Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2551 เจ้าขี้โกง!

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2551 เจ้าขี้โกง!

ตอนที่ 2551 เจ้าขี้โกง!

เวลานี้ทุกคนคล้ายเกิดภาพลวงตา ราวกับเส้นทางที่หลินสวินเดินตอนนี้ ไม่ใช่เส้นทางเดียวกับที่พวกเขาเดินก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง!

ไม่อย่างนั้นเขาหลินสวินมีหรือจะเดินได้อย่างผ่อนคลาย สบายใจ อิสระสง่างามเช่นนั้น

ต้องรู้ว่าบนหนทางฟ้าเลือกสรรนี้มีประทับยุทธ์ของยอดผู้แข็งแกร่งมากมายในยุคก่อนเหลืออยู่ ยอดผู้แข็งแกร่งแต่ละคนล้วนเป็นบุตรฟ้าเลือกสรรเพียงหนึ่งเดียวที่โดดเด่นเหนือผู้อื่น ผ่านการฆ่าฟันในศึกฟ้าเลือกสรรที่จัดขึ้นทุกแสนปี

นี่ก็หมายความว่าถ้าอยากไปถึงยอดเขา ย่อมต้องเอาชนะยอดผู้แข็งแกร่งแต่ละคนบนสายน้ำแห่งกาลเวลานั้นเหมือนหวนคืนสู่ยุคก่อน

เรียกได้ว่าเต็มไปด้วยความยากลำบาก ไม่อย่างนั้นคงไม่มีทางมีแค่พวกมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิสี่คนอย่างพวกจงหลีเซียวที่ไปถึงยอดเขาสำเร็จแน่

มกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิอย่างมู่อี้… ก็ทำไม่สำเร็จ!

เมื่อเปรียบเทียบเช่นนี้ ความสามารถออกของหลินสวินบนหนทางฟ้าเลือกสรรยามนี้ย่อมใช้คำว่าสะเทือนใต้หล้า กระทั่งใช้คำว่าผิดปกติมาบรรยายได้

เร็วเกินไปแล้ว ทั้งโดดเด่นและผ่อนคลายยิ่งนัก ฝ่าลมห้อทะยานดุจเดินเล่นในสวนบ้าน

ใครจะยอมรับเรื่องนี้ได้เล่า

“เป็นไปไม่ได้! เขามกุฎมหาจักรพรรดิขั้นแปดคนหนึ่งจะแกร่งกว่ามกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิได้อย่างไร” มู่อี้ทนไม่ไหวเป็นคนแรก

เขาถูกโจมตีไม่ใช่แค่ครั้งเดียวแล้ว เริ่มตั้งแต่จงหลีเซียวถึงตอนนี้ ทุกครั้งล้วนโจมตีศักดิ์ศรีของเขาอย่างหนักหน่วง

แต่ชั่วดีอย่างไรพวกจงหลีเซียวก็เป็นมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิ ยังพอฝืนยอมรับได้บ้าง

แต่ตอนนี้หลินสวินมกุฎมหาจักรพรรดิขั้นแปดคนหนึ่งยังมีท่าทีว่าจะขึ้นไปถึงจุดสูงสุด นี่ทำให้มู่อี้โทสะจู่โจมจิตใจ รู้สึกว่าแตกต่างและไม่ยุติธรรมอย่างมาก

มีสิทธิ์อะไร

ฉีหลิงอวิ๋นก็เอ่ยปาก นัยน์ตาเจือความมาดมั่น “หากกล่าวว่าอาศัยพลังของเขาแล้วทำได้ถึงขั้นนี้ ข้าย่อมไม่มีทางเชื่อ เรื่องนี้ต้องมีความลับอื่นแฝงอยู่แน่”

เรื่องผิดแปลกมักมีสิ่งประหลาดอยู่เบื้องหลัง

จากมุมมองนาง ทุกอย่างที่เกิดกับตัวหลินสวินตอนนี้ผิดปกติเกินไปแล้ว อยู่เหนือความคาดหมายของทุกคนโดยสิ้นเชิง

“เจ้าก็คิดเช่นนี้หรือ”

มู่อี้กระตือรือร้นเหมือนเจอคู่หู

คนอื่นในที่นั้นล้วนเงียบไป จิตใจสงบลงได้ยาก

แน่นอนว่าพวกเขาก็ไม่อยากเชื่อ แต่นี่คือศึกฟ้าเลือกสรร ปกคลุมด้วยพลังกฎระเบียบชั้นยอดที่ตำหนักเซียนใจกลางเหลือไว้

ต่อให้ผิดปกติแค่ไหน ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงความจริงที่หลินสวินจะขึ้นไปถึงจุดสูงสุดได้!

แต่การใช้เหตุผลอื่นมาบอกว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่หลินสวินทำได้ด้วยความสามารถของตัวเองในตอนนี้ ไม่ดู… เสียอาการเกินไปหน่อยหรือ

ในสายตาของทุกคน มู่อี้กับฉีหลิงอวิ๋นในตอนนี้ดูเสียอาการอยู่บ้างอย่างเห็นได้ชัด

หลิ่วเซียงเชวียกับเซี่ยงเสี่ยวหยวนสบตากันวูบหนึ่ง ล้วนเห็นแววปรามาสเสี้ยวหนึ่งที่วาบผ่านนัยน์ตาของอีกฝ่าย เห็นชัดว่าพวกเขาค่อนข้างรังเกียจการแสดงออกของมู่อี้และฉีหลิงอวิ๋นในตอนนี้อยู่บ้าง

เวลาเดียวกันในที่นั้นฮือฮา เดือดพล่านขึ้นมาอย่างที่สุด

ด้วยหลินสวินลอยล่องราวกับเซียน ปรากฏตัวอยู่บนยอดเขานั้นได้อย่างสบายแล้ว!

“เหมือนว่าใช้เวลาไปไม่ถึงสามสิบลมหายใจ…”

มีคนสั่นสะท้าน

“นี่มันเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!”

“คนร้ายกาจแซ่หลินทำได้อย่างไร”

ในที่นั้นโกลาหล วิพากษ์วิจารณ์ไม่หยุด ล้วนถูกผลงานที่หลินสวินสร้างขึ้นในตอนนี้ทำให้ตกใจ

“เรื่องนี้ต้องมีปัญหาแน่!”

มู่อี้กัดฟันกรอด สีหน้าคล้ำเขียว

ฉีหลิงอวิ๋นสงบสติอารมณ์กลับมาแล้ว นางก็ตระหนักได้ว่าเมื่อครู่ตนเสียอาการอยู่บ้าง แต่ยามนี้เมื่อเห็นหลินสวินขึ้นไปถึงจุดสูงสุดได้โดยง่ายเช่นนี้ มือหยกขาวกระจ่างที่กุมม้วนตำรานั้นของนางก็กำแน่นขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

“ท่านลุง ก่อนหน้านี้ท่านคิดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ไหม” แววตาเซี่ยงเสี่ยวหยวนล่องลอย

“ผ่าสมองออกมาก็คิดไม่ถึง” หลิ่วเซียงเชวียทอดถอนใจ ในใจก็ไม่วายว้าวุ่น ยิ่งรู้จักกับหลินสวิน เขายิ่งพบว่าชายหนุ่มที่มาจากทางเดินโบราณฟ้าดารานี้ช่างเกินความคาดหมายจริงๆ ราวกับบนโลกนี้ไม่มีเรื่องที่เขาทำไม่ได้

“คนที่ฟ้าเลือกสรร… ของยุคนี้…”

เซี่ยงเสี่ยวหยวนยิ้มเงียบๆ

นางกลับคิดว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องปกติ

ด้วยคนผู้นั้นชื่อหลินสวิน!

บนยอดเขาหมอกเซียนโหมกระหน่ำ ห่างไปไม่ไกลก็คือตำหนักเซียนใจกลางที่โอ่อ่าสูงตระหง่าน เจิดจรัสไร้สิ้นสุด ราวกับที่พำนักของทวยเทพนั่น

แต่หลังจากมาถึงที่นี่ หลินสวินสัมผัสได้ทันทีว่าพลังทั้งตัวถูกกำราบใหม่อีกครั้ง เขายืนอยู่จุดเดิม ไม่อาจขยับเขยื้อนโดยสิ้นเชิง

เวลานี้หลินสวินเพิ่งเข้าใจว่าเหตุใดพวกจงหลีเซียวถึงไม่มุ่งหน้าไปตำหนักเซียนใจกลางนั่นทันที เห็นชัดว่ายังไม่นับว่าเป็นบุตรฟ้าเลือกสรร

“เจ้า…” เวลานี้จงหลีเซียวสีหน้าอึมครึมมาก ราวกับมีคำพูดสุมอก แต่กลับพูดไม่ออก

ชือพั่วจวินก็สีหน้าอึมครึม ท่าทางยากจะรับเหมือนกินแมลงวันตายเข้าไป

ลิ่นเฟิงยังเงียบเหมือนเดิม แต่เมื่อมองมาทางหลินสวิน ในแววตานั้นกลับเจือความแปลกใจสงสัยอย่างไม่อาจระงับ รวมถึงแววเยียบเย็นเสี้ยวหนึ่ง

ส่วนคนสะพายดาบ แม้ว่าศีรษะจะสวมงอบจนไม่เห็นสีหน้าชัดเจน แต่คิดว่าในใจก็ไม่อาจนิ่งสงบแน่

เห็นชัดว่าการที่หลินสวินมาถึงยอดเขาได้โดยง่ายและรวดเร็วเช่นนี้ สำหรับผู้ประสบความสำเร็จที่ขึ้นมาถึงจุดสูงสุดก่อนอย่างพวกเขาก็เป็นการโจมตีไม่น้อย

“ข้าทำไมหรือ”

หลินสวินอดถามด้วยความหวังดีไม่ได้ เขาห่วงว่าจงหลีเซียวจะอึดอัดนานเกินไปจนมีปัญหา

จงหลีเซียวกล่าวเน้นทีละคำเหมือนระบายความรู้สึกในใจ

“เจ้า! ขี้! โกง!”

เสียงสะท้อนเก้าชั้นฟ้า

ทุกคนล้วนตกตะลึง หลายคนต่างข่มรอยยิ้มที่เกือบเผยออกมา มุมปากกระตุกอย่างหนักหน่วง

เหตุผลไร้สาระเช่นนี้ถึงขั้นหลุดออกจากปากมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิอย่างจงหลีเซียว ความรู้สึกผิดแผกที่นำพามาสู่ผู้คนนี้มากเกินไปแล้ว

ชือพั่วจวินกับลิ่นเฟิงยังอดหันหลังไม่ได้ เห็นชัดว่าถูกสามคำที่กรุ่นโกรธของจงหลีเซียวจู่โจมเช่นกัน

หลินสวินกลับอึ้งไปสักพัก ในใจลอบชูนิ้วโป้งให้จงหลีเซียวเงียบๆ พี่ชายคนนี้ สายตาเฉียบแหลม!

ความจริงในใจหลินสวินตอนนี้ก็รู้สึกพิกลนัก

พริบตาที่เหยียบหนทางฟ้าเลือกสรร เขาก็รู้สึกได้ถึงความผิดแปลก ด้วยตำราหยกศุภโชคที่เงียบงันมาตลอด ถึงกับส่งกระแสคลื่นประหลาดออกมาจากความเงียบ ราวกับคลื่นที่มองไม่เห็นในยามนี้

เมื่อไหร่ก็ตามที่ปรากฏประทับยุทธ์ซึ่งยอดผู้แข็งแกร่งในยุคสมัยก่อนเหลือไว้ ยังไม่รอให้เขาลงมือก็ถูกพลังของตำราหยกศุภโชคเก็บไป

ก้าวเดินพลางเก็บเกี่ยวเหมือนเด็ดผลไม้… ประทับยุทธ์ของผู้แข็งแกร่งชั้นยอดคนแล้วคนเล่านั้น ถูกตำราหยกศุภโชคเก็บเกี่ยวไปตลอดทางเช่นนี้…

ไม่ให้โอกาสเขาลงมือโดยสิ้นเชิง!

หลินสวินก็จนปัญญา ตอนแรกเขาตัดสินใจว่าจะใช้มรรควิถีแห่งตนลองดูว่าพลังต่อสู้ของเหล่าบุตรฟ้าเลือกสรรนั้นแข็งแกร่งมากเท่าไรกันแน่ ไหนเลยจะคิดว่า…

ตำราหยกศุภโชคกลับช่วยโกงโดยไร้ร่องรอย…

ตำราหยกศุภโชค ศุภโชคกลั่นแกล้ง…

แม้ว่าในใจรู้สึกแปลกอยู่บ้าง แต่ความรู้สึกที่รุดหน้าขึ้นไปถึงจุดสูงสุดอย่างผ่อนคลายตลอดทางนี้ ทำให้หลินสวินรู้สึก… สะใจมากจริงๆ!

เวลานี้ตำราหยกศุภโชคกลับคืนสู่ความสงบแล้ว ก็เหมือนสัตว์ที่กินอิ่มแล้วจมสู่การหลับใหล ประทับยุทธ์ของยอดผู้แข็งแกร่งที่รวบรวมไป หลอมรวมกับระเบียบมรรคเซียนและตำรามรรคต้นกำเนิดอย่างสมบูรณ์ กลายเป็นส่วนหนึ่งของมันแล้ว

หลินสวินจำได้รางๆ ตอนอยู่โบราณสถานยอดยุทธ์ ในตำราหยกศุภโชคเหมือนมีวิญญาณระเบียบตนหนึ่งหลับใหลอยู่ แต่เพิ่งปรากฏตัวชั่วพริบตาก็กลายเป็นละอองแสงหายไป หวนคืนสู่การหลับใหล

ตอนนั้นเขาก็สงสัยว่าวิญญาณระเบียบในตำราหยกศุภโชคนี้ มีโอกาสสูงว่าจะเป็นร่างวิญญาณของระเบียบโลกเซียนในยุคก่อน!

แต่ตอนนี้เมื่อเห็นมันรวบรวมตำรามรรคต้นกำเนิด รวมถึงประทับยุทธ์ของยอดผู้แข็งแกร่งในยุคก่อนพวกนี้แล้วก็ทำให้หลินสวินรู้สึกได้ยิ่งกว่าเดิม ในตำราหยกศุภโชคนี้ เป็นไปได้สูงว่ามีวิญญาณระเบียบตนหนึ่งอยู่จริงๆ แต่แค่หลับใหลมาตลอดเท่านั้น

“หลินสวิน เจ้าต้องใช้วิธีการโกงบางอย่างแน่ ไม่อย่างนั้นต่อให้เจ้ามีพลังที่กำราบบรรพจารย์จักรพรรดิได้ ก็ไม่มีทางก้าวเดินได้อย่างผ่อนคลายเช่นนี้เด็ดขาด”

จงหลีเซียวก็รู้ตัวว่าเสียอาการ สีหน้าไม่น่าดู แต่ดีร้ายอย่างไรก็สงบสติอารมณ์กลับมาแล้ว

การวิเคราะห์นี้เหมือนฉีหลิงอวิ๋น

ทั้งนี่ก็เป็นสิ่งที่ชือพั่วจวินและลิ่นเฟิงเคลือบแคลงสงสัย

หลินสวินไม่มีทางยอมรับ กล่าวโดยไม่แสดงสีหน้า “นี่ก็คือข้ออ้างของผู้แพ้หรือ หรือกล่าวได้ว่าเจ้าจงหลีเซียวแพ้ไม่เป็น?”

จงหลีเซียวพลันกัดฟันกล่าว “เจ้าไม่ยอมรับก็ช่างเถอะ รอออกไปจากที่นี่ ข้ามีวิธีทดสอบพลังต่อสู้ที่แท้จริงของเจ้า ถึงตอนนั้นความจริงต้องกระจ่างแน่!”

หลินสวินยิ้มแล้วไม่พูดมากอีก

ตึง!

เสียงกลองเทพสะท้อนก้อง

พลันเห็นว่าบนเสาข้างตำหนักเซียนใจกลางนั้น ตรงจุดที่สลักคำว่า ‘ตีกลองหยกหมื่นเทพมาเยือน’ มีกลองยักษ์ที่แสงเซียนอบอวลปรากฏ เสียงกลองนั้นดังออกมาจากกลองใบนี้

จากนั้นแสงเซียนสายหนึ่งพลันพุ่งออกมาจากประตูทางเข้าที่ปิดสนิทของตำหนักเซียนใจกลาง เปล่งประกายเจิดจรัสดั่งภาพมายา ทันทีที่ปรากฏก็ปกคลุมร่างหลินสวินไว้

จากนั้นเงาร่างเขาก็หายไปจากจุดเดิม

ส่วนคนที่ขึ้นไปถึงจุดสูงสุดสี่คนอย่างจงหลีเซียว ชือพั่วจวิน ลิ่นเฟิง คนสะพายดาบ ก็ถูกพลังที่มองไม่เห็นห่อหุ้มรอบตัว ลอยลงมาบนหน้าผานั้น

ขึ้นไปถึงจุดสูงสุดก็ขึ้นไปแล้ว แต่สุดท้ายกลับไม่ได้รางวัลใด…

นี่ทำให้ใจของพวกจงหลีเซียวเปลี่ยนแปลงไปมา รู้สึกคับแค้นอย่างที่คนอื่นไม่อาจรู้สึก อึดอัดจนยากจะรับได้

“คนร้ายกาจแซ่หลินกลายเป็นบุตรฟ้าเลือกสรรแล้ว…”

บนหน้าผาผู้ฝึกปราณมากมายสีหน้าซับซ้อน บ้างตกตะลึง บ้างอิจฉา บ้างยากจะเชื่อ

ก่อนหน้านี้พวกเขาล้วนคิดว่าศุภโชคที่สูงส่งนี้ ย่อมถูกเหล่าคนชั้นสูงซึ่งมาจากน่านฟ้าที่แปดได้ไป

แต่ผลสุดท้ายกลับเป็นคนที่ใครต่างคาดไม่ถึง!

“โบราณสถานทวยเทพถูกมองเป็นเขตผนึกอันดับหนึ่งของแดนใหญ่พันศึก ศุภโชคครานี้ย่อมเรียกได้ว่าเป็นสมบัติลับที่สูงส่งที่สุดของยุคก่อน!”

“เดิมทีพลังต่อสู้ของคนร้ายกาจแซ่หลินก็เย้ยฟ้าหาใดเปรียบ หลังจากได้ศุภโชคนี้ไป มีหรือจะไม่อาจบรรลุมกุฎบรรพจารย์ วันหน้ามีหรือจะไม่อาจแจ้งมรรคอมตะ”

ทุกเสียงทอดถอนใจดังขึ้น

คิดดูแล้วก่อนหน้านี้หลินสวินสามารถกำราบบรรพจารย์จักรพรรดิ สามารถฝากชื่อไว้บนกระดานเร้นลับ สามารถกำจัดผู้แข็งแกร่งของขุมอำนาจใหญ่แห่งน่านฟ้าที่เจ็ดอย่างตระกูลหนานและตระกูลลี่เสียสิ้นซาก…

ตอนนี้ยังได้ศุภโชคชั้นสูงนี้ไปอีก ความสำเร็จในภายหน้าจะน่ากลัวเพียงใด

“ได้รับศุภโชค แต่ใช่ว่าจะรักษาศุภโชคได้!”

มีคนสีหน้าอึมครึมกล่าวเย็นชา “หรือทุกท่านคิดว่าหลังจากหลินสวินได้ศุภโชคไปแล้ว ยังออกจากแดนใหญ่พันศึกทั้งเป็นได้อีก”

ประโยคเดียวทำให้แววตาของหลายคนเปลี่ยนเป็นพิกลขึ้นมา สีหน้าแตกต่างกันออกไป

นอกโบราณสถานทวยเทพมีระดับอมตะไม่น้อยรั้งอยู่!

หากให้พวกเขารู้ว่าศุภโชคชั้นสูงครานี้ถูกหลินสวินได้ไป มีหรือจะให้เขาจากไปทั้งเป็นต่อหน้าต่อตา

ลองดูสี่ตระกูลตงหวงนั่น

ทั้งลองดูคนชั้นสูงในขุมอำนาจยักษ์ใหญ่อมตะพวกนั้น

ใครจะยอมให้เขาหอบศุภโชคจากไป

……………………

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท