Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2553 หลอมรวมมหามรรค

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2553 หลอมรวมมหามรรค

ตอนที่ 2553 หลอมรวมมหามรรค

ซากปรักหักพังที่เงียบสงัดล้วนถูกย้อมด้วยกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์ หมอกแสงเขียวมรกตนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นอายสูงส่งยากบรรยาย

ในใจหลินสวินสั่นสะท้าน เหมือนเห็นปาฏิหาริย์ก่อเกิด!

ครึ่ก!

ซากปรักหักพังใกล้ต้นหงเหมิงหมื่นมรรคแยกออกจากกัน รากเล็กบางแวววาวนับไม่ถ้วนผุดขึ้นมา ส่วนลำต้นของมันก็สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เปลี่ยนเป็นหนาแน่น…

ในอากาศเริ่มมีกลิ่นอายต้นกำเนิดมรรคเซียนอบอวลและพวยพุ่ง หนาทึบดุจสายฝน

หลินสวินสงบจิตสัมผัส ในที่สุดก็เข้าใจได้รางๆ ยามมีชีวิตยอดผู้แข็งแกร่งแต่ละคนนั้นล้วนเคยเข้ามาในตำหนักเซียนใจกลาง ทั้งเคยกินและหลอม ‘ผลมรรค’ ที่ควบรวมออกมาจากต้นหงเหมิงหมื่นมรรค

ในพลังต่อสู้ที่พวกเขาเหลือไว้เหล่านี้ แน่นอนว่ามีกลิ่นอายพลังของต้นหงเหมิงหมื่นมรรคเช่นกัน!

ตอนนี้พลังต่อสู้พวกนี้กลับหล่อเลี้ยงต้นกล้าของต้นหงเหมิงหมื่นมรรค และจึงชักนำให้ต้นไม้นี้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่คาดไม่ถึง!

ต่อมาภายหลังหลินสวินยิ่งค้นพบอย่างน่าตกตะลึง หลังจากดูดซับพลังต่อสู้พวกนั้นจนราบคาบ ต้นหงเหมิงหมื่นมรรคไม่ได้พอใจเพียงเท่านี้ กลับเป็นว่าเริ่มดูดซับพลังของ ‘ตำรามรรคต้นกำเนิด’ นั้นด้วย!

‘ตำรามรรคต้นกำเนิดรวบรวมมรดกชั้นสูงแห่งมรรคเซียนไว้ ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นต้นกำเนิดของวิชามรรคเซียน หรือว่าพลังนี้ก็เกี่ยวข้องกับต้นหงเหมิงหมื่นมรรคด้วย’

ไม่รอให้หลินสวินเข้าใจกระจ่าง ก็เห็นต้นหงเหมิงหมื่นมรรคที่เติบโตจนสูงเก้าจั้งแล้วแผ่กิ่งก้านออกมาสามสิบสามแขนง

เก้าจั้ง สื่อถึงความสูงของต้นไม้

สามสิบสาม กลับแฝงนัยว่าโอบรับปวงสวรรค์!

หลังจากดูดซับพลังของตำรามรรคต้นกำเนิด บนกิ่งก้านสามสิบสามแขนงนั้นก็เริ่มแตกใบมากมาย ล้วนมีท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์ที่สมบูรณ์แบบ ไร้ธุลีไร้มลทิน ทุกเส้นใบล้วนไม่เหมือนกัน ราวกับร่องรอยมหามรรคตามธรรมชาติ แผ่กลิ่นอายมหามรรคที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

หลินสวินกวาดตามองก็ระบุได้ ใบที่ควบรวมออกมานั้นมีทั้งหมดสามพันใบ!

‘เก้า สามสิบสาม สามพัน…’ ในใจหลินสวินไหวสะท้านอย่างอดไม่ได้ ความหมายที่ตัวเลขทั้งหมดนี้สื่อถึงไม่ธรรมดาเกินไปแล้ว

เก้า จำนวนสูงสุด

สามสิบสาม สื่อถึงความกว้างของปวงสวรรค์

สามพัน ก็หมายถึงจำนวนของมหามรรคไร้สิ้นสุด!

ต้นหงเหมิงต้นเดียวเท่านั้น แต่ในสายตาของหลินสวินยามนี้ กลับหลอมรวมนัยเร้นลับเข้าด้วยกัน!

ระหว่างที่แววตาหลินสวินล่องลอย การเปลี่ยนแปลงของต้นหงเหมิงหมื่นมรรคก็สิ้นสุดเงียบๆ

มองไปอีกครั้งก็เห็นว่าบนซากปรักหักพังมีแสงเขียวราวน้ำตก หมอกเซียนเพริศแพร้ว รัศมีมรรคพวยพุ่ง ต้นหงเหมิงสูงเก้าจั้งราวหล่อจากทองเซียนแรกกำเนิด กิ่งก้านทั้งสามสิบสามแผ่ขยายปกคลุม เขียวขจีเต็มต้น แสงปัญญาพลิ้วไหว ทุกใบล้วนแผ่ท่วงทำนองมรรคอัศจรรย์ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง…

เมื่อยืนอยู่เบื้องหน้าก็เหมือนอยู่ในโลกเซียน กาย ใจ จิตวิญญาณ ล้วนอาบไล้ด้วยกลิ่นอายมหามรรคที่นิ่งสงบสันติสุข สามารถหยั่งรู้นัยเร้นลับต้นกำเนิดแห่งมรรคเซียนได้ทันที

พริบตานี้หลินสวินมีแรงกระตุ้นรุนแรงอย่างหนึ่ง มุ่งหวังว่าจะนั่งสมาธิแจ้งมรรคที่นี่ ไม่สนใจการเปลี่ยนแปลงของโลก!

แต่เขายังอดกลั้นไว้

ต้นหงเหมิงหมื่นมรรคนี้ยังไม่ควบรวมผลมรรคออกมา นี่ทำให้เขาอดผิดหวังอยู่บ้างไม่ได้ หรือต้องรอถึงแสนปีจึงจะได้

หลินสวินเก็บตำราหยกศุภโชค ยืนอยู่ครู่หนึ่งแล้วตัดสินใจ

ฝึกปราณที่นี่ สร้างความสมบูรณ์ให้ตน!

เขาไม่หวังว่าจะทะลวงปราณได้ ด้วยการบรรลุมกุฎบรรพจารย์ต้องมีจุดเปลี่ยน ส่วนจุดเปลี่ยนนั้นก็หาได้ยากยิ่ง บังเอิญพบเจอได้แต่ไม่อาจร้องขอ

ตอนนี้หลินสวินแค่คิดฉวยโอกาสนี้หลอมมหามรรคทั้งตัวให้สมบูรณ์

บรรพจารย์จักรพรรดิยังถูกเรียกว่าบรรพจารย์มรรค ผู้บรรลุมกุฎบรรพจารย์ เรียกได้ว่าเป็นมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิ

แต่หลินสวินไม่พอใจเพียงเท่านี้

ปรารถนาเส้นทางที่อดีตปัจจุบันล้วนไม่เคยมี เข้าถึงมรรคที่ไม่เคยมีบนโลก!

มรรคของเขารองรับมรรคาทั่วหล้า วิวัฒน์หมื่นวิชาบนโลก ในเมื่อเป็นเช่นนี้ แน่นอนว่าต้องแสวงหาวิชามรรคอย่าง ‘บรรพจารย์หมื่นมรรค’!

ความจริงเมื่อเดินมาถึงขั้นเดียวกับหลินสวิน การยกระดับของพลังปราณไม่ใช่ปัญหาใหญ่ที่สุดแล้ว สิ่งที่ต้องพิจารณาคือมรรคของตนสามารถบรรลุถึงระดับใด

ด้วยเกือบทุกคนล้วนถูกขวางอยู่หน้าด่านมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิ ขอบเขตเล็กที่ขอแค่มีเวลาก็พอหลอมขึ้นไปได้ ไม่ใช่โจทย์ยากอะไร

แต่ถ้าเป็นผู้กล้าที่มีปณิธานบนหนทางจักรพรรดิก็ย่อมใคร่ครวญเรื่องพลังต่อสู้ คิดว่าทำอย่างไรจึงบรรลุถึงขั้นแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มคนระดับเดียวกันได้ นี่คือสิ่งสำคัญอันดับแรก

ถึงอย่างไรระดับบรรพจารย์ก็เป็นปลายทางของมรรคจักรพรรดิแล้ว หากไร้คู่ต่อกรในระดับนี้ได้ นั่นก็เป็นยอดเขาหนึ่งเดียวบนหนทางจักรพรรดิ สามารถกำราบกาลนิรันดร์ เหยียดหยันผู้คนบนหนทางนี้ ไม่มีใครเทียบได้!

ใต้ต้นหงเหมิงหมื่นมรรค หลินสวินนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนั้นราวกับรูปปั้นเทพองค์หนึ่ง เคร่งขรึมมีสง่า จมสู่การหยั่งมรรคฝึกปราณที่อัศจรรย์ยากบรรยายทันที

แสงเขียวสลัวรางสาดพรมประหนึ่งภาพฝัน ร่วงโรยลงมาจากต้นหงเหมิงหมื่นมรรค อาบไล้ทั้งตัวเขาไว้ภายใน ทั่วร่างล้วนถูกกลิ่นอายต้นกำเนิดมรรคเซียนแทรกซึม

นี่ทำให้เขารู้สึกเหมือนจมสู่รังมารดาต้นกำเนิดมรรคเซียน ความเข้าใจและการหยั่งรู้ที่มีต่อมหามรรคก็บรรลุถึงขั้นสะเทือนใต้หล้า ถึงขั้นแทบไม่ต้องใช้ความคิดไปไตร่ตรองก็ล่วงรู้แก่นแท้ดั้งเดิมของมรรคเซียนได้โดยตรง หยั่งรู้ด้วยใจ โอบรับด้วยกาย!

น่าเหลือเชื่อนัก

ไม่ต่างอะไรกับ ‘สดับมรรคชั่วข้ามคืน รู้แจ้งถ่องแท้’ ตามข่าวลือ!

แน่นอนว่านี่คือพลังของต้นหงเหมิงหมื่นมรรค

มันคือรากแห่งโลกเซียน รวมมรรคแห่งต้นกำเนิดมรรคเซียนไว้ด้วยกัน เป็นสมบัติปริศนาชั้นสูงของตำหนักเซียนใจกลาง เป็นศุภโชคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของยุคก่อน แน่นอนว่าไม่ใช่สิ่งที่ของทั่วไปเทียบได้

ความจริงยามนั่งสมาธิหยั่งรู้ที่นี่ หลินสวินก็สัมผัสได้ถึงความอัศจรรย์นั้นแล้ว แทบจะล้มล้างความเข้าใจของเขาโดยสิ้นเชิง!

กาลเวลาล่วงเลย

กระทั่งต่อมากลิ่นอายทั้งตัวหลินสวินล้วนสอดคล้องกับต้นหงเหมิงหมื่นมรรคอย่างสมบูรณ์แบบ ราวกับต้นหงเหมิงหมื่นมรรคนั้นกลายเป็นส่วนหนึ่งของพลังขับเคลื่อนรอบตัวเขาแล้ว

ต่อมาภายหลัง รอบกายเขาเริ่มเต็มไปด้วยลักษณ์ประหลาดมหามรรคที่น่าเหลือเชื่อนานัปการ วายุอสนีบาตสนั่นหู ฟ้าแลบฟ้าคำราม เหมือนกำลังเบิกฟ้าผ่าดิน

ความน่ากลัวของกลิ่นอายนั้น ราวกับทำให้หมื่นมรรคทั่วหล้ายอมสยบใต้ฝ่าเท้าได้

เลือดลมทั้งตัวเขาพลุ่งพล่าน แผ่พลังขับเคลื่อนที่ไม่อาจอธิบายออกมา

เงาร่างเขาบ้างกลายเป็นเตาหลอม บ้างเปลี่ยนเป็นเหวลึก ในช่วงเวลานี้นัยเร้นลับมหามรรคนานัปการที่ถูกเขาหลอมรวมเข้าไปร่างถาโถมโหมกระหน่ำไม่หยุด กลายเป็นจักรวาลดวงดาว ภูผาธาราหมื่นลักษณ์ หลักการฟ้าดิน กลายเป็นสัตว์เดรัจฉานทั้งหลายแหล่ ฟ้าแลบฟ้าคำราม เพลิงปฐพีอสนีวาโย…

หลินสวินวิวัฒน์มหามรรคนานัปการ นำสิ่งที่เคยเรียนและหยั่งถึงตอนนี้มาอนุมานอย่างต่อเนื่อง

ถึงตอนท้ายทั้งตัวเขาราวกับหายไป มีแค่หุบเหวหนึ่งเคลื่อนคล้อย ดูดกลืนจักรวาล ภูผาธารา กฎเกณฑ์ หมื่นลักษณ์ที่วิวัฒน์ออกมานั้นไปจนหมด อหังการไร้สิ้นสุด ทั้งตัวมีพลังขับเคลื่อนบ้าระห่ำ เหมือนต้องการกวาดล้างสามพันดินแดนใหญ่ กลืนเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดินด้วยโทสะ!

ในที่สุดพลังขับเคลื่อนรอบตัวหลินสวินก็ราบเรียบเงียบสงบลง มีเพียงกายใจที่มหามรรคอบอวล หมอกแสงคงอยู่ชั่วกาล แน่วนิ่งและยิ่งใหญ่ดุจมหาสมุทรเงียบสงบ

กระทั่งต่อมารอบตัวเขาปรากฏกฎเกณฑ์มรรคเซียนนานัปการ เงาแสงไหลวน เจิดจรัสส่องประกาย สะท้อนนัยเร้นลับมรรคเซียนของยุคก่อนออกมาทั้งหมด

นั่นคือภาพมหามรรคที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ศาลเหลืองที่วิวัฒน์จากจวนม่วง โอสถทองและโอบรับนิพพาน เผยมรรคดั้งเดิมที่เป็นเอกลักษณ์ของมรรคเซียน

หลินสวินไม่รับรู้ถึงวันเวลาที่ผันผ่าน

ความจริงเขาในตอนนี้หลงลืมตัวตนไปนานแล้ว มรรคพ้องกายใจ แปรมรรคภายนอก

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ เงาร่างเขากลายเป็นเหวลึกใหม่อีกครั้ง มหามรรคที่วิวัฒน์ออกมา ครึ่งหนึ่งคือมหามรรคที่ครอบครองในอดีต เป็นยอดมรรคาของยุคนี้

อีกครึ่งก็เป็นมรรคเซียนในยุคก่อน

นี่ก็เหมือนการบรรจุนัยเร้นลับมหามรรคของสองยุคเข้าสู่ตัวเขาพร้อมกัน ทำการสำแดงและเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง

พลังมหามรรคนั้นยังเปลี่ยนไปจนลึกลับและซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ นานเข้าก็ยิ่งคลุมเครือและไม่อาจพรรณนา

ส่วนบนตัวหลินสวินก็มีอานุภาพยิ่งใหญ่อย่างหนึ่ง ทั้งมีความยากหยั่งถึงเหมือนเหวลึก!

ไม่มีใครรู้ว่าเขาในตอนนี้ กำลังหลอมรวมนัยเร้นลับมรรคเซียนที่สมบูรณ์เข้ากับมหามรรคแห่งตน

สำหรับผู้ฝึกปราณในยุคนี้ ต่อให้สามารถหยั่งรู้และครอบครองมหามรรคยุคก่อนได้ก็เป็นแค่บางส่วน ไม่มีทางสมบูรณ์โดยสิ้นเชิง

แต่สำหรับหลินสวิน บนตัวเขามีมรรคแดนนรกและมรรคเซียนของยุคก่อน ล้วนเป็นมหามรรคที่สมบูรณ์ แฝงนัยเร้นลับดั้งเดิมและเป็นแก่นสำคัญที่สุดไว้

นี่ก็หมายความว่าครั้งนี้เขาหลอมมรรคสำเร็จ มีพลังมหามรรคของสองยุคสมัย!

หากเป็นก่อนหน้านี้ ถ้าหลินสวินอยากทำถึงขั้นนี้ย่อมไม่อาจทำได้ในเวลาอันสั้นแน่

แต่ตอนนี้กลับต่างออกไป ภายใต้ต้นหงเหมิงหมื่นมรรค ทำให้เขาหยั่งรู้และครอบครองนัยเร้นลับมหามรรคของยุคก่อนนั้นได้โดยง่าย จากนั้นจึงมอบโอกาสหลอมมรรคอันล้ำเลิศแก่เขา!

ต้นหงเหมิงหมื่นมรรคโบกสะบัด ใบเขียวกระจ่างแวววาวเต็มต้นเจิดจรัสส่องประกาย แผ่ละอองแสงมหามรรคลงมา เงียบสงบเป็นอย่างยิ่ง

ในยุคก่อนก็มีเทพมรรคเซียนผู้สูงส่งไม่รู้กี่คนยืนอยู่ใต้ต้นไม้นี้เพื่อสำแดงมรรคและวิชาของตน ตอนนี้หลินสวินก็แจ้งมรรคใต้ต้นไม้นี้เช่นกัน

ต่อมาภายหลังหลินสวินเหมือนจักรพรรดิสวรรค์จุติลงมา ทุกลมหายใจล้วนมีมหามรรคนานัปการขานรับ ราวกับเสียงท่องคัมภีร์ดังกึกก้อง สั่นสะเทือนโลกหล้า

ส่วนอานุภาพบนตัวเขาก็แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิมแล้ว ราวกับภูเขาไฟลูกหนึ่งที่พร้อมปะทุตลอดเวลา ทุกอณูบนผิวหนังล้วนมีพลังมหามรรคที่โหมกระหน่ำหาใดเปรียบพลุ่งพล่าน

ตั้งแต่ตอนอยู่เมืองจรดฟ้า มรรควิถีทั้งตัวหลินสวินก็บรรลุถึงขั้นสมบูรณ์สูงสุดของระดับมกุฎจักรพรรดิขั้นแปดแล้ว ตอนนี้เมื่อเขาหยั่งรู้มหามรรคอย่างต่อเนื่อง พลังปราณทั้งตัวก็พลุ่งพล่านขึ้นมา

ทว่าเวลานี้หลินสวินไม่มีอารมณ์ใส่ใจเรื่องพวกนี้โดยสิ้นเชิง

หากหลอมรวมมรรคในยุคก่อนเข้าสู่ร่างได้ทั้งหมด เช่นนั้นยามแจ้งมรรคระดับมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิ ต้องเผยอานุภาพที่ต่างจากตอนนี้แน่

นี่ต่างหากคือสิ่งที่หลินสวินสนใจ

เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า

ใต้ต้นหงเหมิงหมื่นมรรคมองไม่เห็นร่างหลินสวินโดยสิ้นเชิง เขาถูกพลังมหามรรคไร้ขอบเขตดุจละอองแสงปกคลุมอย่างสมบูรณ์ ใบมรกตโปร่งแสงเต็มต้นโบกสะบัด เหมือนคัมภีร์เล่มหนึ่งส่งเสียงกังวาน แสงปัญญาหลากสายโน้มลงมา ทำให้ตัวหลินสวินดูพร่าเลือนยิ่งกว่าเดิม

กระทั่งผ่านไปครึ่งเดือน

ในจุดที่มีเงาร่างหลินสวินอยู่เกิดสัทครรลองมหามรรคที่ไม่อาจบรรยาย พลังมหามรรคนานัปการราวถูกชักนำมารวมกัน ควบรวมจนเป็นเตาหลอมใบหนึ่งช้าๆ ได้รับการปรับปรุงและขัดเกลาไม่ว่างเว้น

ถึงตอนท้ายต้นหงเหมิงหมื่นมรรคพลันสั่นสะเทือน เห็นเพียงเงาร่างหลินสวินเหมือนเหวลึก ดูดกลืนมหามรรคที่ปรากฏใกล้เคียงไปจนหมด หลอมรวมเข้าไปในเตาหลอมนั่น จากนั้นก็หายเข้าไปในร่างหลินสวินพร้อมกัน

ลักษณ์ประหลาดทุกอย่างล้วนว่างเปล่า

แสงมรรคทั้งหมดล้วนเงียบสงัด

มีเพียงเงาร่างหลินสวินที่นั่งขัดสมาธิ ราวกับคงอยู่ตราบนิรันดร์!

………………

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท