Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2643 กฎกรรมบนตัวซย่าจื้อ

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2643 กฎกรรมบนตัวซย่าจื้อ

ตอนที่ 2643 กฎกรรมบนตัวซย่าจื้อ

“ท่านลู่รู้หรือไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร”

หลินสวินอดถามไม่ได้

หากใคร่ครวญเล็กน้อยก็จะรู้ อาศัยเพียงลั่วฉงกับเหล่าคนตระกูลสายรอง คิดชิงอำนาจผู้นำตระกูลย่อมแทบไม่มีหวังเท่าไหร่

จุดสำคัญอยู่ที่หญิงสาวซึ่งความเป็นมาไม่ชัดเจนคนนี้!

ความจริงก็พิสูจน์แล้ว ไม่ว่าผู้หญิงคนนี้จะเป็นคู่บำเพ็ญของลั่วฉง หรือสนับสนุนลั่วฉงให้ครองอำนาจผู้นำตระกูล นางก็ซ่อนแผนชั่วร้ายตั้งแต่แรก

“นางบอกว่าตัวเองชื่อเผยหรู แต่เห็นชัดว่านี่เป็นชื่อปลอม ในโลกยอดนิรันดร์ไม่มีเผ่าจักรพรรดิอมตะตระกูลเผย”

ลู่ป๋อหยากล่าว “ผ่านการตรวจสอบหลายปี ข้าจึงรู้ว่าผู้หญิงคนนี้… เป็นไปได้สูงว่าเกี่ยวข้องกับตระกูลหวังแห่งน่านฟ้าที่แปด”

ตระกูลหวัง!

ในหัวหลินสวินนึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่

ปีนั้นยามอยู่นอกโบราณสถานทวยเทพ อาจารย์อาคงเจวี๋ยเคยถูกกระบี่หนึ่งจู่โจมกะทันหันจนบาดเจ็บสาหัส ศิษย์พี่สี่หลิงเสวียนจื่อก็ถูกปราณกระบี่ชวนประหวั่นนั่นโจมตีจนเกือบจนตรอก

ตอนนั้นเองที่หลินสวินซึ่งโกรธแค้นจนแทบคลั่งรู้ความเป็นมาของกระบี่นั้น

ตระกูลหวัง!

ยักษ์ใหญ่อมตะอันดับหนึ่งแห่งน่านฟ้าที่แปด!

กระบี่ตัดมรรค!

ตอนนั้นหลินสวินก็เคยสาบานว่าหากรอดไปได้ ไม่ช้าก็เร็วต้องมีสักวันที่จะสนองคืนสิบเท่าร้อยเท่า

“ตระกูลหวัง…”

นัยน์ตาดำหลินสวินเยียบเย็น “ดูท่าว่าต่อให้ท่านตาทวดของข้าประสบเคราะห์ พวกเขาก็ไม่เคยทิ้งความคิดที่จะชิงสมบัติของท่านตาทวดข้า”

เจ้าแห่งมรรคาสวรรค์เคยถูกสิบยักษ์ใหญ่อมตะแห่งน่านฟ้าที่แปดโอบล้อมหน้าประตูนิรันดร์ จำต้องเลือกสู้สุดชีวิต

ภาพเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ยังประทับอยู่ในสมองหลินสวินถึงปัจจุบัน เขาจะลืมได้อย่างไร

ตอนนี้คนของตระกูลหวังถึงกับแทรกตัวเข้ามาในตระกูลลั่ว ต้องการชิงสมบัติอย่างห้องโถงมรรคาสวรรค์ โลงนิรันดร์ กระบี่ศุภโชคไป ทำให้หลินสวินไอสังหารพรั่งพรูอย่างอดไม่ได้

“น่าจะเป็นเช่นนั้น หลายปีนี้หญิงสาวนามเผยหรูนี่อยู่ที่ตระกูลลั่วโดยตลอด ไม่ต้องสงสัยสักนิด นางย่อมรู้แน่ว่าสมบัติอย่างห้องโถงมรรคาสวรรค์ถูกเจ้าได้ไปแล้ว” ลู่ป๋อหยากล่าว

“ผู้หญิงที่พูดไม่เป็นคำพูด กกกอดเจตนาร้ายอย่างนาง ลั่วฉงยังรับนางได้อีกหรือ”

หลินสวินรู้สึกผิดคาดอย่างอดไม่ได้

ลู่ป๋อหยายิ้มหยันพลางกล่าว “ตำแหน่งผู้นำตระกูลของลั่วฉงได้มาด้วยพึ่งอานุภาพที่ผู้หญิงคนนี้มี ลั่วฉงมีหรือจะกล้าแตกหัก เท่าที่ข้ารู้ยังมีคนตระกูลลั่วสายรองไม่น้อยเพ้อพก คิดว่าเมื่อไหร่ที่จับตัวเจ้ากับแม่ของเจ้ากลับไปได้ ขอเพียงทำให้เผยหรูสมปรารถนา ก็จะพึ่งพากำลังของเผยหรู เปลี่ยนแปลงสถานการณ์ที่ล่อแหลมอันตรายนั้นของตระกูลลั่วได้”

หลินสวินแทบไม่กล้าเชื่อหูตัวเอง “สมบัติอย่างห้องโถงมรรคาสวรรค์ล้วนเป็นสิ่งที่ท่านตาทวดของข้าเหลือไว้ เป็นยอดสมบัติของตระกูลลั่ว พวกเขาทำใจยกให้ผู้หญิงคนนั้นได้หรือ”

ลู่ป๋อหยาถอนหายใจเบาๆ “จากมุมมองของพวกเขา นั่นเป็นสมบัติที่ตาทวดของเจ้าเหลือไว้ให้ตระกูลลั่วสายหลัก ต่อให้เสียดายแค่ไหน แต่ขอเพียงแลกความช่วยเหลือของเผยหรูมาได้ก็ยอมเสี่ยงดวง”

หลินสวินสีหน้าอึมครึม “มิน่าหลายปีนี้พวกเขาจึงตามล่ามาถึงทางเดินโบราณฟ้าดาราอย่างบ้าคลั่งเช่นนั้น!”

“ดังนั้นเจ้ามุ่งหน้าไปตระกูลลั่วครั้งนี้ กลับเป็นว่าต้องระวังผู้หญิงคนนี้ ข้าสงสัยว่านางไม่เพียงทำไปเพื่อชิงสมบัติอย่างห้องโถงมรรคาสวรรค์ มีโอกาสว่าอาจเป็นเพราะอยากชิงสายเลือดหุบเหวกลืนกินในตัวเจ้าด้วย”

ลู่ป๋อหยากล่าวเตือน

หลินสวินพยักหน้า

แต่ลู่ป๋อหยากลับเคลื่อนสายตามองโลงนิรันดร์ที่ห่างไปไม่ไกลแล้วกล่าว “สมบัตินี้คือสิ่งที่ตาทวดของเจ้าได้มาจากแหล่งสถานศุภโชค ลึกลับเป็นอย่างยิ่ง ทั้งสมบัตินี้ยังทำให้ตาทวดเจ้ามีพรสวรรค์หุบเหวกลืนกินด้วย ตอนนี้เจ้ามีพลังพอจะควบคุมมันแล้ว ข้าก็สามารถยกมันให้เจ้าอย่างวางใจ”

หลินสวินอึ้งไปสักพักก่อนกล่าว “ท่านลู่ ในโลงนิรันดร์นี้ซ่อนอะไรไว้กันแน่”

ลู่ป๋อหยากล่าว “ท่านตาทวดเจ้าเคยบอกว่าของสิ่งนี้เกี่ยวข้องกับมรรคนิรันดร์ ทั้งของสิ่งนี้ยังทำให้ตาทวดเจ้าเจอแผนภาพลับที่พาไปเส้นทางดารานิรันดร์ด้วย แต่มันซ่อนความลับอะไรไว้นั้น มีเพียงเจ้าให้ไปค้นหาด้วยตัวเองแล้ว”

เขาเว้นช่วงไปก่อนกล่าวต่อ “แต่จากคำฝากฝังของตาทวดเจ้า ก่อนเหยียบมรรคาอมตะอย่าเปิดโลงนี้จะดีกว่า นี่ก็คือสาเหตุที่ว่าทำไมก่อนหน้านี้ข้าถึงห้ามเจ้าเปิดโลงนี้”

ก้าวสู่อมตะแล้วจึงเปิดโลงนี้ได้!

หลินสวินอึ้งไป สะกดข่มความใคร่รู้ในใจพลางกล่าว “ข้าเชื่อฟังท่านลู่”

“เชื่อฟังตาทวดเจ้าต่างหาก”

ลู่ป๋อหยายิ้มขึ้นมา เขาพลิกฝ่ามือพลางยื่นม้วนหยกหนึ่งให้หลินสวิน “นี่คือม้วนหยกที่ตาทวดของเจ้าเหลือไว้ให้ข้า ภายในบันทึกวิชาลับในการเก็บสมบัตินี้ หากไม่มีวิชาลับนี้ ต่อให้เป็นระดับอมตะก็ยากจะเคลื่อนย้ายสมบัตินี้ได้”

คราวนี้หลินสวินถึงเข้าใจ ไม่แปลกที่ก่อนหน้านี้ตนใช้พลังทั้งหมดก็ไม่อาจเคลื่อนย้ายโลงสำริดนี้ได้ ที่แท้ก็มีความลับอื่นซ่อนอยู่

เขารับม้วนหยกมาสำรวจดูเล็กน้อยก็หยั่งถึงวิชาลับในนั้นแล้ว ยื่นมือทำมุทราทันที ริมฝีปากเปล่งเสียงมรรคเร้นลับ

วู้ม!

โลงสำริดนั้นสั่นสะเทือนทันใด แผ่แสงขุ่นมัวลึกลับแล้วหดเล็กลงหลายเท่าทันที สุดท้ายก็กลายเป็นแสงเขียวสายหนึ่งพุ่งเข้าไปในหว่างคิ้วของหลินสวิน

ลอยอยู่ในห้วงนิมิตเหมือนห้องโถงมรรคาสวรรค์ ลึกลับเป็นอย่างยิ่ง

“ตอนนี้เจ้ายังมีอะไรอยากถามอีกไหม” ลู่ป๋อหยาเอ่ยถาม

หลินสวินคิดดูครู่หนึ่งแล้วกล่าว “ท่านลู่ ท่านรู้จัก… ซย่าจื้อไหม”

“ซย่าจื้อ?”

ลู่ป๋อหยาอึ้งไป ทำหน้าสงสัย

หลินสวินนำเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งออกมาทันที ทั้งอุ้มซย่าจื้อที่ถูกระเบียบนิพพานหล่อเลี้ยงและหลับใหลในนั้นโดยตลอดออกมา

“นางก็คือซย่าจื้อ”

หลินสวินพูดพลางเล่าเรื่องบางส่วนของซย่าจื้อออกมา

เมื่อรู้ว่าซย่าจื้อปรากฏตัวอยู่ข้างกายหลินสวินตั้งแต่ตอนอยู่หมู่บ้านเฟยอวิ๋น ลู่ป๋อหยานัยน์ตาหดรัดลง รู้สึกตกใจไม่น้อย

เมื่อรู้จากปากหลินสวินว่า ‘พันธนาการโชคชะตา’ นั้นอยู่ในตัวซย่าจื้อ เขาตัวแข็งทื่อ คล้ายตระหนักถึงอะไรได้ กล่าวอย่างไหวหวั่น “สิ่งที่พี่ทงเทียนกล่าวเมื่อปีนั้นถึงกับเป็นเรื่องจริง!”

หลินสวินตื่นเต้นในใจ อดกล่าวไม่ได้ “ท่านลู่ เรื่องจริงอะไรหรือ”

หลายปีนี้เขาไม่ได้สันนิษฐานความเป็นมาของซย่าจื้อแค่ครั้งเดียว แต่ถึงตอนนี้ก็ยังเป็นปริศนา

ลู่ป๋อหยากล่าวหวนความหลัง “ปีนั้นยามตาทวดของเจ้าได้โลงนิรันดร์มาจากแหล่งสถานศุภโชคไม่นาน เขาเคยบอกข้าว่าการได้ของสิ่งนี้มา ทำให้เขามีโอกาสเปลี่ยนแปลงโชคชะตา แต่ก็ต้องแปดเปื้อนกฎกรรมแห่งโชคชะตาเช่นกัน”

“ตอนนั้นตาทวดของเจ้ารู้สึกว้าวุ่นใจ ด้วยเขาไม่รู้ว่ากฎกรรมนี้ดีหรือร้าย แต่กลับคาดเดาได้ว่ากฎกรรมนี้จะเกิดขึ้นกับตัวทายาทของเขา…”

ลู่ป๋อหยาพูดถึงตรงนี้แล้วมองไปทางซย่าจื้อที่หลับสนิท แววตาพิกลและดูแปลกไป “เดิมข้าคิดว่าผ่านมาหลายปีขนาดนี้ กฎกรรมที่ตาทวดของเจ้าพูดถึงเมื่อปีนั้นมีโอกาสสูงว่าน่าจะหายไปโดยสิ้นเชิง แต่ตอนนี้ดูท่าว่าจะเป็นจริงแล้ว…”

หลินสวินสีหน้าตกตะลึง “กฎกรรมที่อยู่ร่วมกับโลงนิรันดร์หรือ”

ลู่ป๋อหยาพยักหน้า “นี่คือสิ่งที่ตาทวดเจ้ากล่าวถึง ข้าไม่มีทางจำผิด เขาถึงขั้นเคยว้าวุ่นใจเพราะเรื่องนี้หลายปี ห่วงว่าหากกฎกรรมนี้เป็นเรื่องไม่ดี ย่อมมีโอกาสสูงที่จะกระเทือนไปถึงทายาทของเขา”

“แต่ตอนนี้ดูท่า… นี่คงไม่ใช่กฎกรรมที่เลวร้าย อย่างน้อยจากที่เจ้าเล่ามา ในใจแม่นางซย่าจื้อคนนี้ เจ้าสำคัญกว่าชีวิตของนางนัก”

หลินสวินอึ้งงันแล้วพลันกล่าว “ท่านลู่ ในเมื่อโลงนิรันดร์นี้ถูกพบในแหล่งสถานศุภโชค เช่นนั้นท่านว่าความเป็นมาของซย่าจื้อจะเกี่ยวข้องกับแหล่งสถานศุภโชคหรือไม่”

“มีโอกาสเกี่ยวข้องกับโลงนี้ด้วย” ลู่ป๋อหยากล่าว

ในใจหลินสวินสั่นสะท้าน กล่าวอย่างอึ้งงัน “ความเป็นมาของซย่าจื้อจะเกี่ยวข้องกับโลงสำริดใบหนึ่งได้อย่างไร นี่เป็นเรื่องไร้สาระเกินไปแล้ว!”

แม้ว่าโลงสำริดนี้จะเป็นยอดสมบัติที่อัศจรรย์เกินคาดเดาชิ้นหนึ่ง แต่มันก็เป็นโลงศพใบหนึ่ง! ในสายตาคนทั่วไป ของสิ่งนี้ก็คือสถานที่ฝังชีวิต เป็นแหล่งพักพิงสุดท้ายที่ให้ชีวิตได้พักผ่อนอย่างสงบ!

ความเป็นมาของซย่าจื้อจะเกี่ยวข้องกับโลงศพใบหนึ่งได้อย่างไร

เวลานี้หลินสวินอดรนทนไม่ไหว นำโลงนิรันดร์ออกมาจากห้วงนิมิตอีกครั้ง

แต่ซย่าจื้อยังหลับใหล ไม่มีการตอบสนองสักนิด ทั้งไม่รู้สึกอะไรกับสิ่งนี้

“ต่อให้เจ้ามุ่งหวังอยากได้คำตอบ ก็อย่าเปิดโลงตอนนี้ดีกว่า”

ลู่ป๋อหยากล่าวจริงจัง “เจ้าก็เห็นแล้วว่าแม่นางซย่าจื้อคนนี้กำลังหลับสนิท ขอเพียงนางอยู่ข้างกายเจ้า ภายหน้าไม่ช้าก็เร็วย่อมต้องได้คำตอบไม่ใช่หรือ”

สีหน้าหลินสวินพลันวูบไหวไม่หยุด ครู่ใหญ่ถึงพยักหน้าช้าๆ กล่าวอืมออกมาคำหนึ่ง

เขาเก็บโลงนิรันดร์ลงไป มองซย่าจื้อที่หลับสนิทแล้วสูดหายใจลึกพลางกล่าว “ไม่ว่านางมีความเป็นมาอย่างไร และไม่ว่านางคือกฎกรรมที่ท่านตาทวดพูดถึงหรือไม่ ชีวิตนี้ข้าไม่มีทางยอมให้นางบาดเจ็บ ทั้งไม่มีทางให้นางจากข้าไปเด็ดขาด!”

น้ำเสียงหนักแน่นและเด็ดเดี่ยวหาใดเปรียบ

ไม่มีใครเข้าใจว่าตำแหน่งของซย่าจื้อในใจเขาสำคัญระดับใด ทั้งไม่มีสิ่งใดแทนที่ได้เพียงใด!

ลู่ป๋อหยาเห็นอยู่ในสายตา ในใจก็รู้สึกชอบกลอย่างอดไม่ได้ หากพี่ทงเทียนอยู่ที่นี่ ยามเห็น ‘กฎกรรม’ ที่เขากังวลเป็นเช่นนี้ เขาจะยังกังวลอยู่หรือไม่

“ไป ก่อนออกเดินทางไปตระกูลลั่ว ข้าจะพาเจ้าไปเจอคนผู้หนึ่ง มีเขานำทางจะช่วยเจ้าได้ไม่น้อย”

ลู่ป๋อหยาเดินออกไปนอกถ้ำสวรรค์แดนมงคล

การสนทนานี้สิ้นสุดลงเพียงเท่านี้ แต่ก็ทำให้หลินสวินคลายปริศนาในใจไปมาก ได้รู้เรื่องภายในและความจริงเมื่อปีก่อนมากมาย

ถ้ำสวรรค์ปรกอุดม ตำหนักเมฆมายา

“ศิษย์รุ่นสามลั่วเสวียนฝู คารวะบรรพจารย์!”

ลั่วเสวียนฝูเดินเข้ามาในตำหนักใหญ่แล้วโค้งคำนับ จากนั้นเขาก็เห็นหลินสวินที่นั่งอยู่ข้างลู่ป๋อหยา สภาวะจิตที่เยือกเย็นดุจหิมะเสมอพลันเกิดคลื่นถาโถม

ลู่ป๋อหยาพยักหน้าพลางกล่าว “เสวียนฝู ดูท่าว่าเจ้าคงเดาจุดประสงค์ที่เรียกเจ้ามาครั้งนี้ออกแล้ว เช้าวันรุ่งขึ้นเจ้าออกจากทะเลประหัตมารไปพร้อมหลินสวิน มุ่งหน้าไปยังตระกูลลั่ว”

เป็นจริงดังคาด!

นัยน์ตาลั่วเสวียนฝูวาววาบ ใบหน้างามสง่าที่เฉยชาไร้ความรู้สึกเผยความตื่นเต้นอย่างยากพบเห็น

นับตั้งแต่วันที่เข้ามาในถ้ำสวรรค์ปรกอุดม เขาก็เฝ้ารอวันนี้มาหลายปีแล้ว!

“ขอรับ!”

ลั่วเสวียนฝูสูดหายใจลึก รับคำสั่งอย่างเคร่งครัด

ลู่ป๋อหยากล่าวกับหลินสวิน “มีเสวียนฝูนำทางและชี้แนะ หลังจากไปถึงตระกูลลั่ว ก็จะช่วยเจ้าให้เข้าใจสถานการณ์ของตระกูลลั่วได้อีกขั้น”

หลินสวินพยักหน้า เขาต้องการคนนำทางที่รู้จักตระกูลลั่วคนหนึ่งจริงๆ ลั่วเสวียนฝูที่เป็นทายาทของตระกูลลั่วสายหลักก็เหมาะสมยิ่งโดยไม่ต้องสงสัย

“อีกอย่าง เจ้านำของสิ่งนี้ไปด้วย”

ลู่ป๋อหยาพูดพลางมอบกล่องหยกสีดำที่ถูกผนึกใบหนึ่งให้หลินสวิน “หลังจากไปถึงตระกูลลั่ว หากเจออันตรายก็เปิดกล่องนี้ออกมา”

“ในนี้คืออะไรหรือ” หลินสวินถาม

ลู่ป๋อหยายิ้มกล่าว “แน่นอนว่าเป็นไพ่ตายอย่างหนึ่งที่เตรียมไว้ให้เจ้า รอภายหน้าเจ้าค่อยๆ ตรวจดูด้วยตัวเองเถอะ”

…………………….

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท