Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2534 หนึ่งกระบี่เปิดประตูเกิดดับ

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2534 หนึ่งกระบี่เปิดประตูเกิดดับ

ตอนที่ 2534 หนึ่งกระบี่เปิดประตูเกิดดับ

ผู้แข็งแกร่งของตระกูลหนานเดือดดาลอีกครั้ง ทั้งถูกลิขิตให้ไม่อาจเปลี่ยนแปลงความจริงได้แล้ว

แสงเซียนสายหนึ่งปรากฏ ก่อนโฉบเข้าไปในร่างหลินสวิน กลายเป็นสิ่งพิสูจน์ว่าเขาได้ชัยชนะสองครั้งติดต่อกัน

ผู้ฝึกปราณนับร้อยในลานประลอง กว่าครึ่งมาจากโลกยอดนิรันดร์ แต่เมื่อเห็นภาพทั้งหมดนี้ก็ตกตะลึงและหวาดกลัวอย่างอดไม่ได้

ในที่สุดพวกเขาก็รู้ว่าทำไมตอนนั้นยักษ์ใหญ่อมตะตระกูลฝูที่มาจากน่านฟ้าที่แปดถึงไปเชิญหลินสวินด้วยตัวเอง

สามารถฝากชื่อในร้อยอันดับแรกของกระดานเร้นลับได้ ย่อมไม่ใช่ผู้ที่บุคคลแห่งยุคทั่วไปเทียบได้แน่!

“ในบรรดาพวกเจ้า ใครจะขึ้นมารับความตายอีก” บนสมรภูมิทวยเทพ หลินสวินเอ่ยปากราบเรียบ สายตากวาดมองเหล่าคนตระกูลหนานเหมือนกำลังเลือกเหยื่อ

สายตานั้นทำให้เหล่าคนตระกูลหนานรู้สึกทนไม่ไหวขึ้นมาบ้างแล้ว

“รังแกกันเกินไปแล้ว! ข้าจะสังหารเจ้า!”

“ให้ข้าจัดการเอง!”

เหล่าคนตระกูลหนานแย่งกันพุ่งไปยังทางเดินสีทองนั่น แต่ละคนราวกับถูกกระตุ้น เหมือนสัตว์ปีศาจที่ดวงตาแดงก่ำ

แต่พวกเขาล้วนถูกหนานหย่งเชียงห้ามไว้ เขาหน้าคล้ำเขียว กล่าวเสียงขรึม “ดูไม่ออกรึ เจ้าสวะตัวจ้อยนั่นต้องการยั่วโมโหพวกเจ้า ให้พวกเจ้าไปรนหาที่ตาย!”

“ตายก็ดีกว่าถูกเขาดูหมิ่นเป็นไหนๆ!” เหล่าคนตระกูลหนานล้วนสีหน้าไม่น่าดู

“มีปณิธาน!”

บนสมรภูมิทวยเทพหลินสวินชูนิ้วโป้งให้ “เอาแต่พูดไม่ลงมือทำใช้ไม่ได้ มาๆๆ วันนี้ข้าคนแซ่หลินจะส่งทุกท่านไปลงนรกให้หมดทุกคน”

เหล่าคนตระกูลหนานมีโทสะยิ่งกว่าเดิมแล้ว แต่สุดท้ายก็ถูกหนานหย่งเชียงขวางไว้ หนานเทียนป้ากับหนานเทียนเจิงล้วนตายแล้ว เขาไม่อาจปล่อยให้มีคนในตระกูลสิ้นชีพอีก

“เฒ่าสวะ เจ้าเป็นถึงบรรพจารย์มรรค ขาดทุนไปมากขนาดนี้ ยังมองคนในตระกูลสิ้นชีพตาปริบๆ ได้แต่ทำตัวเป็นเต่าหดหัวหรือ”

สายตาของหลินสวินมองไปทางหนานหย่งเชียง ไม่อำพรางแววท้าทายแม้แต่น้อย

ใช่ว่าเขาทรงพลังไม่ไว้หน้าใคร แต่ตอนอยู่เมืองจรดฟ้าสี่ตระกูลตงหวงที่รวมถึงตระกูลหนานร่วมมือกัน ป่าวประกาศว่าจะสังหารเขาบนสมรภูมิทวยเทพนี้

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หลินสวินมีหรือจะเกรงใจ

“เจ้าหมอนี่ถึงกับท้าทายบรรพจารย์จักรพรรดิคนหนึ่งเช่นนี้!?” ผู้ฝึกปราณบนลานประลองพวกนั้นต่างฮือฮา ระส่ำระสายไม่หยุด

บรรพจารย์มรรคดั่งปราการสวรรค์กำราบระดับจักรพรรดิ ต่อให้เป็นมกุฎมหาจักรพรรดิก็ยากจะต้านทาน ตั้งแต่อดีตมีผู้โดดเด่นสะดุดตานับไม่ถ้วนหมายจะทำลายปราการสวรรค์นี้ แต่เกือบทั้งหมดล้วนจบลงด้วยความล้มเหลว

แต่ตอนนี้พวกเขามองเห็นอะไร

หลินสวินกำลังท้าทายบรรพจารย์จักรพรรดิ!

หากไม่ใช่ว่าอานุภาพร้ายกาจที่หลินสวินเผยออกมาก่อนหน้านี้ยิ่งใหญ่เกินไป พวกเขาคงวิจารณ์โจมตีหลินสวินว่าหลงระเริงอย่างอดไม่ได้ เหมือนบ้าไปแล้วจริงๆ

“ดี ดี ดี!”

หนานหย่งเชียงโกรธจนผมตั้ง พูดคำว่าดีติดๆ กัน ทั้งตัวเหมือนสัตว์ปีศาจดึกดำบรรพ์ที่ถูกยั่วโทสะ สีหน้าเหี้ยมโหดชวนประหวั่น “เดิมทีข้าก็คิดสังหารเจ้า แต่ตอนนี้ดูท่าว่าการฆ่าเจ้าคงง่ายเกินไป ไม่แน่ว่าคงได้แต่หลอมพลังจิตของเจ้า ทำให้เจ้าอยู่ก็ไม่ได้ ตายก็ไม่สามารถ!”

เขาพูดพลางก้าวไปบนทางเดินสีทองนั่น

“ผู้อาวุโส ต้องแก้แค้นให้ญาติผู้พี่ทั้งสองนะขอรับ!”

เหล่าคนตระกูลหนานพากันตะโกนอย่างคับแค้นใจ

ฟุ่บ!

เงาแสงพุ่งวาบ หนานหย่งเชียงปรากฏตัวบนสมรภูมิทวยเทพแล้ว เพียงพริบตากลิ่นอายบรรพจารย์จักรพรรดิที่น่าหวาดกลัวไร้ขอบเขตพุ่งออกมาจากตัวเขา ทำให้เมฆลมเปลี่ยนสี ฟ้าดินสั่นสะเทือน

ผมเผ้าหนวดเคราเขาพลิ้วไหว ชุดแขนกว้างโบกสะบัด เงาร่างผอมราวกับเทพทรงพลัง บีบกดจนห้วงอากาศใกล้เคียงระเบิดออก

ทุกคนในลานประลองล้วนใจสะท้าน

บรรพจารย์มรรค หากอยู่ในโลกยอดนิรันดร์ก็เป็นผู้ยิ่งใหญ่มากอิทธิพล โอหังเหนือระดับจักรพรรดิ มีอำนาจเหนือสรรพสิ่ง ก้มมองใต้หล้า

นอกจากเหล่าบุคคลระดับอมตะแล้ว บรรพจารย์จักรพรรดิก็นับว่าสูงสุด!

หนานหย่งเชียงไม่ใช่บรรพจารย์มรรคทั่วไปแน่นอน เขามาจากน่านฟ้าที่เจ็ด ไม่เพียงฐานะสูงส่ง มรรควิถียังลึกล้ำยากหยั่งถึง สามารถทำให้ระดับจักรพรรดิคนใดก็ตามรู้สึกสิ้นหวัง

อย่างน้อยในสมรภูมิทวยเทพนี้ หากหนานหย่งเชียงครองสังเวียนก็แทบไม่มีใครโง่ไปสู้กับเขาแน่

การปรากฏตัวของหนานหย่งเชียงไม่ได้ทำให้สีหน้าหลินสวินมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ

คนทั่วไปต่างคิดว่าบรรพจารย์มรรคที่ตายในมือเขาช่วงหลายปีนี้ถูกไพ่ตายบางอย่างบนตัวเขาฆ่า

น่าเสียดาย สิ่งที่คนทั่วไปเชื่อก็ใช่ว่าจะถูกต้องเสมอไป!

ในวันนี้เขาจะบอกกล่าวกับผู้คนในใต้หล้า ว่าปราการสวรรค์ที่แทบไม่มีใครก้าวล่วงได้ตั้งแต่โบราณกาลมา สามารถทำลายได้!

