Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2560 สัตว์ประหลาดแบบไหนกัน

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2560 สัตว์ประหลาดแบบไหนกัน

ตอนที่ 2560 สัตว์ประหลาดแบบไหนกัน

การต่อสู้ดำเนินมาถึงตอนนี้ เพิ่งผ่านไปเพียงหนึ่งถ้วยชา

ทว่าเหตุการณ์ก่อนหลังคือมีมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิคนหนึ่งร่วงหล่น มู่อี้ถูกหมัดเจตจำนงวิถียุทธ์ต่อยตาย จงหลีเซียวถูกหลินสวินใช้กระบี่มรรคฟันร่างแยก ลิ่นเฟิงถูกพลังหมัดของหลินสวินซัดแหลก…

ในช่วงเวลานี้ยิ่งมีผู้ฝึกปราณที่เรียกได้ว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในระดับจักรพรรดิกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าล้มลงใต้เท้าหลินสวิน!

คนมากมายล้วนเผ่นหนีไปแต่แรก ถูกอานุภาพดุจไร้คู่ต่อกรของหลินสวินทำเอาขวัญกระเจิง

ผลลัพธ์นี้ทำให้คนราวกับตกอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง!

เวลานี้ทั่วทั้งสนามรบเงียบสงัด

ถึงตอนนี้คนที่รอดชีวิตต่างรู้สึกสิ้นหวัง จะให้สู้อย่างไร ไม่ใช่คู่ต่อสู้เลยสักนิด สิ่งที่ย่ำแย่กว่าคือแค่คิดหนีก็ยังทำไม่ได้

ชือพั่วจวินเคยพยายามหลบหนี แต่เพิ่งขยับตัวก็ถูกหลินสวินขัดขวาง ต่อให้เขาใช้วิชาลับต้องห้ามออกมาก็ไม่สามารถสั่นคลอนการขวางกั้นของเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งได้

นี่ทำให้เขาก็พรั่นพรึงโดยสมบูรณ์เช่นกัน

ตั้งแต่เริ่มสู้จนบัดนี้ คนที่ตายก็ตายไป คนที่หนีก็หนีไป เหลือเพียงเขากับฉีหลิงอวิ๋นสองคน!

และพอมองไปทางฉีหลิงอวิ๋น ขณะนี้ก็สีหน้าซีดเซียวไม่ต่างกัน นางเคยชี้นิ้วสั่งการอย่างอวดดีหวังให้หลินสวินก้มหัวสวามิภักดิ์ ตอนนี้ดูแล้วออกจะน่าขันไปบ้าง

แต่นางต่างไปจากชือพั่วจวิน นางยังคงวางตัวสุขุม ไม่ได้ตระหนกลนลาน

กล่าวอีกนัยคือนางยังคงมีความมั่นใจอยู่

หลินสวินไม่ได้หยุดมือ อันที่จริงตั้งแต่ต่อสู้จนบัดนี้เขาไม่เคยหยุดการเคลื่อนไหวเลย เพราะเขาไม่ยอมปล่อยศัตรูให้หนีรอดสักนิด

“ข้าจะสู้กับเจ้าเอง!”

เมื่อเห็นหลินสวินพุ่งเข้ามา ชือพั่วจวินที่หนีอย่างไรก็หนีไม่รอดส่งเสียงตะโกนลั่นราวกับทุ่มสุดตัว บริเวณหว่างคิ้วของเขามีแสงสว่างเจิดจ้านับไม่ถ้วนพุ่งออกมา ถักทอเป็นโลกจักรวาลใบหนึ่ง หลากสีสันบาดตา ไพศาลไร้พรมแดน กดกำราบลงมาทางหลินสวิน

ตูมโครม!

ภายในโลกจักรวาลมีสุริยันจันทราดาราโคจร ไอแรกกำเนิดพร่ามัว ราวกับของจริง น่าเหลือเชื่อถึงขีดสุด

หลินสวินไม่ได้หลบเลี่ยง เงาร่างสาดแสงหมื่นจั้ง ก้าวเท้าเหยียบย่าง อานุภาพล้นฟ้าแผ่ออกมาจากตัวเขา แปลงเป็นหุบเหวใหญ่ลึกเหลือประมาณ บดขยี้ฟ้าดิน สูบกลืนโลกจักรวาลที่เหมือนของจริงนั่นโดยตรง!

พรูด!

ชือพั่วจวินกระอักเลือดคำโต หว่างคิ้วแตกระเบิด ปรากฏปากแผลน่าสะพรึง เขาตาแทบถลน ไม่กล้าเชื่อสักนิดว่าอภินิหารพรสวรรค์ที่แกร่งที่สุดของตนกลับถูกกลืนหาย ดูเปราะบางได้ถึงเพียงนั้น

“ฆ่า!”

เขากระตุ้นน้ำเต้าทองม่วง ธารดาราอมตะหลั่งริน ม้วนแผ่บนผืนฟ้า สว่างไสวแสบตา

หลินสวินสายตาเย็นเยียบ ไอสังหารหนาหนัก กำราบไร้ปรานี

และพร้อมกันนั้นเงาร่างของเขาวาบกะพริบทันควัน กายมรรคทั้งห้าพุ่งออกไปพร้อมกัน ขวางอยู่หน้าตำหนักเซียนใจกลางด้วยความเร็วน่าเหลือเชื่อ ลงมือพร้อมเพรียง

ตูม!

ท่ามกลางละอองแสงพวยพุ่ง เงาร่างสายหนึ่งซวนเซถอยร่นอยู่กลางห้วงอากาศ เป็นฉีหลิงอวิ๋นนั่นเอง ก่อนหน้านี้ไม่รู้นางใช้วิชาลับอะไร ถึงกับแปลงกายล่องหน พยายามหนีออกจากที่นี่

แต่กลับถูกหลินสวินมองทะลุ ใช้กายมรรคทั้งห้าไปขวางนางไว้!

“ฆ่าคนมากมายขนาดนี้ ครั้งนี้ต่อให้เจ้ารอดชีวิตออกจากที่นี่ แต่เมื่อถึงออกไปนอกโบราณสถานทวยเทพจะหนีไปไหนได้อีก”

นัยน์ตาฉีหลิงอวิ๋นเย็นชา ดวงตางามปกคลุมด้วยน้ำค้างแข็ง หญิงสาวสง่างามในชุดกระโปรงยาวถือม้วนตำราอยู่ในมือ เวลานี้ก็เห็นได้ชัดว่าสะบักสะบอมมากเช่นกัน ไม่สามารถวางตัวเยือกเย็นเหมือนก่อนหน้านี้ได้อีก หว่างคิ้วเต็มไปด้วยความอึมครึม

หลินสวินไม่ได้สนใจ ตั้งหน้าตั้งตากำราบชือพั่วจวิน

ตูม!

ภาพที่เพิ่งเกิดขึ้นกับตัวลิ่นเฟิงเมื่อครู่ฉายซ้ำอีกครั้งราวกับเลียนแบบ ก่อนอื่นน้ำเต้าทองม่วงนั่นถูกเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งกำราบกักขังอยู่ในห้วงอากาศ

จากนั้นเมื่อหลินสวินย่าวเท้าปล่อยหมัดหนึ่งออกไป ในประกายแสงไร้ทัดเทียมนั่น สมบัติป้องกันบนตัวชือพั่วจวินแตกระเบิดออกทั้งหมดประหนึ่งกระดาษเปื่อย จากนั้นวิชามรรคป้องกันแน่นหนาที่ปิดครอบบนร่างเขาก็ยังถูกพลังหมัดน่าประหวั่นนี้บดขยี้แหลกด้วยเช่นกัน

พรูด!

หมัดเดียว ทั้งตัวเขาล้วนถูกโจมตีสังหาร ร่างกายถูกทะลวงตรงๆ ระเบิดเป็นละอองเลือดกลางอากาศ จากนั้นถูกพลังหมัดไพศาลบดขยี้จนอันตรธานหายไป!

มกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิตระกูลชือจากน่านฟ้าที่แปดคนนี้ ก็จบชีวิตด้วยความคับแค้นอยู่ที่นี่ตามรอยลิ่นเฟิง จงหลีเซียว และมู่อี้เช่นกัน!

และขณะนี้ ในตำหนักเซียนใจกลางเหลือเพียงศัตรูอย่างฉีหลิงอวิ๋นคนเดียว!

ฟ้าดินสั่นสะเทือน ไอแรกกำเนิดขุ่นมัว

เบื้องหน้าฉีหลิงอวิ๋นที่ถูกขวางอยู่หน้าตำหนักเซียนปรากฏคัมภีร์ประกายเหลืองเล่มหนึ่ง มีทั้งสิ้นหนึ่งร้อยแปดหน้า บนนั้นล้วนประทับอักษรโบราณแฝงความไม่เสื่อมคลายกลายๆ บิดขดเหมือนไส้เดือน

กายมรรคทั้งห้าของหลินสวินโจมตีออกไปพร้อมกัน กลับไม่สามารถทลายพลังป้องกันของคัมภีร์เล่มนี้ได้!

ควรรู้ว่าพลังต่อสู้ของกายมรรคทั้งห้าแต่ละร่างล้วนเทียบเท่าร่างต้น เมื่อหลินสวินกลายเป็นมกุฎบรรพจารย์ กายมรรคทั้งห้าก็เปลี่ยนแปลงไปด้วย พลังต่อสู้ต่างไปจากเดิมนานแล้ว

ทว่าคัมภีร์ประกายเหลืองนั่นน่าเหลือเชื่อยิ่ง พลังที่สร้างขึ้นคลุมเครือยากจะพรรณนา สลายวิชามรรคและอานุภาพทั้งหมดจนสิ้น ไม่สามารถทำร้ายฉีหลิงอวิ๋นที่ได้รับความคุ้มครองอยู่ในนั้นแม้เพียงเศษเสี้ยว

ไกลออกไปร่างต้นของหลินสวินเดินมา รูปร่างสูงโปร่ง ผมดำหนา สายตาลุ่มลึกคมกริบจับจ้องฉีหลิงอวิ๋น

เหนือศีรษะของเขา บริเวณปากเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งมีแสงมรรคมหาศาลไหลหลั่งออกมาราวแพน้ำตก ปกป้องเขาเอาไว้ภายในนั้น ดุจดั่งเซียนศักดิ์สิทธิ์ มีอานุภาพสูงสุด

เห็นเช่นนี้ฉีหลิงอวิ๋นกลับยังคงเยือกเย็นดังเดิม กล่าวว่า “ข้ายอมรับว่ามองเจ้าผิดไป สู้หยุดมือชั่วคราวแล้วพูดคุยกันดีๆ ดีกว่าไหม เจ้าคงไม่อยากถูกเฒ่าชราที่อยู่นอกโบราณสถานทวยเทพพวกนั้นฆ่าตายตอนออกจากที่นี่ไปกระมัง”

คัมภีร์เป็นหน้าๆ ส่องแสงชัชวาล กลายเป็นรุ้งเทพพันล้อมเงาร่างสูงเพรียวของนาง มีเสียงท่องคัมภีร์ลึกลับคลุมเครือดังแว่วรางๆ

ไม่ว่าการโจมตีแบบใดล้วนถูกสกัดไว้ด้านนอกราวกันฟองอากาศ

ภาพนี้ทำให้หลินสวินตระหนักได้ว่าม้วนตำราในมือฉีหลิงอวิ๋น เกรงว่าจะเป็นสมบัติชั้นเลิศชิ้นหนึ่งที่แข็งแกร่งถึงขั้นน่าเหลือเชื่อ!

ฟุ่บ!

หลินสวินครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนเก็บกายมรรคทั้งห้า

เมื่อเห็นเช่นนี้ ฉีหลิงอวิ๋นเพิ่งจะถอนหายใจโล่งอกและทำท่าจะพูดอะไร

ก็เห็นร่างต้นของหลินสวินก้าวมาข้างหน้าโดยพลัน ใช้เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งกระแทกเข้าไป

ตูม!

แสงมรรคไร้สิ้นสุดสาดพุ่ง อานุภาพเผด็จการน่าสะพรึงแผ่กว้างออกจากเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง ซัดจนคัมภีร์ประกายเหลืองเป็นหน้าๆ นั่นเกิดสั่นไหวรุนแรง พลิกม้วนไปมา

ฉีหลิงอวิ๋นที่ตัวอยู่ภายในนั้นตกใจ ใบหน้างามเปลี่ยนสี กล่าวว่า “เจ้าจะฆ่าให้หมดจริงๆ หรือ”

หลินสวินไม่เอ่ยปาก กระตุ้นเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งโจมตีต่อไป

เสียงสนั่นหวั่นไหวถี่กระชั้นดังก้องไปทั่ว ทุกครั้งที่เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งกระแทกใส่ คัมภีร์ประกายเหลืองนั่นก็สั่นรุนแรง ยามโจมตีไปหลายสิบครั้ง คัมภีร์ประกายเหลืองนั่นก็คล้ายจะรับไม่ไหว ส่งเสียงครวญเสียดหูออกมา

แม้ยังไม่ได้รับภัยคุกคามชั่วขณะ แต่เมื่อเห็นหลินสวินลงมือเหี้ยมเกรียมเด็ดขาดเช่นนี้ ฉีหลิงอวิ๋นก็ทั้งตกใจทั้งเดือดดาล ในใจถาโถมด้วยรสชาติที่บอกไม่ถูก

ด้วยฐานะของนาง อยู่ในน่านฟ้าที่แปดยังเรียกได้ว่าสะดุดตา ผู้อาวุโสบางส่วนยังต้องพินอบพิเทา!

ในเขตแดนใต้น่านฟ้าที่แปด นางก็คือเทพธิดาบนสวรรค์ อยู่สูงไม่อาจเอื้อม ได้แต่แหงนหน้ามอง

อย่าว่าแต่ระดับจักรพรรดิ ต่อให้เป็นระดับอมตะก็ต้องไว้หน้าสามส่วน!

เพราะนางคือฉีหลิงอวิ๋น บุตรสาวของผู้นำตระกูลฉีคนปัจจุบัน!

ด้วยฐานะนี้ ต่อให้นางมีปราณเพียงน้อยนิดก็แทบไม่มีใครกล้าล่วงเกิน อย่างน้อยในโลกยอดนิรันดร์ก็เป็นเช่นนี้

ทว่าเวลานี้ทุกการกระทำของหลินสวินกลับล้มล้างความรู้ความเข้าใจของฉีหลิงอวิ๋นลงโดยสมบูรณ์ ทำให้ศักดิ์ศรีและความถือดีของนางพบเจอการโจมตีหนักหน่วง!

คนจากทางเดินโบราณฟ้าดาราคนหนึ่งกลับไม่หวั่นเกรงภัยคุกคามใดๆ สักนิด นางเพิ่งเคยพบเจอคนไม่รู้จักหวาดหวั่น ไม่เกรงกลัวสิ่งใดเช่นนี้เป็นครั้งแรก

ตูม!

สุดท้ายพลังป้องกันที่สร้างขึ้นจากคัมภีร์ประกายเหลืองเป็นหน้าๆ นั่นถูกเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งแหวกออกเป็นรอยแยกสายหนึ่ง ภายใต้การโจมตี ฉีหลิงอวิ๋นซวนเซเกือบล้มคะมำลงพื้น ใบหน้างามล้ำเปลี่ยนเป็นขาวซีด

“เจ้ากล้า…!”

เมื่อเห็นมือใหญ่ของหลินสวินยื่นออกมาจับคว้ารุนแรง ฉีหลิงอวิ๋นส่งเสียงตวาดลั่น จี้หยกประทับภาพปลาหยินหยางที่แขวนอยู่เบื้องหน้าพลันส่องประกายเทพสีทองออกมาทันควัน

วู้ม!

ประกายเทพสีทองพลิกม้วน ควบรวมกันเป็นอักษร ‘ฉี’ ที่เก่าแก่ดั้งเดิมตัวหนึ่ง แสงระเบียบดุกร้าวเผด็จการแผ่ออกมากลางอากาศโดยพลัน

นี่คืออักษรแซ่ที่เขียนขึ้นโดยพลังระเบียบ เป็นตัวแทนของพลังพิทักษ์ตระกูลของตระกูลฉี หนึ่งในสิบขุมอำนาจยักษ์ใหญ่อมตะ

ภัยคุกคามถึงชีวิตที่ไม่อาจบรรยายทะลักสู่จิตใจของหลินสวิน ไม่ต้องสงสัยสักนิดว่าอักษรแซ่ซึ่งแปลงจากพลังระเบียบนี้มีอานุภาพทำลายล้างที่ไม่สามารถจินตนาการได้

เขาแทบจะเก็บมือในทันที ใช้เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งออกโจมตี

ตูม!

เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งสาดแสงครอบอักษร ‘ฉี’ ทองอร่ามนั้น กำราบเอาไว้ในเตาหลอม จากนั้นเสียงอึงอลสะเทือนโสตจนหูเกือบหนวกดังออกมาจากเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง เสมือนมีเทพศักดิ์สิทธิ์กำลังห้ำหั่นกราดเกรี้ยวอยู่ในเตาหลอม พุ่งกระแทกเข้าชนตรงๆ ทำเอาเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งสั่นสะเทือนรุนแรง

ทว่าเพียงครู่เดียวทุกสิ่งล้วนกลับคืนสู่ความเงียบสงบ เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งมีแสงมรรคไหลหลั่ง ทั่วตัวเรือนไม่ได้รับความเสียหายใดๆ ส่วนอักษร ‘ฉี’ สีทองที่ถูกกำราบไว้ภายในเตากลับถูกระเบียบนิพพานบดขยี้แหลกละเอียด กลายเป็นพลังต้นกำเนิดระเบียบที่ยิ่งใหญ่ไร้ที่เปรียบ ถูกดูดซับกัดกลืนเกลี้ยง

หลินสวินถึงขั้นสังเกตเห็นว่าหลังจากพลังต้นกำเนิดระเบียบสายนี้ถูกดูดซับ ระเบียบมรรคเซียน ระเบียบมรรคนรก รวมถึงวิญญาณระเบียบอู๋ซวงที่หลับใหลอยู่ภายในถูกปลุกตื่นเกือบจะในเวลาเดียวกัน แล้วลงมือช่วงชิงต้นกำเนิดระเบียบสายนี้โดยพร้อมเพรียง

ชั่วพริบตาต้นกำเนิดระเบียบสายนี้พลันแบ่งเป็นสามส่วน ถูกระเบียบมรรคเซียน ระเบียบมรรคนรก และอู๋ซวงแบ่งกันกลืนกินจนหมดสิ้น!

ภาพนี้น่าเหลือเชื่ออย่างยิ่ง

ระเบียบนิพพานดุจดั่งร่างมารดา พลังระเบียบที่ดูดซับและหล่อหลอมกลายเป็นสารบำรุงชนิดหนึ่ง หล่อเลี้ยงพลังระเบียบต่างๆ ที่ถูกมันสร้างออกมาทั้งหมด เป็นผลให้พลังระเบียบเหล่านี้เปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งขึ้น

โดยเฉพาะวิญญาณระเบียบที่ประดุจเด็กสาวไร้เดียงสาอย่างอู๋ซวง หลังจากดูดซับพลังระเบียบอักษร ‘ฉี’ ส่วนนั้น ดวงหน้าเนียนขาวอ่อนวัยแดงปลั่งขึ้นไม่น้อย เปล่งประกายมีชีวิตชีวา!

ทั้งหมดนี้พูดไปเหมือนนาน แต่ความจริงล้วนเกิดขึ้นในชั่วอึดใจ

เมื่อเห็นว่าไพ่ตายที่ตนใช้รักษาชีวิตถูกกำราบง่ายดายเพียงนี้ ฉีหลิงอวิ๋นราวกับถูกสายฟ้าฟาด นัยน์ตาเบิกโต เผยแววไม่อยากเชื่อ

พลังระเบียบในจี้หยกนั่นเป็นระเบียบระดับสวรรค์ขั้นเก้าที่ตระกูลฉีของนางครอบครอง ทั้งยังไม่ใช่ระดับสวรรค์ขั้นเก้าธรรมดาทั่วไป อานุภาพเรียกได้ว่าน่าสะพรึง

อย่าเห็นว่าเป็นเพียงแค่อักษร ‘ฉี’ ตัวหนึ่ง แต่อานุภาพระดับนั้นยังสามารถสร้างภัยคุกคามถึงชีวิตให้แก่ระดับอมตะได้!

แต่ตอนนี้กลับถูกกำราบอย่างง่ายดายขนาดนั้น!

ทั้งหมดนี้ทำลายความรู้ความเข้าใจของฉีหลิงอวิ๋น ทำให้เนื้อตัวนางสั่นเทา หน้าเปลี่ยนสีโดยสิ้นเชิง แววตาที่มองทางหลินสวินยิ่งเจือความหวาดกลัวอย่างไม่อาจควบคุม

เจ้าคนตรงหน้านี่ เป็นสัตว์ประหลาดแบบไหนกันแน่!?

………………………

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท