ตอนที่ 2635 ภูเขาเทพสนามแม่เหล็ก
สวบ!
ขณะที่หลินสวินครุ่นคิด แสงสีดำสะดุดตาสายหนึ่งก็พุ่งออกจากเขตลมสนามแม่เหล็กที่อยู่ไกลๆ มาทางเขา
นี่คือหินเทพพลังแม่เหล็ก ทั้งยังก้อนใหญ่นัก ขนาดเท่าพัดใบลาน ทันทีที่ปรากฏ บริเวณใกล้เคียงก็มีเงาร่างหลายร่างกระโจนออกมา พุ่งไปยังหินเทพพลังแม่เหล็กจากทิศต่างๆ
และตำแหน่งของหลินสวินอยู่ใกล้กับหินเทพพลังแม่เหล็กที่พุ่งมานั้นมากที่สุด เมื่อผู้ฝึกปราณเหล่านี้ลงมือ ก็ทำให้หลินสวินโดนลูกหลงไปด้วยทันที
ตูม!
กระบี่มรรค ดาบศึก ประทับเทพ ทวนวงเดือน… สมบัติสารพัดปะปนด้วยวิชามรรคต่างๆ เข้าปกคลุม ประกายแสงเจิดจ้า บ้าคลั่งไร้สิ้นสุด
หลินสวินนิ่วหน้า ยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับ แต่รอบตัวกลับมีอานุภาพไร้รูปแผ่ออกมา
ตูม!
ประหนึ่งฟ้าถล่มดินทลาย สมบัติที่เปล่งประกายหลากสีรวมถึงวิชามรรคอันลึกลับสุดหยั่งทั้งหลายเหล่านั้นต่างถูกพายุคลั่งบดขยี้ พากันระเบิดออกในห้วงอากาศ ละอองแสงปลิวว่อน ส่งเสียงดังสนั่นไม่ว่างเว้น
เงาร่างผู้ฝึกปราณที่กระโจนมาเหล่านั้นต่างกลายเป็นเถ้าธุลีปลิดปลิวไปในห้วงอากาศอย่างรวดเร็ว
“นี่…”
“น่ากลัวนัก!”
“คนผู้นี้เป็นใคร”
ไกลออกไปผู้ฝึกปราณที่จับจ้องภาพนี้จำนวนหนึ่งตัวแข็งทื่อ ตกตะลึงกับภาพนองเลือดอหังการเช่นนี้ ความกระหายหมายจะลงมือเต็มแก่ในใจก็หายลับไป
และท่ามกลางความเงียบนี้เอง หลินสวินก็ยื่นมือไปคว้าหินเทพพลังแม่เหล็กที่พุ่งทะยานมาก้อนนั้น
หนักยิ่ง
พริบตาเดียวนิ้วมือหลินสวินรู้สึกหนักอึ้ง เหมือนกำลังแบกภูเขาใหญ่ลูกหนึ่งอยู่ ไม่ใช่แค่หนักธรรมดา!
แต่นี่คือหินเทพพลังแม่เหล็ก เมื่อหลินสวินออกแรงที่ปลายนิ้ว เศษหินแตกกระจายออก หินดำขนาดเท่าพัดใบลานก้อนนั้นค่อยๆ เปิดแยก จนในที่สุดก็เหลือเพียงเหล็กเทพส่องประกายพร่างพราวขนาดเท่าไข่นกพิราบก้อนหนึ่ง พลังแม่เหล็กน่าตกตะลึงอบอวล ห้วงอากาศใกล้ๆ ยังบิดเบี้ยวยุบตัว ซัดวงคลื่นห้วงอากาศกระจัดกระจาย
นี่ก็คือเหล็กเทพพลังแม่เหล็ก!
ได้รับการขนานนามว่าเป็นสมบัติหายาก พบเห็นได้แค่ในทะเลประหัตมารเท่านั้น
แต่แววตาหลินสวินเปลี่ยนเป็นแปลกพิกล หินเทพพลังแม่เหล็กก่อนหน้านี้หนักอย่างกับภูเขาลูกใหญ่ แต่เหล็กเทพพลังแม่เหล็กขนาดเท่าไข่นกพิราบก้อนนี้กลับเบาหวิว อย่างมากก็หนักแค่สามตำลึงเท่านั้น
คราวนี้หลินสวินถึงได้เข้าใจการทดสอบคราวนี้อย่างลึกซึ้ง เหล็กเทพพลังแม่เหล็กหนึ่งแสนชั่ง นี่ย่อมเป็นจำนวนมหาศาลยิ่งนัก
ถ้าไม่เข้าไปในเขตลมสนามแม่เหล็ก อาศัยแค่การสะสมจากบริเวณด้านนอกนี้ เกรงว่าไม่รู้เมื่อไรถึงจะรวมรวมได้มากพอ
“เจ้าหนุ่ม ข้า ‘หลงเฟิง’ จากสำนักมารใต้พิภพ ถ้าเจ้าตกลง ข้าสามารถนำผลึกต้นกำเนิดวัฏจักรมาซื้อเหล็กเทพพลังแม่เหล็กในมือเจ้าได้”
ไกลออกไปเสียงทุ้มหนาเหมือนสายฟ้าครั่นครืนดังมา ก็เห็นเงาร่างสูงตระหง่านร่างหนึ่งนั่งอยู่บนบัลลังก์กระดูกขาวที่ลอยอยู่กลางอากาศ
ผมสีเลือดของเขาปลิวไสว สายฟ้าสีชาดพริบวาบในดวงตา พลานุภาพระดับบรรพจารย์ทั้งตัวน่าครั่นคร้ามถึงที่สุด
หลงเฟิง!
ชื่อนี้อาจไม่คุ้นหู แต่ในทะเลประหัตมาร ขอเพียงพูดถึง ‘บรรพจารย์มารพันตา’ ย่อมเรียกได้ว่าไม่มีใครไม่รู้จัก
ความโด่งดังของกิตติศัพท์ร้ายกาจ ทำให้ใครพูดถึงก็หน้าเปลี่ยนสี
เห็นชัดว่าหลงเฟิงหมายตาเหล็กเทพพลังแม่เหล็กในมือหลินสวิน
สายตาของผู้คนมากมายที่อยู่ใกล้เคียงเริ่มเปลี่ยนเป็นแปลกพิกล
ในช่วงระยะนี้ที่หลงเฟิงอยู่ที่นี่ เขาไม่ได้ลงมือชิงเหล็กเทพพลังแม่เหล็ก แต่ขอแค่เป็นเหล็กเทพพลังแม่เหล็กที่ถูกเขาหมายตา ก็จะเอ่ยปากขอซื้อขายกับอีกฝ่าย
ต่อให้เขาเสนอราคาให้ต่ำถึงที่สุด ถึงขั้นไม่ต่างอะไรกับการชิงไปเปล่าๆ สักนิด แต่ก็ไม่มีใครกล้าปฏิเสธการค้าขายเช่นนี้
หาไม่แล้วหลงเฟิงจะใช้พลังปราณระดับบรรพจารย์ของเขามาสั่งสอน ว่าควรปฏิบัติตัวอย่างไร
หลินสวินไม่ได้รู้เรื่องพวกนี้ ต่อให้รู้ก็ไม่สนใจมากนัก
“เจ้าคิดราคาเป็นผลึกต้นกำเนิดวัฏจักรกี่ก้อน” เขาเอ่ยถาม
บนบัลลังก์กระดูกขาว หลงเฟิงยิ้มน้อยๆ ชูนิ้วมือหนึ่งนิ้ว
“หนึ่งร้อยล้านหรือ” หลินสวินกล่าว
ผู้ฝึกปราณที่อยู่ใกล้ๆ บางคนเกือบหัวเราะออกมา เจ้าหมอนี่… กล้าคิดจริงๆ
หลงเฟิงก็อึ้งไป สีหน้าเปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมา “เดิมทีข้าคิดราคาหนึ่งล้าน แต่ตอนนี้ข้าเปลี่ยนใจแล้ว อย่างมากสุดก็ให้เจ้า… หนึ่งหมื่น”
นี่ไม่ใช่การกดราคาแล้ว แต่เป็นการเหยียดหยามและข่มขู่อย่างหนึ่ง
หลินสวินร้องอ้อ เอ่ยว่า “ช่วงนี้เจ้าคงได้เหล็กเทพพลังแม่เหล็กมาไม่น้อยด้วยวิธีนี้กระมัง”
ทุกคนต่างรู้สึกเศร้าใจอย่างอดไม่ได้ นึกถึงเหล็กเทพพลังแม่เหล็กที่ถูกหลงเฟิงชิงเอาไปในช่วงนี้
หลงเฟิงนิ่วหน้า “เจ้าอยากจะพูดอะไร”
หลินสวินยิ้มเอ่ย “ปล้นน่ะสิ”
ฟุ่บ!
เงาร่างเขาหายลับไปกลางอากาศ ครู่ต่อมาก็ปรากฏตัวตรงหน้าหลงเฟิง
“รนหาที่ตาย!”
อานุภาพถาโถมหาใดเทียบปะทุออกมาจากทั้งร่างหลงเฟิง ขณะที่กำลังจะลุกขึ้นจากบัลลังก์กระดูกขาวก็ถูกพลังฝ่ามือไร้รูปสายหนึ่งกดข่มไว้
เขาหน้าเปลี่ยนสีทันที พยายามต่อต้านสุดกำลัง แต่พลังฝ่ามือนั้นกลับแข็งกร้าวถึงขีดสุด ซัดแขนและไหล่ทั้งสองให้แหลกกระจุย เลือดเนื้อสาดกระเซ็น สุดท้ายพลังฝ่ามือนั้นก็ปกคลุมทั่วร่างเขา ทำให้ตัวเขาถูกตบกระจาย บัลลังก์กระดูกขาวที่อยู่ข้างหลังเขายังระเบิดแหลก
บรรพจารย์จักรพรรดิจากสำนักมารใต้พิภพที่ชื่อเสียงความร้ายกาจเลื่องลืออย่างบรรพจารย์มารพันตา ก็ถูกหนึ่งฝ่ามือตบตายเช่นนี้!
ภาพนองเลือดนั้นทำให้ทุกคนต่างนิ่งอึ้งอยู่เช่นนั้น
หลินสวินกลับคล้ายทำเรื่องธรรมดาสามัญถึงที่สุดเรื่องหนึ่ง ยื่นมือออกไปเก็บสิ่งของที่หลงเฟิงหลงเหลือไว้
ประเมินดูเล็กน้อยก็พบว่ามีเหล็กเทพพลังแม่เหล็กขนาดต่างๆ กันสามสิบกว่าก้อนอยู่ในนั้น จำนวนนี้ก็ถือว่าไม่น้อยแล้ว แต่น้ำหนักที่รวมกันกลับหนักแค่สิบกว่าชั่ง น้อยจนน่าเวทนา…
‘ดูท่าคงทำได้แค่ไปเขตลมสนามแม่เหล็กแล้ว’
หลินสวินจนคำพูดไปครู่หนึ่ง อุตส่าห์นึกว่าได้ปล้นโจรเฒ่าอู้ฟู่คนหนึ่ง ใครจะคิดว่ากลับกลายเป็นผีถังแตก
แน่นอนว่านี่เป็นในความคิดของหลินสวิน ในสายตาผู้ฝึกปราณคนอื่น พวกร้ายกาจที่อาศัยการขู่บังคับให้ซื้อขายอย่างหลงเฟิงถือว่าร่ำรวยมั่งคั่งจริงๆ…
สวบ!
ครู่ต่อมาหลินสวินเริ่มออกเคลื่อนไหวแล้ว เข้าปะทะคลื่นกระแสแม่เหล็ก เคลื่อนตัวไปยังเขตลมสนามแม่เหล็กที่อยู่ไกลลิบแห่งนั้น
ผู้ฝึกปราณที่ยังหวาดผวากับฝีมือนองเลือดนั้นของหลินสวิน พอเห็นภาพนี้ต่างก็งุนงงยากจะเชื่อไปครู่หนึ่ง
“เจ้าหมอนี่จะทำอะไร”
“ยังจะทำอะไร ต้องบุกไปที่เขตลมสนามแม่เหล็กนั่นอยู่แล้ว!”
“นี่จะต่างอะไรกับไปตาย ที่นั่นเป็นถึงสถานที่ที่ขนาดระดับอมตะยังไม่กล้าย่างกรายไปง่ายๆ ด้วยซ้ำ”
……
ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารย์เช่นนี้ เงาร่างสูงโปร่งของหลินสวินก็หายลับไปอย่างรวดเร็ว
ตูม!
พายุพลังแม่เหล็กอันบ้าคลั่งม้วนตลบ เกิดเป็นพลังทำลายล้างน่าครั่นคร้ามที่สามารถดับฟ้าทลายดินโจมตีไปยังหลินสวินไม่หยุด
รอบตัวเขาเปล่งแสง มรรควิถีทั้งร่างปลดปล่อยออกมาถึงขีดสุด ทั้งยังโคจพลังของเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งเข้าปกคลุมทั่วตัว เมื่อพายุพลังแม่เหล็กนั้นเข้าจู่โจม ก็เกิดเสียงปะทะรุนแรงดังปังๆๆ ละอองแสงสาดกระเซ็น
หลินสวินก้าวเดินยากลำบาก ทว่าแม้จะโดนโจมตีอย่างรุนแรง แต่พลังทำลายล้างเช่นนั้นต่างถูกสายไปทั้งหมด
กระทั่งเมื่อมาถึงเขตลมสนามแม่เหล็กนั้น พลังระเบียบห้วงอากาศอันพิสดารน่าหวาดหวั่นก็โจมตีปะปนกับพายุพลังแม่เหล็ก
มองออกไปพายุพลังแม่เหล็กที่พลิกคว่ำ ปั่นป่วนและทำลายห้วงอากาศมีอยู่เต็มไปหมด ภาพอันน่าพรั่นพรึงเช่นนั้นทำให้ระดับอมตะยังใจฝ่อ
หลินสวินก็หวาดหวั่นใจอย่างอดไม่อยู่เช่นกัน แต่ก็ไม่ได้ร้อนรน
ฮูม!
เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งทะยานออกมา แสงมรรคไพศาลปลิวว่อน ยามนี้ระเบียบนิพพานที่หลับใหลอยู่ในนั้นก็หมายจะเคลื่อนไหวรอมร่อ ราวกับถูกปลุกให้ตื่น
“ไป!”
หลินสวินร่างพริบไหว พุ่งไปยังเขตลมสนามแม่เหล็กแห่งนั้น
ตูม ครืน!
กระแสปั่นป่วนที่มีเศษเสี้ยวห้วงอากาศปะปนอยู่ในพายุพลังแม่เหล็กม้วนตลบอึงอล พลังที่เกิดขึ้นแกร่งกล้านัก สามารถฉีกระดับอมตะให้แหลกได้
และเงาร่างของหลินสวินก็เหมือนแสงสายหนึ่งกลางพายุคลั่ง เคลื่อนตัวโคลงเคลงไปข้างหน้า ดูไปแล้วประหนึ่งสามารถถูกกำจัดเมื่อไรก็ได้
แต่ทุกครั้งที่รับการโจมตีอันน่ากลัวเช่นนี้ ระเบียบนิพพานก็จะอุบัติขึ้น กลืนกินพลังระเบียบห้วงอากาศที่ปนเปอยู่ในพายุพลังแม่เหล็กนั้นจนหมดเกลี้ยง ทำให้หลินสวินสลายภัยพิบัติได้อย่างหวุดหวิด
คราวนี้ก็สะดวกต่อ ‘อู๋ซวง’ วิญญาณระเบียบที่อยู่ในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งแล้ว เมื่อระเบียบนิพพานกลืนกินพลังระเบียบห้วงอากาศอันพิสดารนั้นไม่หยุด ก็จะถูกนางดูดซับและหลอมไปจนหมดสิ้น เหมือนเป็นการให้อาหารและเครื่องบำรุงอันอุดมสมบูรณ์ครั้งแล้วครั้งเล่า
หนึ่งเค่อ
สองเค่อ
สามเค่อ
…ยิ่งลึกเข้าไป หลินสวินก็เหมือนมุ่งหน้าไปยังโลกแรกกำเนิดอันปั่นป่วนแห่งหนึ่ง มีแต่พายุพลังแม่เหล็กสีดำทั่วไปหมด มีแต่รอยแตกระแหงทุกหนแห่ง มีแต่พลังระเบียบห้วงอากาศร่ายรำอัดแน่น นอกจากนี้ก็ไม่มีภาพอื่นอีก
ก็ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน
ในครรลงสายตาหลินสวินพอจะเห็นเค้าโครงคลุมเครือของภูเขาเทพลูกหนึ่งแล้ว แต่ที่นั่นมืดมิดไปทั้งแถบ มองไม่ชัดสักนิด
มุ่งหน้าไปอีกหนึ่งถ้วยชาเต็ม ในที่สุดหลินสวินก็เห็นภูเขาลูกใหญ่ที่เรียกได้ว่าแปลกประหลาดลูกนั้นแล้ว
มันมีรูปร่างคล้ายหินโม่มหึมา ดำทะมึนหาใดเทียบ สูงประมาณพันจั้ง ยอดเขาแบนราบ โคจรช้าๆ อยู่ในห้วงอากาศปั่นป่วน
และพร้อมๆ กับการโคจรของมัน พลังแม่เหล็กที่ถาโถมเหมือนกระแสน้ำหนาแน่นก็แผ่กระจายออกมาด้วย ห้วงอากาศยังถูกบดขยี้จนบิดเบี้ยว ทรุดตัวและพังทลาย
มันเหมือนหินโม่สีดำขนาดมหึมาสูงพันจั้งจริงๆ พาดขวางอยู่ตรงนั้น พลังบดขยี้ที่เกิดขึ้นยามโคจรข้าๆ ประหนึ่งหมายจะบดขยี้สรรพสิ่งทั่วหล้าให้มลายสิ้น!
ยามได้เห็นภูเขาลูกนี้ หลินสวินสูดหายใจสะท้านอย่างห้ามไม่อยู่
ไม่ต้องสงสัย นี่ก็คือภูเขาเทพสนามแม่เหล็กที่ลึกลับที่สุดตามคำร่ำลือลูกนั้น!
ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทำไมในเขตลมสนามแม่เหล็กจึงเต็มไปด้วยพลังระเบียบห้วงอากาศแปลกประหลาดแล้ว มันก็เหมือนกรงขังที่ขังภูเขาเทพสนามแม่เหล็กไว้ที่นี่อย่างแน่นหนา ขณะเดียวกันก็รับพลังบดขยี้ของภูเขาเทพสนามแม่เหล็กด้วย
หาไม่แล้วเกรงว่าภูเขาเทพสนามแม่เหล็กแห่งนี้จะเคลื่อนย้ายออกไปจากที่นี่นานแล้ว!
ถึงตอนนั้นทุกที่ที่ภูเขาเทพสนามแม่เหล็กเคลื่อนผ่าน สรรพสิ่งสรรพชีวิตในนฟ้าดินแห่งนี้จะถูกพลังแม่เหล็กอันน่ากริ่งเกรงนั้นทำลายหมดสิ้น!
พูดง่ายๆ ก็คือ เป็นเพราะพลังระเบียบห้วงอากาศแปลกประหลาดนั้นจำกัดขอบเขตของภูเขาเทพสนามแม่เหล็กไว้ ทำให้มันได้แต่ลอยอยู่ในพื้นที่นี้ และทำให้เกิดสภาพของ ‘เขตลมสนามแม่เหล็ก’ เช่นนี้ออกมา
‘ถ้าข้าเก็บพลังระเบียบห้วงอากาศนี้ไป จะไม่เท่ากับทำลายกรงที่ขังภูเขาเทพสนามแม่เหล็กเอาไว้หรือ ถึงตอนนั้นเกรงว่าทั้งทะเลประหัตมารจะประสบเคราะห์ใหญ่…’
ดวงตาดำของหลินสวินลุ่มลึก ในใจเกิดความคิดมากมาย ‘แต่ถ้าข้าเก็บภูเขาเทพสนามแม่เหล็กทั้งลูกไปได้ ภัยพิบัติทั้งหมดนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น มิหนำซ้ำยังสามารถสยบพลังระเบียบห้วงอากาศนั้นได้ด้วย…’
และขณะที่ครุ่นคิดอยู่ เขาก็เข้าไปใกล้ภูเขาเทพสนามแม่เหล็กที่อยู่ไกลออกไปแล้ว
ต่อให้มีเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งคุ้มครองทั้งตัว หลินสวินในตอนนี้ก็ดูระแวดระวังผิดปกติ เพราะเขาได้ข้อสรุปอย่างหนึ่งจากการสังเกตอย่างตั้งใจแล้ว…
พลังบดขยี้ที่เกิดขึ้นยามภูเขาเทพสนามแม่เหล็กโคจรช้าๆ สามารถทำลายระดับอมตะได้ง่ายๆ!
นี่จะให้เขากล้าเลินเล่อได้อย่างไร
——