ชิ้ง!

เสียงกระบี่ครวญดังออกมาจากร่างหนานหย่งเชียง

จากนั้นตรงหว่างคิ้วเขา กระบี่โบราณเล่มหนึ่งพุ่งออกมา กลายเป็นประกายกระบี่เจิดจรัสสายหนึ่ง ราวกับมังกรเหินสะบั้นเวิ้งฟ้า ทำลายทะเลหมอกจนแหลกละเอียด

แววตาหนานหย่งเชียงเยียบเย็น ราวกระบี่เทพเล่มหนึ่งพุ่งทะยานสู่ฟ้ากว้าง

ไม่มีคำพูดไร้สาระ ทั้งไม่ชักช้าแม้เพียงเสี้ยว เขายื่นมือกุมกระบี่โบราณเล่มนั้นแล้วฟันออกไปทันที

ฉัวะ!

เมื่ออยู่ต่อหน้ากระบี่เล่มนี้ ห้วงอากาศพันจั้งปริแตก ปรากฏรอยแยกมหึมาสายหนึ่ง ปราณกระบี่ทะลวงเมฆนั้นเหมือนกระบี่เทพสะบั้นเก้าชั้นฟ้า ราวกับผืนฟ้าปฐพีล้วนแตกทลายต่อหน้ากระบี่เดียวนี้

ทันทีที่กระบี่นี้ปรากฏ

ทุกคนในลานประลองล้วนตื่นตระหนกหน้าถอดสีเพราะมัน

ถ้าจะกล่าวอย่างเคร่งครัด หนานหย่งเชียงถูกเรียกว่าบรรพจารย์กระบี่! เป็นบรรพจารย์กระบี่คนหนึ่ง!

ระดับนี้น่าหวาดกลัวแค่ไหนกันแน่

เมื่อเห็นกระบี่พาดขวางเวิ้งฟ้า ทุกคนจึงรู้ถึงความน่ากลัวของบรรพจารย์กระบี่คนหนึ่งอย่างแท้จริง

เปรียบเทียบกันแล้ว หนานเทียนป้ากับหนานเทียนเจิงก่อนหน้านี้เหมือนห่างชั้นจนไม่อาจเทียบได้ ดูอับแสงยิ่งนัก ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น แค่กระบี่แรกที่หนานหย่งเชียงลงมือนี้ก็เพียงพอจะฆ่าพวกเขาได้!

ด้วยหนึ่งกระบี่นี้ยิ่งใหญ่เกรียงไกรราวกับธารดาราเก้าฟ้าร่วงหล่น มองไม่เห็นจุดเริ่มต้นและสิ้นสุด แข็งแกร่งและน่าหวาดกลัวเกินไป

“เริ่มได้ดี!”

นัยน์ตาหลินสวินส่องประกายโชติช่วง

เหนือศีรษะเขาเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งปรากฏเงียบๆ แสงมรรคนับหมื่นแสนไหลวน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาใช้ศาสตราจักรพรรดิบริสุทธิ์หลังจากก้าวสู่สมรภูมิทวยเทพ

ภายในร่างเขามรรควิถีทั้งตัวลุกโชนราวกับเตาหลอมกลียุค โคจรถึงขีดสุด ส่งเสียงกัมปนาทต่อเนื่อง อานุภาพทั้งตัวพลันยกระดับถึงขั้นเป็นประวัติการณ์

“เปิด!”

หลินสวินตวาดลั่น ผมดำแผ่สยาย

เบื้องหน้าเขาพลันปรากฏหุบเหวหนึ่ง เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งเคลื่อนคล้อยอยู่ภายใน ปกป้องหลินสวินไว้ในนั้นอย่างแน่นหนา ยามปราณกระบี่หมื่นจั้งนั้นเคลื่อนเข้ามา เห็นเพียงเหวลึกส่งเสียงกัมปนาทก่อน จากนั้นจึงกลืนปราณกระบี่นับไม่ถ้วนไปเหมือนปากมหึมา

ต่อมาในเหวลึกควบรวมพลังที่วิวัฒน์จากกฎเกณฑ์มหามรรคนานัปการ ราวกับค้อนทรงพลังเกินต้านทานนับหมื่นพัน ซัดปราณกระบี่จนฟุ้งกระจาย

เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งส่งเสียงกัมปนาท พลังที่ปลดปล่อยออกมาลบล้างปราณกระบี่ที่สามารถกรีดผ่าฟ้ากว้างนั้นจนสิ้น สลายไปจนมองไม่เห็น

“นี่…”

ผู้ชมการต่อสู้มากมายเบิกตากว้าง นั่นเป็นถึงกระบี่แฝงโทสะของบรรพจารย์มรรค สามารถกำราบมหาจักรพรรดิคนใดก็ตามได้อย่างง่ายดาย

แต่ตอนนี้กลับถูกมกุฎมหาจักรพรรดิขั้นแปดอย่างหลินสวินสลายในการปะทะซึ่งหน้า!

นี่น่าเหลือเชื่อเกินไปโดยไม่ต้องสงสัย ล้มล้างความเข้าใจของทุกคนอย่างสิ้นเชิง!

“ฮึ!”

หนานหย่งเชียงแค่นเสียงเย็นชา เขาดีดนิ้วบนกระบี่โบราณนั้นอย่างแผ่วเบาเหมือนเล่นผีผา

ทุกครั้งที่เขาดีดนิ้วจะมีกระบี่เล็กเล่มหนึ่งพุ่งออกมา เมื่อดีดเก้าครั้งก็กลายเป็นกระบี่บินเก้าเล่ม กระบี่บินเก้าเล่มนี้สร้างรุ้งกระบี่ยาวเก้าสายกลางอากาศ ฟันไปทางหลินสวินเหมือนธารสวรรค์เคลื่อนขวาง

ฟุ่บ!

เมื่ออยู่ต่อหน้ากระบี่เก้าเล่มนี้ ระยะห่างของห้วงอากาศเหมือนไม่คงอยู่ จ่อปลายมาถึงหน้าหลินสวินเกือบจะในพริบตา

ตูม!

ฟ้าพลิกดินตลบ สุริยันจันทราหมุนกลับ

แสงกระบี่เก้าสายพุ่งเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เหวลึกเบื้องหน้าหลินสวินสั่นสะเทือนรุนแรงทันที ถึงตอนท้ายหุบเหวลึกมีสัญญาณว่าจะพังทลายอยู่รางๆ

หุบเหวนี้เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงมรรควิถีทั้งตัวของหลินสวิน แค่คิดก็รู้แล้วว่าอานุภาพของกระบี่ทั้งเก้านี้ชวนตะลึงระดับใด

“ทลาย!”

เวลานี้หลินสวินก็ไม่กล้าประมาท กระตุ้นเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งเข้าโจมตี

ปึงๆๆ!

เสียงปะทะหนาหนักราวอสนีบาตดังขึ้น ปราณกระบี่ไขว้ตัดสลับกัน สะท้านเก้าชั้นฟ้า เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งถูกฟันจนครวญคร่ำไม่หยุด

เพียงชั่วขณะทั้งสองก็ห้ำหั่นกันนับร้อยพันครั้ง

สุดท้ายพร้อมกับเสียงระเบิดดังกึกก้อง ปราณกระบี่เก้าสายนั้นถูกหลินสวินใช้เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งซัดแตกทุกสาย พังทลายดับสลายกลางอากาศ

ทุกคนในลานประลองไม่อาจสงบใจ สภาวะจิตปั่นป่วน ภายใต้ระยะห่างหนึ่งระดับใหญ่ หลินสวินถึงขั้นห้ำหั่นกับบรรพจารย์มรรคซึ่งหน้าได้!

นี่เหมือนปาฏิหาริย์อย่างหนึ่ง หากกระจายออกไปต้องชักนำความปั่นป่วนให้ใต้หล้าแน่นอน

ถึงอย่างไรในการต่อสู้ครานี้หลินสวินก็ไม่ได้ใช้ไพ่ตาย หากแต่พึ่งพาพลังต่อสู้กับศาสตราจักรพรรดิบริสุทธิ์ของตนก็สามารถทัดเทียมกับหนานหย่งเชียงได้!

“กระบี่ขวางเก้าฟ้าป่วนจักรวาล หนึ่งกระบี่เปิดประตูเกิดดับ!”

ในน้ำเสียงแฝงความเยียบเย็น หนานหย่งเชียงพลันก้าวเดินขึ้นมา กระบี่โบราณในมือเปลี่ยนเป็นประกายกระบี่เจิดจรัสที่แผ่ไพศาลกว่าก่อนหน้านี้ พุ่งออกมาอีกครั้งเหมือนมังกรทะยานสู่ฟากฟ้า

ฉัวะ!

ห้วงอากาศถูกหนึ่งกระบี่นี้ผ่าเป็นสองซีก แหวกเปิดเป็นรอยแยกน่าสะพรึง คลื่นลมนับไม่ถ้วนทะลักออกมา ฟ้าดินขุ่นมัวไปทั้งแถบ พลังดั้งเดิมแผดเสียงคำราม ราวกับโลกกำลังพลุ่งพล่าน

ตึง!

หลินสวินใช้เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งต้านทาน พลังรอบตัวม้วนซัดรุนแรง สุดท้ายคล้ายรับอานุภาพหนึ่งกระบี่นี้ไม่ไหว กระเด็นออกไปด้านหลัง

หนึ่งกระบี่นี้ทำให้หลินสวินถอยร่น!

“ฆ่ามันเลยๆ!” เหล่าคนตระกูลหนานตะโกนอย่างตื่นเต้น

หลายคนต่างลอบถอนใจอย่างอดไม่ได้ สามารถสู้กับบรรพจารย์มรรคซึ่งหน้าได้ก็ไม่ง่ายแล้ว หลินสวินคิดทำลายปราการสวรรค์นี้ย่อมยากจะเห็นความหวัง ถึงอย่างไรก็เป็นแค่มกุฎมหาจักรพรรดิขั้นแปดคนหนึ่ง จะแบ่งสูงต่ำกับบรรพจารย์มรรคได้อย่างไร

ทว่า…

สิ่งที่ทำให้ทุกคนคิดไม่ถึงคือ

แม้จะถูกซัดถอยหลัง แต่หลินสวินกลับไม่ถูกกำราบอย่างแท้จริง กลับเป็นว่ายิ่งสู้ยิ่งหาญกล้า!

ตรงข้ามสีหน้าของหนานหย่งเชียงกลับอึมครึมลงทีละน้อย เห็นได้ว่าไม่น่าดูยิ่งนัก ประหนึ่งว่าการที่ไม่อาจสังหารหลินสวินได้สักทีทำให้เขาเสียหน้า

“หมื่นยอด”

“นรกอุดร”

“เก้าเคราะห์”

“นรกสงัด”

แค่ชั่วพริบตาหนานหย่งเชียงเผยกระบี่ยอดสังหารสี่อย่างออกมา ทำให้ทุกคนในที่นั้นสับสนตาลาย ตื่นตระหนกอย่างต่อเนื่อง

กลางสมรภูมิทวยเทพถูกปราณกระบี่หลากสายฉีกทึ้ง กลายเป็นห้วงสมุทรปั่นป่วน พลังมรรคกระบี่ระดับนั้นน่ากลัวเกินไปแล้ว ดั่งมังกรพิโรธม้วนกลืนสวรรค์ ปราณกระบี่มากมายหยัดแยกฟ้าดิน เสียงอึงอลหมุนวน ราวกับจะสะบั้นเวิ้งฟ้าแถบนั้นจนสิ้น!

“เปิดทางให้ข้า!”

หลินสวินที่ถูกปราณกระบี่นับไม่ถ้วนปกคลุมต่อสู้ถึงขีดสุด แสงมรรครอบตัวพลุ่งพล่านกึกก้อง สำแดงพลังถึงขีดจำกัดเป็นประวัติการณ์ออกมาในยามนี้

ถึงตอนท้ายทั้งตัวเขาเหมือนเตาหลอมแต่ไม่ใช่เตาหลอม คล้ายเหวลึกแต่ไม่ใช่เหวลึก เผยอานุภาพยิ่งใหญ่เหมือนไร้ขอบเขตและไร้สิ้นสุด กฎเกณฑ์มหามรรคนานัปการวิวัฒน์ออกมาเป็นลักษณ์ประหลาดน่าเหลือเชื่อมากมาย ปรากฏขึ้นบนโลกราวกับกระแสน้ำ

โดยเฉพาะเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งที่ส่งเสียงใสดุจกระแสน้ำ ราวกลายเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายหลินสวิน ควบคุมพลังศักดิ์สิทธิ์ ห้ำหั่นกลางฟ้าดินพร้อมหลินสวิน

มองจากไกลๆ เขาถึงกับบดขยี้สลายมหาสมุทรปราณกระบี่ชั้นแล้วชั้นเล่านั้น ฝืนปะทะกับกระแสพลังดุดัน พุ่งเข้าไปใกล้หนานหย่งเชียงแล้ว!

………………………..

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท