Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2578 สัตว์ประหลาดจู่โจม

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2578 สัตว์ประหลาดจู่โจม

ตอนที่ 2578 สัตว์ประหลาดจู่โจม

เมื่อแทรกจิตรับรู้เข้าไปสำรวจ หลินสวินก็รับรู้ได้อย่างฉับไว ว่าส่วนลึกของรอยแผลภายในร่างซย่าจื้อเต็มไปด้วยพลังลึกลับอันคลุมเครือยิ่งอยู่

พลังลึกลับนี้น่ากลัวถึงที่สุด เป็นดั่งสายโซ่เส้นแล้วเส้นเล่าแทรกซึมไปตามร่างนาง พันธนาการต้นกำเนิดชีวิตของนางเอาไว้มั่น!

หลินสวินรู้ว่านี่ก็คือพลังโชคชะตาที่ประหนึ่งสิ่งต้องห้าม

โชคชะตา ลึกลับและคลุมเครือถึงที่สุด รองรับน้ำหนักมหามรรค สามารถทำให้ผู้ฝึกปราณแปรสภาพครั้งแล้วครั้งเล่า

ชีวิตที่สิ่งมีชีวิตหนึ่งครอบครอง เนื้อแท้ของมันถูกเรียกว่าชะตาชีวิต ทั้งยังถูกมองว่าเป็นดวงชะตาและโชคชะตา

การทำนายดวงชะตาที่ว่า ก็คือการคาดเดาชะตาชีวิต สำรวจดวงชะตา มองทะลุเส้นทางชีวิตในชาตินี้

ทว่าศาสตร์ทำนายนี้เป็นเพียงเรื่องของปุถุชนคนเดินดินเท่านั้น

ในสายตาของผู้ฝึกปราณ พลังแห่งชะตาชีวิตเป็นสิ่งที่ลึกลับคลุมเครือที่สุด เฉกเช่นมรรคสวรรค์ ความจริงแล้วการแปรสภาพและบรรลุระดับที่ผู้ฝึกปราณต่างหมายปอง ล้วนเป็นการแปรสภาพและยกระดับชะตาชีวิตของตนทั้งสิ้น

เพราะมีการแปรสภาพ จึงทำให้ชะตาชีวิตของผู้ฝึกปราณเต็มไปด้วยตัวแปร คิดจะอนุมานชะตาชีวิตของผู้ฝึกปราณ สำรวจดวงชะตาของพวกเขา แทบจะเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก

พูดง่ายๆ ก็คือ การเปลี่ยนแปลงที่เกี่ยวข้องกับชะตาชีวิต ล้วนเรียกว่ามรรคแห่ง ‘โชคชะตา’!

หลินสวินในตอนนี้รู้มานานแล้วว่ามหามรรคโชคชะตาเหมือนกับมหามรรคกาลเวลา ล้วนเรียกได้ว่าเป็นยอดมหามรรคที่ลึกลับและไม่อาจหยั่งถึงมากที่สุด

แต่ภายในร่างของซย่าจื้อกลับมีกฎเกณฑ์ของโชคชะตาปกคลุมอยู่เหมือนโซ่ตรวน นี่น่าเหลือเชื่ออย่างไม่ต้องสงสัย

‘ทำไมซย่าจื้อถึงมีพลังต้องห้ามแบบนี้ได้ มิหนำซ้ำยังผนึกอยู่ในต้นกำเนิดชีวิตของนางอย่างกับโซ่ตรวน ไม่เหมือนพรสวรรค์ที่มีมาแต่เกิดสักนิด กลับเหมือนถูกคนอื่นประทับไว้ในร่าง…’

สีหน้าหลินสวินเปลี่ยนผันไม่หยุดในทันที

ที่มาของซย่าจื้อเป็นปริศนามาโดยตลอด เมื่อนานมาแล้วหลินสวินก็เคยลองสืบดูอยู่หลายครั้ง

แต่จนตอนนี้ก็ยังไม่ได้อะไรเลย

เขารู้แค่ว่าที่ซย่าจื้อปรากฏตัวที่หมู่บ้านเฟยอวิ๋นและได้พบกับตน ไม่มีทางเป็นเรื่องบังเอิญแน่!

‘หรือจะเป็นผู้เก่งกาจสักคนที่สามารถควบคุมกฎเกณฑ์โชคชะตา เคยแก้ไขเปลี่ยนชะตาให้ซย่าจื้อ’ ในใจหลินสวินปั่นป่วนไม่อาจสงบได้

หลายปีมานี้เขาเพิ่งสังเกตเห็นสภาพอันแปลกประหลาดภายในร่างซย่าจื้อเป็นครั้งแรก การค้นพบนี้ทำให้เขาไม่อาจสงบใจได้

ถ้ามีคนประทับกฎเกณฑ์โชคชะตาไว้ในร่างซย่าจื้อจริงๆ เช่นนั้นคนผู้นี้จะเป็นใครกัน

ผู้ที่สามารถควบคุมกฎเกณฑ์โชคชะตาได้ พลังปราณของเขาจะน่ากลัวปานไหน

ยิ่งคิดในใจหลินสวินก็ยิ่งฉงน

ครู่ใหญ่หลินสวินจึงสลัดความคิดฟุ้งซ่านแล้วสงบจิตใจลง ใช้จิตรับรู้สัมผัสต่อ ไม่นานนักก็ค้นพบอะไรใหม่เข้า

ซย่าจื้อได้รับบาดเจ็บสาหัสจริงๆ สภาพภายในย่ำแย่ถึงขีดสุด แต่ตอนนี้ภายใต้การสัมผัสของหลินสวิน กฎเกณฑ์โชคชะตาที่พันผูกราวกับสายโซ่อยู่ในต้นกำเนิดชีวิตของซย่าจื้อกลับมีพลังชีวิตเป็นริ้วๆ ไหลหลั่งออกมา ผุดเข้าไปทั่วร่างของซย่าจื้อ

ร่างกายที่บุบสลายและอาการบาดเจ็บรุนแรงของนางแช่อยู่กลางการหล่อเลี้ยงของพลังชีวิตนี้ และฟื้นฟูอย่างละเอียดอ่อนอย่างเงียบเชียบ

การค้นพบนี้นอกจากทำให้หลินสวินอุทานอย่างตกใจแล้ว ยังลอบถอนใจอย่างอดไม่ได้ด้วย ซย่าจื้อไม่ได้โกหก อาการบาดเจ็บร้ายแรงเช่นนี้ ตัวนางเองฟื้นฟูและสมานแผลเองได้ ไม่จำเป็นต้องอาศัยพลังภายนอกเลยสักนิด

‘ไม่แน่ว่าสำหรับนางแล้ว พลังกฎเกณฑ์โชคชะตาที่เหมือนกับโซ่ตรวนเป็นชั้นๆ นั่นก็คือคลังสมบัติที่เอามาใช้ได้ไม่หมดสิ้น ทำให้นางสามารถฝึกปราณระหว่างที่หลับใหล และสามารถแปรสภาพเกิดใหม่ตอนบาดเจ็บเจียนตายได้…’

ยามนี้หลินสวินพอจะเข้าใจกลายๆ แล้ว

ในช่วงหลายปีนี้ซย่าจื้อเคยจมสู่ห้วงหลับใหลหลายครั้ง หลังจากหลับใหลแต่ละครั้ง พลังต่อสู้ของนางก็จะแปรสภาพอย่างก้าวกระโดด

เป็นไปได้สูงยิ่งที่ทั้งหมดนี้จะเกี่ยวข้องกับกฎเกณฑ์โชคชะตานั่น!

หลินสวินไม่ได้ไปแตะต้องกฎเกณฑ์โชคชะตาที่ราวกับโซ่ตรวนเป็นสายๆ นั้น ด้วยมันลึกลับคลุมเครือเกินไป ทำให้เขาไม่กล้าไปสัมผัสง่ายๆ

หลินสวินเก็บจิตรับรู้กลับมาแล้วเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ว่า “ซย่าจื้อ เจ้าจำได้ไหมว่าตัวเองมาจากไหน”

ซย่าจื้อเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนส่ายหัวเอ่ยว่า “ในช่วงหลายปีมานี้ข้านึกอยู่หลายครั้ง แต่จำอะไรไม่ได้เลย”

นางหยุดไปแล้วเอ่ยต่อว่า “ข้าสังหรณ์ว่าเมื่อข้าทำลายและหลอมโซ่ตรวนในร่างพวกนั้นโดยสมบูรณ์ ก็จะสามารถนึกเรื่องในอดีตทั้งหมดออก”

หลินสวินพยักหน้าน้อยๆ แล้วพูดว่า “ข้าก็สังหรณ์ว่าที่เจ้ากับข้าได้พบกันต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ ชาติกำเนิดของเจ้าอาจจะเกี่ยวข้องกับข้า แต่ไม่ว่าอย่างไร ภายหน้าข้าจะต้องช่วยเจ้าหาคำตอบให้ได้”

ซย่าจื้อช้อนตากระจ่างขึ้น จับจ้องมองหลินสวินอย่างจริงจังแล้วเอ่ยว่า “เรื่องพวกนี้ล้วนไม่สำคัญ แค่เจ้าอยู่ข้างกายข้าก็พอแล้ว”

ความอบอุ่นผุดขึ้นในใจหลินสวิน เขากอดซย่าจื้อเอาไว้แน่น เอ่ยว่า “ขอแค่เจ้าไม่ไป บนโลกนี้ไม่มีใครสามารถพาตัวเจ้าไปจากข้าได้”

มุมปากซย่าจื้อระบายยิ้ม ดวงหน้าเล็กงดงามที่ซีดเซียวนั้นเปล่งประกายงามสง่าเป็นพิเศษออกมา ทำให้ฟ้าดาราแห่งนี้ยังหม่นหมอง

แต่ครู่ต่อมานางพลันตัวแข็งทื่อ ผละออกจากอ้อมกอดของหลินสวิน สายตามองไปในฟ้าดาราไกล ๆ คิ้วดำเข้มงามวิจิตรราวกับจันทร์เสี้ยวทั้งสองขมวดขึ้นช้าๆ

“หลินสวิน พวกเราต้องไปแล้ว”

ซย่าจื้อลุกขึ้น จับทวนศึกกระดูกขาวไว้มั่น กลิ่นอายทั้งตัวเยียบเย็นดุดัน

“มีศัตรูหรือ”

หลินสวินหรี่ตาลงเล็กน้อย

ซย่าจื้อเอ่ยเบาๆ “เป็นสัตว์ประหลาดฟ้าดารา ยังจำโลกที่ข้าเข้าไปหลังออกมาจากดินแดนรกร้างโบราณแห่งนั้นได้ไหม”

หลินสวินครุ่นคิดเล็กน้อยก็นึกขึ้นได้ว่าตอนนั้นที่ทะเลหมากดาราในดินแดนรกร้างโบราณ ซย่าจื้อเคยจากไปเพียงลำพัง เข้าไปในประตูลึกลับที่ปรากฏขึ้นบนเวิ้งฟ้าบานหนึ่ง

ภายหลังเขาจึงรู้ว่าประตูบานนั้นตั้งอยู่ที่ ‘แดนมรณะเสื่อมโทรม’ สถานที่ซึ่งอันตรายที่สุดในโลกมืด ทั้งยังถูกขนานนามว่าเป็นต้นกำเนิดแห่งหายนะ

ซย่าจื้อเคยกรำศึกเพียงลำพังในโลกใบนั้นหลายปี ศัตรูที่สังหารไปก็คือสัตว์ประหลาดฟ้าดาราที่เคลื่อนออกมาจากฟ้าดาราไร้สิ้นสุดนั้น!

และสัตว์ประหลาดฟ้าดารานี้ หลินสวินก็คุ้นเคยเช่นกัน

ตั้งแต่ตอนที่เขาออกมาจากจักรวรรดิจื่อเย่าครั้งแรก ก็เคยพบกับสัตว์ประหลาดฟ้าดาราขนาดมหึมาจนไม่อาจจินตนาการได้ตัวหนึ่งในช่องมิติห้วงอากาศฟ้าดารา

ในเวลาต่อมา ก็เคยพบสัตว์ประหลาดฟ้าดาราตัวนั้นระหว่างเดินทางจากดินแดนรกร้างโบราณไปยังทางเดินโบราณฟ้าดารา

จนกระทั่งในดินแดนปรินิพพาน สัตว์ประหลาดฟ้าดาราตัวนั้นก็บุกโจมตีมาอีกครั้ง ถึงขั้นรวมกำลังพลสัตว์ประหลาดฟ้าดารานับไม่ถ้วนมาจู่โจม ทำอันตรายและสร้างความยุ่งยากครั้งใหญ่ให้หลินสวิน

กระทั่งภายหลังเป็นเพราะได้พลังเจตจำนงของเจ้าแห่งคีรีดวงกมลลงมือ โจมตีสัตว์ประหลาดฟ้าดาราตัวนั้นไป

แต่หลินสวินกลับคิดไม่ถึงว่าในฟ้าดาราที่ไม่คุ้นเคยสักนิดแห่งนี้ กลับมีสัตว์ประหลาดเช่นนี้ตามไล่ฆ่ามาอีก

“ไป!”

ซย่าจื้อเริ่มเคลื่อนไหว เคลื่อนตัวไปข้างหน้าทันที

หลินสวินพูดขึ้นอย่างอดไม่ได้ “ซย่าจื้อ เจ้าห้ำหั่นกับสัตว์ประหลาดพวกนี้หลายปี รู้ไหมว่าพวกมันถูกใครส่งมากันแน่”

“ตอนนั้นข้าเคยได้ยินเฉินหลินคงกับคนที่ชื่อว่าจักจั่นทองคุยกัน บอกว่าสัตว์ประหลาดพวกนี้มาจากโลกยอดนิรันดร์”

ซย่าจื้อเอ่ยง่ายๆ “และตั้งแต่ก่อนหน้านี้นานมาแล้ว สัญชาตญาณของข้าก็บอกข้าว่าพวกมันมาเพราะเจ้า”

“ที่ตอนนั้นเจ้าต่อสู้อยู่ในแดนมรณะเสื่อมโทรม ก็เพื่อช่วยข้าขัดขวางไม่ให้พวกมันมาจู่โจมหรือ” หลินสวินสะท้านในใจ

ซย่าจื้อส่งเสียงอืมคราหนึ่ง

ฉับพลันนั้นสภาวะจิตของหลินสวินก็สับสน เกิดความรู้สึกมากมาย ที่แท้ซย่าจื้อก็เริ่มต่อสู้เพื่อตนตั้งแต่สมัยอยู่ดินแดนรกร้างโบราณแล้ว…

เพียงแต่ว่า สัตว์ประหลาดฟ้าดาราพวกนั้นมาจากที่ไหนของโลกยอดนิรันดร์

หรือจะเป็นตระกูลลั่ว

เป็นไปไม่ได้!

เผ่าจักรพรรดิอมตะที่ครอบครองระเบียบระดับปฐพีขั้นแปดตระกูลหนึ่ง จะควบคุมสัตว์ประหลาดน่ากลัวปานนี้ได้อย่างไร

ถ้าพวกมันมาเพราะตน เช่นนั้นแล้วจะอยากจะได้อะไร

ความสงสัยต่างๆ ผุดขึ้นในใจหลินสวิน

ท่ามกลางความคลุมเครือ เขารับรู้ได้ว่าเป็นไปได้สูงยิ่งที่เรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับพลังพรสวรรค์ของตน ทั้งยังเป็นไปได้สูงยิ่งว่าจะเกี่ยวกับห้องโถงมรรคาสวรรค์!

มีเพียงเป็นเช่นนี้เท่านั้นถึงสามารถอธิบายได้อย่างกระจ่างแจ้ง

ตูม!

ขณะที่เคลื่อนตัวอยู่ เสียงสะเทือนหนักทึบระลอกหนึ่งก็แว่วมาจากฟ้าดาราไกลลิบ ราวกับมีกองกำลังนับหมื่นพันบุกออกมาจากจักรวาลแห่งนั้น

หลินสวินกับซย่าจื้อกำลังจะเปลี่ยนทิศทางเคลื่อนที่ ใครจะคิดว่ากลับมีแรงสะเทือนดั่งสายฟ้าฟาดนี้พุ่งมาจากส่วนลึกของฟ้าดารารอบทิศ

ชั่วขณะหนึ่งฟ้าดาราอันกว้างใหญ่แห่งนี้ก็คล้ายระส่ำระสาย กลิ่นอายน่ากลัวที่ดุดันเหี้ยมเกรียมผุดออกมาตามที่ต่างๆ ของฟ้าดาราเหมือนกระแสน้ำ

ท่ามกลางความคลุมเครือ มองเห็นว่าในส่วนลึกของฟ้าดาราแห่งนั้นมีโครงร่างเงาดำมหึมาไร้สิ้นสุดร่างแล้วร่างเล่าอุบัติขึ้น พุ่งถลามาทางนี้เหมือนแผ่นดินลอยฟ้าแห่งแล้วแห่งเล่า

นั่นเป็นสัตว์ประหลาดฟ้าดารานับไม่ถ้วน แต่ละตัวใหญ่โตเท่าภูเขา กลิ่นอายโหดเหี้ยมดุร้าย แค่นัยน์ตาแดงฉานทั้งสองก็เหมือนสุริยันจันทรา สาดแสงโลหิตน่าครั่นคร้ามออกมา

“กลิ่นอายของเจ้าพวกนี้แตกต่างไปจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด…” ซย่าจื้อสังเกตความแตกต่างได้อย่างฉับไว สัตว์ประหลาดฟ้าดาราที่ตายด้วยน้ำมือนางมีไม่รู้เท่าไร

แต่สัตว์ประหลาดฟ้าดาราที่ได้พบในตอนนั้นแข็งแกร่งเทียบกับพวกที่เจอวันนี้ไม่ได้

“ต่างกันจริงๆ แม้ว่าพวกมันจะไม่ใช่ระดับจักรพรรดิ แต่ทั้งร่างกลับมีกลิ่นอายดุร้ายอันเป็นเอกลักษณ์ปกคลุมอยู่ ไม่ด้อยไปกว่าระดับจักรพรรดิ”

จิตรับรู้ของหลินสวินแผ่กระจาย สัมผัสได้ถึงความแตกต่างเช่นกัน

ตั้งแต่ตอนที่อยู่บนกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิของแดนปรินิพพาน เขาก็เคยต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับซย่าจื้อ สังหารสัตว์ประหลาดฟ้าดาราที่เคลื่อนกวาดในท้องนภามาไม่รู้เท่าไรแล้ว

แต่เมื่อเทียบกัน สัตว์ประหลาดฟ้าดาราที่ได้พบในตอนนั้นเทียบกับพวกที่เจอในวันนี้ไม่ได้!

ถึงขั้นที่หลินสวินยังสังเกตเห็นกลิ่นอายที่น่ากลัวถึงขีดสุดบางส่วน ไม่ด้อยไปกว่าระดับบรรพจารย์จักรพรรดิบนโลก

เรื่องนี้น่าตกตะลึงนัก!

ควรรู้ว่าหากอยู่ในโลกยอดนิรันดร์ ระดับบรรพจารย์จักรพรรดิล้วนเป็นตัวตนชั้นหนึ่งแล้ว เป็นรองเพียงคนใหญ่คนโตระดับอมตะเท่านั้น

แต่ในกองทัพสัตว์ประหลาดฟ้าดาราเหล่านี้ กลับมีกลิ่นอายที่เทียบได้กับระดับมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิ มิหนำซ้ำยังมีจำนวนมหาศาลได้ขนาดนี้ เรื่องนี้หากเกิดขึ้นในโลกยอดนิรันดร์ ต้องเป็นมหาพิบัติเทียมฟ้าแน่!

และหากกองทัพสัตว์ประหลาดเช่นนี้มีคนสั่งการส่งตัวมา เช่นนั้นขุมอำนาจของผู้ที่อยู่เบื้องหลังนี้จะน่าตะลึงปานไหน

“ขอแค่ไม่ใช่ระดับอมตะก็ไม่ต้องกังวลอะไรมาก ไป พุ่งไปข้างหน้า บุกเข้าไป!”

หลินสวินไม่กล้าคิดมากอีก ตัดสินใจทันที

วู้ม!

เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งโฉบพุ่ง ปลดปล่อยแสงมรรคไพศาล อาบไล้ตัวเขากับซย่าจื้อไว้ภายใน จากนั้นเงาร่างทั้งสองก็กลายเป็นแสงเคลื่อนไหวสองสาย พุ่งออกไปยังฟ้าดาราไกลลิบ

ที่นี่เป็นฟ้าดาราที่ไม่คุ้นเคย ตามคำพูดของศิษย์พี่สี่หลิงเสวียนจื่อในตอนนั้น ผ่าน ‘ทางรอด’ สายนี้ไปก็จะไปถึงโลกยอดนิรันดร์

แต่จะไปถึงได้อย่างไรกันแน่หลินสวินก็ไม่รู้ชัด ทว่าตอนนี้เขาเองก็สนใจมากมายขนาดนั้นไม่ได้ จะต้องฝ่าวงล้อมออกไปก่อน

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท