมืองปรากฏเงาร่างของระดับอมตะบางส่วนแล้ว
นี่ทำให้ผู้คนตระหนักได้ว่า การเปิดออกของโบราณสถานทวยเทพ แม้แต่ระดับอมตะยังหวั่นไหว คิดจะเข้าไปแย่งชิง!
ขณะเดียวกันทั่วเมืองจรดฟ้าก็มีเสียงถกกันทั่วทิศ ล้วนเกี่ยวข้องกับข่าวลือของโบราณสถานทวยเทพ
บ้างว่า โบราณสถานทวยเทพนั่นเป็นตำหนักเซียนสูงส่งของยุคก่อน มีนัยเร้นลับนิรันดร์ของยุคก่อนซ่อนอยู่
บ้างว่า ในโบราณสถานทวยเทพเต็มไปด้วยอันตราย มีความเป็นไปได้สูงมากที่จะมีบุคคลน่ากลัวของยุคก่อนซึ่งยังมีชีวิตอยู่
และบ้างก็ว่า โบราณสถานทวยเทพมีศุภโชคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของยุคก่อน ใครสามารถครอบครองได้ ก็จะสามารถยืนอยู่จุดสูงสุดในหมื่นกาลอย่างภาคภูมิ ทะลวงจุดสูงสุด!
…ข่าวลือต่างๆ กระจายไปทั่วเมืองจรดฟ้า ดึงดูดจิตใจของผู้ฝึกปราณไม่รู้เท่าไหร่
ทั้งหมดนี้หลินสวินไม่เคยสนใจ
เขากำลังปิดด่าน
จนกระทั่งสามเดือนหลังจากนั้น
ครืน!
เสียงสะเทือนรุนแรงเสียงหนึ่งดังมาจากส่วนลึกของจักรวาลนอกเมืองจรดฟ้า ชักนำความแตกตื่นฮือฮาไปทั่ว ผู้ฝึกปราณไม่รู้เท่าไหร่ต่างเงยมองไปยังนอกท้องฟ้า
มีรอยแตกขนาดใหญ่ทะลวงผ่านจักรวาล แหวกห้วงอากาศเป็นแนวยาว พาให้คนตัวสั่น!
หลายคนต่างมองเห็นว่ารอยแตกนั่นมาจากส่วนลึกของจักรวาล โบราณสถานทวยเทพที่ราวกับปีกผีเสื้อ
มันจางมาก แต่ยาวเกินไป ปรากฏขึ้นในโบราณสถานทวยเทพ แผ่ออกมาในจักรวาลที่กว้างใหญ่ไม่รู้กี่หมื่นลี้!
“นี่… หรือว่าโบราณสถานทวยเทพจะเปิดออกแล้ว สมรภูมิทวยเทพกำลังจะปรากฏขึ้นแล้ว?!”
เมืองจรดฟ้าแตกตื่น ทุกคนจิตใจสั่นไหว บางคนตัวสั่นเพราะความตื่นเต้น อดแหงนหน้าคำรามขึ้นฟ้าไม่ได้
หมื่นกาลที่ผ่านมา เขตผนึกที่ถูกมองว่าเป็นอันดับหนึ่งในแดนใหญ่พันศึกนี้เป็นสถานที่มรณะแห่งหนึ่ง ไม่ว่าใครเข้าใกล้ล้วนต้องตาย
ระดับอมตะยังไม่กล้าเข้าไปใกล้แม้แต่ก้าวเดียว
แต่ตอนนี้รอยแตกจางๆ นั่นเปิดออกแล้ว แผ่ออกมาจากโบราณสถานทวยเทพ ทะลวงผ่านจักรวาลกว้างใหญ่ โอกาสครั้งนี้จะมาเยือนแล้ว!
“อูๆ…”
เสียงเป่าเขาสัตว์ระลอกหนึ่งดังขึ้นในเมืองจรดฟ้า ยิ่งใหญ่และต่ำลึก ทำให้ฟ้าดินสั่นสะเทือน เสมือนดังมาจากยุคดึกดำบรรพ์ ดังมาจนถึงโลกปัจจุบัน
นี่คือพลังของระเบียบเฮ่าเทียนแห่งเมืองจรดฟ้า เกิดการเคลื่อนไหวที่แปลกประหลาดในวันนี้ นี่หมายความว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงอันน่าตกใจที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์!
“เฮ่าเทียนยังตกใจแล้ว จะต้องเป็นสัญญาณว่าโบราณสถานทวยเทพเปิดออกอย่างแน่นอน!” ระดับอมตะคนหนึ่งส่งเสียงทอดถอนใจ
ไม่นานส่วนลึกของจักรวาล โบราณสถานทวยเทพที่ประหนึ่งปีกผีเสื้อนั่นก็สาดรุ้งเทพมหามรรคที่งดงามพร่าวพราวออกมาสายแล้วสายเล่า สาดส่องไปทั่วทิศ ส่องสว่างจักรวาลทั้งผืน
สว่างไสวหาใดเปรียบ ทำให้คนอึ้งงัน ผู้คนต่างจับจ้องที่ตรงนั้น นิ่งอึ้งโดยสมบูรณ์
นี่คือการวิวัฒน์ของมรรค รุ้งเทพทุกสายล้วนเป็นพลังระเบียบที่มหัศจรรย์ยากคาดเดาชนิดหนึ่ง แผ่กลิ่นอายมรรคเซียนของยุคก่อน รุ่งเรืองไร้ขอบเขต
ตอนนี้อย่าว่าแต่ระดับจักรพรรดิเหล่านั้น ต่อให้เป็นระดับอมตะที่เข้าสู่เมืองจรดฟ้าในช่วงที่ผ่านมานี้ หรือพวกยักษ์ใหญ่ที่มีชีวิตอยู่มาไม่รู้กี่หมื่นปี ต่างสีหน้าหวั่นไหว หรี่ตาเพ่งมองอย่างละเอียด
การเปลี่ยนแปลงของโบราณสถานทวยเทพยิ่งใหญ่เกินไป รุ้งเทพมากมายสาดส่องออกมากลางจักรวาล บรรจุมรรคเซียนของยุคก่อนสะท้อนทั่วฟ้า
“ไป!”
คนที่เคลื่อนไหวก่อนคือเหล่าระดับอมตะพวกนั้น พุ่งออกนอกเมืองไปทันที ทะยานฟ้าไป
จากนั้นผู้ฝึกปราณในเมืองกฌเหมือนเขื่อนระเบิด ต่างเปิดฉากเคลื่อนไหว ชั่วขณะหนึ่งก็เห็นแสงเคลื่อนราวกับสายฝน พุ่งเข้าส่วนลึกของจักรวาลอย่างต่อเนื่อง โอ่อ่ายิ่งใหญ่
ทั้งเมืองเดือดพล่านอย่างสิ้นเชิง
ในอดีตไม่เคยเกิดเรื่องเช่นนี้
หลินสวินเองก็ออกจากโรงเตี๊ยมเช่นกัน อละมองเห็นภาพนี้แล้ว โดยเฉพาะตอนที่เห็นการเปลี่ยนแปลงน่าตกใจของโบราณสถานทวยเทพในส่วนลึกของจักรวาลนั่น เขาเองก็เหม่อลอยไปเช่นกัน
รุ้งเทพบาดตานับไม่ถ้วน เล็กยาวและเจิดจ้า แผ่เต็มฟ้าดาราแถบนั้น ไม่เพียงแค่ดูงดงาม ยังสะท้อนความอัศจรรย์แห่งกลิ่นอายมรรคเซียน
สีสันหลากหลายร่ายระบำ รุ้งเทพดั่งน้ำตกไหลลู่ โดยเฉพาะใกล้ๆ โบราณสถานทวยเทพ ยิ่งมีแสงหมอกที่ราวกับธารดารา ทิวทัศน์น่าตกใจยิ่ง!
“ในที่สุดสมรภูมิทวยเทพก็เปิดแล้ว…” หลินสวินอดทอดถอนใจไม่ได้
ทว่าต่างกับความกระตือรือร้นและตื่นเต้นของคนอื่นๆ เขาใจเย็นมาก นี่อาจจะเป็นวาสนาหนึ่งเดียวในโลกที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์
แต่ขณะเดียวกัน ก็มาพร้อมกับเคราะห์สังหารล้นฟ้าอย่างแน่นอน!
…………………..