Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2567 ทำหน้าที่แทนอาจารย์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2567 ทำหน้าที่แทนอาจารย์

ตอนที่ 2567 ทำหน้าที่แทนอาจารย์

ตั้งแต่ตอนอยู่ตำหนักเซียนใจกลาง หลินสวินก็สังเกตเห็นแล้วว่ายามเผชิญการโจมตีขนาบของระดับอมตะทั้งสี่ ศิษย์พี่สี่หลิงเสวียนจื่อเห็นชัดว่าได้เปรียบ

ถึงแม้หลินสวินไม่สามารถเข้าใจพลังของระดับอมตะ แต่มีประสบการณ์ต่อสู้อยู่ มีหรือจะไม่รู้ว่าหากเอาจริง การต่อสู้ครั้งนี้เกรงว่าคงจะสิ้นสุดไปนานแล้ว

แต่การต่อสู้กลับยังดำเนินต่อไปไม่จบสิ้น…

ปากหลิงเสวียนจื่อบอกว่าจะหยิบยกโอกาสนี้มาชี้แนะให้เขา ทำให้เขาสัมผัสพลังของระดับอมตะ แต่หลินสวินกลับไม่อาจไม่สงสัยว่าศิษย์พี่สี่คนนี้ของตนกำลังใช้โอกาสนี้มาสั่งสอนตนอยู่หรือไม่

หากเป็นเช่นนี้หลินสวินก็จะทนเอา ถึงอย่างไรก่อนหน้านี้เขาก็วางอุบายหลิงเสวียนจื่ออย่างไม่ถูกไม่ควร

แต่สิ่งสำคัญคือ ตอนนี้สู้กันมาจนถึงกลางจักรวาลแล้ว ไม่มีการกำบังของโบราณสถานทวยเทพ ทุกสิ่งล้วนปรากฏแก่สายตาผู้ฝึกปราณที่อยู่ในที่นี้ทั้งหมด

ถ้ามีพวกร้ายกาจบางส่วนพุ่งออกมาในเวลานี้ มีแต่จะทำให้สถานการณ์เปลี่ยนเป็นเหนือการควบคุมมากขึ้น!

หลิงเสวียนจื่อก็คล้ายตระหนักได้เช่นกันว่าอารมณ์หลินสวินย่ำแย่มาก จึงกล่าวกลั้วหัวเราะ “เอาล่ะๆ ข้าจะช่วยศิษย์น้องกำจัดศัตรูตัวฉกาจเดี๋ยวนี้แหละ!”

ว่าจบนัยน์ตาเขาดุจสายฟ้า กวาดมองพวกหนานเฟยตู้สี่คนแล้วเอ่ยเสียงกังวาน

“ทุกท่าน เรื่องเอะอะครั้งนี้ควรยุติได้แล้ว ศิษย์น้องเล็กของข้าไม่มีความอดทนฟังข้าชี้แนะแล้ว ช่วยไม่ได้ ข้าหลิงเสวียนจื่อได้แต่ส่งทุกท่านไปตามทางแล้ว”

เสียงดุจระฆังเช้ากลองยามค่ำ ดังก้องทั่วจักรวาลแถบนี้

ผู้ที่ชมการต่อสู้อยู่ไกลๆ ล้วนเผยสีหน้าตะลึงอึ้งค้าง

ศิษย์น้องเล็กหรือ

เบื้องหลังคนร้ายกาจแซ่หลินถึงกับมีสำนักหนึ่งหนุนอยู่หรือ

ศิษย์พี่ของเขายังเป็นระดับอมตะ เช่นนั้นอาจารย์ของเขา… จะแข็งแกร่งปานใดกัน

ข่าวนี้ราวกับพายุคลั่ง ซัดโหมสภาวะจิตของผู้คน เรียกเสียงฮือฮาและความโกลาหลในที่นั้นขึ้น

มีเพียงคนจากสี่ตระกูลตงหวงอย่างพวกกู้ปั้นจวง อวิ๋นลั่วหงที่ดูเยือกเย็นที่สุด เพราะพวกเขารู้แต่แรกแล้วว่าหลินสวินเป็นผู้สืบทอดคีรีดวงกมล

เพียงแต่กระทั่งพวกเขายังไม่รู้ว่าตอนนี้เวลานี้ ดันมีผู้สืบทอดคีรีดวงกมลที่น่าพรั่นพรึงถึงขั้นสามารถต้านระดับอมตะสี่คนได้อย่างหลิงเสวียนจื่อโผล่มา

นี่อยู่เหนือการคาดเดาของพวกเขาโดยสิ้นเชิง

ตูม!

และขณะที่ทุกคนกำลังตกใจและสงสัย ในสนามรบไกลๆ อานุภาพของหลิงเสวียนจื่อก็เปลี่ยนไปทันควัน เงาร่างที่แต่เดิมหล่อเหลาราวเด็กหนุ่มถึงกับทะลักอานุภาพเกรียงไกรออกมา

ฮูม…

แสงเขียวเป็นสายๆ ควบรวม แปลงเป็นแท่นบัวสีเขียวสามสิบหกชั้นแท่นหนึ่ง เรืองแสงสว่างไสวในจักรวาล ก่อเกิดภาพอัศจรรย์ไร้สิ้นสุด

หลิงเสวียนจื่อยืนตระหง่านอยู่บนนั้น มือหนึ่งถือแส้หางม้า อีกมือรองเจดีย์ไร้สิ้นสุด ดุจดั่งเทพศักดิ์สิทธิ์ที่ยืนอยู่เหนือเก้าสวรรค์ ให้ความรู้สึกแกร่งกล้าเกินเอื้อม สูงเกินป่ายปีน

พริบตานี้พวกหนานเฟยตู้ที่ต่อสู้จนตาแดงก่ำล้วนเย็นวาบไปทั่วร่าง หน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย สัมผัสได้ถึงความไม่เข้าที

เพราะหลิงเสวียนจื่อราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน กลิ่นอายที่ปลดปล่อยออกจากร่างทำให้พวกเขาล้วนรู้สึกถึงอันตรายที่เสียดแทงกระดูกระลอกหนึ่ง

“เวลานี้ขืนยังเก็บซ่อนต่อไป เกรงว่าจะมีภัยมากกว่าโชคแล้ว” หนานเฟยตู้สีหน้าอึมครึมยิ่ง

“เช่นนั้นก็ใช้ไพ่ตายของแต่ละคน สังหารตัวเกะกะนี่ซะ!”

อวิ๋นจิ่วเวยตะโกนลั่น

ขณะพูดเขาโบกแขนเสื้อคราหนึ่ง รุ้งเทพเจิดจ้างดงามสายหนึ่งพุ่งขึ้น แปรสภาพเป็นดาบบินห้าสีเล่มหนึ่ง ส่องแสงเจิดจ้าอยู่กลางอากาศ แสงห้าธาตุไหลหลั่ง

พลังระเบียบบาดตาเป็นริ้วๆ สาดออกมาจากคมประกายดาบบิน ลำพังแค่กลิ่นอายที่ปลดปล่อยออกมาก็ทำให้ฟ้าดาราแถบนี้สั่นโคลง ห้วงอากาศใกล้เคียงล้วนถูกกรีดแหวกเป็นรอยแยกนับไม่ถ้วน สยดสยองน่าตกใจ

ดาบห้าเร้นฟันวิญญาณ!

สมบัติลับที่ประทับกลิ่นอายระเบียบ ภายในบรรจุแก่นของต้นกำเนิดห้าธาตุ ขนาดราวฝ่ามือ แต่แค่โจมตีเบาๆ ก็สามารถแหวกพลังระเบียบที่ปกคลุมโลกใบหนึ่งได้ น่าพรั่นพรึงไร้ขอบเขต

“ฟัน!”

อวิ๋นจิ่วเวยตะโกนลั่น ดาบบินห้าสีพุ่งออกมา มองจากไกลๆ ประดุจแสงที่กรีดแหวกจักรวาลสายหนึ่ง ปลดปล่อยอานุภาพทำลายล้างได้ทุกสิ่งออกมา

ดวงตาของผู้ฝึกปราณที่อยู่ห่างไปไกลล้วนเจ็บแปลบ จิตวิญญาณสะเทือนไหว แม้จะอยู่ห่างไกลลิบก็ยังรู้สึกหวาดกลัวราวกับมีคมดาบจ่อคอ

จากนั้นภาพที่ทำให้คนหนังศีรษะชาวาบพลันปรากฏ

ดาบบินห้าสีเพิ่งมาถึงหน้าแท่นบัวสีเขียวสามสิบหกชั้นนั้น ก็ถูกกลีบดอกสีเขียวที่เหมือนควบรวมขึ้นจากละอองแสงขวางเอาไว้ กักขังอยู่ตรงนั้น ไม่ว่าจะดิ้นรนอย่างไรก็ไม่สามารถหลุดไปได้

ก็เห็นหลิงเสวียนจื่อยื่นมือออกไปคว้า ดาบบินห้าสีเล่มนี้ตกสู่กลางฝ่ามือเขา ปลายนิ้วบดขยี้เบาๆ สมบัติที่ถูกอวิ๋นจิ่วเวยมองเป็นไพ่ตายชิ้นนี้ก็แตกเป็นเสี่ยงๆ กลายเป็นละอองแสงร่วงโปรยปราย ปลิวออกจากง่ามนิ้วมือหลิงเสวียนจื่อ

พรูด!

สมบัติถูกทำลาย ทำให้อวิ๋นจิ่วเวยพลอยโดนผลกระทบไปด้วย กระอักเลือดออกมาโดยพลัน เขาหน้าเปลี่ยนสีอย่างที่สุด แววตาเต็มไปด้วยความพรั่นพรึง

“ไป!”

ไกลออกไปทันทีที่หลิงเสวียนจื่อชูมือขึ้น เจดีย์ไร้สิ้นสุดเหินทะยานและอันตรธานหายไปในอากาศ

ไม่รอให้ทุกคนตอบสนองก็ได้ยินเสียงหนักทึบดังขึ้นคราหนึ่ง เจดีย์ไร้สิ้นสุดถึงกับปรากฏอยู่บนอากาศเหนือศีรษะอวิ๋นจิ่วเวยอย่างคาดไม่ถึง ก่อนจะกดกำราบลงไป ตัวเจดีย์เรียบง่ายเก่าแก่ราวกับหล่อขึ้นจากทองเทพ ปลดปล่อยกระแสมหามรรคบาดตาออกมา แผ่ครอบไปยังร่างของอวิ๋นจิ่วเวย

ไม่ใช่อวิ๋นจิ่วเวยไม่อยากถอยหนี หากแต่ห้วงอากาศใกล้เคียงล้วนถูกคุมขัง ดุจดั่งกรงขึงมหามรรค ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้สักนิด!

เขาเดือดดาลจนตาถลน เร่งกระตุ้นมรรควิถีอมตะในตัวสุดกำลัง แต่ก็ยังไม่อาจดิ้นหลุด ได้แต่มองเจดีย์ไร้สิ้นสุดองค์นั้นกดกำราบลงมาตาปริบๆ

เสียงกึกก้องสะเทือนฟ้าระลอกหนึ่งดังตามมาติดๆ ศีรษะ ลำคอ ทรวงอกของอวิ๋นจิ่วเวย… ถูกกระแทกแตกหักดับสายไปทั้งหมด

ในที่นั้นเหลือเพียงละอองแสงท่วมฟ้า เจดีย์ไร้สิ้นสุดที่ประดุจยืนยงคงนิรันดร์ลอยอยู่เงียบๆ

การโจมตีเดียว สังหารระดับอมตะที่ครอบครองกฎเกณฑ์ระดับสวรรค์ขั้นเก้าคนหนึ่ง!

ภาพนองเลือดนั้นทำให้ทุกคนที่อยู่ไกลๆ ล้วนสั่นเทิ้ม อึ้งค้างอยู่ตรงนั้น รู้สึกไม่อยากเชื่อ

แม้แต่หลินสวินก็คิดไม่ถึงว่าสมบัติที่อยู่ข้างกายตนมาตั้งแต่สมัยเด็กอย่างเจดีย์ไร้สิ้นสุดชิ้นนี้ จะถึงกับมีอานุภาพน่าเหลือเชื่อเช่นนี้ และเมื่อได้เห็นภาพนี้กับตา เขาเองยังอดสูดหายใจสะท้านไม่ได้

นี่คือการกำราบสังหารทั้งเป็น เป็นการใช้พลังบดขยี้อย่างเบ็ดเสร็จ ไม่ยอมให้อีกฝ่ายหลบเลี่ยงสักนิด การโจมตีเดียวก็ทำให้ร่างและจิตล้วนแตกดับ!

และในสนามรบ การตายของอวิ๋นจิ่วเวยทำให้พวกหนานเฟยตู้ราวถูกกระตุ้นยิ่งยวด แต่ละคนหน้าเปลี่ยนยกใหญ่ ร่างกายแข็งทื่อ

พลังต่อสู้ของอวิ๋นจิ่วเวยไม่ได้ด้อยกว่าพวกเขาคนใด แต่กลับถูกโจมตีตายคาที่เช่นนี้ พวกเขาจะไม่ตกใจได้อย่างไร

“ไป!”

บนแท่นบัวสีเขียวสามสิบหกชั้น หลิงเสวียนจื่อดุจดั่งนายเหนือหัว ปากเอ่ยเสียงมรรค

ตูม!

เจดีย์ไร้สิ้นสุดหายไปในอากาศอีกครั้ง

หนานเฟยตู้ กู้หลิงเจิน ลี่ซางจวินตกใจจนขวัญจะหลุด แต่ละคนเผ่นหนีทันที เร่งกระตุ้นพลังทั้งหมดของตน งัดไพ่ตายรักษาชีพทั้งหมดออกมา

แต่เงาร่างที่หลบหนีของหนานเฟยตู้กลับนิ่งค้างทันควัน ราวถูกมือใหญ่ข้างหนึ่งกำไว้ จากนั้นเหนือศีรษะของเขาปรากฏเงาร่างของเจดีย์ไร้สิ้นสุด ประกายศักดิ์สิทธิ์บาดตาไหลหลั่งดั่งน้ำตก…

“เปิด!”

ในช่วงคับขันอันตรายหาใดเปรียบนี้ ข้างหลังหนานเฟยตู้ปรากฏกระบี่เทพหกสาย ส่งเสียงดังชิ้งๆ แปรเป็นภาพกระบี่หกประสาน แสงมรรคอมตะเร้นลับไหลหลั่ง

นี่คือสมบัติก้นกรุของเขา นามว่าค่ายกลกระบี่ ‘หกประสานสังหารฟ้า’ สร้างขึ้นจากพลังระเบียบต่างกันหกชนิด ภายในบรรจุกลิ่นอายอมตะที่พลุ่งพล่าน

หากไม่ถึงช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานจริงๆ เขาก็ตัดใจใช้ออกมาไม่ได้ แต่ตอนนี้กลับไม่อาจพะวงมากขนาดนั้นแล้ว

ทว่าหลิงเสวียนจื่อที่อยู่ไกลออกไปเห็นดังนี้กลับเผยแววดูหมิ่นออกมา เจดีย์ไร้สิ้นสุดเป็นถึงสมบัติคู่ชีพของเจ้าแห่งคีรีดวงกมลอาจารย์ของเขา อานุภาพระดับนั้นมีหรือที่ใครคิดจะต้านทานก็ต้านได้ง่ายๆ

ก็เห็น…

ตูม!

เมื่อเจดีย์ไร้สิ้นสุดกดกำราบ ค่ายกลกระบี่หกประสานสังหารฟ้าที่เพิ่งปรากฏนั่นพลันระเบิดรุนแรง เหมือนถูกค้อนยักษ์ทุบอย่างจัง แตกระเบิดออกตรงๆ กระบี่เทพหกเล่มล้วนแตกทลาย

แววตาหนานเฟยตู้อดเผยความสิ้นหวังออกมาไม่ได้ นี่… ยังต้านไม่อยู่!?

ครู่ต่อมาตัวเขาก็กลายเป็นหมอกเลือด ถูกกำราบแหลกสลายอย่างหนัก ทั้งกายจิตล้วนถูกแสงมรรคไร้สิ้นสุดทำลาย อันตรธานหายไปอย่างหมดจด

ระดับอมตะคนที่สองร่วงหล่น!

ไกลออกไปทุกคนล้วนมือเท้าเย็นเฉียบ สมองขาวโพลน

ระดับอมตะ ในความคิดพวกเขาก็เหมือนดั่งตำนาน ถูกเรียกว่าเป็นผู้มากสามารถ อายุขัยเทียบเทียมฟ้า ยืนยงเทียมโลก เป็นระดับพลังที่ระดับจักรพรรดิคนใดก็ตามล้วนใฝ่ฝันจะบรรลุถึง

แต่ตอนนี้กลับมีระดับอมตะจากสี่ตระกูลตงหวงสองคนร่วงหล่นต่อเนื่อง ภาพนองเลือดน่าหวาดหวั่นนั่นประหนึ่งสายฟ้าที่ผ่าฟาดอย่างรุนแรงลงกลางใจของทุกคน

“ไป!”

ลี่ซางจวินขลาดกลัวอย่างที่สุดแล้ว บังคับเรือเล็กหยกม่วงลำหนึ่งในทันที แหวกว่ายห้วงอากาศเบาๆ หมายจะหลบหนี

เรือเล็กหยกม่วงลำนี้เห็นชัดว่าเป็นสมบัติหลบหนีชิ้นหนึ่ง มีอานุภาพน่าเหลือเชื่อ สามารถแหวกฝ่าสิ่งกีดขวางของปราการโลกได้ ไม่มีสิ่งใดขัดขวาง

“ควบ!”

หลิงเสวียนจื่อโบกแส้หางม้าคราหนึ่ง แสงเงินขาวหิมะท่วมฟ้าแผ่ขยายในจักรวาล กลายเป็นช่องทางเร้นลับคลุมเครือเส้นหนึ่ง มีพื้นที่หมื่นจั้งเต็ม ในนั้นปรากฏสัญลักษณ์เสี้ยวจันทร์สามดารา

เพียงพริบตาเดียวลี่ซางจวินและเรือเล็กหยกม่วงใต้เท้าเขาก็เหมือนจมสู่แอ่งโคลน สี่ทิศแปดทางล้วนเป็นพื้นที่ที่ปกคลุมด้วยภาพมรรคหมื่นจั้ง

ก็เหมือนกับเขตผนึก ทำให้เขาไม่อาจหนี ไม่อาจเลี่ยง!

“หลิงเสวียนจื่อ พวกเจ้าคีรีดวงกมลไม่กลัวถูกทำลายสำนักหรือ!?” ลี่ซางจวินตะโกนลั่น ใบหน้าชราเขียวคล้ำ แววตาเต็มไปด้วยความเดือดดาล และยิ่งมีความตกใจระคนหวาดกลัว

หลิงเสวียนจื่อไม่ตอบ

ตูม!

ไกลออกไปเสียงกึกก้องสะเทือนฟ้าดังลั่น

ลี่ซางจวินหันกลับไปมองโดยพลัน ถึงได้เห็นว่าระหว่างที่ตนถูกขัง กู้หลิงเจินที่หนีไปอีกทางดันซ้ำรอยกับหนานเฟยตู้และอวิ๋นจิ่วเวย ถูกเจดีย์สมบัติองค์นั้นกระแทกร่าง จิตสิ้นวิญญาณสลาย!

ระดับอมตะคนที่สามก็ร่วงหล่นลงเช่นนี้!

ลี่ซางจวินอึ้งงัน รู้สึกเหมือนฟ้าถล่ม สมองมึนตื้อ

ตั้งแต่เหยียบย่างมรรคาอมตะจนบัดนี้ เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกหวาดกลัว สิ้นหวัง และไร้แรงเช่นนี้

“หลิงเสวียนจื่อ นี่ไม่ใช่พลังของเจ้า!” ลี่ซางจวินคล้ายเข้าใจขึ้นมาแล้ว มองทางหลิงเสวียนจื่อ นัยน์ตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น

“ความเข้าใจของเจ้ายังไม่ถือว่าสายนัก วันนี้ข้ามาทำหน้าที่แทนอาจารย์ หากไม่ฆ่าพวกเจ้า ก็เท่ากับผิดต่อสมบัติสองชิ้นนี้ที่อาจารย์เหลือทิ้งไว้เกินไปแล้ว”

หลิงเสวียนจื่อเอ่ยปากเรียบๆ

เห็นเขาทำท่าเช่นนี้ หลินสวินที่อยู่ข้างกันอยากพูดประโยคหนึ่งมากว่า ‘ศิษย์พี่สี่ ท่านที่ถูกอาจารย์กำราบมีคุณสมบัติอะไรมาทำหน้าที่แทนอาจารย์’

แต่สุดท้ายก็ยังข่มเอาไว้ ช่วยไม่ได้ เจดีย์ไร้สิ้นสุดและสามพันเคลื่อนคล้อยอยู่ในมือเขา ไม่มีทางปลดปล่อยอานุภาพระดับนี้ออกมาได้สักนิด

ได้แต่ปล่อยให้หลิงเสวียนจื่อประกาศศักดา

ตูม!

เสียงดังสนั่นปานฟ้าถล่มดินทลายดังขึ้น เจดีย์ไร้สิ้นสุดถูกกระตุ้นอีกครั้ง ปรากฏอยู่เหนือศีรษะลี่ซางจวิน ปลดปล่อยประการมากมายออกมา

ลี่ซางจวินถอนใจยาว แววตาเต็มไปด้วยความขมขื่น

เดิมเป็นเพียงการจับตัวสังหารหลินสวินเท่านั้น ถึงตอนท้ายกลับกลายเป็นการเอาชีวิตมาทิ้ง เรื่องราวบนโลกยากแท้หยั่งถึง ก็ไม่พ้นเป็นเช่นนี้

ครู่ต่อมาร่างของเขาถูกสังหาร ระเหยหายไปในแสงมรรคไพศาล อันตรธานไปอย่างหมดจด

ถึงตอนนี้ระดับอมตะสี่คนล้วนร่วงหล่น ถูกสังหารอย่างเด็ดขาดฉับไว!

ทั้งที่นั้นล้วนเงียบกริบ

เหล่าผู้กล้าต่างสะท้านสะเทือน

………………………

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท