Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2654 ลิ้นทอง

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2654 ลิ้นทอง

ตอนที่ 2654 ลิ้นทอง

เอาผู้อาวุโสตระกูลลั่วสายหลักมาเป็นตัวประกันหรือ

ห่างออกไปไกล ลั่วเสวียนเจินที่เดิมทีถูกพลังต่อสู้ของหลินสวินทำเอาใจสั่นสะท้านหน้าเปลี่ยนสีไปทันที

กลับเห็นหลินสวินเหมือนไม่ใส่ใจ กระชับกระบี่พุ่งไปเบื้องหน้า

ตูม!

ปราณกระบี่สายหนึ่งฟันลง สัญลักษณ์ลายมรรคท่วมฟ้าอุบัติ ราวกับกระบวนผนึกลายมรรคที่ลึกลับไม่อาจคาดเดามากมายเข้าปกคลุมฟ้าบดบังตะวัน

เผยหรูหนีจนไม่อาจหนี ส่งเสียงกรีดร้องอย่างตื่นตระหนก

จากนั้นพลังป้องกันรอบตัวนางระเบิดออก แม้ต้านทานเต็มกำลังก็ไร้ประโยชน์ กลับถูกปราณกระบี่เป็นชั้นๆ นั่นกำราบ

ชั่วพริบตาร่างอรชรสง่างามของนางก็แตกระเบิดเป็นเสี่ยง!

พลังจิตของนางเพิ่งหนีออกมาก็ถูกหลินสวินที่ทะลวงอากาศมาคว้าเอาไว้

เมื่อเห็นภาพนี้ ลั่วฉงรวมถึงเหล่าคนตระกูลลั่วสายรองล้วนรู้สึกพังทลาย มือเท้าเย็นเฉียบ เสียขวัญยิ่งยวด

สู้มาจนถึงตอนนี้ ระดับอมตะสองอย่างอวี่ไหวและเหอป๋อหยางล้วนถูกสังหารอย่างง่ายดาย ตอนนี้การดิ้นรนของเผยหรูยิ่งเหมือนตั๊กแตนขวางรถ ถูกโจมตีจนร่างกายพังทลาย พลังจิตถูกจับกุมทั้งอย่างนั้น!

และคนที่ทำเรื่องทั้งหมดนี้ กลับเป็นเพียงมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิคนหนึ่ง!

นี่เป็นเรื่องสะท้านสะเทือนชัดๆ หากกระจายออกไปต้องทำให้ทั้งโลกสั่นไหวอย่างแน่นอน

เวลานี้ทั้งบนล่างตระกูลลั่วล้วนเงียบกริบ

ยามสายตาทั้งหมดมองไปยังเงาร่างโดดเด่นที่อยู่ใต้เวิ้งฟ้า ล้วนเต็มไปด้วยความตะลึงและสะท้านสะเทือน

หลินสวิน!

เขาแข็งแกร่งขนาดนี้ได้อย่างไร

“ลั่วฉง เร็วเข้า! รีบพาพวกเฒ่าชราสายหลักเหล่านั้นมา ไม่เช่นนั้นทุกคนที่นี่จะต้องตาย!”

เผยหรูที่เหลือเพียงพลังจิตจนตรอกแล้ว แต่ยังคงกรีดร้อง

แววตาหลินสวินเผยความดูถูก ไม่ได้พูดอะไร และไม่ได้ห้าม

“หลินสวิน ข้าได้ส่งคนไปที่เขาอสนีเหินนานแล้ว เชื่อว่าอีกไม่นานเฒ่าชราสายหลักเหล่านั้นก็จะถูกพาตัวมา หากเจ้ายังก่อเรื่องต่อไป ข้าก็ไม่รับรองความปลอดภัยของเฒ่าชราตระกูลลั่วเหล่านั้นหรอกนะ”

ลั่วฉงตวาด เขาโกรธจนหน้าเขียว ตาแทบถลนออกมา

ตระกูลลั่วในตอนนี้โดนโจมตีสาหัสเกินไปแล้ว ทุกอย่างล้วนมาอย่างกะทันหัน โดยเฉพาะความสามารถในการต่อสู้ที่หลินสวินเผยออกมาทำให้เขารู้สึกหวาดหวั่น

ลั่วฉงรู้ชัดยิ่งว่าที่เผยหรูพูดนั้นไม่ผิด เวลานี้สิ่งเดียวที่สามารถข่มขวัญหลินสวินได้ ก็มีเพียงแค่พวกเฒ่าชราสายหลักเหล่านั้น!

“วางใจเถอะ ความปลอดภัยของพวกเขา ไม่จำเป็นต้องให้เจ้ามารับรอง”

ขณะหลินสวินกล่าว ในใจก็เหมือนรับรู้ได้ สายตามองออกไปไกลๆ

ไม่ทันไรคนตระกูลลั่วที่อยู่ในที่นั้นล้วนได้ยินเสียงทะลวงอากาศระลอกหนึ่ง เมื่อเงยมองไปก็เห็นว่าห่างไปไกลๆ มีเงาร่างกลุ่มหนึ่งทะลวงอากาศเข้ามา

ผู้ที่นำถึงกับเป็นหลินสวินห้าคน!

ภาพนี้ทำเอาทุกคนอึ้งค้าง ตระหนักได้ทันทีว่านั่นน่าจะเป็นร่างแยกของหลินสวิน

และเมื่อเห็นเงาร่างที่อยู่ด้านหลังหลินสวินห้าคน เสียงร้องด้วยความตกใจมากมายก็ดังขึ้น

“เป็น… เป็นพวกเจ้าเฒ่าสายหลัก!”

“พวกเขาถึงกับถูกช่วยออกมาแล้ว…”

คนตระกูลลั่วสายรองราวกับถูกฟ้าผ่า แต่ละคนอึ้งงันอยู่ตรงนั้น ในใจสั่นไหว

มีหรือจะไม่รู้ว่าระหว่างที่การต่อสู้ครั้งนี้ดำเนินอยู่ ร่างแยกทั้งห้าของหลินสวินก็เคลื่อนไหวพร้อมกัน ช่วยพวกเฒ่าชราสายหลักออกมาจากเขาอสนีเหินสำเร็จ

“เป็นพวกท่านปู่ท่านลุง!”

“ท่านปู่!”

“ท่านลุงใหญ่!”

ส่วนคนตระกูลลั่วสายหลักอย่างพวกลั่วเสวียนเจินต่างอดฮือฮาไม่ได้ แต่ละคนตื่นเต้นจนตะโกนเสียงดังออกมา คนบางส่วนยิ่งเสียการควบคุม น้ำตานองหน้า

ตลอดเวลาที่ผ่านมานี้คนตระกูลสายหลักพบเจอการกดข่มและความอับอายมาตลอด ถูกคนตระกูลสายรองจัดแจงตามอำเภอใจ ในใจสั่งสมความอัปยศอดสูและความชิงชังไม่รู้เท่าไหร่แล้ว

ตอนนี้เมื่อเห็นเหล่าผู้อาวุโสสายหลักที่หลุดพ้นออกมา พวกเขาจะไม่ตื่นเต้นได้อย่างไร

ก็เป็นตอนนี้เองที่ลั่วเสวียนเจินเพิ่งรู้ว่า ที่แท้สถานการณ์ทุกอย่างในคืนนี้ล้วนอยู่ในการควบคุมของหลินสวิน!

“เจ้า… เจ้า…”

ลั่วฉงทั้งโกรธทั้งอึ้ง พูดไม่ออก โกรธจนหน้าเขียวคล้ำ การเสียตัวประกันอย่างเฒ่าชราสายหลักเหล่านั้น เท่ากับทำให้ที่พึ่งสุดท้ายของเขาถูกบดขยี้แหลกละเอียดในชั่วขณะนี้!

ห่างออกไปร่างแยกทั้งห้าของหลินสวินกลายเป็นแสงมรรคห้าสาย หวนกลับเข้าไปในร่างต้น

ความทรงจำเกี่ยวกับตอนที่ช่วยผู้อาวุโสสายหลักเหล่านั้นออกมาจากเขาอสนีเหินเมื่อครู่นี้ ก็ถูกหลินสวินรับรู้ในทันที

ความจริงเรื่องราวง่ายมาก

เริ่มตั้งแต่ยามที่ลงมือในคืนนี้ หลินสวินก็แบ่งกำลังเป็นสองฝ่าย ร่างแยกทั้งห้านำเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งมุ่งหน้าไปช่วยพวกผู้อาวุโสตระกูลลั่วสายหลัก

ส่วนร่างต้นของเขานำกล่องหยกสีดำที่ท่านลู่มอบให้มายังยอดเขาเมฆามรกต

ตอนแรกที่หลินสวินไม่ได้เปิดฉากสู้กับเหอป๋อหยางและอวี่ไหวโดยตรง ก็เพื่อให้ตนเป็นตัวล่อ ดึงดูดเหล่าคนสำคัญของตระกูลลั่วสายรองอย่างพวกเผยหรูมา

ทำเช่นนี้ทั้งสามารถกำจัดอีกฝ่ายได้ในคราเดียว และยังมีเวลาพอให้ร่างแยกทั้งห้าไปช่วยเหลือคนอื่นๆ ที่เขาอสนีเหิน

และตอนนี้แผนการของเขาเหลือเพียงแค่ขั้นตอนสุดท้ายเท่านั้นแล้ว!

หลินสวินมองดูพลังจิตของเผยหรูที่จับอยู่ในมือแล้วเอ่ยว่า “ตอนนี้เจ้ายังมีอะไรจะพูดอีกหรือไม่”

ตั้งแต่ชั่วขณะที่เห็นพวกเฒ่าชราสายหลักถูกช่วยออกมา เผยหรูก็สิ้นหวังแล้ว แต่มีหรือจะยอมถูกฆ่าทั้งอย่างนี้

นางเอ่ยเสียงขรึม “ข้าเป็นคนตระกูลหวังแห่งน่านฟ้าที่แปด ถ้าฆ่าข้า ตระกูลลั่วของพวกเจ้าย่อมรับผลลัพธ์ระดับนี้ไม่ไหว!”

ตระกูลหวัง!

สำหรับคนตระกูลลั่วทุกคนที่อยู่ในที่นี้ ส่วนใหญ่ล้วนไม่รู้ที่มาแท้จริงของเผยหรู รู้เพียงว่านางมีฐานะไม่ธรรมดา อำนาจยิ่งใหญ่ มีอานุภาพที่ไม่อาจจินตนาการได้

เพียงแต่ตลอดเวลาที่ผ่านมา พวกเขาต่างไม่รู้ว่าเผยหรูถึงกับเป็นคนของตระกูลหวัง!

ชั่วขณะหนึ่งคนไม่รู้เท่าไรต่างหน้าเปลี่ยนสี

แม้แต่พวกคนตระกูลลั่วสายหลักในใจยังสั่นสะท้าน เผยสีหน้ายากจะเชื่อ แต่ละคนสีหน้าซับซ้อน

ก่อนหน้านี้หลังจากหลินสวินช่วยพวกเขาออกมาจากเขาอสนีเหิน ก็ได้เล่าเรื่องของเผยหรูทั้งหมดแล้ว เดิมทีในใจยังมีกึ่งเชื่อกึ่งสงสัย

ทว่าตอนนี้เมื่อได้ยินเผยหรูเปิดเผยเรื่องทั้งหมดกับหู ในที่สุดพวกเขาก็ตระหนักได้ ว่าการยอมให้ลั่วฉงเป็นผู้นำตระกูลในตอนนั้นเป็นเรื่องที่โง่เขลาเพียงใด!

เพราะการประสบเคราะห์ของลั่วทงเทียน เกี่ยวข้องอย่างแน่นแฟ้นกับสิบยักษ์ใหญ่อมตะแห่งน่านฟ้าที่แปด และตระกูลหวังก็เป็นหนึ่งในนั้น ทั้งเป็นยักษ์ใหญ่อันดับหนึ่ง!

นี่เป็นเรื่องที่คนทั้งตระกูลลั่วล้วนล่วงรู้

หากตอนนั้นพวกเขารู้ที่มาของเผยหรู มีหรือจะยอมให้ลั่วฉงรับช่วงต่อตำแหน่งผู้นำตระกูลไป

“เดิมทีตระกูลหวังก็เป็นศัตรูของตระกูลลั่วอยู่แล้ว ฆ่าเจ้าแล้วอย่างไร ข้าเก็บพลังจิตของเจ้ามาถึงตอนนี้ก็เพื่อให้เจ้าบอกฐานะของตนจากปากเจ้าเท่านั้น”

หลินสวินเอ่ยเสียงเย็นเยียบ

ยามพูดฝ่ามือของเขาก็ออกแรง พลังจิตของเผยหรูแหลกสลายไปทันที!

จากนั้นสายตาหลินสวินมองไปยังลั่วฉง “ลั่วฉง อย่าบอกข้านะว่าเจ้าไม่เคยรู้ที่มาของฮูหยินคนนี้ของเจ้า”

ทุกสายตาในที่นั้นรวมอยู่ที่ตัวลั่วฉง กลับเห็นเขาสีหน้าราบเรียบ ดวงตาทั้งสองว่างเปล่า ราวกับถูกกระทบกระเทือนจิตใจจนเสียสติไปแล้ว

ครู่ใหญ่เขาถึงเอ่ยอย่างเย็นชา “แน่นอนว่าข้ารู้ แต่พวกเจ้ามีใครรู้บ้างว่าหากไม่ใช่ข้าครอบครองตระกูลลั่ว ตระกูลลั่วคงถูกกำจัดจนสิ้นซากตั้งแต่ตอนอยู่ในน่านฟ้าที่เจ็ดแล้ว!”

ว่าพลางเขาพลันสูดหายใจลึกคราหนึ่ง กวาดสายตามองหลินสวินและเหล่าผู้อาวุโสตระกูลลั่วสายหลักแล้วกล่าวว่า

“แม้เรื่องพวกนี้ล้วนเป็นเรื่องในอดีต แต่ในเมื่อสถานการณ์มาถึงขั้นนี้แล้ว ก็ควรให้พวกเจ้าได้รู้เรื่องราวตอนนั้น!”

“ตอนนั้นเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์ถูกสิบยักษ์ใหญ่อมตะล้อมโจมตีและหายตัวไปไร้ร่องรอย เดิมทีสิบยักษ์ใหญ่อมตะคิดจะส่งกำลังไปยังน่านฟ้าที่เจ็ด กวาดล้างตระกูลลั่วของพวกเรา เช่นนี้ก็จะสามารถกำจัดภัยแฝงอย่างตระกูลลั่วของพวกเราได้อย่างสิ้นเชิง”

“แต่ข้ารู้ว่าเป้าหมายสุดท้ายของพวกเขา ก็เพื่อสมบัติอย่างพรสวรรค์หุบเหวกลืนกินและห้องโถงมรรคาสวรรค์!”

“เพื่อไม่ให้ตระกูลลั่วของพวกเราประสบเคราะห์ ข้าทนถูกดูหมิ่น เป็นฝ่ายไปสานสัมพันธ์กับตระกูลหวัง สัญญากับอีกฝ่ายว่าต่อไปข้าจะให้ทุกสิ่งที่พวกเขาต้องการ เงื่อนไขเดียวก็คือให้ตระกูลลั่วอยู่รอดต่อไป!”

ฟังถึงตรงนี้สีหน้าของหลายคนต่างเปลี่ยนไป

มีเพียงหลินสวินที่สงบนิ่ง เขาไม่มีทางปล่อยลั่วฉงไปเพียงเพราะคำพูดของอีกฝ่าย

“ตระกูลหวังรับปากเรื่องนี้แล้ว เพราะพวกเขาก็ไม่อยากแบ่งสมบัติเหล่านี้กับเก้ายักษ์ใหญ่ที่เหลือ ในเมื่อข้าแสดงออกว่าให้ความร่วมมือขนาดนี้ แน่นอนว่าพวกเขาย่อมยินดี”

ลั่วฉงพูดฉะฉานเต็มปากเต็มคำ “และตอนนั้นก็เพราะมีตระกูลหวังออกหน้า ถึงสลายเคราะห์สังหารที่หมายหัวตระกูลลั่วของพวกเราได้!”

“พูดเช่นนี้ เจ้ายังมีความชอบเรื่องช่วยเหลือตระกูลลั่วในยามลำบากด้วยหรือ”

แววตาหลินสวินเผยความเย้ยหยัน

ลั่วฉงเอ่ยอย่างเย็นเยียบ “แต่อย่างน้อยตั้งแต่ข้าครอบครองตระกูลลั่วมา สถานการณ์ของตระกูลลั่วแม้จะทุลักทุเลแค่ไหน แต่ก็ไม่ได้ถูกกำจัดจนสิ้นซาก!”

เขาหยุดไปครู่หนึ่ง สายตากวาดมองทั่วทั้งที่นั้น เอ่ยพูดเสียงขรึม “ข้าไม่กล้าบอกว่าข้ามีความชอบมากมาย แต่ตั้งแต่ข้าครอบครองตระกูลลั่วมา พวกเจ้าเคยเห็นข้าฆ่าคนตระกูลลั่วแม้สักคนหรือไม่ รวมถึงผู้อาวุโสสายหลักเหล่านี้ของพวกเจ้า ข้าเพียงแค่กักขังพวกเขาไว้ ไม่เคยลงมืออย่างเหี้ยมโหด!”

พูดถึงตรงนี้ทั้งที่นั้นต่างฮือฮา คนตระกูลสายหลักเหล่านั้นล้วนสับสน คาดเดาว่าหรือจะเป็นเช่นนี้จริงๆ

“ต่อให้เป็นเช่นนี้ หลายปีมานี้เหตุใดเจ้า… จึงปฏิบัติกับคนตระกูลลั่วสายหลักเช่นนี้”

มีคนอดถามไม่ได้

ลั่วฉงเผยสีหน้าถากถาง “หากข้าไม่ทำเช่นนี้ เผยหรูจะตอบรับหรือ ตระกูลหวังจะตอบรับหรือ ผ่านไปนานเท่าไรแล้ว พวกเจ้าไม่ลองคิดดูหน่อยหรือ ว่าการที่ข้าไม่นำสมบัติที่ตระกูลหวังต้องการเหล่านั้นออกมาเสียที ต้องถูกทำให้อดสูและถูกกล่าวโทษมาเท่าไหร่ มีหลายครั้งที่ตระกูลหวังของพวกเขาหมดความอดทน จะลงมือโดยตรงกำจัดตระกูลลั่วของพวกเรา”

ทั้งที่นั้นสงัดเงียบหาใดเปรียบ

คนตระกูลลั่วสายหลักเหล่านั้นต่างปิดปากเงียบขรึม

เห็นดังนี้ ลั่วฉงราวกับระบายอารมณ์อย่างไรอย่างนั้น พูดออกมาชัดถ้อยชัดคำ “ไม่มีข้า ทุกคนในตระกูลลั่ว… คงตายไปนานแล้ว!”

เหล่าผู้อาวุโสตระกูลลั่วที่เพิ่งหนีออกมาได้ ตอนนี้ต่างเผยสีหน้าประหลาด

เห็นชัดว่าคำพูดนี้ของลั่วฉงทำให้สภาวะจิตของพวกเขาเองก็เกิดการเปลี่ยนแปลง

แต่ก็ตอนนี้เอง ภายใต้บรรยากาศที่นิ่งเงียบนี้ หลินสวินกลับปรบมือเอ่ยชื่นชม

“มิน่าตอนนั้นเจ้าถึงสามารถเกลี้ยกล่อมให้ผู้อาวุโสตระกูลลั่วสายหลักสนับสนุนให้เจ้าครองตระกูลลั่วได้ ปากเช่นนี้ช่างสุดยอดจริงๆ คำพูดไม่กี่ประโยคก็สามารถทำให้ตัวเองกลายเป็นผู้แบกรับภาระยากลำบาก เป็นคนดีเปี่ยมคุณธรรมแล้ว”

เสียงปรบมือนี้เสียดหูมาก

คำพูดนี้ยิ่งไม่ปกปิดความเย้ยหยันสักนิด

ทุกคนต่างอดนึกถึงเรื่องเมื่อนานมาแล้วไม่ได้

ตอนนั้นลั่วเซียวหายตัวไปโดยไม่ทราบสาเหตุ ลั่วฉงเองก็พูดอย่างเหิมฮึกเช่นนี้ ให้คำมั่นสัญญามากมาย รับปากว่าขอเพียงได้เป็นผู้นำตระกูล จะทำให้ตระกูลลั่วผงาดขึ้นอีกครั้ง…

“เรื่องมาถึงตอนนี้ ยังกล้าเล่นลิ้น!”

ผู้อาวุโสสายหลักคนหนึ่งตวาด เห็นชัดว่าเดือดดาลมาก “เจ้าลั่วฉงคิดว่าพวกเราโดนเจ้าหลอกมาครั้งหนึ่งแล้ว ยังจะโดนเจ้าหลอกเป็นครั้งที่สองอีกหรือ”

ผู้อาวุโสสายหลักคนอื่นๆ เองก็ส่งเสียงอย่างขุ่นเคือง “ไม่ว่าเจ้าพูดจาดูดีแค่ไหน คำพูดสวยหรูเพียงใด ก็เปลี่ยนจุดจบหลังจากนี้ของเจ้าไม่ได้!”

เพราะตอนนั้นพวกเขาก็ถูกลั่วฉงหลอกเช่นนี้ ถึงตอบรับให้เขาครองตำแหน่งผู้นำตระกูล…

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท