ตอนที่ 2601 สังหารระดับอมตะ
วาสนาอยู่ใกล้แค่เอื้อม!
ความยินดีปรีดาอย่างบอกไม่ถูกผุดขึ้นในใจจู้ฮุย เขาถึงกับนึกถึงภาพที่ทั้งตระกูลต่างสั่นสะท้าน ให้ความเคารพและอิจฉายามที่ตนเอาพลังระเบียบนี้กลับไป
พรึบ!
ทันใดนั้นเบื้องหน้าสายตาจู้ฮุยพลันพร่ามัว
เขาชะงักไปก่อน จากนั้นพลันพบว่าพลังระเบียบที่ถูกตนพิชิตดันหายไปแล้ว!
ชั่วพริบตารอยยิ้มที่เขาคลี่ออกมาแข็งค้าง ความปรีดาและตื่นเต้นในใจถูกไฟโทสะน่ากลัวที่ไม่อาจควบคุมได้เข้าแทนที่ ผมยาวทั้งหัวชี้ตั้ง
ใครกัน!
ฝีมือใครกันแน่!
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นปุปปับนี้ทำให้จู้ฮุยที่เดิมก็กระอักเลือดไม่หยุดโมโหจนพ่นเลือดออมา ใบหน้าชราอึมครึมถึงขีดสุด
ฉกฉวยไปต่อหน้าต่อตาตน!?
ต้องสับเป็นพันหมื่นชิ้น!
ขวับ!
ประกายน่าครั่นคร้ามปะทุออกมาจากตาเขา ชั่วพริบตาก็จับโจรขโมยพลังระเบียบได้
คนผู้นั้นเป็นชายหนุ่มผู้หนึ่งแต่งกายชุดขาวพระจันทร์ เงาร่างสูงโปร่ง มือรองเตากระบี่เตาหนึ่ง พลังระเบียบที่แปลงจากหลิวร่วงกำลังถูกเตากระบี่นั่นผนึกและกำราบ
ยามสายตาเขามองไป ชายหนุ่มคนนั้นเผยรอยยิ้มเจิดจ้า หนำซ้ำยังโบกมือ “ขอบคุณผู้อาวุโสที่กำจัดขวากหนาม สยบพลังระเบียบนี้ให้ข้า!”
พรวด!
จู้ฮุยโกรธจนกระอักเลือดออกมา โกรธจนผมชี้ตั้งตาแทบหลุดจากเบ้า มือสั่นชี้หลินสวิน “เจ้าโจรกระจอก ข้าจะฆ่าเจ้า!”
โครม!
เขาก้าวไปในห้วงอากาศ ไอสังหารดุร้ายแผ่กระจายมืดฟ้ามัวดิน แทงทวนศึกสีขาวเงินในมือออกไปทันที
ห้วงอากาศแหลกกระจุยพังถล่ม ประกายระเบียบไร้สิ่งใดเทียบเทียมเจาะอากาศ แทงไปที่หลินสวินด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ พลังเช่นนั้นแข็งแกร่งจนทำให้เทพผีต่างกริ่งเกรง
เคร้ง!!
เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งเข้ามาขวาง เกิดเสียงประหนึ่งฟ้าถล่มดินทลายยามทั้งสองปะทะกัน
เงาร่างหลินสวินโซเซ ต่อให้สั่งสมพลังไว้คอยท่านานแล้วก็ยังถูกการโจมตีนี้ซัดจนร่างกายเจ็บปวดสาหัส เลือดลมทั้งกายพลิกม้วนยุ่งเหยิง รู้สึกแย่จนแทบกระอักเลือด
เขาตกตะลึงอย่างอดไม่ได้
แม้จู้ฮุยจะเป็นระดับอมตะขั้นอายุขัยเทียมฟ้า อีกทั้งตอนนี้เจ็บหนักเจียนตาย ทว่าพลังต่อสู้เช่นนั้นกลับยังแข็งแกร่งถึงขีดสุด!
ขณะเดียวกันจู้ฮุยก็เอ่ยอย่างตกตะลึงว่า “เป็นเจ้า เศษเดนคีรีดวงกมลคนนั้น!”
ศีรษะมีเตากระบี่ลอยอยู่ อายุน้อยขนาดนี้ยังสามารถต้านการโจมตีของตนได้ นอกจากหลินสวินแห่งคีรีดวงกมลผู้นั้นยังจะมีใครได้อีก
ควรรู้ว่าโลกยอดนิรันดร์ในตอนนี้มีแต่ประกาศจับหลินสวินแขวนอยู่เต็มไปหมด เงาร่างหลินสวินที่วาดอยู่บนประกาศจับนั้น สิ่งบ่งชี้ที่เตะตาที่สุดก็คือเตากระบี่ ศาสตราจักรพรรดิบริสุทธิ์ชิ้นนั้น!
“คิดไม่ถึงว่าข้าคนแซ่หลินจะถึงกับถูกผู้อาวุโสจำได้ ช่าง… ได้รับความเอ็นดูจนน่าตกใจเสียจริง” หลินสวินยิ้ม สีหน้าเยือกเย็น
“ทำไมเจ้าถึงปรากฏตัวที่นี่”
จู้ฮุยมุ่นคิ้วแน่น รับรู้ได้ว่าสถานการณ์ไม่ชอบมาพากล ไม่กี่ปีก่อนหลินสวินหายไปจากนอกโบราณสถานทวยเทพ ไม่รู้เป็นตายร้ายดี
ใครจะคิดว่าเขามาถึงน่านฟ้าที่หนึ่งของโลกยอดนิรันดร์แล้ว
“เจ้ามาได้ แล้วทำไมข้าจะมาไม่ได้”
ขณะพูดเงาร่างหลินสวินก็ถลาออกไป ไม่ให้โอกาสอีกฝ่ายได้ฟื้นพลังสักนิด เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งส่งเสียงโครมครามกำราบลงไปอย่างแข็งกร้าวอหังการ
“หึ! สวะตัวจ้อย ศิษย์พี่หลิงเสวียนจื่อกับอาจารย์อาคงเจวี๋ยของเจ้าไม่อยู่ มกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิอย่างเจ้า… จะก่อคลื่นลมอะไรได้”
สายตาจู้ฮุยฉายแววดูถูก เมื่อสะบัดข้อมือ ทวนศึกสีขาวทะลวงอากาศเหมือนรุ้งเทพสะดุดตา
ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!
ชั่วพริบตาทั้งสองก็ประมือกันหลายสิบครั้ง เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งกับทวนศึกสีเงินปะทะกัน แผ่ระลอกคลื่นพลังที่ม้วนตลบเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน ละอองแสงสาดกระเซ็น แสงเทพสาดส่อง
กลิ่นอายทั้งตัวหลินสวินพลิกม้วน ถูกกดข่มอย่างที่สุด ต่อให้ใช้พลังต่อสู้เต็มที่เข้าสู้เต็มกำลังก็ยังตกเป็นเบี้ยล่างเหมือนเดิม
ช่วยไม่ได้ ศักยภาพห่างกันเกินไป
แม้จู้ฮุยจะบาดเจ็บสาหัส แต่ถึงอย่างไรก็เป็นระดับอมตะที่สมชื่อคนหนึ่ง อานุภาพที่สำแดงออกมาในทุกการเคลื่อนไหวน่ากลัวเกินไปจริงๆ
“ตาย!”
ทันใดนั้นจู้ฮุยคำรามลั่น อานุภาพเหมือนไม่อาจต้านทาน ใช้ทวนศึกสีเงินนั่นโจมตีมากลางอากาศ
ก็ในตอนนี้เอง
แววโหดเหี้ยมฉายวาบในดวงตาหลินสวิน ทันใดนั้นก็กระตุ้นเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งถึงขีดสุด แสงมรรคไพศาลพวยพุ่ง ปากเตาก็มาอยู่ระนาบเดียวกับทวนศึกสีเงินนั้นพอดี
ชั่วพริบตาทวนศึกสีเงินก็แทงเข้าไปในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง
ที่ประหลาดคือไม่มีเสียงออกมา ตรงข้ามทวนศึกสีเงินนั้นกลับเหมือนถูกกลืนกิน แหลกสลายอย่างรวดเร็วจนน่าเหลือเชื่อ
จู้ฮุยนัยน์ตาหดรัดโดยพลัน ตกตะลึงจนตาแทบหลุดจากเบ้า ทวนศึกสีเงินนี้เป็นสิ่งที่ควบรวมออกมาจากพลังระเบียบระดับปฐพีขั้นเก้าของตระกูลจู้ของพวกเขา แม้จะถูกเขาใช้มรรควิถีของตนมาหยิบยืมพลัง แต่อานุภาพเช่นนั้นสามารถปลิดชีพระดับเดียวกันได้!
ทว่าตอนนี้ การโจมตีอันน่ากลัวนี้กลับถึงกับถูกสลายไปอย่างง่ายดายปานนี้!
เรื่องนี้เหนือความคาดหมายของจู้ฮุยโดยสิ้นเชิง ทำให้จิตใจของเขาสั่นสะท้านรุนแรงโดยไม่ทันตั้งตัว
“ฆ่า!”
ขณะเดียวกัน ทันใดนั้นหลินสวินก็สำแดงอภินิหารหยุดเวลา พลังกาลเวลาสีขาวเวิ้งว้างแถบหนึ่งแผ่ออกมาอย่างรวดเร็ว
และบนตัวหลินสวิน กายมรรคทั้งห้าพุ่งออกมาพร้อมกัน ใช้วิธีต่อสู้เด็ดขาดร่วมมือกับร่างต้นของเขา สิ่งที่จู้ฮุยเผชิญก็คือระเบิดสะท้านสะเทือนรุนแรง
ตูม!
ห้วงอากาศปั่นป่วน แสงเทพม้วนตลบแผ่กระจายเหมือนกระแสธาร
ก็พบว่าร่างกายที่เดิมบาดเจ็บเจียนตายของจู้ฮุยถูกระเบิดกระจุยดังสนั่นทันที พลังป้องกันบนร่างสลายหายไปหมด
“ไม่…” ยามพลังจิตของจู้ฮุยกำลังจะหนีออกมา ก็ถูกหลินสวินกับร่างแยกของเขาถล่มโจมตีเต็มกำลัง รอยแตกปรากฏขึ้นในชั่วพริบตา ใกล้จะแตกกระจาย
“ไม่นะ!!!”
ท่ามกลางเสียงร้องลั่นอันบ้าคลั่งหดหู่และไม่ยินยอม ในที่สุดพลังจิตของจู้ฮุยก็ยืนหยัดไม่อยู่ ระเบิดกระจุยสะเทือนเลื่อนลั่น จมลงไปในกระแสแห่งการทำลายล้างที่ถาโถม
สวบ!
เงาร่างของหลินสวินหลบออกไปไกลในทันที ยามมองไปอีกครั้ง ก็เห็นว่าท่ามกลางกระแสยุ่งเหยิงถาโถมไร้เงาของจู้ฮุยแล้ว
ทูตท่องสวรรค์ที่มาจากตระกูจู้ผู้นี้ ระดับอมตะขั้นอายุขัยเทียมฟ้าที่เลื่องชื่อระบือนามผู้หนึ่ง กายสิ้นมรรคสลายอย่างแท้จริงแล้ว!
จู้ฮุยตายอย่างคับข้องนัก
ก่อนหน้านี้การต่อสู้กับต้นไม้แห้งต้นนั้นทำให้เขาบาดเจ็บสาหัสไปแล้ว เดิมทีเขาคิดว่าด้วยมรรควิถีของตน ต่อให้ได้รับบาดเจ็บก็สังหารหลินสวินได้อย่างง่ายดาย
แต่กลับคิดไม่ถึงโดยเด็ดขาดว่าพลังระเบียบที่เขาดึงมาใช้กลับสลายหายไปกะทันหัน เหตุไม่คาดฝันนี้ก็กระทบใจเขา
ขณะที่ยังไม่ทันดึงสติกลับมาก็ถูกหลินสวินใช้อภินิหารหยุดเวลาโจมตี ใช้กายมรรคทั้งห้าร่วมกันปิดล้อมจู่โจม ในสถานการณ์เช่นนี้ ต่อให้เขาอยากสู้สุดตัวจนพังทลายไปทั้งคู่ก็ยังทำไม่ได้!
วาสนาชิ้นหนึ่งอยู่ตรงหน้า แต่สุดท้ายกลับต้องสละชีพตน การตายของจู้ฮุย แค่คิดก็รู้ว่าน่าคับแค้นใจปานไหน
ไม่ต่างอะไรกับถูกซุ่มฆ่า…
และตอนนี้หลินสวินถึงถอนหายใจยาว ทั้งร่างผ่อนคลายลง
นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่เขาฝึกปราณมาจนตอนนี้ที่สังหารระดับอมตะซึ่งหน้า ต่อให้อีกฝ่ายถูกตนฆ่าในสภาพบาดเจ็บสาหัส แต่นี่กลับสร้างความเชื่อมั่นให้หลินสวินอย่างมาก ใจเต้นระส่ำไม่หยุด
ปราการสวรรค์แห่งบรรพจารย์จักรพรรดิยังทำลายได้ แล้วเหตุใดปราการสวรรค์ของระดับอมตะจะทำลายไม่ได้
หลินสวินไม่เคยเชื่อเรื่องนี้
อันที่จริงถ้าพบกับจู้ฮุยในสภาพสมบูรณ์ที่สุด เขาย่อมไม่มีโอกาสชนะ แต่เมื่อมรรควิถีของเขาพัฒนาขึ้น สักวันไม่ช้าก็เร็วต้องสามารถสู้กับอีกฝ่ายได้อย่างแท้จริง!
หลินสวินไม่ร่ำไร มองดูเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งก่อน
พลังระเบียบสีเทาขาวที่แปลงมาจากหลิวแห้งร่วงโรยนั่นถูกกำราบแล้ว ส่วนพลังระเบียบที่จู้ฮุยดึงมาใช้ก็ถูกบดขยี้กลืนกิน กลายเป็นอาหารของอู๋ซวงไปนานแล้ว
ที่น่าเสียดายก็คือพลังระเบียบนี้ไม่สมบูรณ์ สำหรับอู๋ซวงแล้วก็เหมือนซี่โครงไก่ ไม่ได้มีประโยชน์มากมาย
“นายท่าน ตามคำพูดยุคก่อน สิ่งที่ท่านสยบคราวนี้ก็คือพลังระดับปฐพีขั้นเก้าที่หายาก ภายในมีนัยเร้นลับระเบียบอสนีที่ร้ายกาจหาใดเทียบ เรียกได้ว่าเป็น ‘ระเบียบอสนีพิฆาต’”
ในระเบียบนิพพาน อู๋ซวงที่เหมือนเด็กสาวชุดขาวเอ่ยเสียงมีชีวิตชีวา “ถ้าให้ข้ากลืนกิน พลังของข้าสามารถฟื้นคืนขึ้นสองส่วนของพลังในอดีต”
“สองส่วนหรือ” หลินสวินอึ้งไป
“พอจะเทียบได้กับอานุภาพของระเบียบระดับสวรรค์ขั้นสี่ในยุคก่อน” อู๋ซวงอธิบายประโยคหนึ่ง
ตั้งแต่หลินสวินช่วยอู๋ซวงรวบรวมและกลืนกินพลังระเบียบไปไม่น้อย ก็เห็นได้ชัดว่านางเปลี่ยนเป็นมีชีวิตชีวาขึ้นมาก
ต่อให้นางเป็นแค่สิ่งที่แปลงมาจากระเบียบ ไม่ได้มีสติปัญญาอย่างแท้จริง แต่สามารถวิวัฒน์การรับรู้และความเข้าใจของตัวนางเองออกมาได้ จิตวิญญาณไม่ธรรมดา
หลินสวินตกตะลึงเอ่ยว่า “เช่นนั้นพลังของเจ้าก่อนหน้านี้อยู่ระดับไหน”
“ข้าไม่รู้แน่ชัด เว้นแต่ว่าจะสามารถฟื้นฟูสภาพเมื่อแรกเริ่มกลับมาได้ แต่ตามการคาดเดาของข้าในตอนนี้ ข้าในอดีตคงเป็นระดับสวรรค์ขั้นเก้าขึ้นไป” อู๋ซวงเอ่ยตอบจริงจัง
หลินสวินใจสะท้าน เป็นเช่นนี้ดังคาด!
ยามสยบอู๋ซวงได้ในอดีตเมื่อนานมาแล้ว เขาก็สังหรณ์ว่าพลังระเบียบที่อู๋ซวงครอบครอง อย่างน้อยจะต้องเป็นระดับสวรรค์ขั้นเก้าที่ยากพบเห็น
เพราะโลกยอดนิรันดร์ มีเพียงพลังระเบียบระดับสวรรค์ขั้นเก้าชนิดพิเศษที่ยากพบเห็นถึงให้กำเนิดวิญญาณระเบียบได้ ระเบียบระดับสวรรค์ทั่วไป ต่อให้อยู่ขั้นเก้าก็ไม่สามารถทำได้
พอคิดดูก็ถูก อู๋ซวงเป็นวิญญาณระเบียบที่โชคดีรอดจาก ‘เคราะห์มรรคห้าเสื่อม’ ในตอนที่ยุคสมัยดับสิ้นมาได้ จึงดำรงอยู่ถึงยุคนี้ จะธรรมดาสามัญได้อย่างไร
“นายท่าน ข้าหลอมระเบียบอสนีพิฆาตนี้ได้หรือไม่” อู๋ซวงเอ่ยถาม งดงามอ่อนหวาน เป็นร่างวิญญาณระเบียบร่างหนึ่งเท่านั้น แต่กลับดูมีชีวิตชีวายิ่ง
“ก็ได้”
หลินสวินคิดๆ ดูแล้วตอบตกลง
เดิมทีเขาคิดจะชิงพลังระเบียบให้สำนักศึกษาสองลักษณ์ แต่ต่อมาถึงพบว่าตนคิดผิดแล้ว
มีแต่ผู้ที่ควบคุมนัยเร้นลับของพลังระเบียบได้โดยสมบูรณ์ ถึงจะหลอมสมบัติลับที่ดึงพลังระเบียบมาใช้ได้
อย่างในสำนักศึกษาสองลักษณ์ ระเบียบระดับปฐพีขั้นสามที่ถูกโหยวเชียนเหิงใช้ ก็ใช้สมบัติลับเป็นลัญจกรชิ้นหนึ่งดึงพลังออกมา
แน่นนอนว่าโหยวเชียนเหิงเป็นเพียงบรรพจารย์จักรพรรดิผู้หนึ่ง ไม่อาจควบคุมนัยเร้นลับระเบียบระดับปฐพีขั้นสามนั้น ทั้งยังไม่อาจหลอมสมบัติลับเช่นนี้ออกมาได้อยู่แล้ว
พูดอีกอย่างก็คือ พลังระเบียบของสำนักศึกษาสองลักษณ์ถูกระดับอมตะผู้หนึ่งควบคุม และหลอมสมบัติลับที่ดึงพลังระเบียบนี้ออกมาได้ จากนั้นให้เป็นมรดกทิ้งไว้ในสำนักศึกษาสองลักษณ์เมื่อนานมาแล้ว
เช่นนี้ถึงได้รับการสืบทอดและครอบครองโดยเจ้าสำนักแต่ละรุ่น
พลังระเบียบที่รุ่ยไท่ฝูแห่งสำนักศึกษาเยือกแข็งดึงมาใช้ก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน
หรืออย่างพลังระเบียบระดับปฐพีขั้นเก้าที่จู้ฮุยดึงมาใช้เมื่อครู่ก็มีหลักการเดียวกัน
นี่ก็หมายความว่า ต่อให้หลินสวินสยบพลังระเบียบได้มากมายเพียงไหน แต่ถ้าไม่อาจหยั่งรู้และครอบครองนัยเร้นลับของพลังระเบียบเหล่านี้ได้ ก็ไม่อาจดึงพลังระเบียบเหล่านี้มาใช้ได้แม้สักนิด
——