Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2619 เฒ่าคุน

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2619 เฒ่าคุน

ตอนที่ 2619 เฒ่าคุน

เผิงเทียนเสียงนอกจากความตกตะลึงแล้ว คล้ายพอจะเข้าใจบางอย่างจึงเอ่ยว่า “สำหรับพี่หลิน การซ่อนตัวในทะเลประหัตมารก็เป็นทางเลือกที่ฉลาดจริงๆ”

น่านฟ้าที่หกในตอนนี้ เผ่าจักรพรรดิอมตะเกินครึ่งมองหลินสวินเป็นศัตรูคู่แค้น นี่ก็หมายความว่าขอเพียงเขาเดินทางในน่านฟ้านี้ ทันทีที่ฐานะเปิดเผยก็ต้องพบกับเคราะห์สังหารที่ไม่อาจคาดคะเนได้

และแม้ว่าทะเลประหัตมารแห่งนั้นจะอันตรายหาใดเทียบ แต่กลับเหมาะแก่การให้หลินสวินไปเก็บตัวจำศีลเป็นที่สุด

หลินสวินมองปราดเดียวก็ดูออกว่าเผิงเทียนเสียงคิดมากไป หัวเราะเอ่ยว่า “ข้าแค่อยากไปหาคนผู้หนึ่งเท่านั้น”

หลังจากสนทนากับพลังเจตจำนงของลั่วชิงสวินที่น่านฟ้าที่ห้า ทำให้เขารู้แล้วว่าท่านลู่ก็หลบซ่อนอยู่ในทะเลประหัตมารของน่านฟ้าที่หก!

ขอเพียงหาท่านลู่พบ ปริศนาในอดีตบางอย่างก็จะเผยออกมา!

เผิงเทียนเสียงเอ่ยตกตะลึง “หาคนหรือ”

เห็นท่าทางหลินสวินไม่อธิบายอีกเขาก็ไม่ถามอะไรต่อ เอ่ยว่า “ทางเข้าทะเลประหัตมารตั้งอยู่ในเขต ‘แคว้นเทพลมโลหิต’….”

พูดถึงตรงนี้เขาก็คล้ายนึกอะไรขึ้นมาได้ เอ่ยว่า “ถ้าพี่หลินคิดจะไปจริงๆ ข้าช่วยพี่หลินติดต่อคนผู้หนึ่งได้ ถ้ามีเขาพาไป จะต้องหลบหลีกอันตรายมากมายที่อยู่ตามทางเข้าสู่ทะเลประหัตมารได้แน่”

“ใคร” หลินสวินถาม

“ตาแก่ที่เข้าออกทะเลประหัตมาร ทำการค้ากับพวกชั่วร้ายไม่รู้เท่าไรเป็นประจำคนหนึ่ง คนที่รู้จักเขาต่างเรียกเขาว่า ‘เฒ่าคุน’ ทั้งนั้น”

เผิงเทียนเสียงเอ่ย “เจ้าเฒ่านี่นิสัยสันโดษ หัวแข็งดื้อรั้น แต่ตระกูลเผิงของข้าเคยมีบุญคุณกับเขา ขอเพียงข้าเอ่ยปากให้เขาพาพี่หลินไปทะเลประหัตมาร เขาคงไม่ปฏิเสธ”

หลินสวินพยักหน้า ถ้ามีคนมีประสบการณ์นำทางสักคนย่อมลดความยุ่งยากได้ไม่น้อย

“จะชักช้าไม่ได้ พวกเราไปหาเขาตอนนี้เลย”

เผิงเทียนเสียงเหล้าก็ไม่ดื่มแล้ว ลุกขึ้นทันควัน คล้ายว่าถ้าช่วยหลินสวินได้จะทำให้เขารู้สึกประสบความสำเร็จ

หลินสวินย่อมไม่ปฏิเสธ

……

ในน่านฟ้าที่หกมีแคว้นเทพทั้งสิ้นสามสิบหกแคว้น

แต่ละแคว้นล้วนกว้างขวางใหญ่โตยิ่งกว่าอาณาเขตโลกใหญ่แห่งหนึ่งเสียอีก

เผ่าจักรพรรดิอมตะที่กระจายอยู่ตามน่านฟ้าที่หกเหล่านั้นต่างแทบจะครองพื้นที่ของแคว้นหนึ่ง พวกเผ่าจักรพรรดิอมตะที่เป็นขุมอำนาจชั้นยอดจำนวนหนึ่งถึงกับครอบครองสองแคว้นขึ้นไปด้วยซ้ำ!

อย่างตระกูลเผิง ก็เป็นนายเหนือหัวของแคว้นเทพนภาครามแห่งนี้

เมืองเก้าใบ หนึ่งในเมืองของแคว้นเทพนภาคราม

หอการค้าเก้าใบเป็นร้านค้าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเมือง มีภูมิหลังเก่าแก่ยาวนาน

เพียงแต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าเถ้าแก่ที่อยู่เบื้องหลังหอการค้าเก้าใบก็คือ ‘เฒ่าคุน’ ที่เข้าออกทะเลประหัตมารไปทำการค้าเป็นประจำผู้นั้น

วันนี้เผิงเทียนเสียงพาหลินสวินมาเยือนหอการค้าเก้าใบ

หลังจากเผิงเทียนเสียงแสดงฐานะก็ถูกมองเป็นแขกพิเศษทันที มีสาวใช้หน้าตางดงามสองคนมารับเข้าไปในเรือนสวยสง่าเงียบสงบแห่งหนึ่งอย่างเคารพนบนอบ

ไม่นานนักเสียงเครื่องประดับดังกรุ๊งกริ๊งเสนาะหู จากนั้นหญิงสาวแต่งกายชุดขาวเรียบง่ายผู้หนึ่งก็เดินเข้าเรือนมา

นางผมยาวจรดเอว รูปร่างดียิ่ง สง่างามเยือกเย็น รูปโฉมก็โดดเด่นถึงที่สุด

เพียงแต่สีหน้านางกลับออกจะเฉยชา เพิ่งเข้ามาในเรือนก็พูดว่า “พ่อข้าไม่อยู่ พวกเจ้ากลับไปเถอะ”

เผิงเทียนเสียงนิ่วหน้า “ไม่อยู่หรือ เขาไปไหน”

หญิงสาวชุดขาวเอ่ย “ท่านพ่อข้าไปไหน ลูกสาวอย่างข้าจะไปรู้ได้อย่างไร ถ้าไม่มีธุระอื่นก็ขอเชิญให้ทั้งสองท่านออกไป”

นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่นางไล่แขก

เผิงเทียนเสียงดูอึดอัดอยู่บ้าง หรือพูดได้ว่าออกจะอับอายแล้ว ขณะกำลังจะพูดอะไรหลินสวินก็ชิงลุกขึ้นก่อนแล้วเอ่ยว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้พวกเราก็จะไม่รบกวนอีก ขอลา”

ขณะพูดก็มุ่งหน้าออกไปจากเรือน

เผิงเทียนเสียงรีบร้อนตามไป

ทว่าขณะที่ทั้งสองกำลังจะออกจากเรือน ก็เห็นชายชราผอมแห้งรูปลักษณ์ไม่สะดุดตาคนหนึ่งเดินมา

“ข้าเพิ่งได้ยินว่าคุณชายรองตระกูลเผิงกับสหายมาเยี่ยมเยียนก็เลยรีบมาพบทันที” ชายชรายิ้มตาหยี สีหน้ากระตือรือร้น

“เฒ่าคุน เจ้าไม่ได้ไม่อยู่หรอกหรือ” เผิงเทียนเสียงตะลึง

เห็นชัดว่าชายชราผอมแห้งรูปลักษณ์ไม่สะดุดตาคนนี้ก็คือเฒ่าคุน เขาเองก็อึ้งไป “ใครบอกว่าข้าไม่อยู่”

หญิงสาวชุดขาวผู้นั้นเดินออกมาจากเรือน แววตาเย็นชาเอ่ยว่า “ข้าบอกเอง”

เฒ่าคุนมุมปากกระตุก พูดอย่างจนใจว่า “หวั่นโหรว นี่คือคุณชายรองของผู้นำตระกูลเผิง ตอนนั้นบิดาเขามีบุญคุณยิ่งใหญ่กับข้า เจ้าเสียมารยาทแบบนี้ได้อย่างไร”

ขณะพูดเขาก็กุมมือคารวะให้หลินสวินกับเผิงเทียนเสียงแล้วเอ่ยอย่างรู้สึกผิดว่า “ขออภัยทั้งสองท่านด้วย นางหนูไม่ได้ตั้งใจกลั่นแกล้งเช่นนี้ แต่เป็นเพราะในเคราะห์สังหารครั้งหนึ่งเมื่อไม่กี่ปีก่อนทำให้ข้าได้รับบาดเจ็บสาหัส กระทั่งตอนนี้ยังฟื้นตัวไม่ได้ นางหนูห่วงสุขภาพของข้า จึงไม่อยากให้ข้าพบแขก ขอท่านทั้งสองใจกว้างให้อภัยด้วย”

“เจ้าบาดเจ็บหรือ”

เผิงเทียนเสียงเอ่ยตกตะลึง

เฒ่าคุนพยักหน้า “คุณชายรองไม่ใช่คนนอก เรื่องนี้ก็ไม่ได้มีอะไรต้องปิดบัง”

“พูดแบบนี้ ตอนนี้เจ้าก็ไปทะเลประหัตมารไม่ได้อีกแล้วหรือ” เผิงเทียนเสียงนิ่วหน้า

เฒ่าคุนตื่นตะลึงอยู่บ้าง มองดูหลินสวินที่อยู่ข้างๆ เผิงเทียนเสียงคราหนึ่งแล้วกล่าวว่า “ถ้าข้าเดาไม่ผิด คุณชายรองมาคราวนี้เพราะต้องการให้ข้าพาคุณชายท่านนี้ไปทะเลประหัตมารกระมัง”

เผิงเทียนเสียงพยักหน้า “ไม่ผิด คนผู้นี้คือ ‘สืออวี่’ เพื่อนสนิทข้าเอง เขาอยากไปหาคนผู้หนึ่งที่ทะเลประหัตมาร ดังนั้นถึงได้มาขอให้เจ้าช่วยเอง”

สืออวี่ย่อมเป็นหลินสวินที่ใช้ชื่อสืออวี่ เพื่อนสนิทเมื่อครั้งยังเยาว์มาปลอมตัว

เฒ่าคุนกุมมือคารวะหลินสวินเอ่ยว่า “ข้าน้อยคารวะคุณชายสืออวี่ ถ้าไม่รังเกียจเรียกข้าว่าเฒ่าคุนก็พอ”

หลินสวินกุมมือคารวะพูดว่า “คารวะผู้อาวุโส”

เฒ่าคุนรีบร้อนโบกมือ “ข้ามิกล้าเป็นผู้อาวุโสหรอก เพียงแต่ขอให้คุณชายเข้าใจด้วย ช่วงนี้ข้าน้อยไปทะเลประหัตมารไม่ได้อีกแล้ว”

ในตอนที่หลินสวินกับเผิงเทียนเสียงต่างผิดหวังอยู่บ้าง เฒ่าคุนก็ชี้หญิงสาวชุดขาวแล้วเอ่ยว่า “แต่ถ้าคุณชายไม่ถือสา จะไปทะเลประหัตมารกับนางหนูก็ได้”

เผิงเทียนเสียงอึ้งไป เอ่ยอย่างกังขาว่า “นางหรือ”

เห็นชัดว่าไม่เชื่อความสามารถของหญิงสาวชุดขาวเท่าไร

หญิงสาวชุดขาวก็อึ้งไป นิ่วหน้าเอ่ยว่า “ท่านพ่อ ที่อย่างทะเลประหัตมารอันตรายขนาดไหน ข้าไม่อยากเอาตัวภาระไปเคลื่อนไหวด้วย”

ตัวภาระหรือ

เผิงเทียนเสียงแววตาพิกลอยู่บ้าง ในใจลอบเบิกบานขึ้นมา ถ้าให้ผู้หญิงคนนี้รู้ว่าตัวภาระในสายตานางก็คือหลินสวินที่กิตติศัพท์ร้ายกาจสะเทือนใต้หล้าในขณะนี้ นางจะทำหน้าอย่างไร

เฒ่าคุนกลับตำหนิว่า “หวั่นโหรว อย่าเสียมารยาท!”

เขารูปลักษณ์ไม่โดดเด่น ร่างผอมแห้ง แต่ตอนนี้หว่างคิ้วกลับอบอวลความน่าเกรงขามชวนครั่นคร้าม น่ากลัวเป็นที่สุด

หลินสวินสะท้านวาบในใจ ก็เป็นตอนนี้เองเขาถึงมั่นใจในที่สุด ว่าหากสามารถเข้าออกสถานที่อันตรายอย่างทะเลประหัตมารเป็นประจำได้ เฒ่าคุณผู้นี้ย่อมไม่ใช่คนธรรมดา

ด้วยการตำหนิของเฒ่าคุน หญิงสาวชุดขาวที่ถูกเรียกว่าหวั่นโหรวก้มหน้าลง เอ่ยอย่างหงุดหงิดว่า “ท่านพ่อ จะพาเขาไปเคลื่อนไหวด้วยกันก็ได้ แต่ข้าขอพูดไว้ก่อนว่าถ้าเกิดเรื่องอะไรระหว่างทางข้าจะไม่รับผิดชอบ”

พูดจบนางก็หมุนตัวจากไป

นี่ทำให้เผิงเทียนเสียงนิ่วหน้าอย่างอดไม่ได้ เอ่ยว่า “เฒ่าคุน ลูกสาวเจ้าคนนี้คัดค้านขนาดนี้ ถ้าเกิดระหว่างทางนี้…”

เฒ่าคุนหัวเราะแหะๆ พูดว่า “คุณชายรองวางใจได้ ขอเพียงหวั่นโหรวรับปาก นางจะต้องพาคุณชายสืออวี่ไปทะเลประหัตมารอย่างรับผิดชอบเต็มที่แน่นอน นิสัยใจคอนางข้ารู้ดีที่สุด”

เผิงเทียนเสียงเอ่ย “เป็นอย่างนี้ก็ดี”

สายตาของเขามองที่หลินสวิน “พี่สือ เจ้าว่าอย่างไร จะให้แม่นางหวั่นโหรวผู้นี้นำทางหรือไม่”

หลินสวินเอ่ย “ขอแค่ไปถึงทะเลประหัตมารได้ ไม่ว่าใครนำทางก็ไม่มีปัญหาทั้งนั้น”

ทันใดนั้นเฒ่าคุนก็ยิ้มเหมือนยกภูเขาออกจากอก เอ่ยว่า “เช่นนั้นก็ดี อีกสามวันหอการค้าเก้าใบของข้าจะส่งขบวนที่นำโดยหวั่นโหรวไปทะเลประหัตมาร ถึงเวลานั้นคุณชายออกเดินทางตามขบวนไปก็ด้วยก็พอแล้ว”

เขาหยุดไปแล้วเอ่ยเตือนว่า “แต่ข้าขอเตือนคุณชายไว้ก่อนว่าสภาพแวดล้อมในทะเลประหัตมารนั้นเลวร้ายและแปลกประหลาดถึงที่สุด มิหนำซ้ำทางสายนี้ยังต้องผ่านสถานที่มากมาย ต่างมีพวกชั่วร้ายควบคุมทั้งนั้น คุณชายจะเคลื่อนไหวตามใจตัวเองไม่ได้ ทุกเรื่องต้องให้นางหนูจัดการเท่านั้น”

หลินสวินพยักหน้ารับปาก

คืนวันเดียวกัน

ในเรือนที่ปกคลุมด้วยพลังผนึกแห่งหนึ่ง มีเพียงเฒ่าคุนกับหญิงสาวชุดขาวหวั่นโหรวสองคน

“ท่านพ่อ ท่านก็รู้ว่าการเคลื่อนไหวของพวกเราคราวนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน ทำไมต้องให้คนนอกนั่นเข้ามาด้วย”

ใบหน้าขาวสะอาดของหวั่นโหรวเจือแววไม่เข้าใจและขุ่นเคือง

“แค่ช่วยคุณชายรองตระกูลเผิงทำเรื่องเล็กเรื่องเดียวเอง ไม่กระทบกับการเคลื่อนไหวคราวนี้หรอก”

เฒ่าคุนเอ่ยอย่างอดทน “เจ้าเสียอีกที่ต้องระวัง อย่าละเลยคุณชายสืออวี่ผู้นั้น ข้าเดินทางในทะเลประหัตมารเป็นประจำ ได้เห็นมารนอกรีตที่ชั่วร้ายถึงขีดสุดมาไม่รู้เท่าไร ไม่ได้บอกว่าตาแหลมมองคนเก่ง แต่อย่างน้อยก็ได้อ่านคนมาแล้วนับไม่ถ้วน จากที่ข้าดู คุณชายสืออวี่ผู้นี้ไม่ใช่คนธรรมดา”

หวั่นโหรวเอ่ยเย็นชา “นั่นมันแน่อยู่แล้ว มิเช่นนั้นจะขอให้คุณชายรองตระกูลเผิงผู้นั้นออกหน้าให้เขาได้อย่างไร”

“ไม่ใช่ บางทีฐานะของเขาอาจจะไม่ธรรมดา แต่ที่ข้าพูดไม่ใช่เรื่องพวกนี้”

ประกายลุ่มลึกปรากฏในดวงตาเฒ่าคุน “กลิ่นอายบนตัวเขาเก็บงำไว้ถึงขีดสุด คนทั่วไปสังเกตความพิเศษอะไรไม่ออกอยู่แล้ว แต่สัญชาตญาณของข้าบอกข้าว่า ยิ่งเป็นคนที่ถูกเมินได้ง่ายที่สุดเช่นนี้ยิ่งน่ากลัวที่สุดเสมอ”

หวั่นโหรวเลิกคิ้ว นิ่งเงียบไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยว่า “ช่างเถอะ ในเมื่อรับปากเรื่องนี้ไปแล้ว ข้าย่อมปฏิเสธไม่ได้อีก และจะไม่จงใจกลั่นแกล้งเขาด้วย ขอเพียงเขาสงบเสงี่ยมเจียมตัว ไม่สร้างเรื่องยุ่งยากให้ข้าก็พอแล้ว”

เฒ่าคุนหัวเราะเอ่ยว่า “เจ้านี่นะ ยังไม่เข้าใจความหมายของข้าอีก ข้าหมายความว่าถ้าตลอดทางนี้พบกับเรื่องวุ่นวายที่รับมือได้ยาก เจ้าอาจจะ… ไปขอความช่วยเหลือจากคุณชายสืออวี่ผู้นี้ได้”

ใบหน้ารูปไข่ขาวกระจ่างของหวั่นโหรวปรากฏแววทำใจเชื่อได้ยาก พูดว่า “ท่านพ่อ ท่านจะประเมินคนผู้นี้สูงไปแล้วกระมัง”

เฒ่าคุนหัวเราะร่า “ไม่ว่าอย่างไร ข้าก็หวังว่าข้าจะไม่ได้มองเขาผิดไป และหวังว่า… เขาจะเป็นคนที่ไม่ธรรมดาจริงๆ อย่างน้อยในเวลาคับขันจะได้ช่วยเจ้าได้”

พูดถึงตอนท้ายแววตาของเขาก็เจือแววสงสารแล้ว ถ้าคราวนี้เขาไม่ได้รับบาดเจ็บ เดิมทีก็ควรเป็นเขาที่เคลื่อนไหวคราวนี้

แต่ตอนนี้กลับทำได้เพียงมอบภาระหนักอึ้งนี้ให้บุตรสาว

แม้เขาจะรู้ชัดว่าด้วยพรสวรรค์และรากฐานพลัง รวมถึงความสามารถที่แสดงออกมาในช่วงหลายปีนี้ของบุตรสาว เพียงพอให้ทำการเคลื่อนไหวคราวนี้ได้สำเร็จ

ทว่าคนเป็นพ่ออย่างไรก็อดห่วงไม่ได้อยู่ดี

หวั่นโหรวซึ้งใจ ครู่หนึ่งถึงถอนหายใจยาวๆ แววมุ่งมั่นฉายขึ้นในดวงตา เอ่ยว่า “ท่านพ่อ ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง”

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท