Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2595 เขตผนึกนิรันดร์โรย

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2595 เขตผนึกนิรันดร์โรย

ตอนที่ 2595 เขตผนึกนิรันดร์โรย

ครึ่งเดือนต่อมา

หลังผ่านความโกลาหลและวุ่นวายในช่วงแรกสุด เนี่ยชิงหรงกุมอำนาจเจ้าสำนักแห่งสำนักศึกษาสองลักษณ์ได้อย่างสมบูรณ์ สถานการณ์ก็กลับสู่ความมั่นคง

ควรรู้ว่าสำนักศึกษาสองลักษณ์เป็นขุมอำนาจอันดับหนึ่งแห่งแดนทุ่งบูรพา แม้ดูเหมือนมีศิษย์ในสำนักเพียงหมื่นคนเท่านั้น แต่ขุมอำนาจใต้ปกครองสำนักศึกษาสองลักษณ์กลับกระจายไปทั่วแดนทุ่งบูรพา

อย่างเจ้าแคว้นเมฆวารีฮั่วซิงตูก็เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด

น่านฟ้าที่หนึ่งอาจเทียบกับน่านฟ้าอื่นๆ ไม่ได้ แต่ก็ห่างไกลเกินกว่าโลกพันจักรวาลเหล่านั้นจะมาเปรียบได้

การที่สำนักศึกษาสองลักษณ์ขึ้นเป็นขุมอำนาจอันดับหนึ่งแห่งแดนทุ่งบูรพาได้ ลำพังแค่ ‘เครื่องบรรณาการ’ ที่ได้รับในแต่ละปี ก็เป็นทรัพย์สินมหาศาลเกินกว่าจินตนาการแล้ว

แน่นอนว่าทรัพย์สินเหล่านี้ สุดท้ายแล้วส่วนใหญ่จะส่งไปยังน่านฟ้าที่หก

ในครึ่งเดือนนี้หลินสวินใช้ชีวิตอย่างผ่อนคลายยิ่ง บ้างฝึกปราณ บ้างตกปลา ไม่ก็ปรุงอาหารเลิศรส ไม่สนใจเรื่องที่เกิดขึ้นในสำนักศึกษาสองลักษณ์สักนิด

บางครั้งเขายังชี้แนะการเคี่ยวกรำของเสี่ยวซีด้วย แต่เวลาโดยมากจะใช้ไปกับการศึกษาตำราโบราณอย่างศาสตร์ปกครองทั่วหล้า

ตอนนี้เขารู้แล้วว่าหากต้องการออกจากน่านฟ้าที่หนึ่งเข้าสู่น่านฟ้าที่สอง มีอยู่สองทาง

หนึ่งคือการนำโดย ‘คนจากโลกชั้นบน’

อย่างเช่นหากเนี่ยชิงหรงอยากเข้าสู่น่านฟ้าที่สูงขึ้น จำเป็นต้องอาศัยพลังของตระกูลเฮ่อมานำ

อีกหนึ่งทางคือข้ามด่านกั้น

ระหว่างน่านฟ้าที่หนึ่งและน่านฟ้าที่สองมี ‘ด่านกั้นเขตแดน’ กระจายอยู่

ด่านกั้นเขตแดนนี้มีรูปร่างแตกต่างกัน บ้างก็เป็นกระแสมิติปั่นป่วนบ้าคลั่ง เมื่อเข้าไปแล้วต้องตาย บ้างก็เป็นพื้นที่ว่างเปล่าที่แตกร้าว ระดับอมตะเข้าไปมีแนวโน้มสูงว่าจะหลงทางหายสาบสูญ…

สำหรับผู้ฝึกปราณทั่วหล้า ด่านกั้นเขตแดนที่ปลอดภัยที่สุดก็คือ ‘เส้นทางดาราเขตแดน’ ที่กระจายตัวอยู่ในด่านกั้นเขตแดนอย่างไม่ต้องสงสัย

สิ่งที่เรียกว่าเส้นทางดาราเขตแดน ก็คือเส้นทางคดเคี้ยวที่พาดขวางอยู่ระหว่างสองน่านฟ้า โดยมีดวงดาวนับไม่ถ้วนประดับประดาภายในนั้น ขอเพียงผู้ฝึกปราณมุ่งหน้าเลาะตามเส้นทางดารา ก็จะมีโอกาสมาถึงสุดปลายทางของเส้นทางดารา ซึ่งก็คือสถานที่ตั้งของน่านฟ้าที่สอง

แต่บนเส้นทางดาราเขตแดนไม่ขาดภัยอันตราย รอบๆ เส้นทางดาราคดเคี้ยวทอดยาวนั่น มีสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดน่าสะพรึงกระจายตัวอยู่มากมาย

แม้แต่บรรพจารย์จักรพรรดิ คิดจะข้ามด่านกั้นก็ยังเกือบเอาชีวิตไม่รอด!

ฉะนั้นภายใต้สถานการณ์ทั่วไป หากได้รับการนำทางจาก ‘คนของโลกชั้นบน’ น้อยคนนักที่จะเลือกข้ามด่านกั้นเส้นทางดาราเขตแดนนั่น

แต่สำหรับหลินสวิน นี่เหมือนจะเป็นวิธีที่เป็นไปได้ที่สุดในการเดินทางไปยังน่านฟ้าที่สอง

ถึงขั้นที่เขาสงสัยมาก ว่าปีนั้นหลังจากพวกศิษย์พี่ใหญ่มาถึงโลกยอดนิรันดร์ก็เลือกใช้วิธีข้ามด่านกั้น ภายในเวลาเก้าวันสั้นๆ ก็ตะลุยไปถึงน่านฟ้าที่หกในคราวเดียวแล้ว!

ในศาสตร์ปกครองทั่วหล้าก็บันทึกเส้นทางดาราเขตแดนที่เชื่อมสู่น่านฟ้าที่สองไว้สายหนึ่ง ทั้งยังหาเจอได้ง่ายมาก อยู่เหนือเวิ้งฟ้าของน่านฟ้าที่หนึ่งนี่ไปเก้าหมื่นจั้ง

‘รอยามที่ปราณข้าฟื้นฟู ต้องไปดูแถวๆ เก้าหมื่นจั้งนั่นสักหน่อย…’

หลินสวินนั่งอยู่ที่ริมทะเลสาบอีกครา ตกปลาด้วยคันเบ็ดไม้ไผ่ คว้าน้ำเต้าสุราขึ้นมาดื่มเป็นครั้งคราว ผ่อนคลายสบายอารมณ์ยิ่ง

“สหายยุทธ์”

ไกลออกไปเงาร่างเนี่ยชิงหรงเดินนวยนาดเข้ามา

“จัดการเรื่องทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแล้วหรือ” หลินสวินถาม

“อืม”

เนี่ยชิงหรงมาหยุดข้างตัวหลินสวิน ดวงตางามจับจ้องหลินสวิน ก่อนเอ่ยด้วยเสียงนุ่มละมุน “ข้ามาครั้งนี้เพราะมีเรื่องจะปรึกษาสหายยุทธ์สองสามเรื่อง”

“เจ้าว่ามา” หลินสวินกล่าว

“ทุกๆ สามปีจะมีทูตท่องสวรรค์มาเยือนจากโลกเบื้องบน และตอนนี้เหลือไม่ถึงสามเดือนก็จะครบรอบสามปีอีกครั้งแล้ว” เนี่ยชิงหรงกล่าว

ทูตท่องสวรรค์ที่ว่านี้ก็คือทูตจากเผ่าจักรพรรดิอมตะ

จะมุ่งหน้ามาจากน่านฟ้าที่หกในทุกๆ สามปี หนึ่งเพื่อเก็บเครื่องบรรณาการ สองเพื่อจะพาตัวต้นกล้าผู้ฝึกปราณที่โดดเด่นฉายแววที่สุดบางส่วนกลับไปด้วย

ไม่เพียงแค่ในสำนักศึกษาสองลักษณ์เท่านั้น อีกสามสำนักศึกษาใหญ่ในน่านฟ้าที่หนึ่งก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน

“หรือพูดอีกอย่างคือ ภายในสามเดือนทูตท่องสวรรค์จากตระกูลจู้ก็จะมาแล้วใช่ไหม” หลินสวินถาม

เนี่ยชิงหรงพยักหน้ากล่าว “ไม่ผิด”

หลินสวินเอ่ยยิ้มๆ “ก็ดี เช่นนั้นข้าก็จะรอพบทูตท่องสวรรค์จากตระกูลจู้ผู้นี้สักหน่อย จริงสิ มรรควิถีของพวกเขาเป็นอย่างไร”

เนี่ยชิงหรงใคร่ครวญก่อนกล่าว “ในช่วงที่ผ่านมา ทูตท่องสวรรค์รับหน้าที่โดยคนในตระกูลระดับบรรพจารย์จักรพรรดิ แต่บางครั้งก็จะมีระดับอมตะมาเยือนด้วยตัวเอง เพียงแต่จำนวนครั้งน้อยมาก”

ในใจหลินสวินเริ่มคำนวณคร่าวๆ แล้ว กล่าวว่า “ถึงตอนนั้นเจ้าบอกข้าล่วงหน้าไว้หน่อยก็พอ”

เนี่ยชิงหรงพูดถึงเรื่องที่สอง “สหายยุทธ์ยังจำเคราะห์สังหารที่พวกเราพบเจอยามกลับสำนักศึกษาสองลักษณ์ได้หรือไม่”

หลินสวินย่อมจำได้อยู่แล้ว

“ตอนนั้นหยวนวั่นฉงเคยพูดว่าต้องการแผนภาพลับชิ้นหนึ่งกับข้า ตอนนั้นข้ายังงุนงงมาก แต่ตอนนี้เข้าใจแล้ว พวกเขาทำไปเพื่อของสิ่งนี้”

กล่าวพลางเนี่ยชิงหรงพลิกฝ่ามือคราหนึ่ง ม้วนตำราแผนภาพลับที่เหลืองและเก่าชิ้นหนึ่งปรากฏออกมา “นี่คือสิ่งที่ข้าเจอจากข้าวของของโหยวเชียนเหิง เป็นไปได้สูงว่าเป็นสิ่งที่ผู้ยิ่งใหญ่ระดับอมตะเหลือทิ้งไว้เมื่อนานมาแล้ว ในนี้บันทึกเขตผนึกลึกลับไว้แห่งหนึ่ง ภายในนั้นมีแนวโน้มสูงว่าอาจจะมีพลังระเบียบอยู่”

นางยื่นม้วนตำราแผนภาพลับให้หลินสวิน “สหายยุทธ์อ่านดูจะเข้าใจเอง”

หลินสวินถือไว้ในมือ สิ่งที่เห็นคือคราบเลือดแถบหนึ่ง รวมถึงกลิ่นอายกาลเวลาที่ลอยปะทะหน้า

เมื่อเปิดม้วนตำราออก บนนั้นวาดภาพภูผาธารา นอกจากนี้ยังทำเครื่องหมายกำกับชื่อภูเขา ลำธาร ทะเลสาบบางแห่งด้วย

“เขตผนึกนิรันดร์โรยหรือ” หลินสวินอึ้งไป นี่เป็นชื่อที่แปลกและไม่เป็นมงคลเอาเสียเลย

เนี่ยชิงหรงกล่าว “จากความเข้าใจที่ข้ามีต่อน่านฟ้าที่หนึ่ง ‘เขตผนึกนิรันดร์โรย’ ที่ว่าบนแผนภาพลับนี้ เป็นไปได้สูงว่าอาจตั้งอยู่บริเวณเทือกเขาหลิวร่วงในแดนทุ่งบูรพา เทือกเขาหลิวร่วงแห่งนั้นห่างไกลสุดขีด ไร้ผู้คนอยู่อาศัย ปกคลุมด้วยหมอกพิษและไอพิษสกปรกตลอดทั้งปี ตั้งแต่อดีตจนบัดนี้ น้อยนักที่จะมีสิ่งมีชีวิตยินดีไปอาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียง”

ในสมองหลินสวินปรากฏบันทึกเกี่ยวกับเทือกเขาหลิวร่วงจากในศาสตร์ปกครองทั่วหล้า เมื่อเทียบกับแผนภาพลับในมืออีกที พบว่ามีความคล้ายคลึงกันมากจริงๆ

“หากเขตผนึกนิรันดร์โรยนี่อยู่ใกล้กับเทือกเขาหลิวร่วง และภายในนั้นมีพลังระเบียบจริงๆ เช่นนั้นมูลค่าของแผนภาพลับฉบับนี้ก็ประเมินราคาไม่ได้อย่างแน่นอน”

เนี่ยชิงหรงกล่าว “ข้าสงสัยว่าสำนักศึกษาเยือกแข็งคงรู้เรื่องนี้นานแล้วเช่นกัน แต่กลับไม่รู้ว่าแผนภาพลับฉบับนี้อยู่ในมือใครกันแน่”

หลินสวินพยักหน้าน้อยๆ กล่าวว่า “จะว่าไป พลังระเบียบของสำนักศึกษาสองลักษณ์นี้ถูกข้าทำลายลงไปแล้ว นี่เท่ากับทำให้เจ้าสำนักอย่างเจ้าสูญเสียไพ่ตายยิ่งใหญ่ที่สุดไป รอว่างๆ ข้าจะไปดูเทือกเขาหลิวร่วงนั่นด้วยตัวเอง หากมีพลังระเบียบจริง จะได้นำมันกลับมาพิทักษ์สำนักศึกษาสองลักษณ์นี้”

เนี่ยชิงหรงอดอึ้งไปไม่ได้ กล่าวว่า “สหายยุทธ์ พลังระเบียบนั่นล้ำค่าเพียงใด เรียกได้ว่าเป็นสุดยอดสมบัติล้ำค่า หากได้มาครองก็สามารถเปิดสำนักในโลกยอดนิรันดร์แห่งนี้ได้! ต่อให้เจ้าไม่ได้ใช้ แต่หากมอบให้กับเผ่าจักรพรรดิอมตะก็จะกลายเป็นแขกของเผ่าจักรพรรดิอมตะทันที สามารถฝึกปราณในน่านฟ้าที่หกได้”

“เจ้าคิดว่าข้าสนใจเรื่องพวกนี้หรือ” หลินสวินกล่าวด้วยรอยยิ้ม

เนี่ยชิงหรงร้องเอ่อคราหนึ่ง นึกถึงข่าวลือสะเทือนฟ้าดินเกี่ยวกับหลินสวินก็พอเข้าใจความคิดของหลินสวินได้รางๆ

บางทีในสายตาตน พลังระเบียบอาจเป็นสมบัติประเมินราคาไม่ได้ แต่ในสายตาหลินสวิน ก็อาจไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป!

“เช่นนั้นแผนภาพลับชิ้นนี้ก็มอบให้สหายยุทธ์ดูแลแล้วกัน”

เนี่ยชิงหรงก็ไม่เกลี้ยกล่อมอีก “อีกอย่าง สหายยุทธ์ยังต้องการทรัพยากรฝึกปราณอะไรอีกหรือไม่ ตอนนี้ข้าปกครองสำนักศึกษาสองลักษณ์ ขอเพียงสามารถช่วยสหายยุทธ์ได้ ข้าไม่มีทางบ่ายเบี่ยงเด็ดขาด”

หลินสวินคิดครู่หนึ่งก่อนกล่าว “เจ้าตั้งใจจะทำอย่างไรกับเสี่ยวซี”

เนี่ยชิงหรงเม้มปากยิ้มกล่าว “เรื่องนี้ข้ากำลังคิดจะหารือกับสหายยุทธ์พอดี ข้าอยากให้เสี่ยวซีกราบรองเจ้าสำนักเหลิ่งชิงเสวี่ยเป็นอาจารย์ นิสัยของชิงเสวี่ยผ่องแผ้วบริสุทธิ์ สิ่งที่หายากคือความสำเร็จบนมหามรรค และเรียกได้ว่าเป็นเลิศแข็งแกร่ง ให้นางเป็นคนถ่ายทอดวิชาความรู้ พรสวรรค์และแกนกระดูกของเสี่ยวซีต้องไม่เสียเปล่าแน่นอน”

ในสมองหลินสวินปรากฏเงาร่างหญิงสาวงดงามสวมอาภรณ์ขาวยิ่งกว่าหิมะ ผมดำสนิทมัดด้วยไหมสีทองขึ้นมา

“ก็ดี”

เขาตอบตกลงทันที

ให้บรรพจารย์จักรพรรดิมาสอนเสี่ยวซีฝึกปราณ นี่เป็นบุญวาสนาอย่างไม่ต้องสงสัย ถึงอย่างไรเสี่ยวซีก็เป็นเพียงแม่นางน้อยระดับราชันอมตะเคราะห์คนหนึ่ง

“พี่สาว” จู่ๆ เสียงใสไพเราะเจือความร้อนรนสายหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากไกลๆ

พร้อมๆ กับห้วงอากาศสั่นไหวระลอกหนึ่ง เงาร่างสีขาวอรชรของเหลิ่งชิงเสวี่ยก็โผล่มาเยือนจากอากาศ

“ชิงเสวี่ย ข้าคุยกับสหายยุทธ์แล้ว ต่อไปเจ้าก็คืออาจารย์ของเสี่ยวซี และนางก็คือศิษย์เบื้องท้ายของเจ้า เจ้าต้องรับหน้าที่เป็นอาจารย์แล้ว” เนี่ยชิงหรงยิ้มกล่าว

เหลิ่งชิงเสวี่ยร้องอืมคราหนึ่ง จากนั้นรีบกล่าวขึ้นว่า “พี่สาว อย่าเพิ่งพูดเรื่องพวกนี้ ข้าเพิ่งได้รับข่าวว่ารองเจ้าสำนักสามคนของสำนักศึกษาเยือกแข็งจะมาถึงสำนักศึกษาสองลักษณ์ของพวกเราในไม่ช้า บอกว่าจะมาไว้อาลัยการจากไปของโหยวเชียนเหิง ข้าสงสัยว่าอาจมาด้วยเจตนาไม่ดี!”

ในคำพูดเผยแววกังวลยากปกปิด

สำนักศึกษาเยือกแข็ง!

ดวงตางามของเนี่ยชิงหรงแข็งทื่อ สถานการณ์ของสำนักศึกษาสองลักษณ์ในตอนนี้เพิ่งสงบลงไม่นาน แต่คนใหญ่คนโตของสำนักศึกษาเยือกแข็งกลับโผล่มาพร้อมกัน ทั้งยังอ้างว่ามาไว้อาลัยโหยวเชียนเหิงอีก!

หากคนในสำนักศึกษาสองลักษณ์ที่สนับสนุนและภักดีต่อโหยวเชียนเหิงมาตลอดรู้เข้า เกรงว่าจะถือโอกาสนี้สร้างความปั่นป่วนด้วยเช่นกัน

“เจ้าแน่ใจหรือว่าคนที่มุ่งหน้ามาจากสำนักศึกษาเยือกแข็งมีแค่รองเจ้าสำนักสามคน” เนี่ยชิงหรงเอ่ยถาม

เหลิ่งชิงเสวี่ยลังเล “เรื่องนี้ข้าไม่กล้าฟันธง”

“เรื่องนี้ให้ข้าเป็นคนจัดการก็พอ”

หลินสวินเก็บคันเบ็ดตกปลาในมือแล้วหยัดตัวขึ้น ก่อนกล่าว “ถือว่าเป็นพิธีกราบอาจารย์ที่ข้าเตรียมไว้ให้เสี่ยวซีก็แล้วกัน”

“สหายยุทธ์…”

เนี่ยชิงหรงประทับใจสุดซึ้ง ภายในใจค่อนข้างรู้สึกผิด รู้สึกว่ารบกวนหลินสวินมากเกินไป และติดหนี้น้ำใจเขามากขึ้นเรื่อยๆ

“อย่าลืมสิ ตอนแรกข้าเป็นคนฆ่าพวกหยวนวั่นฉง และเหตุผลที่ฆ่าพวกเขากับที่ช่วยเจ้าจัดการโหยวเชียนเหิงก็ไม่ได้ต่างกัน ใครใช้ให้เบื้องหลังสำนักศึกษาเยือกแข็งมีตระกูลเหวินหนุนอยู่กันล่ะ”

หลินสวินยกยิ้ม ทิ้งประโยคนี้ไว้แล้วเดินจากไปอย่างผ่าเผย พริบตาเดียวก็อันตรธานหายไป

เนี่ยชิงหรงยังคิดจะพูดอะไรบางอย่างก็ไม่ทันแล้ว

“พี่สาว หรือว่าสหายยุทธ์ท่านนี้จะมีใจให้ท่าน หาไม่เหตุใดเขาต้องช่วยพวกเรามากมายขนาดนี้” เหลิ่งชิงเสวี่ยเอ่ยถามอึ้งๆ

ใบหน้าอรชรงดงามชวนหลงใหลของเนี่ยชิงหรงร้อนวูบวาบ ร้องแหวเบาๆ “อย่าพูดไปเรื่อย สภาพข้าเช่นนี้ไม่เข้าตาเขาสักนิด”

กล่าวถึงตอนท้าย ในใจนางอดผุดความรู้สึกเศร้าซึมน้อยๆ ไม่ได้

หากเขามีใจให้ตนจริง เช่นนั้นก็ดีสิ…

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท