Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2650 ช่วยคน

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2650 ช่วยคน

ตอนที่ 2650 ช่วยคน

เขาเทพหลังมังกร

สำหรับคนตระกูลลั่ว การเข้าออกนั้นง่ายมาก

แต่สำหรับคนนอก เขาเทพหลังมังกรก็เหมือนถ้ำพยัคฆ์วังมังกร ไม่เพียงปกคลุมด้วยพลังผนึกชวนประหวั่นเป็นชั้นๆ ยังมีพลังระเบียบปกคลุมด้วย

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ แม้แต่ระดับอมตะก็ยากจะแฝงตัวเข้ามาข้างใน

ต่อให้มีคนตระกูลลั่วนำทางก็จะถูกพลังระเบียบสัมผัสได้

ดังนั้นตอนที่ก้าวเข้าสู่ปากทางภูเขา ในใจลั่วเสวียนเจินจึงประหม่าขึ้นมาในชั่วขณะ

ด้วยตอนนี้หลินสวินกับลั่วเสวียนฝูซ่อนอยู่ในศาสตราจักรพรรดิของเขา

ลั่วเสวียนฝูนั้นไม่มีปัญหาอะไร เพราะตั้งแต่เกิด กลิ่นอายของเขาก็ถูกประทับไว้ในพลังระเบียบ ไม่มีทางถูกมองเป็นคนแปลกปลอมได้

แต่หลินสวินไม่เหมือนกัน

วู้ม…

พลังระเบียบสายหนึ่งเกิดการเคลื่อนไหวประหลาดกะทันหัน

แทบจะในเวลาเดียวกัน เหล่าผู้คุ้มกันที่เฝ้าอยู่ใกล้ประตูทางเข้าล้วนตกใจ ต่างเหลือบสายตามองลั่วเสวียนเจิน

ลั่วเสวียนเจินพลันตัวแข็งทื่อ ในใจลอบอุทานว่าแย่แล้ว

เขาคิดไม่ถึงว่าเพิ่งก้าวสู่ปากทางภูเขาก็เกิดการตอบสนองของพลังระเบียบแล้ว!

เมื่อเห็นว่าผู้คุ้มกันพวกนั้นเผยสีหน้าสงสัยและระวังตัว ลั่วเสวียนเจินก็ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม

แต่เพียงพริบตาพลังระเบียบที่เพิ่งถูกก่อกวนนั้นก็คืนสู่ความเงียบ เมื่อเห็นดังนี้ผู้คุ้มกันพวกนั้นต่างผ่อนคลายลงอย่างอดไม่ได้

ผู้แข็งแกร่งตระกูลลั่วสายรองคนหนึ่งที่เป็นหัวหน้าแค่นเสียงกล่าว “ลั่วเสวียนเจิน คราวหน้าถ้ากล้ากลับมาช้าเช่นนี้อีก ข้ารับรองว่าจะไม่ให้เจ้าเหยียบเข้าปากทางภูเขาสักก้าว!”

ลั่วเสวียนเจินเหลือบมองเขาแล้วจากไปทันที

ความจริงในใจเขากำลังเป่าปากโล่งอกเฮือกใหญ่

กระทั่งกลับมายังที่พักของตน หลังจากแน่ใจว่ารอบข้างไม่มีใครเขาจึงนำศาสตราจักรพรรดิบริสุทธิ์ออกมา หลินสวินกับลั่วเสวียนฝูที่ซ่อนอยู่ในนั้นก็ปรากฏตัว

“สำเร็จแล้ว!”

นัยน์ตาลั่วเสวียนฝูเป็นประกาย นี่ก็คือแผนที่เขากับหลินสวินวางไว้ ให้ลั่วเสวียนเจินนำทาง แฝงตัวเข้ามาในเขาเทพหลังมังกรนี้

โจทย์ยากเพียงอย่างเดียวก็คือการสัมผัสของพลังระเบียบนั่น

แต่เห็นชัดว่าพวกเขาทำสำเร็จแล้ว!

“นี่ไม่ใช่ผลงานของข้า เป็นท่านอาที่มีวิธีต้านพลังระเบียบ” ลั่วเสวียนเจินมองหลินสวินด้วยแววตาเลื่อมใส

หลินสวินยิ้มรับพลางลอบกล่าวในใจ หากพลังระเบียบนิพพานยังทำเรื่องแค่นี้ไม่ได้ นั่นก็คงน่าขันนัก

“หลังจากนี้พวกเจ้ารอข่าวอยู่ที่นี่ก็พอ”

หลินสวินเอ่ยกำชับง่ายๆ แล้วเดินออกจากที่พักของลั่วเสวียนเจิน เขาสำรวจโดยรอบเล็กน้อย ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังทิศทางหนึ่งภายในนั้น

เมื่อมองส่งเขาจากไป ลั่วเสวียนเจินกับลั่วเสวียนฝูล้วนตึงเครียดขึ้นมา

“ก็ไม่รู้ว่าการเคลื่อนไหวครั้งนี้ของท่านอาจะราบรื่นหรือไม่…”

ลั่วเสวียนเจินกล่าว

“ต้องราบรื่นแน่!”

ลั่วเสวียนฝูกล่าวอย่างหนักแน่น

ค่ำคืนนี้ถูกลิขิตให้ไม่สงบ!

เขาเทพหลังมังกรยามรัตติกาลอาบไล้ด้วยประกายดาราอ่อนโยน ในฐานะที่เป็นเขาแดนมงคลชั้นยอดในน่านฟ้าที่หก เขาเทพหลังมังกรครอบครองพื้นที่กว้างใหญ่ แค่ยอดเขาที่ตั้งเรียงรายก็มีสามสิบหกลูก ทอดตัวยาวราวกับสันหลังพญามังกรขดล้อมบนพื้นดิน

หลินสวินก้าวเดินท่ามกลางรัตติกาล ฝีเท้าไม่ช้าไม่เร็ว ทว่าเพียงพริบตาก็หายลับจากไป

เหล่าผู้คุ้มกันที่ลาดตระเวนระหว่างทางไม่สังเกตเห็นร่องรอยของเขาสักนิด

ยามมุ่งหน้ามาเขาเทพหลังมังกร หลินสวินก็ได้แผนที่เส้นทางฉบับหนึ่งจากมือลั่วเสวียนเจินแล้ว ภายในบันทึกเส้นทางเข้าสู่เขาอสนีเหินกับถ้ำเมฆามรกตไว้อย่างละเอียด รวมถึงพลังผนึกกับอุปสรรคบางส่วนที่กระจายอยู่บนเส้นทางนั้นด้วย

สิ่งนี้มอบความสะดวกสบายให้หลินสวินอย่างมากโดยไม่ต้องสงสัย

หนึ่งเค่อผ่านไป

หลินสวินมาถึงหน้ายอดเขาเขียวขจีงามเด่นลูกหนึ่งอย่างเงียบเชียบ

ระหว่างทางไม่เกิดเรื่องผิดคาดใดๆ

ความจริงด้วยมรรควิถีของเขาในตอนนี้ ไม่ต้องกล่าวถึงคนทั่วไป หากระดับอมตะไม่สัมผัสโดยละเอียด ก็ยากจะสังเกตเห็นการมีอยู่ของเขา

เขาเมฆามรกต!

หลินสวินสำรวจดูคร่าวๆ ก็แน่ใจว่าตนไม่ได้มาผิด ยอดเขาเขียวมรกตตรงหน้าลูกนี้ก็คือที่พักและสถานที่ฝึกปราณของเผยหรู

ส่วนถ้ำเมฆามรกตที่กักขังท่านลุงกับท่านตาของตนไว้ก็อยู่บนภูเขานี้!

หลินสวินยืนมองอยู่ครู่ใหญ่ก่อนเยื้องย่างไปบนเขาเมฆามรกต

ทั้งภูเขานี้ปกคลุมด้วยกระบวนผนึกที่เลิศล้ำเป็นอย่างยิ่ง ราวกับปราการที่มองไม่เห็นหลายชั้น หากแตะต้องเพียงเล็กน้อยก็จะทำให้กระบวนผนึกนับไม่ถ้วนนี้ถูกเปิดใช้ในพริบตา ระเบิดเคราะห์สังหารชวนประหวั่นที่ยากจะจินตนาการออกมา

แต่สำหรับหลินสวิน กระบวนผนึกนี้กลับไม่มีภัยคุกคามโดยสิ้นเชิง!

ตลอดทางเขาเหมือนเดินเล่นบนทางราบ ผ่านพลังผนึกเป็นชั้นๆ นั้นไปโดยไร้สุ้มเสียง ไม่ทันไรก็มาถึงตรงไหล่เขาแล้ว

ที่นี่มีหน้าผาแห่งหนึ่ง ด้านข้างคือถ้ำสถิตที่ปิดสนิท สองข้างทางปลูกสนเก่าแก่เขียวมรกตไว้ เต็มไปด้วยกลิ่นอายโบราณ

ถ้ำเมฆามรกต

ที่นี่ไม่มีคนเฝ้าและเงียบสงัด

อันที่จริงไม่ว่าใครก็คงคาดไม่ถึงว่าจะมีคนหลบการตรวจสอบของพลังระเบียบ ทั้งแฝงตัวเข้ามาในเขาเทพหลังมังกรได้โดยไร้สุ้มเสียงอย่างแน่นอน

และยิ่งไม่มีทางคาดคิดว่าเขาเมฆามรกตที่ปกคลุมด้วยพลังผนึกแน่นหนานี้ ถึงกับถูกคนบุกเข้ามาได้ง่ายเหมือนไร้ตัวตน

เวลานี้ยามยืนอยู่หน้าถ้ำเมฆามรกต ในใจหลินสวินเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง ไม่เผยกลิ่นอายใดออกมาแม้เพียงเสี้ยว

เขาจ้องมองประตูทางเข้าถ้ำสถิตที่ปิดสนิทนั้นครู่หนึ่ง ก้าวเท้าไปข้างหน้า ยกมือขวาขึ้น กลางฝ่ามือแผ่กลิ่นอายของเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งออกมารางๆ

เมื่อมือของหลินสวินกดลงบนประตูใหญ่ พลังระเบียบชั้นหนึ่งที่ปกคลุมบนนั้นพลันสลายไปราวกับหิมะละลายกลายเป็นน้ำ

แน่ใจได้เลยว่าหากเป็นคนอื่นมาผลักประตู ถ้าไม่มีวิธีต้านพลังระเบียบ ต้องนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่ยากคาดเดาแน่!

หลินสวินไม่ได้ผลักประตูเข้าไป เงาร่างเขากลายเป็นแสงสายหนึ่งพุ่งเข้าไปในซอกประตูเงียบๆ

ในถ้ำเมฆามรกตคือภาพสีโลหิตแถบหนึ่ง ชายคนหนึ่งผมเผ้ายุ่งเหยิง ทั้งตัวเต็มไปด้วยคราบเลือด ถูกโซ่หยาบใหญ่หลายสายทะลวงร่าง นอนอยู่ในกรงขังหนึ่งราวกับซากศพ

บนกรงขังปกคลุมด้วยกลิ่นอายผนึกแน่นหนา เยียบเย็นน่าพรั่นพรึง

ห่างกรงขังไปไม่ไกลก็คือแอ่งโลหิต เงาร่างกำยำสูงใหญ่หนึ่งนอนอยู่ในนั้น นัยน์ตาทั้งสองปิดสนิท สีผิวขาวซีด ตะปูเรียวบางแดงก่ำมากมายปักอยู่ทั่วตัวเขา

ตะปูทุกตัวนั้นดุจเหล็กหมาดปลายแหลม เห็นชัดว่าเป็นสมบัติลับที่แปลกประหลาดยิ่งอย่างหนึ่ง ในแต่ละช่วงเวลาจะดูดเลือดพิสุทธิ์แดงสดหยดหนึ่งออกมาจากร่างสูงใหญ่นั้น

ภายในบ่อโลหิตเต็มไปด้วยโอสถเทพและสมบัติล้ำค่านานัปการ เสริมพลังชีวิตของร่างสูงใหญ่นั้นอย่างไม่ขาดสาย ต่อให้เลือดพิสุทธิ์ในตัวเขาถูกดูดไปอย่างต่อเนื่องก็ไม่ถึงขั้นสิ้นชีพ

ภาพที่แปลกประหลาดและนองเลือดนี้ทำให้นัยน์ตาหลินสวินหดรัดทันควัน ในหัวปรากฏชื่อวิชาลับชั่วร้ายมากมายขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

ด้วยมรรควิถีของเขาในตอนนี้ มีหรือจะดูไม่ออกว่าในบ่อโลหิตนี้ เห็นชัดว่าเป็นการทำเพื่อดูดเลือดพิสุทธิ์ในร่างสูงใหญ่นั้นอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย

เขาก้าวไปข้างหน้า จ้องมองใบหน้าของร่างสูงใหญ่นั้น ใจที่เดิมนิ่งสงบของหลินสวินสั่นไหวขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

จักรพรรดิสงครามดับดารา!

เป็นท่านลุงดังคาด!

ในหัวปรากฏภาพเหตุการณ์หนึ่งขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ เมื่อนานมาแล้วเคยมีร่างกำยำหนึ่งห้อตะบึงเหนือฟ้าดารา ทุกจุดที่เคลื่อนผ่าน ดวงดาวมากมายระเบิดแหลก อานุภาพนั้นน่ากลัวไร้จำกัด

เขาก็เหมือนหุบเหวหนึ่ง เคลื่อนขวางกลางฟ้าดารา ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน

ต่อมาเบื้องหน้าไร้หนทางให้ก้าวเดิน

แต่เขากลับพุ่งตรงไปอย่างเด็ดเดี่ยว

‘ข้าใช้จักรวาลเป็นกระดานหมาก มองอดีตและปัจจุบันเป็นตารางหมาก ให้มหามรรคเป็นบันทึกหมาก ใช้ชีวิตของข้าเป็นตัวหมาก หมายประลองหมากกับสวรรค์…’

‘ใช้ร่างกายของข้า สร้างเส้นทางที่ถูกตัดขาด!’

‘ใช้วิญญาณของข้า ชี้นำหนทางที่สับสนเบื้องหน้า!’

…น้ำเสียงองอาจและหนักแน่นในภาพนั้น หลายปีผ่านไปแล้วก็ยังเหมือนวนเวียนอยู่ข้างหู

แต่ตอนนี้ชายที่ก้าวผ่านฟ้าดารา โอหังประดุจเทพเมื่อปีนั้น ปัจจุบันกลับตกต่ำลงเช่นนี้ ถูกศัตรูมองเป็นเหยื่อ ถูกทรมานอย่างเหี้ยมโหดหาใดเปรียบทุกวันคืน!

ไอสังหารที่ไม่อาจระงับผุดขึ้นในใจหลินสวินดุจเขาถล่มสมุทรคำราม เกือบจะควบคุมไม่อยู่

เนิ่นนานกว่าเขาจะสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามทำให้ตนใจเย็นลง เคลื่อนสายตามองกรงขังนั้นที่อยู่ห่างไปไม่ไกล

เงาร่างในกรงขังผมเผ้าสยายยุ่ง คราบเลือดเต็มตัว แน่นิ่งไม่ไหวติง มีเพียงพลังชีวิตที่อ่อนกำลังเสี้ยวหนึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเขายังมีชีวิตอยู่

นี่ต้องเป็นลั่วเซียวแน่!

หรือก็คือท่านตาของเขา บิดาที่ลั่วชิงสวินมารดาของเขาเป็นห่วงที่สุด!

หลินสวินมาถึงหน้าบ่อโลหิตโดยไม่รอช้า สะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง ตะปูยาวสีเลือดประหลาดที่ปักอยู่ทั่วร่างลั่วชิงเหิงหลุดออกมาทั้งหมด รวมทั้งสิ้นเจ็ดสิบสองตัว ล้วนดูดเลือดพิสุทธิ์แดงสดไปมากมาย

หลินสวินออกแรงที่ฝ่ามือ

ปังๆๆ!

ตะปูยาวเจ็ดสิบสองตัวนี้ระเบิดแหลกทุกกระเบียด เลือดพิสุทธิ์ที่ถูกสั่งสมไว้ภายในถูกหลินสวินเก็บไปแล้วเปลี่ยนเป็นสายธารสีเลือด โถมเข้าสู่ร่างลั่วชิงเหิง

สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่าสีหน้าขาวซีดของลั่วชิงเหิงฟื้นคืนกลับมาไม่น้อยอย่างชัดเจน แต่ยังคงหมดสติไม่ตื่น หลินสวินตรวจสอบแล้วจึงพบว่าพลังปราณของเขาถดถอย จิตวิญญาณบาดเจ็บสาหัส ถูกคุมตัวแน่นหนา คงไม่อาจฟื้นขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว

‘เผยหรู… ตระกูลหวัง…’ นัยน์ตาหลินสวินเยียบเย็นยิ่งกว่าเดิมแล้ว

เขายกตัวลั่วชิงเหิงออกจากบ่อโลหิตแล้วเก็บไปอย่างระวัง จากนั้นจึงเดินไปหน้ากรงขังที่ห่างไปไม่ไกล รวบนิ้วดุจกระบี่ฟันตัดเบาๆ

กรงขังที่ปกคลุมด้วยพลังผนึกแน่นหนาถูกทำลายโดยง่ายเหมือนเต้าหู้

ครึ่ก! แกร๊ก!

เสียงแตกระเบิดทึบหนักระลอกหนึ่งดังขึ้น โซ่มากมายที่ทะลวงร่างของลั่วเซียวแตกหักทั้งหมด เมื่อถูกดึงออกมา เลือดแดงสดก็ติดมาด้วย

ลั่วเซียวไม่ได้ตื่นขึ้นมาเช่นกัน เห็นชัดว่าได้รับบาดเจ็บหนักเกินไป

หลินสวินก็พาตัวเขามาด้วย จากนั้นจึงหันหลังจากไปทันที

เขาไม่กล้าล่าช้าอีก ถึงอย่างไรที่นี่ก็คือยอดเขาเมฆามรกต เป็นที่พักและฝึกปราณของเผยหรู

แต่ทันทีที่เขาเตรียมก้าวออกจากถ้ำสถิตแห่งนี้ เท้าที่เดิมก้าวออกไปแล้วหยุดชะงักกะทันหัน จากนั้นเงาร่างก็กระโจนถอย

ตูม!

เกือบจะเวลาเดียวกัน กระบี่บินเจิดจรัสบาดตาเล่มหนึ่งพุ่งวาบเข้ามาจากนอกถ้ำสถิต

บนกระบี่บินอบอวลด้วยกลิ่นอายกฎเกณฑ์อมตะชวนประหวั่นไร้ขอบเขต!

แต่กระบี่นี้กลับไร้ผล

หลินสวินที่หลบหนีไปก่อนก้าวหนึ่งเงาร่างดุจรุ้งเทพสายหนึ่ง พลังปราณทั้งตัวที่ซ่อนแฝงไว้ล้ำลึกพลันระเบิดออกมาในยามนี้

เขาพุ่งตรงขึ้นไปเหนือถ้ำสถิต

ตูม!

ผนังหินที่ขวางอยู่เหนือศีรษะถูกทำลาย เศษหินแตกระเบิดปลิวว่อน เกิดเสียงดังก้องกระหึ่ม

เพียงชั่วอึดใจเงาร่างหลินสวินปรากฏอยู่บนท้องฟ้าเหนือเขาเมฆามรกต!

ส่วนจุดที่เขาพุ่งตัวผ่าน เขาเมฆามรกตราวถูกกระบี่เทพไร้เทียมทานเล่มหนึ่งผ่าแหวกจากตรงกลาง พังทลายสนั่นหวั่นไหวในยามนี้

พลังผนึกที่ปกคลุมทั่วเขาเมฆามรกตล้วนสั่นสะเทือนทันที เปล่งแสงศักดิ์สิทธิ์ดุจผนึกลายมรรคที่ดุดันเจิดจรัส

……………………

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท