Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2648 ท่านอาที่ประหนึ่งเทพ

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2648 ท่านอาที่ประหนึ่งเทพ

ตอนที่ 2648 ท่านอาที่ประหนึ่งเทพ

ลั่วอวิ๋นเหอรู้ว่าไม่อาจถ่วงเวลาได้อีกแล้ว

สายตาของเขาจ้องมองหลินสวินพลางกล่าว “ตำราเทพไร้ขอบเขตถูกผนึกอยู่ในหินเทพต้นกำเนิด มีเพียงสายเลือดหุบเหวกลืนกินที่นำออกมาได้ หากเจ้าต้องการก็ไปตระกูลลั่วพร้อมกับข้า เชื่อว่าด้วยพลังพรสวรรค์ในตัวเจ้าย่อมนำสมบัติชิ้นนี้ออกมาได้อย่างง่ายดาย”

เขาเว้นช่วงไปก่อนกล่าวต่อ “ส่วนศาสตรามรรคอมตะสิบชิ้น ข้าให้เจ้าได้ก่อนสองชิ้น ขอเพียงเจ้าปล่อยตัวลั่วเฟิง ข้าจะมอบแปดชิ้นที่เหลือให้เจ้า”

หลินสวินยิ้ม “นี่มันเวลาไหนแล้ว เจ้ายังจะต่อรองอีกรึ หรือกล่าวได้ว่า เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้จริงหรือว่าตำราเทพไร้ขอบเขตอยู่ในการควบคุมของลั่วฉงมาตลอด หินเทพต้นกำเนิดอะไรกัน ของสิ่งนี้ก็แค่คำพูดที่ใช้หลอกเผยหรูเท่านั้น”

ลั่วอวิ๋นเหอขมวดคิ้ว รู้สึกผิดคาดอยู่บ้าง พลันกล่าวเสียงเย็น “พวกตระกูลลั่วสายหลักสารเลวนั่นเป็นคนบอกเจ้าหรือ”

หลินสวินกลับถอนหายใจกล่าว “ข้าดูออกว่าครั้งนี้พวกเจ้าไม่คิดนำสมบัติมาแลกเปลี่ยนชีวิตของลั่วเฟิงแต่แรกแล้ว”

เขาพูดพลางสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง เงาร่างของลั่วเฟิงปรากฏออกมา

เมื่อเห็นพวกลั่วอวิ๋นเหอที่อยู่ห่างไป ลั่วเฟิงกล่าวอย่างตื่นเต้นทันที “ผู้อาวุโส ช่วยข้าด้วย!”

“เฟิงเอ๋อร์!”

ลั่วอวิ๋นเหอก็ตื่นเต้นขึ้นมา

แต่จากนั้นสีหน้าเขาก็ค้างแข็ง

มือข้างหนึ่งของหลินสวินตบลงบนบ่าลั่วเฟิงต่อหน้าต่อตาเขา มรรควิถีทั้งตัวของฝ่ายหลังแหลกละเอียดหายไปดั่งฟองสบู่ทันที

กลายเป็นคนไร้ค่าภายในเวลาอันสั้น!

นี่เหมือนสายฟ้าฟาดกะทันหัน ทำให้ลั่วอวิ๋นเหอเบิกตากว้าง ทั้งตัวไหวสั่นเล็กน้อยด้วยความโกรธ

เหล่าผู้แข็งแกร่งตระกูลลั่วต่างอึ้งงันแล้ว ใครก็ไม่คาดคิดว่าหลินสวินจะทำให้ลั่วเฟิงพิการอย่างเด็ดขาดเช่นนี้!

หลายปีนี้ตระกูลลั่วสายรองทุ่มเททรัพยากรนับไม่ถ้วนไปกับลั่วเฟิง พยายามทำทุกวิถีทางกว่าจะบ่มเพาะเขาเป็นมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิ ในสายตาของทุกคน ลั่วเฟิงก็คือความหวังที่จะผงาดขึ้นมาใหม่อีกครั้งในภายหน้าของพวกเขาตระกูลลั่วสายรอง

แต่ตอนนี้ฝ่ามือนี้ของหลินสวิน เท่ากับตัดความหวังทั้งหมดของตระกูลลั่วสายรองแล้ว!

ทำไมเขาต้องทำเช่นนี้

เขากล้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร!?

หรือไม่รู้ว่าการทำให้ลั่วเฟิงพิการ ย่อมยั่วโทสะตระกูลลั่วจนฆ่าเขาได้

นี่ก็ไม่ต่างอะไรกับฉีกตั๋วเงินกะทันหันก่อนซื้อขาย ทำให้ผู้คนรู้สึกผิดคาดยิ่งนัก ไม่ทันตั้งตัวโดยสิ้นเชิง

“พูดตามตรง เดิมทีข้าก็ไม่คิดว่าพวกเจ้าจะมอบสมบัติพวกนั้นมาโดยดี”

กลับเห็นหลินสวินเอ่ยปากเนิบช้า “อย่างมากลั่วเฟิงนี่ก็เป็นแค่เหยื่อล่อเพื่อล่อพวกเจ้ามาเท่านั้น”

“ข้า! จะ! ฆ่า! เจ้า! ซะ!”

เวลานี้ลั่วอวิ๋นเหอโกรธจนนัยน์ตาแดงก่ำแล้ว ผมยาวแผ่สยาย ทั่วร่างแผ่อานุภาพอมตะน่ากลัวเหี้ยมเกรียม บดบังฟ้าคลุมตะวัน คล้ายสัตว์ที่ถูกยั่วโทสะอย่างสมบูรณ์

ท่ามกลางเสียงคำรามสะท้านฟ้าสะเทือนดิน นิ้วมือเขาฟันผ่า ปราณกระบี่อมตะสายหนึ่งฟันลงมาอย่างเดือดดาล

ตูม!

จักรวาลพลิกคว่ำ น้ำทะเลเหือดระเหย อสนีบาตบนเวิ้งฟ้าล้วนกลายเป็นจุณ ปราณกระบี่เจิดจรัสเต็มไปด้วยแสงแห่งอมตะ ส่องสะท้อนท้องทะเลผืนนี้

นี่คืออานุภาพแห่งอมตะ เป็นอานุภาพชวนประหวั่นที่ประหนึ่งหมายดับโลกา!

ไม่ต้องกล่าวถึงบรรพจารย์จักรพรรดิทั่วไป แม้แต่มกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิก็ไม่อาจต้านทานโดยสิ้นเชิง

ทว่าเหตุการณ์น่าเหลือเชื่อกลับปรากฏ

เมื่อกระบี่นี้ฟันลงมา กลับมีแค่เสียงกัมปนาทสะท้านฟ้าดังขึ้น มีพลังกระบวนผนึกลายมรรคนับไม่ถ้วนดุจกระแสน้ำแผ่คลุม มีสัญลักษณ์แน่นหนาส่องประกาย…

กระบี่ที่เต็มไปด้วยความเดือดดาลของลั่วอวิ๋นเหอนั้น ถึงกับถูกสลายหายไปโดยไร้สุ้มเสียง!

นัยน์ตาทุกคนพลันหดรัด ในใจสั่นสะท้าน นี่คือกระบวนผนึกระดับใด ถึงกับต้านการโจมตีของระดับอมตะได้

ลั่วอวิ๋นเหอไม่อาจสนใจเรื่องพวกนี้แล้ว ลั่วเฟิงถูกทำให้พิการ เท่ากับคว้านเลือดเนื้อจิตใจเขาชัดๆ ทำให้เขาโกรธจนแทบระเบิด

“ฆ่า!”

เขาคำรามเดือดดาล ผมเผ้าหนวดเคราแผ่สยาย ทั้งตัวล้วนถูกสายฟ้าอมตะชวนประหวั่นปกคลุม ราวกับเทพอสนีผู้คลุ้มคลั่ง มือกุมทวนศึกเล่มหนึ่ง กรีดแหวกห้วงอากาศพุ่งไปทางหลินสวิน

กระบวนค่ายกลผนึกอะไร ภายใต้การโจมตีของเขา ทุกอย่างล้วนแตกซ่านราวกระดาษเปื่อยยุ่ย ละอองแสงนับไม่ถ้วนสาดกระเซ็น

หลินสวินยืนนิ่งอยู่จุดเดิมโดยไม่ขยับ

ราวกับถูกอานุภาพของลั่วอวิ๋นเหอทำให้หวั่นหวาดจนนิ่งอึ้งไป

ลั่วเสวียนฝูที่เห็นภาพนี้แต่ไกลตื่นตระหนกจนใจเคว้งลอยอยู่ตรงลำคอ ท่านอาเขา…

แต่เหล่าผู้แข็งแกร่งตระกูลลั่วกลับยิ้มหยันไม่หยุด กระบวนค่ายกลผนึกแล้วอย่างไร เมื่ออยู่ต่อหน้าระดับอมตะที่บันดาลโทสะ ทุกอย่างล้วนไม่คู่ควรให้พูดถึง!

ทว่าไม่มีใครดูถูกหลินสวิน

ผลงานการต่อสู้มากมายของหลินสวินในอดีต ทำให้พวกเขาต่างตระหนักได้ว่าหลินสวินไม่มีทางถูกทำให้ตระหนกแน่ คิดสังหารเขาด้วยการโจมตีเดียว ความหวังไม่มากเท่าใดนัก

แต่คาดการณ์ได้ว่าภายใต้การโจมตีอันเดือดดาลของลั่วอวิ๋นเหอ หลินสวินต้องสำแดงไพ่ตายพลิกฟ้าบางส่วน ไม่อย่างนั้นคงยืนหยัดได้ไม่นานแน่

แต่ไพ่ตายของเขาจะเป็นอะไร

อภินิหารหยุดเวลา?

สมบัติลับต้องห้ามบางอย่าง?

หรือเป็นความสามารถอื่นบางส่วน?

ผู้แข็งแกร่งตระกูลลั่วพวกนี้พากันคาดเดาอยู่ในใจ

ก็เป็นเวลานี้พลันมีคนนัยน์ตาหดรัด ร้องเสียงหลง “นี่… นี่…”

คนอื่นก็ตกใจกลัว ตื่นตระหนกจนหน้าถอดสี

ก็เห็นบานประตูลึกลับที่สานพันด้วยนัยเร้นลับแห่งห้วงอากาศและเวลาปรากฏอยู่ตรงหน้าหลินสวิน ภายในประตูคือเหวลึกสีดำไร้สิ้นสุด ราวกับเชื่อมต่อไปยังส่วนลึกของนรก แค่มองก็ทำให้ผู้คนรู้สึกหนาวสะท้านและหวาดกลัวอย่างบอกไม่ถูก

เมื่อร่างของลั่วอวิ๋นเหอทะลวงผ่านสิ่งกีดขวางอย่างพลังผนึกเป็นชั้นๆ ไปจนอยู่ห่างจากหลินสวินแค่หนึ่งจั้ง ประตูบานนี้ก็ปรากฏโดยไร้สุ้มเสียง

การตอบสนองของลั่วอวิ๋นเหอเด็ดขาดหาใดเปรียบ คิดจะหลีกหลบในทันที แต่เงาร่างกลับซวนเซ พุ่งเข้าไปใกล้ประตูบานนั้นอย่างควบคุมไม่ได้

ความรู้สึกนั้นเหมือนมีมือใหญ่ไร้รูปข้างหนึ่งยึดตัวเขาไว้ ต้องการลากเขาเข้าไปในประตูบานนั้น

ลั่วอวิ๋นเหอดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง แสงมรรคอมตะทั่วร่างระเบิดออกดุจเขาถล่มสมุทรคำราม แต่ยังคงไร้ประโยชน์

ใช้เวลาเพียงชั่วอึดใจ

ทั้งตัวเขาก็ถูกลากเข้าไปในประตูบานนั้น หายลับไปโดยไร้สุ้มเสียง…

ไม่ทันแม้แต่ส่งเสียงร้อง

ทุกคนต่างถูกเหตุการณ์ประหลาดนี้ทำให้ตกใจ อึ้งงันอยู่ตรงนั้นราวกับถูกฟ้าผ่า

ระดับอมตะคนหนึ่ง หายตัวไปเช่นนี้หรือ!?

นี่สามารถทำให้ใครก็ตามคลุ้มคลั่งได้จริงๆ

ไม่ใช่แค่น่าเหลือเชื่อ แต่น่าหวาดผวาโดยแท้!

ต่อให้เป็นถึงบรรพจารย์จักรพรรดิ ต่อให้เคยเจอเรื่องน่ากลัวบนโลกมามากมาย แต่เมื่อเหล่าผู้แข็งแกร่งตระกูลลั่วเห็นภาพนี้ก็ยังตกใจจนแทบคุมสติไม่อยู่

ทำไมถึงเป็นเช่นนี้

ห่างออกไปลั่วเสวียนฝูที่เห็นเหตุการณ์นี้อยู่ในสายตาก็ตกตะลึงตาค้างอย่างอดไม่ได้

แน่นอนว่านั่นคือประตูเนรเทศ!

ยามจัดการลั่วอวิ๋นซาน หลินสวินก็เคยใช้อภินิหารต้องห้ามขั้นสามนี้ แต่ตอนนั้นขาดประสบการณ์ ไม่ได้ใช้อภินิหารนี้ในโอกาสที่ดีที่สุด กระทั่งตอนท้ายหลินสวินจำต้องปล่อยเพลิงระเบียบออกมาจึงสังหารลั่วอวิ๋นซานได้

แต่ครั้งนี้ดูชำนาญขึ้นมาก

ลั่วอวิ๋นเหอพุ่งเข้ามาด้วยความเดือดดาล ก็เหมือนส่งตัวเองมาให้ถึงที่ แน่นอนว่าหลินสวินย่อมไม่ยอมพลาดโอกาสทองเช่นนี้

ความจริงหลินสวินทำลายพลังปราณของลั่วเฟิงก็เพื่อยั่วโทสะลั่วอวิ๋นเหอ สร้างโอกาสให้ได้ใช้ประตูเนรเทศ

เห็นชัดว่าเขาทำสำเร็จแล้ว

ไม่มีการต่อสู้และการเข่นฆ่าดุเดือด เนรเทศสัตว์ประหลาดเฒ่าที่ก้าวสู่ระดับอมตะไปยัง ‘หุบเหวไร้สิ้นสุด’ โดยตรง!

ส่วนค่าตอบแทนที่ต้องจ่ายคือพลังของตนราวเจ็ดส่วน

แต่ก็พอจะรับมือกับศัตรูระดับบรรพจารย์ที่เหลือแล้ว

เงาแสงไหลวน ประตูเนรเทศหายไปเงียบๆ

เหล่าผู้แข็งแกร่งตระกูลลั่วที่อยู่ห่างออกไปตกใจจนเหงื่อท่วมตัวแล้ว แต่ละคนตระหนักได้ว่าท่าไม่ดี เมื่อมองไปทางหลินสวินอีกครั้ง บนสีหน้าล้วนเผยความหวาดกลัวอย่างไม่อาจระงับแล้ว

“นี่… นี่คืออภินิหารพรสวรรค์ขั้นสามของหุบเหวกลืนกินหรือ” มีคนกล่าวเสียงสั่นเครือ

หวนนึกถึงปีนั้น เจ้าแห่งมรรคาสวรรค์ปลุกอภินิหารพรสวรรค์ขั้นสาม ‘ดาบกาลเวลา’ สังหารจนคนระดับเดียวกันในน่านฟ้าที่เจ็ดไม่มีใครกล้าเอ่ยว่าตนเป็นที่หนึ่ง

ตอนนี้แม้สิ่งที่หลินสวินสำแดงออกมาจะไม่ใช่ดาบกาลเวลา แต่ประตูแปลกประหลาดบานนั้นกลับเป็นพลังต้องห้ามของหุบเหวกลืนกินอย่างเห็นได้ชัด!

หลินสวินสูดหายใจลึกแล้วยิ้มกล่าว “อยากรู้หรือ ขอเพียงพวกเจ้ารอดไปได้ข้าก็จะบอกพวกเจ้า”

ขณะกล่าวเงาร่างเขาพลันหายไป

ครู่ต่อมาก็ปรากฏตัวตรงหน้าเหล่าผู้แข็งแกร่งตระกูลลั่ว เขาสะบัดแขนเสื้อ เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งพุ่งออกมาท่ามกลางเสียงกัมปนาทสะท้านฟ้าสะเทือนดิน

ตูม!

ศึกใหญ่ปะทุขึ้น ห้วงอากาศล้วนถูกแสงศักดิ์สิทธิ์ชวนประหวั่นบีบอัดจนยุบตัว สภาพอากาศแปรปรวนโหมกระหน่ำ มีเลือดสีสดสาดกระเซ็น มีเสียงร้องโหยหวนดังขึ้น มีสมบัติแตกระเบิดตลอดเวลา…

ในสายตาของลั่วเสวียนฝูที่อยู่ห่างไป หลินสวินในตอนนี้ก็เหมือนเทพองค์หนึ่ง กวาดล้างสนามรบ ฆ่าบรรพจารย์จักรพรรดิดุจฉีกภาพวาด ผ่อนคลายและเยือกเย็น ทั้งกร้าวแกร่งและรวดเร็วดุดันเช่นนั้น!

เคยมีคนคิดเคลื่อนไหวผ่านห้วงอากาศหนีไป แต่ในผืนน้ำใกล้เคียงนี้ถูกหลินสวินวางกระบวนผนึกลายมรรคเป็นชั้นๆ ไว้ก่อนแล้ว ต่อให้ก่อนหน้านี้ถูกลั่วอวิ๋นเหอทำลายไปไม่น้อย แต่แค่กักระดับบรรพจารย์พวกนี้ไว้ก็มากเกินพอ

เลือดสีสดซัดสาดไม่หยุด

เสียงร้องโหยหวนดังต่อเนื่องเป็นระลอก

นั่นคือภาพการสังหารหมู่ที่อำมหิตนองเลือดภาพหนึ่ง

ลั่วเสวียนฝูกล้าสาบานว่าชาตินี้เขาคงไม่อาจลืมทุกภาพที่เห็นในวันนี้แน่ สะเทือนใจคนยิ่งนัก!

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง

การต่อสู้นองเลือดฝ่ายเดียวนี้ก็ปิดฉาก ระดับบรรพจารย์จักรพรรดิรวมสิบเก้าคนที่มาจากตระกูลลั่วสายรองล้วนถูกฆ่าตายคาที่ ไม่มีใครเหลือรอด!

ห้วงอากาศแถบนั้นล้วนถูกย้อมเป็นสีแดงบาดตา

บัดนี้กำลังพลที่นำโดยลั่วอวิ๋นเหอพังพินาศทั้งขบวน

ลั่วเสวียนฝูล้วนไม่กล้าจินตนาการ หากข่าวร้ายนี้ส่งกลับไปยังตระกูลลั่ว ลั่วฉงกับคนตระกูลลั่วสายรองจะโกรธแค้นและตื่นตระหนกเพียงใด

“มัวนิ่งอึ้งอะไร เก็บกวาดสนามรบสิ”

ห่างออกไปหลินสวินหันหลังกลับมา ลอยลงบนเกาะอย่างแผ่วเบาแล้วคว้าโอสถวิเศษมากมายยัดเข้าปาก

สังหารบรรพจารย์จักรพรรดิพวกนั้นไม่เปลืองแรง ที่เปลืองแรงคือหลังจากสำแดงประตูเนรเทศทำให้เขาเสียพลังไปมาก

ลั่วเสวียนฝูรีบมาแต่ไกล กระทั่งจัดการทรัพย์หลังศึกเสร็จสิ้น เขาจึงเคลื่อนสายตามองหลินสวินที่กำลังฟื้นฟูพลังกาย

เวลานี้บนใบหน้าเขาเผยความเคารพยำเกรงอย่างไม่อาจระงับ ท่านอาคนนี้ของตนคือบุคคลที่ประหนึ่งเทพจริงๆ!

ก่อนหน้านี้เขาเคยได้ยินข่าวลือมากมายที่เกี่ยวกับหลินสวินเช่นกัน แต่ถึงอย่างไรก็เป็นแค่ข่าวลือ เทียบกับความสะท้านสะเทือนและผลกระทบที่เห็นกับตาในวันนี้ไม่ได้

อันที่จริงหากไม่เห็นกับตา เขาก็ไม่อาจจินตนาการได้แต่แรกว่ามกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิคนหนึ่งจะเอาชนะระดับอมตะในชั่วพริบตาได้อย่างไร

นี่ล้มล้างความคิดและความเข้าใจของเขาอย่างสิ้นเชิง!

“เจ้าว่าหลังจากผ่านความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่นี้ ตระกูลลั่วสายรองจะส่งคนมาอีกไหม”

หลินสวินที่อยู่ห่างไปพลันเอ่ยปากถาม

………………..

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท