Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2558 ไม่อาจต้านทาน

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2558 ไม่อาจต้านทาน

ตอนที่ 2558 ไม่อาจต้านทาน

ทั่วลานเงียบสงัดไปทั้งแถบ

ในใจทุกคนล้วนสั่นสะเทือนรุนแรง หลินสวินที่หลุดออกมาจากด่านเคราะห์เหมือนเปลี่ยนเป็นคนละคนโดยสิ้นเชิง ความน่ากลัวของพลังที่ครอบครองทำให้พวกเขาไม่อาจมองทะลุแต่แรก

มู่อี้ไม่แข็งแกร่งหรือ มกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิคนหนึ่งที่มาจากน่านฟ้าที่แปด นอกจากเจอคนในระดับเดียวกันแล้วก็เรียกได้ว่าไร้คู่ต่อกร

แต่กลับถูกเจตจำนงวิถียุทธ์ของหลินสวินสังหาร

ตอนนี้เมื่อหลินสวินหลุดจากด่านเคราะห์ สำแดงอานุภาพของตน ก็ฆ่าจักรพรรดิเหมือนเชือดไก่ สังหารบรรพจารย์เหมือนถางหญ้า!

ผู้แข็งแกร่งอย่างจงหลีเซียวยังถูกซัดพินาศโดยง่ายในการห้ำหั่นซึ่งหน้า!

ทุกอย่างนี้ล้วนทำให้ทุกคนสั่นสะท้าน รู้สึกขวัญหนีดีฝ่อ แต่ละคนสีหน้าปรวนแปรไม่หยุด ในใจหวาดหวั่นถึงขีดสุด

“ทำไมถึงแข็งแกร่งเช่นนี้ ข้ามด่านเคราะห์ที่ไม่เคยมีมาก่อน สร้างมรรคที่กำราบกาลเวลาหรือ”

นัยน์ตาฉีหลิงอวิ๋นหดรัด นางเคยดื้อดึงหมายให้หลินสวินก้มหัวยอมสวามิภักดิ์ จากนั้นก็เกิดไอสังหาร กระทั่งตอนนี้เมื่อเห็นพลังต่อสู้ของหลินสวิน นอกจากไอสังหารพลุ่งพล่านกว่าเดิมแล้ว สิ่งที่มากกว่าคือความหนาวสะท้านอย่างหนึ่ง

“เล่าลือว่ามีแค่ทายาทของเผ่าเทพนิรันดร์ที่สัมผัสธรณีประตูไร้คู่ต่อกรในระดับมกุฎบรรพจารย์ได้ หลินสวินนี่… คงไม่ใช้สัมผัสถึงขอบเขตนี้แล้วกระมัง”

ชือพั่วจวินขมวดคิ้ว บนตัวปรากฏไอสังหารน่ากลัวชั้นหนึ่ง เขารู้สึกกดดันและถูกคุกคามอย่างมาก

“เขาหลินสวินไม่ใช่ทายาทของเผ่าเทพนิรันดร์ ข้าไม่เชื่อว่าบนโลกนี้มีผู้ไร้คู่ต่อกรในขอบเขตนี้จริง” ลิ่นเฟิงกล่าวด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก

หลินสวินแข็งแกร่งเกินไปแล้ว คุกคามความมั่นใจของทุกคนอย่างสุดซึ้ง ทำให้พวกเขาเกิดลางสังหรณ์ไม่ดี จิตต่อสู้ล้วนสั่นคลอนอยู่บ้าง

เสียงตูมดังสนั่น ตำหนักเซียนโอนเอนไปมา แสงมรรคแผ่กระจาย หลินสวินผงาดผยองทั่วทิศเหมือนจอมเซียน

เมื่อเขาเยื้องย่างฟ้าดินสั่นสะเทือน ห้วงอากาศทั้งแถบเหมือนรับร่างจริงของเขาไม่อยู่ แสงมรรคเจิดจรัสหาใดเปรียบม้วนพัดออกมาจากตัวเขา

โพละ!

พวกคนที่อยู่หน้าสุดถูกพลังต่อสู้ชวนประหวั่นนั้นซัดแหลกโดยตรง เลือดสีสดพุ่งสาดทั่วทิศ กระดูกหักกล้ามเนื้อฉีก ร่างกายระเบิดออก

ผู้ฝึกปราณในตำหนักเซียนนี้มีมากนับร้อย ไม่มีใครที่ไม่ใช่บุคคลผู้ทรงอำนาจบนหนทางจักรพรรดิ แต่ตอนนี้เพิ่งผ่านไปเพียงชั่วอึดใจก็มีหลายสิบคนถูกหลินสวินฆ่าตายคาที่

ตั้งแต่ต้นจนจบไม่มีใครเทียบได้!

เหตุการณ์นี้น่าหวาดกลัวยิ่งนัก หลินสวินทรงพลังไร้เทียมทาน ห้าวหาญไม่อาจต้าน นี่คืออานุภาพไร้คู่ต่อกรอย่างหนึ่ง

“ทุกท่านยังรออะไรอยู่ นั่งรอความตายรึ เข้าไปฆ่าเขาพร้อมกัน มิฉะนั้นพวกเราต้องตายหมดแน่!” มีคนตะโกนลั่น

ฉัวะ!

ทว่าคำพูดของคนผู้นี้พลันหยุดชะงัก ร่างกายถูกแบ่งเป็นสองท่อน

ปราณกระบี่สายหนึ่งฟันออกมาจากปลายนิ้วหลินสวิน เหมือนรุ้งเซียนทะลวงผ่านผืนฟ้าปฐพี สังหารคนผู้นั้นตายคาที่ ดุดันเผด็จการ

หลายคนต่างรู้สึกเย็นวาบตั้งแต่หัวจรดเท้า หลินสวินในตอนนี้ไม่เพียงมีมรรควิถีเย้ยฟ้า วิชามรรคที่สำแดงทั้งหมดยังน่ากลัวหาใดเปรียบ ทุกการเคลื่อนไหวล้วนมีอานุภาพเหมือนเป็นใหญ่เพียงหนึ่งเดียวบนหนทางจักรพรรดิ!

พวกเขามองไม่ผิด การแจ้งมรรคหน้าต้นหงเหมิงหมื่นมรรคครั้งนี้ หลินสวินไม่เพียงหลอมมหามรรคทั้งตัวเป็นหนึ่งเดียว แปรสภาพถึงขีดสุด เขายังหลอมรวมคัมภีร์จักรพรรดินานัปการที่ตนครอบครองเข้ากับตำรามรรคต้นกำเนิดของยุคก่อนอย่างสมบูรณ์ด้วย!

ตอนนี้คัมภีร์เตาหลอมมหามรรคของเขาเผยออกมาแล้ว ทุกการเคลื่อนไหวทำให้หมื่นวิชาขานรับ สำแดงพลังต่อสู้ชั้นยอด อยู่เหนือทุกสิ่งบนโลก ประสานเข้ากับเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ด้วยนี่คือมรรคและวิชาของเขา!

ก็เหมือนอย่างตอนนี้ แม้ว่าเป็นแค่การโจมตีลวกๆ แต่อานุภาพชวนประหวั่นนั้นก็สั่นคลอนตะวันจันทรา ความกดดันยิ่งใหญ่มาเยือน ทั่วร่างส่งเสียงกัมปนาทรุนแรง แสงมรรคปะทุพล่าน แสงศักดิ์สิทธิ์นับหมื่นสาย ทำให้ผู้คนขวัญหนีดีฝ่อจริงๆ

ผู้ฝึกปราณที่อยู่ใกล้มากมายถึงขั้นรับอานุภาพกดดันนี้ไม่ไหว ร่างกายปรากฏรอยเลือดหลากสาย ถูกซัดจนเกือบสะบั้น

ในที่นั้นมีแค่บุคคลแห่งยุคในระดับบรรพจารย์จักรพรรดิที่ยังพอต้านได้หน่อย

แต่พวกเขาก็หน้าเปลี่ยนสียกใหญ่

แม้ว่าพวกเขาจะเป็นมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิ ยามอยู่ในน่านฟ้าที่แปดก็ล้วนเป็นบุคคลชั้นยอดบนหนทางจักรพรรดิ สามารถข่มขวัญคนระดับเดียวกัน อหังการเหนือเส้นทางจักรพรรดิ

แต่หลังจากข้ามด่านเคราะห์ หลินสวินที่อยู่ตรงหน้ากลับมีรากฐานพลังและอานุภาพที่เหนือกว่าพวกเขา นี่จะไม่ให้พวกเขาตกใจได้อย่างไร

“ฆ่า! ข้าไม่เชื่อว่าเขาจะไร้คู่ต่อกรจริง!”

ชือพั่วจวินคำรามคลั่ง กลายเป็นรุ้งเงินสายหนึ่งทันที ส่งเสียงกัมปนาทรุนแรง พุ่งเข้าหาหลินสวิน ในมือเขาถือประทับมรรคสีเขียวเปล่งแสงไร้สิ้นสุด

ขณะเดียวกันผู้ฝึกปราณหลายสิบคนก็ตกใจได้สติ พากันซัดสมบัติวิเศษออกไป

ตูม!

ฟ้าดินเหมือนถูกทะลวงเกิดรูโหว่มหึมา พลังพลุ่งพล่านโหมกระหน่ำเหมือนสมุทรธาราเดือดพล่าน กลายเป็นกระแสพลังหลากสีพุ่งไปทางหลินสวิน

มกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิคนอื่นอย่างจงหลีเซียวกับลิ่นเฟิงก็ลงมือพร้อมกัน ปลดปล่อยพลังต่อสู้ของตนถึงขีดสุด ซัดอภินิหารนานัปการไปทางหลินสวินอย่างบ้าคลั่ง

นัยน์ตาทั้งสองของหลินสวินไม่สุขไม่ทุกข์ เพียงชูมือขึ้นแผ่วเบาแล้วกดลง

ปึง!

ชือพั่วจวินที่เหินทะยานมาถูกหลินสวินตบกระเด็นออกไปโดยง่ายเหมือนแมลงวันตัวหนึ่ง

จากนั้นเขาก็สะบัดแขนเสื้อ

ปราณกระบี่หยาบใหญ่ดุจภูผาสูงตระหง่านหลากสายม้วนพัดออกมา

ปึงๆๆ!

มีผู้ฝึกปราณสิบเจ็ดสิบแปดคนถูกปราณกระบี่ไร้ใดเปรียบนั้นทำลายพลังป้องกันอย่างต่อเนื่อง กายจิตล้วนแตกยับ เลือดลมพวยพุ่ง เกือบถูกซัดระเบิดคาที่

ส่วนพวกที่อยู่ต่ำกว่าระดับบรรพจารย์จักรพรรดิก็ยิ่งอนาถ

เมื่ออยู่ต่อหน้าหลินสวินยามนี้ พลังของพวกเขาก็เหมือนเครื่องแก้วเจอค้อนเทพ แค่แฉลบโดนก็ซัดเครื่องแก้วเป็นผุยผง

เมื่อปราณกระบี่แผ่กระจายกู่ก้อง ในที่นั้นก็มีคนมากมายถูกสังหาร คนอื่นก็ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ ไม่มีใครไม่เคลื่อนตัว สำแดงวิชาอภินิหารที่มีทั้งตัวออกมาเพื่อหนีไปรอบทิศสุดชีวิต

เพียงชั่วพริบตาเท่านั้น ในตำหนักเซียนใจกลางมีคนหนีไปจนเหลือแค่สามสิบกว่าคน ผู้ฝึกปราณคนอื่นมีหรือจะกล้าคิดตามฉีหลิงอวิ๋นไปฝึกปราณบนน่านฟ้าที่แปดอีก ถูกหลินสวินทำให้กลัวหัวหดแล้ว

หลินสวินไม่ได้ขวาง ความจริงคือต่อให้เขาคิดขวางก็ไม่ไหว จำนวนคนมากเกินไป ระดับจักรพรรดินับร้อยไม่ใช่พวกที่ผู้แข็งแกร่งทั่วไปเทียบได้ หากมีใจคิดหนีเอาตัวรอด ต่อให้หลินสวินใช้พลังทั้งหมดก็คงรั้งอยู่ได้แค่บางส่วน

ยิ่งไปกว่านั้นตั้งแต่ต้นจนจบเขาก็ไม่ได้ใส่ใจคนไม่สำคัญพวกนี้

เขาจับจ้องพวกฉีหลิงอวิ๋น จงหลีเซียวมาตลอด นี่ต่างหากศัตรูที่เขาต้องฆ่า ทั้งเขายังเปิดฉากจู่โจมแล้ว

เป้าหมายเล็งไปที่ฉีหลิงอวิ๋น!

ฉีหลิงอวิ๋นหรี่ตาเล็กน้อย สีหน้ากลับมาเยือกเย็นดังเดิม ไม่ได้ฝืนปะทะ แต่ถอยหนีห่างไป

“ฆ่า!”

ลิ่นเฟิงที่อยู่อีกด้านกลับพุ่งตัวมาก่อน ดาบศึกสีดำเล่มหนึ่งในมือโฉบนภาแหวกผ่านอากาศ ก่อให้เกิดจักรวาลดาราแถบหนึ่งสั่งสมอยู่ในแสงมรรคไร้ขอบเขต น่าหวาดกลัวไร้จำกัด

“รนหาที่ตาย!”

หลินสวินตวาดลั่น เสียงสะเทือนตะวันจันทราธารา ไอคลุมเครืออบอวล เขาย่างเท้าไปก้าวหนึ่ง กำหมัดซัดออกไปเต็มแรง มุ่งตรงแน่วแน่เหมือนจักรพรรดิสวรรค์เยือนโลกชั้นล่าง เหยียดหยันสรรพสิ่ง!

ตูม!

ลิ่นเฟิงกระเด็นลอยออกไป ริมฝีปากกระอักเลือด ทั่วร่างปรากฏบาดแผลชวนประหวั่นหลายแห่ง เขาเลือกปะทะกลับโดยตรงด้วยไม่ยอมรับความจริง แต่ผลลัพธ์เหี้ยมโหดนัก สู้ไม่ได้อย่างสิ้นเชิง

ตอนอยู่แดนเซียนว่างเปล่า เขาเคยลงมืออย่างเหี้ยมหาญเข้าปะทะหลินสวินเพื่อช่วยสุ่ยฉางจิ้ง ตอนนั้นหลินสวินยังเป็นแค่มกุฎมหาจักรพรรดิขั้นแปดก็ต้านการโจมตีของเขาได้

แต่ตอนนี้เมื่อหลินสวินทะลวงปราณ ในการปะทะซึ่งหน้าเขากลับบาดเจ็บด้วยการโจมตีเดียว!

ผลลัพธ์นี้ทำให้ลิ่นเฟิงหน้าเปลี่ยนสี แต่เขาก็เรียกได้ว่าน่ากลัว มีจิตต่อสู้ที่หนักแน่นราวกับเหล็กและไม่หวั่นเกรง เขาพุ่งตัวไปข้างหน้าเปิดศึกใหญ่กับหลินสวิน คิดสู้กันให้ตายไปข้าง

ตึง!

หลังผ่านไปสิบกว่ากระบวนท่า หลินสวินกดฝ่ามือออกมา ซัดดาบศึกสีดำของลิ่นเฟิงจนกระเด็น ฝ่ายหลังไม่หลบหลีก ใช้สองหมัดต้านทานโดยตรง

เพียงแต่ครู่ต่อมาก็เห็นว่าภายใต้ฝ่ามือนี้ นิ้วมือของลิ่นเฟิงเริ่มหักสะบั้นทุกกระเบียด ต่อด้วยสองแขนระเบิดกระจุย จากนั้นร่างกายก็สั่นสะเทือนรุนแรง ถูกซัดละเอียดกลางอากาศ น้ำเลือดสาดกระเซ็น!

ลิ่นเฟิงส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวด แววตาคั่งโลหิต ตอนนี้เขาหนีไม่พ้นแล้ว กำลังจะถูกหลินสวินกำจัดพลังจิตจนสิ้นซาก

ชิ้ง!

เสียงครวญเล็กแหลมแปลกประหลาดดังขึ้นกะทันหัน

เงาร่างหลินสวินพลันชะงักไป เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งออกมาพร้อมเสียงกัมปนาท เปล่งแสงมรรคนับหมื่นแสนปกคลุมทั้งตัวเขาไว้ภายใน

เสียงปะทะรุนแรงราวกับฉีกแก้วหูดังขึ้น กระสวยบินที่ประทับกลิ่นอายอมตะกระแทกเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งเต็มแรงเหมือนอสนีบาตสีดำสายหนึ่ง ความน่ากลัวของพลังที่ระเบิดออกมา ทำให้เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งถูกโจมตีจนสั่นสะเทือนรุนแรง

เงาร่างหลินสวินก็ซวนเซไปพักหนึ่ง แต่ไม่ได้รับบาดเจ็บ

“ต้านทานได้อย่างไร!?”

บนห้วงอากาศที่ห่างออกไปฉีหลิงอวิ๋นเผยสีหน้าตกใจ กระสวยบินนั้นคือหนึ่งในไพ่ตายของนาง ประทับกลิ่นอายของระดับอมตะไว้ ไม่ต้องพูดถึงบรรพจารย์จักรพรรดิ ภายใต้ความไม่ทันตั้งตัวแม้แต่มกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิก็ต้านไม่อยู่

ทว่าตอนนี้กลับถูกเตากระบี่ของหลินสวินขวางไว้!

แต่การโจมตีนี้ก็ช่วยลิ่นเฟิงสลายเคราะห์สังหารจนเอาชีวิตรอดมาได้ ร่างกายที่เลือดลมปั่นป่วนและแตกละเอียดฟื้นฟูกลับมาใหม่อีกครั้ง แต่สีหน้าเปลี่ยนเป็นจริงจังอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนแล้ว

ปัง!

กระสวยบินนั้นระเบิดออก ไพ่ตายชิ้นนี้ถูกกำจัดลงเพียงเท่านี้

หลังจากหลินสวินเรียกเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งออกมา กลิ่นอายก็ทะยานขึ้นช่วงหนึ่งอีกครั้ง

เขาพลันพุ่งสุดตัว ทำลายการปิดล้อมชั้นแล้วชั้นเล่ามาถึงตรงหน้าจงหลีเซียวนั่นกะทันหัน

“แดนมารสถูป!”

เบื้องหน้าจงหลีเซียวปรากฏแผนภาพสีดำเก่าแก่ม้วนหนึ่ง เขาสะบัดเปิดออก โลกนับไม่ถ้วนปรากฏตรงหน้าเขา ราวกับแดนมารที่เหมือนนรกขุมต่างๆ ระหว่างแดนมารแต่ละแห่งล้วนปกคลุมด้วยปราการโลก กลายเป็นพลังป้องกันน่าพรั่นพรึงที่ซ้อนทับกันอย่างหนึ่ง

ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าเขาที่อยู่ตรงหน้าชัดๆ แต่กลับเหมือนห่างไกลกันราวพันหมื่นโลก

ไม่ต้องสงสัยว่าแผนภาพสีดำนี้คือสมบัติลับที่น่าเหลือเชื่อชิ้นหนึ่ง!

“ฮู่ว”

จงหลีเซียวที่สำแดงพลังป้องกันซึ่งแข็งแกร่งที่สุดของตนออกมาเพิ่งเป่าปากโล่งอก เมื่อเงยหน้าก็เห็นว่าทั่วแดนมารสถูปชะงักค้างหยุดนิ่ง

จากนั้นปราณกระบี่เจิดจรัสที่เฉียบคมถึงขั้นไม่อาจจินตนาการสายหนึ่งพุ่งออกมาจากเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งของหลินสวิน แทงทะลวงปราการโลกที่ซ้อนทับกันนั้นเต็มแรงเหมือนไม่มีสิ่งใดทำลายไม่ได้ ทุกจุดที่เคลื่อนผ่านราวกับมีโลกแห่งแล้วแห่งเล่าถูกบดขยี้ยุ่งเหยิง ละอองแสงสีดำชวนประหวั่นระเบิดกระจาย

วิญญาณจงหลีเซียวเกือบหลุดออกจากร่าง นี่เป็นถึงวิชาป้องกันก้นหีบของเขา แต่ตอนนี้กลับถูกหลินสวินใช้กระบี่เดียวทะลวงปราการไร้สิ้นสุด ทำลายโลกนับไม่ถ้วน!

กลางอากาศเห็นแค่รวงแสงตระการตาแทงทะลวงฟ้ากว้าง

จงหลีเซียวถึงขั้นมองเห็นความเฉยชาบนหน้าของหลินสวินอย่างชัดเจน แต่หลีกหลบไม่ทันแล้ว

ฟุ่บ!

กระบี่มรรคแทงทะลุร่างเขา

ทั้งตัวจงหลีเซียวรวมถึงจิตวิญญาณของเขาล้วนถูกกระบี่นี้ของหลินสวินบดขยี้ ถึงขั้นไม่ทันแม้แต่จะใช้วิชาเอาตัวรอดมากมายในตัวก็สลายกลายเป็นธุลี ถูกเจตกระบี่น่ากลัวบนกระบี่มรรคของหลินสวินทำลายล้างหมดจด

กายสิ้นมรรคสลาย วิญญาณแตกซ่านอย่างแท้จริง!

………………

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท