Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2535 สำหรับข้าปราการสวรรค์เหมือนไร้ตัวตน

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2535 สำหรับข้าปราการสวรรค์เหมือนไร้ตัวตน

ตอนที่ 2535 สำหรับข้าปราการสวรรค์เหมือนไร้ตัวตน

บนสมรภูมิทวยเทพราวกับจักรวาลแรกกำเนิดผ่าเปิด ห้วงอากาศทั้งหมดถูกกรีดแหวก กลายเป็นใจกลางพายุ เศษเสี้ยวอากาศนับไม่ถ้วนม้วนพัดขึ้นมา

หลินสวินแหวกผ่านอากาศ ถึงกับต้านปราณกระบี่หลากสายบุกไปถึงตรงหน้าหนานหย่งเชียง ภาพหาญกล้าไร้เทียมทานและซัดกวาดสังหารนั้น ทำให้ผู้คนนับไม่ถ้วนตกใจจนลูกตาแทบถลน

นัยน์ตาหนานหย่งเชียงหดรัดเล็กน้อย แต่ไม่ตื่นตระหนก พาดกระบี่แนวขวางตั้งรับ

ตึง!

เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งกระแทกลงมา

กระบี่โบราณที่อบอวลกลิ่นอายอมตะหลากสายของหนานหย่งเชียงถึงกับรับการโจมตีของหลินสวินไม่อยู่ ส่งเสียงครวญรุนแรงขึ้นมาทันที ปราณกระบี่ซัดสาดดุจสายฝน

เมื่อถูกจู่โจมเช่นนั้น เงาร่างหนานหย่งเชียงไหวเอน ถึงกับถูกซัดจนถอยกลางอากาศไปหลายก้าว ใบหน้าชราพลันคล้ำเขียว หว่างคิ้วเผยแววเคร่งเครียดอย่างควบคุมไม่อยู่

มรรควิถีของเจ้าหมอนี่แข็งแกร่งยิ่ง!

ขณะเดียวกันทุกคนบนลานประลองอึ้งงันและไม่กล้าเชื่อ

บรรพจารย์กระบี่ผู้สูงส่งคนหนึ่งถึงกับถูกสั่นคลอน!?

นี่ทำให้ผู้คนเกือบสงสัยว่าฝันไป

‘ได้แต่ทำเช่นนี้แล้ว…’

หนานหย่งเชียงส่ายหัวเล็กน้อย ประกายวับวาววาบผ่านนัยน์ตา กล่าวด้วยความเวทนาเสี้ยวหนึ่ง

“ลืมบอกเจ้าว่าสิ่งที่ข้าสำแดงเมื่อครู่ เป็นแค่พลังของบรรพจารย์จักรพรรดิทั่วไป ตอนนี้ต่างหากจึงจะเป็นอานุภาพของบรรพจารย์มรรคกระบี่ที่แท้จริง!”

เมื่อพูดจบคลื่นพลังที่แข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้หลายเท่าพลันพุ่งออกมาจากตัวเขา เขายืนอยู่กลางอากาศเช่นนั้น ราวกับเสาค้ำสวรรค์ที่หยัดแยกฟ้าดินต้นหนึ่ง

ห้วงอากาศทั่วสมรภูมิทวยเทพพลันทรุดตัวโดยมีหนานหย่งเชียงเป็นศูนย์กลาง กลายเป็นวังวนปราณกระบี่มหึมา

เขายืนอยู่กลางวังวนประหนึ่งเทพ!

แต่ยังไม่สิ้นสุดเพียงเท่านี้

เห็นแค่หนานหย่งเชียงยื่นมือออกมาอย่างแผ่วเบา กระบี่โบราณที่ส่งเสียงครวญอย่างรุนแรงนั้นหวนคืนสู่ความเงียบสงบ จากนั้นม้วนภาพลึกลับมากมายปรากฏออกมาจากตัวกระบี่

มีการโจมตีอหังการที่สังหารเทพมาร มีแสงไหววาบชวนตะลึงที่ทะลวงผ่านตะวันจันทราธารดารา มีปราณกระบี่ดั่งสายน้ำดับสลายทำลายล้างโลกใหญ่แห่งหนึ่ง มี…

“ข้าก้าวสู่ระดับบรรพจารย์มาสามหมื่นหกพันปี มรรควิถีทั้งตัวเคี่ยวกรำบนเส้นทางเป็นตาย ปีนั้นเพื่อหลอมกระบี่นี้ ข้าเคยใช้วัตถุอมตะเป็นหินลับกระบี่ ผ่านการตีหลอมมาหมื่นปีจึงแฝงคมประกาย วันนี้ข้าจะให้เจ้าหนูอย่างเจ้าได้เปิดหูเปิดตา ว่าอะไรเรียกว่าอานุภาพของบรรพจารย์กระบี่ที่แท้จริง”

วู้ม!

หนานหย่งเชียงดีดนิ้วเบาๆ

ตัวกระบี่โบราณที่แต่เดิมยาวแค่หนึ่งฉื่อถึงกับเปลี่ยนเป็นยาวสามฉื่อ ภาพมรรคมากมายบนตัวกระบี่ก็หลอมรวมเป็นภาพกระบี่ที่สมบูรณ์ภาพหนึ่ง

ปราณกระบี่ล้นฟ้าเทียมดินเก้าสายกลายเป็นรุ้งกระบี่เก้าสี เปล่งประกายไหววูบอยู่ในภาพกระบี่

ทอง ไม้ น้ำ ไฟ ดิน ลม อสนี หยิน หยาง!

เจตกระบี่ระดับบรรพจารย์มรรคที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงเก้าอย่างโอบล้อมอยู่ในภาพกระบี่ ส่งเสียงกังวานเร้าระทึกเคียงคู่กระบี่โบราณเล่มนั้น!

สุดท้ายกระบี่โบราณเล่มนั้นกับภาพกระบี่ล้วนกลายเป็นเจตกระบี่พันจั้งราวภาพมายาสายหนึ่ง ถูกหนานหย่งเชียงยึดกุมไว้ เจตกระบี่ชวนประหวั่นทะยานสู่ฟากฟ้า

ปราณกระบี่ยังมาไม่ถึง เจตกระบี่ก็นำไปก่อนแล้ว ห้วงอากาศพลันถูกเจตกระบี่แหวกผ่านทันที ช่องอากาศยาวพันจั้งสายหนึ่งแผ่ขยายจากเบื้องหน้าหนานหย่งเชียงไปอย่างรวดเร็ว

ทุกคนรู้สึกเพียงว่าเห็นภาพมหัศจรรย์

ฟ้าดินแยกจากกันจนเกิดช่องโหว่มหึมาสายหนึ่ง ปราณกระบี่เฉียบคมนับไม่ถ้วนเอ่อล้นออกมา หนานหย่งเชียงยังไม่ออกกระบี่ก็ผ่าแหวกอากาศแล้ว!

พลังผนึกป้องกันที่ปกคลุมบนสมรภูมิทวยเทพดังกระหึ่มขึ้นมาอย่างรุนแรง เหมือนถูกอานุภาพกระบี่ชวนประหวั่นสั่นคลอน

หนานหย่งเชียงในตอนนี้เหมือนเทพกระบี่ในตำนาน ทั้งตัวล้วนปลดปล่อยปราณกระบี่ยิ่งใหญ่หยิ่งผยองออกมา

กระบี่โบราณส่งเสียงอึงอล

ปราณกระบี่ทะลวงเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน!

เมื่อหนานหย่งเชียงฟันกระบี่ออกมาอย่างแท้จริง ทุกคนจึงเข้าใจในที่สุดว่าพลังของบรรพจารย์กระบี่ที่แท้จริงนั้นน่ากลัวระดับใด

เมื่อหนึ่งกระบี่นี้ฟันออกมา สมรภูมิทวยเทพดุจกลายเป็นกรงขังที่ถูกพันธนาการ ทั้งตัวหลินสวิน รวมถึงห้วงอากาศในรัศมีพันจั้งที่เขาอยู่ล้วนถูกทำให้ชะงักค้าง

ควบคุมห้วงอากาศ!

กระบี่นี้ของหนานหย่งเชียง ถึงกับสะท้อนนัยเร้นลับแห่งห้วงอากาศว่างเปล่าออกมาถึงขีดสุด!

“ปีนั้นหนานหย่งเชียงกลายเป็นบรรพจารย์ด้วยมรรคแห่งห้วงอากาศ ทั้งก่อให้เกิดความปั่นป่วนในน่านฟ้าที่เจ็ด อาศัยเจตกระบี่แห่งห้วงอากาศทำให้คนรุ่นเดียวกันนับไม่ถ้วนพ่ายแพ้ภายใต้กระบี่นี้ ไม่มีใครไม่เลื่อมใสสุดจิตสุดใจ”

ชายชราคนหนึ่งในลานประลองอดทอดถอนใจไม่ได้

ในน่านฟ้าที่เจ็ด กระบี่แห่งห้วงอากาศของหนานหย่งเชียงสะเทือนดินแดนแห่งหนึ่งได้จริงๆ ทำให้ระดับอมตะมากมายเหลียวมอง เห็นเขาเป็นอัจฉริยะมหามรรค วันหน้าหากก้าวสู่มรรคาอมตะได้ ความสำเร็จต้องเจิดจรัสกว่านี้แน่!

แม้แต่คนที่ไม่รู้อดีตของหนานหย่งเชียง ยามเห็นภาพนี้ตอนนี้ก็ใจสั่นอย่างอดไม่ได้

หลินสวินนั่นจะต้านกระบี่นี้อย่างไร

ภายใต้การจับจ้องของสายตาผู้คนนับไม่ถ้วน ภายใต้หนึ่งกระบี่นี้ เหวลึกตรงหน้าหลินสวินทลายออกจากกันเป็นชั้นๆ ราวกับไก่กระเบื้องสุนัขดินเผา

ปราณกระบี่แห่งห้วงอากาศดุจมายานั้นยังมาไม่ถึง เจตกระบี่ที่น่าหวาดกลัวก็พุ่งมาถึงหน้าหลินสวินแล้ว

หลินสวินพลันหัวเราะ หัวเราะจนทำให้ทุกคนไม่เข้าใจความหมาย

“ที่แท้เจ้าก็ซ่อนความสามารถไว้ พอดี… ข้าก็ซ่อนพลังไว้เช่นกัน” หลินสวินเอ่ยราบเรียบ

จากนั้นพลังรอบตัวหลินสวินยกระดับขึ้นด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อและพลุ่งพล่าน อานุภาพชวนประหวั่นกว่าก่อนหน้านี้แผ่ออกมาจากร่างเขาทันที

ถ้ากล่าวว่าก่อนหน้านี้หลินสวินเรียกได้ว่าเป็นราชันไร้คู่ต่อกรในระดับมกุฎมหาจักรพรรดิขั้นแปด มีพลังที่สู้กับบรรพจารย์จักรพรรดิได้แล้ว

เช่นนั้นพลังที่เขาสำแดงออกมาในตอนนี้ย่อมอยู่เหนือขีดจำกัดของระดับนี้โดยสิ้นเชิง บรรลุถึงขั้นน่าเหลือเชื่ออย่างหนึ่ง ทั่วร่างประหนึ่งกลายเป็นเตาหลอมหุบเหวลึก มรรควิถีทั้งตัวประสานรวมเป็นหนึ่ง ทำให้เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งพลุ่งพล่านดังสนั่น สะท้อนสอดรับกับเงาร่างเขา

นี่จึงจะเป็นพลังต่อสู้ถึงขีดสุดของเขา เวลานี้เขาเพิ่งเผยมรรควิถีทั้งตัวออกมาเต็มกำลัง!

ตูม!

ห้วงอากาศพลันแยกออกจากกัน ห้วงอากาศว่างเปล่าที่ถูกพันธนาการเหมือนกรงขังก่อนหน้านี้ ยามนี้พลันระเบิดออกต่อหน้าหลินสวินทันที กลายเป็นเศษเสี้ยวอากาศนับไม่ถ้วน

ต่อมาเจตกระบี่แห่งห้วงอากาศที่น่ากลัวถึงขีดสุดสายนั้น เพิ่งปะทะร่างของหลินสวินก็ส่งเสียงระเบิดเสียดหูเหมือนชนใส่แผ่นเหล็ก รอบตัวหลินสวินเหมือนหลุมดำในจักรวาล กลายเป็นวงแสงสายหนึ่งที่บดขยี้กลืนกินการโจมตีทุกอย่าง

สุดท้ายภายใต้สายตาตื่นตระหนกของทุกคน

หลินสวินใช้เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งโจมตี บดขยี้ประกายกระบี่ห้วงอากาศดุจภาพมายานั้นอย่างง่ายดาย ละอองแสงที่ระเบิดออกซัดสาดเก้าชั้นฟ้า

“นี่เป็นไปได้อย่างไร”

ไม่ใช่แค่ผู้ชมการต่อสู้มากมาย แม้แต่หนานหย่งเชียงก็สีหน้าตื่นตระหนก หน้าเปลี่ยนสียกใหญ่

กระบี่นี้เป็นถึงภาพสะท้อนอันสมบูรณ์แบบหลังจากเขาแจ้งมรรคระดับบรรพจารย์ แต่ตอนนี้กลับทำอะไรหลินสวินไม่ได้แม้แต่ปลายเล็บ นี่น่าเหลือเชื่อจริงๆ

พลังน่าหวาดกลัวที่หลินสวินครอบครองตอนนี้ ไม่เหมือนสิ่งที่มกุฎมหาจักรพรรดิขั้นแปดคนหนึ่งสามารถครอบครองได้ ในโลกยอดนิรันดร์ก็ไม่เคยพบเห็น ไม่เคยได้ยินมาก่อน!

“ไม่อาจใช้ไพ่ตายแล้วอย่างไร หลายปีที่ผ่านมานี้ บรรพจารย์จักรพรรดิที่ข้าคนแซ่หลินสังหารด้วยมือตัวเองไม่ได้มีแค่คนเดียว คิดจริงหรือว่าข้าพึ่งพาแค่พลังภายนอกจึงก้าวมาถึงวันนี้ได้ ข้าคนแซ่หลินขอพูดตามตรง บางทีในโลกยอดนิรันดร์ ปราการสวรรค์ระดับบรรพจารย์อาจไม่สามารถถูกทำลาย”

“แต่หากข้าต้องการ ใช้เท้าเดียวเหยียบให้แหลกก็ย่อมได้!”

หลินสวินก้าวเหยียบอากาศเข้ามา ทั้งตัวเขาปกคลุมด้วยเหวลึกที่พาให้คนใจสั่นระรัว เดินไปหาหนานหย่งเชียงทีละก้าว

ไม่ว่าหนานหย่งเชียงจะบ้าคลั่ง ฟันเจตกระบี่แห่งห้วงอากาศหลากสายออกมา ปราณกระบี่มืดฟ้ามัวดินเจิดจ้าขวางเวิ้งฟ้า พันธนาการห้วงอากาศทั้งมวล

แต่ล้วนถูกหลินสวินเหยียบแหลกทั้งหมดราวพันธนาการและกรงขังที่เปราะบาง เมื่อฟันลงบนร่างก็ถูกเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งขวางไว้หมด

เวลานี้ผู้ชมการต่อสู้ทุกคนล้วนตกใจจนหน้าถอดสี

นี่คือพลังอะไร ไปอยู่กับตัวมกุฎมหาจักรพรรดิขั้นแปดคนหนึ่งได้อย่างไร

เพียงพริบตาความเข้าใจที่พวกเขาเชื่อมั่นในอดีต รวมถึงความคิดที่หยั่งรากลึก ล้วนประหนึ่งถูกล้มล้างอย่างสมบูรณ์

ความจริงคือไม่อาจจินตนาการได้อย่างสิ้นเชิงแล้ว ปราการสวรรค์ของบรรพจารย์จักรพรรดิ ถูกก้าวผ่านได้หรือ ถูกทำลายได้ด้วยหรือ!

หนานหย่งเชียงก็ไม่อาจสงบนิ่งได้แล้ว สีหน้าเขาจริงจังยิ่งยวด แฝงแววคล้ำเขียวอยู่รางๆ สำแดงมรรควิถีทั้งตัวสุดกำลัง เจตกระบี่ไขว้ตัดสลับกัน เผยมรรคกระบี่แห่งห้วงอากาศที่สะเทือนใต้หล้า

ห้วงอากาศที่ซ้อนทับกันราวกับกลีบดอกไม้เบ่งบาน ทั้งเหมือนโลกปราณกระบี่แน่นหนาพุ่งเข้ามาดุจย้ายเขาคว่ำสมุทร ทุกการโจมตีล้วนสามารถสังหารระดับมหาจักรพรรดิได้โดยง่าย น่ากลัวจนไม่อาจจินตนาการ

แต่การโจมตีพวกนี้ล้วนถูกหลินสวินซัดพินาศไปสิ้น!

“หากไม่ได้อยากดูว่าบรรพจารย์กระบี่ซึ่งมาจากน่านฟ้าที่เจ็ดอย่างเจ้ามีความสามารถมากแค่ไหน เกรงว่าเจ้าคงไม่รอดมาถึงตอนนี้แน่”

แววตาหลินสวินเยียบเย็น ท่าทางสุขุม

หวนนึกถึงปีนั้นยามอยู่ระดับมกุฎจักรพรรดิขั้นเจ็ด เขายังไปสู้กับเหิงเทียนซั่วได้ ตอนนั้นเป็นแค่การต่อสู้ ไม่อาจสังหารอีกฝ่ายได้อย่างแท้จริง

แต่สิบแปดปีมานี้มรรควิถีทั้งตัวเขาต่างไปโดยสิ้นเชิงนานแล้ว ไม่เพียงก้าวสู่ระดับมกุฎจักรพรรดิขั้นแปดเท่านั้น ยังมีพลังที่กำราบและสังหารบรรพจารย์จักรพรรดิในการปะทะซึ่งหน้าได้นานแล้วด้วย

ปราการสวรรค์อะไร กำแพงอะไร สำหรับเขาล้วนไม่ใช่อุปสรรคนานแล้ว!

“เป็นไปไม่ได้ ต่อให้เป็นสิบยอดมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิในน่านฟ้าที่เจ็ด ยามมีพลังปราณระดับจักรพรรดิขั้นแปดก็ไม่มีทางครองพลังเย้ยฟ้าเช่นนี้ เจ้า…”

นัยน์ตาหนานหย่งเชียงฉายแววลนลานเสี้ยวหนึ่ง หน้าคล้ำเขียวยากจะเชื่อ แม้แต่พูดยังพูดไม่ออก

ฟุ่บ!

เหนือความคาดหมายของทุกคน เวลานี้หนานหย่งเชียงถึงกับถอนตัวคิดหลบหนี

กลับเห็นมุมปากหลินสวินเผยแววเย้ยหยัน จากนั้นกายมรรคทั้งห้าก็พุ่งทะยานออกมา ล้อมรอบจากทั่วสารทิศ ปิดทางหนีทั้งหมดของหนานหย่งเชียง

ตูม…

กายมรรคทั้งห้าพุ่งจู่โจมพร้อมกันราวคลื่นทะเลพิโรธ เงาร่างของหนานหย่งเชียงถูกวิชามรรคและแสงศักดิ์สิทธิ์นานัปการฝังกลบโดยสมบูรณ์

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นฉับพลันนี้อยู่เหนือความคาดหมายของทุกคนอีกครั้ง เสียงตะโกนอย่างตกตะลึงดังขึ้นไม่หยุดหย่อน

หนานหย่งเชียงคำรามอย่างต่อเนื่อง ราวกับสัตว์ปีศาจดึกดำบรรพ์ที่สู้สุดตัวอย่างบ้าคลั่ง เมื่อเขาอุตส่าห์ฝ่าวงล้อมออกมาได้เลือดก็อาบไปทั้งตัวแล้ว ร่างกายขาดวิ่น สภาพอเนจอนาถอย่างที่สุด

ในเวลานี้เองร่างต้นหลินสวินปรากฏตัวกลางอากาศ กระบี่มรรคไร้ก้นบึ้งที่เตรียมพร้อมอยู่ก่อนแล้วแทงออกมาด้วยความเร็วน่าเหลือเชื่อ

ฟุ่บ!

กระบี่นี้เหนือกว่าห้วงอากาศ หนานหย่งเชียงเพิ่งฝ่าวงล้อมออกมาก็แทงเข้าหว่างคิ้วเขาทันที

หนานหย่งเชียงอึ้งงัน หว่างคิ้วถูกทะลวง จากนั้นศีรษะก็ระเบิดออก ต่อมาร่างกาย จิตวิญญาณและพลังน่ากลัวในร่างทั้งหมดล้วนระเบิดออกภายใต้กระบี่เดียวนี้ กลายเป็นหมอกโลหิตสลายไปกลางฟ้าดิน

หนึ่งก้าวโฉบพุ่ง หนึ่งกระบี่ฆ่าบรรพจารย์จักรพรรดิ!

เรียบง่ายสบายๆ ไม่มีกลิ่นอายใดๆ ประหนึ่งล้วงของในถุงหนัง

ก่อนตายหนานหย่งเชียงถึงขั้นไม่ทันร้องโหยหวนก็สลายกลายเป็นธุลี ถูกเจตกระบี่ไร้ขอบเขตนั้นลบหายไปจากโลกอย่างสมบูรณ์

เร็วเกินไปแล้ว!

ภาพนองเลือดนี้เหมือนฟ้าผ่าจากเก้าชั้นฟ้า ระเบิดบนโลกกะทันหัน เพียงพอจะทำให้สิ่งมีชีวิตในใต้หล้าสั่นสะท้าน

เวลานี้ฟ้าดินเงียบสงัดไปทั้งแถบ

ผู้ชมการต่อสู้พวกนั้นต่างสีหน้าอึ้งงัน

…………………….

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท