Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2655 คนทรยศ

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2655 คนทรยศ

ตอนที่ 2655 คนทรยศ

ผู้อาวุโสตระกูลลั่วสายหลักเหล่านั้นเดือดดาลยิ่ง

ทว่าภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ลั่วฉงกลับไม่ได้ตื่นตกใจ เผยสีหน้าโศกเศร้าและขมขื่นเต็มประดา

เขาถอนหายใจพูดอย่างผิดหวัง “โดนหลอกหรือ หากพวกเจ้าคิดเช่นนี้… ก็ให้เป็นเช่นนี้เถอะ!”

นี่ทำให้คนตระกูลลั่วจำนวนไม่น้อยรู้สึกผิดอย่างอดไม่ได้ ในใจเกิดความคิดขึ้นมาอย่างไม่อาจควบคุมว่าหรือทุกคนจะเข้าใจลั่วฉงผิดไป

ไม่เช่นนั้นสิบยักษ์ใหญ่อมตะในตอนนั้น เหตุใดจึงไม่ลงมือทำลายตระกูลลั่วให้สิ้นซากโดยตรง

นี่น่าแปลกมากจริงๆ และคำพูดของลั่วฉง เหมือนจะ… สามารถอธิบายข้อสงสัยนี้ได้

แต่ตอนนี้กลับเห็นหลินสวินพูดเรียบๆ

“หากเจ้ากล้านำพลังจิตของเจ้าออกมาให้ทุกคนดู ข้าก็จะเชื่อคำพูดของเจ้า ไม่เพียงแค่จะอภัยให้ทุกเรื่องที่เจ้าทำ ยังจะสนับสนุนให้เจ้าครองอำนาจผู้นำตระกูลลั่วต่อไป”

ทุกคนต่างอึ้งงัน เคลื่อนสายตามองไปยังลั่วฉงตามจิตใต้สำนึก

ดูพลังจิตหรือ

นี่หมายความว่าอย่างไร

ลั่วฉงที่ตอนแรกยังใบหน้าเศร้าโศก ชั่วขณะนี้เห็นชัดว่าอึ้งไปแล้ว เหมือนถูกข้อเสนอนี้ของหลินสวินทำให้รับมือไม่ทัน

เขาพลันขมวดคิ้วพูดอย่างอย่างกรุ่นโกรธ “ชนะเป็นเจ้าแพ้เป็นโจร เจ้าในตอนนี้ครองความได้เปรียบเพียงผู้เดียว จะฆ่าจะแกงก็ลงมือเถอะ เหตุใดต้องใช้วิธีเช่นนี้หยามหยันข้า”

“เช่นนั้นข้าจะลงมือโดยตรงแล้ว”

หลินสวินยิ้ม เสียงยังคงดังก้อง แต่เงาร่างของเขาหายไปกลางอากาศแล้ว

ลั่วฉงลอบร้องว่าแย่แล้ว อานุภาพบนร่างเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวี กฎเกณฑ์อมตะน่ากลัวที่พลุ่งพล่านราวกับกระแสน้ำปรากฏ หมายจะเคลื่อนย้ายผ่านอากาศหลบหนีในทันที

ตูม!

ทว่าก่อนเขาจะหลบหนี ปราณกระบี่ทรงพลังไร้จำกัดพลันปกคลุมลงมา ผนึกลายมรรคนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น กักขังร่างของเขาไว้ในชั่วพริบตา กำราบอย่างรุนแรง

เงาร่างผ่าเผยของหลินสวินเดินไปเบื้องหน้า สายตาเย็นเยียบและเฉยเมย “เพียงแค่ดูพลังจิตของเจ้าเท่านั้น เหตุใดต้องตื่นเต้นขนาดนี้ ไม่ถึงกับเป็นการเย้ยหยันอะไร นอกเสียจากว่าในใจเจ้า… จะคิดไม่ซื่อ”

“เจ้ากล้า…”

ลั่วฉงแววตาลนลาน ร้องโวยวายเสียงดัง พยายามดิ้นรนแต่กลับไร้ประโยชน์

ปัง!

ฝ่ามือหนึ่งของหลินสวินกดลงเหนือศีรษะเขา จากนั้นออกแรงที่ฝ่ามือก่อนจะชักมือดึงออกมา พลังจิตของลั่วฉงก็ถูกดึงออกมาทั้งอย่างนั้น

หลายคนอดสูดหายใจสะท้านไม่ได้ ลั่วฉงเองก็เป็นระดับอมตะคนหนึ่ง ครองอำนาจในตระกูลมาหลายปี ที่ผ่านมาอานุภาพแข็งแกร่งเพียงใด

ทว่าตอนนี้ภายใต้น้ำมือของหลินสวิน กลับไร้ซึ่งแรงต่อต้าน!

“นั่นคืออะไร”

มีคนร้องอย่างตกใจ

ตอนนี้คนตระกูลลั่วคนอื่นๆ ในที่นั้นต่างก็มองเห็น ว่าบนพลังจิตของลั่วฉงมีโซ่ดำสนิทเส้นหนึ่งพันอยู่ สายโซ่แผ่แสงสีดำจางๆ เหมือนควันดำคละคลุ้ง ลึกลับและแปลกประหลาด

“นี่เป็นวิชาลับผนึกที่มีพลังยิ่งยวดอย่างหนึ่ง คนที่ควบคุมโซ่นี้ ขอเพียงขับเคลื่อนความคิดก็สามารถเอาชีวิตเจ้าเฒ่าคนนี้ได้ในทั่วพริบตา ต่อให้เป็นระดับอมตะก็ไม่อาจโชคดีรอดพ้นไปได้”

หลินสวินเอามือไพล่หลัง สายตามองลงไปยังลั่วฉงที่ถูกกำราบอยู่ตรงนั้น “ที่ข้าพูดถูกหรือไม่”

สีหน้าของลั่วฉงเปลี่ยนไป ดวงตาทั้งคู่จ้องหลินสวินไม่กะพริบ “เจ้า… รู้แต่แรกแล้วหรือ”

หลินสวินพยักหน้า เห็นชัดว่าสงบนิ่งมาก “ท่านลู่บอกข้า จริงสิ กระบี่นี้ท่านลู่ก็เป็นคนให้ข้า”

พูดพลางเขาก็โบกกระบี่ระเบียบดำสนิทในมือเล่มนั้น

ชั่วขณะนั้นลั่วฉงเหมือนถูกทำลายความหวังเสี้ยวสุดท้ายในใจ สีหน้าบิดเบี้ยว ดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง กรีดร้องเสียงดังราวกับคลุ้มคลั่งเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง

“ลู่ป๋อหยา! เจ้าทาสแก่สมควรตาย ทั้งที่ให้คำมั่นว่าจะไม่แทรกแซงเรื่องของตระกูลลั่วเมื่อนานมาแล้ว แต่ไม่คิดว่าเจ้ากลับเป็นคนต่ำช้าที่ไม่รักษาคำพูด!”

เสียงสะเทือนฟ้าดิน เผยความชิงชังเต็มประดา

“หลินสวิน นี่มันเรื่องอะไรกันแน่” ผู้อาวุโสตระกูลลั่วสายหลักคนหนึ่งอดถามไม่ได้

คนอื่นๆ เองก็ประหลาดใจมากเช่นกัน

หลินสวินเอ่ยพูดง่ายๆ “ท่านลู่ทุ่มเทเวลาและเลือดเนื้อหลายปีกว่าจะสืบความลับน่าตกใจหนึ่งมาได้ ลั่วฉงคนนี้… มีความเป็นไปได้สูงมากว่าจะทรยศตระกูลลั่วตั้งแต่ก่อนเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์ประสบเคราะห์แล้ว โซ่บนพลังจิตของเขาก็เป็นฝีมือของตระกูลหวัง”

ทุกคนต่างตกใจ เผยสีหน้ายากจะเชื่อ

ระดับอมตะคนหนึ่ง ผู้นำตระกูลที่ดูแลควบคุมตระกูลลั่วมาหลายปีคนหนึ่ง กลับทรยศตระกูลลั่วตั้งแต่ก่อนเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์ประสบเคราะห์หรือ

สำหรับคนตระกูลลั่วทุกคน ข้อมูลนี้ก็เหมือนฟ้าผ่าสะท้านโลก!

หลินสวินกล่าวต่อ “ยามเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์มุ่งหน้าไปยังประตูนิรันดร์ แม้จะล้มเหลว แต่กลับถูกล้อมโจมตีจากสิบยักษ์ใหญ่อมตะที่วางแผนล่วงหน้าไว้ก่อนอย่างน่าประหลาด นี่ผิดปกติมาก เพราะสิบยักษ์ใหญ่อมตะไม่รู้ตำแหน่งของประตูนิรันดร์ จะซุ่มโจมตีล่วงหน้าได้อย่างไร”

ทุกคนต่างพยักหน้าตามจิตใต้สำนึก

“คำตอบนั้นง่ายมาก ลั่วฉงคนทรยศผู้นี้ส่งข่าวบอกล่วงหน้า!”

เมื่อคำพูดนี้ของหลินสวินดังออกมา ไม่เพียงพวกคนตระกูลลั่วสายหลัก สายตาของบรรดาคนตระกูลลั่วสายรองที่มองไปยังลั่วฉงล้วนเปลี่ยนไป

ทุกคนทั้งโกรธทั้งตกใจ!

“เหลวไหล! ตอนนั้นด้วยฐานะของข้า จะรู้ตำแหน่งของประตูนิรันดร์ได้อย่างไร”

ลั่วฉงร้องตะโกน สีหน้าบิดเบี้ยวจนน่ากลัว “เดรัจฉานน้อย จะฆ่าก็ฆ่า เหตุใดต้องใส่ความข้า”

“เจ้าย่อมไม่รู้ตำแหน่งของประตูนิรันดร์ แต่เจ้ากลับรู้ว่าเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์จะออกจากตระกูลลั่วเมื่อไหร่ ขอเพียงแจ้งข่าวนี้ออกไป ด้วยความสามารถของสิบยักษ์ใหญ่อมตะ อยากหาร่องรอยของเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์เกรงว่าคงไม่ใช่เรื่องยาก”

หลินสวินพูดด้วยสีหน้าราบเรียบ

“นี่เป็นคำพูดของเจ้าฝั่งเดียว จะให้ทุกคนเชื่อได้อย่างไร” ลั่วฉงยังคงดิ้นรน

หลินสวินยิ้ม เอ่ยพูดพร้อมสายตาอึมครึม “เจ้าจำหินเทพพรสวรรค์ได้หรือไม่ นี่เป็นสมบัติชิ้นหนึ่งที่เจ้าแห่งมรรคาสวรรค์ทิ้งเอาไว้ตอนประสบเคราะห์ ภายในผนึก ‘ดาบกาลเวลา’ อภินิหารพรสวรรค์ของเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์ ตอนนั้นสมบัติชิ้นนี้ถูปตระกูลหวังเอาไป แต่กลับไม่อาจทลายนัยเร้นลับที่อยู่ในนั้นได้ ดังนั้นจึงมอบให้คนทรยศอย่างเจ้า”

“น่าขัน สมบัติระดับนี้หากตกอยู่ในมือตระกูลหวัง มีหรือจะคืนให้ตระกูลลั่วอีก”

ลั่วฉงหัวเราะเยาะ

“ง่ายมาก เพราะด้วยพลังของสมบัตินี้ สามารถสัมผัสคนที่ครอบครองพรสวรรค์สายเลือดหุบเหวกลืนกินได้ และจุดประสงค์ที่ตระกูลหวังมอบสมบัตินี้ให้เจ้า ก็เพื่อให้เจ้าใช้สมบัตินี้ตามหาท่านแม่และท่านลุงของข้า รวมถึง… ตัวข้า”

ลั่วฉงสีหน้าไม่น่าดูหาใดเปรียบ เพิ่งหมายจะพูดอะไรหลินสวินก็เอ่ยตัดบท

“เรื่องนี้ข้าเจอในความทรงจำยามค้นวิญญาณของลั่วเฟิง เจ้าคนที่ถูกเจ้าทุ่มเทบ่มเพาะทั้งใจผู้นี้ ความจริงก็ทรยศตระกูลลั่วนานแล้วเหมือนเจ้า”

ลั่วฉงอึ้ง “นี่เป็นไปไม่ได้!”

หลินสวินพูดเรียบๆ “เหตุใดจึงเป็นไปไม่ได้ ไม่กี่ปีก่อนเผยหรูฮูหยินของเจ้าวางแผนไว้ ลอบโน้มน้าวให้ลั่วเฟิงทรยศ และเรื่องที่เจ้าทรยศตระกูลลั่ว ก็เป็นเผยหรูนี่แหละที่บอกลั่วเฟิง ไม่เช่นนั้นเจ้าคิดว่าข้าจะรู้ความจริงนี้ได้อย่างไร”

“เฟิงเอ๋อร์เขา… เฟิงเอ๋อร์เขา… เหตุใดจึงเลอะเลือนเช่นนี้!” ลั่วฉงเบิกตาโพลง ราวกับถูกโจมตีอย่างหนักหน่วงที่สุด ดวงตาก่ำเลือด

“หากเขาไม่เลือกทรยศ จะประจบตระกูลหวังสำเร็จได้อย่างไร ทั้งเผยหรูจะรับปากส่งเขาไปยังน่านฟ้าที่เจ็ด เพื่อช่วงชิงโอกาสเข้าไปฝึกปราณในหอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิดได้อย่างไร”

หลินสวินพูดถึงตรงนี้ก็อดทอดถอนใจไม่ได้

ตอนนั้นในทะเลอสนีแยกฟ้า เดิมทีเพื่อสืบหาว่าท่านลุงและท่านตาถูกกำราบอยู่ที่ใดในตระกูลลั่วจากความทรงจำของลั่วเฟิง

ใครจะคิดว่าในความทรงจำของลั่วเฟิง กลับมีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการทรยศตระกูลลั่วมากมาย!

ภาพเหล่านั้นยังคงติดตา!

“ตอนนี้เจ้ายอมรับแล้วหรือ” หลินสวินถาม

ยามนี้คนตระกูลลั่วในที่นั้นต่างอารมณ์พลุ่งพล่าน สีหน้าอึมครึมไม่สามารถสงบได้ สายตาที่มองไปยังลั่วฉงเต็มไปด้วยความชิงชัง เคียดแค้น และเจ็บปวด

ผู้อาวุโสตระกูลลั่วสายหลักเหล่านั้นตาแดงก่ำ ตอนนั้นหากไม่ใช่เพราะลั่วฉงแจ้งข่าวของลั่วทงเทียน อีกฝ่ายจะถูกสิบยักษ์ใหญ่อมตะซุ่มโจมตีและปิดล้อมได้อย่างไร

แล้วจะประสบเคราะห์ได้อย่างไร

เวลานี้เมื่อทุกคนนึกถึงท่าทางผดุงคุณธรรม อดทนต่อการเย้ยหยันเพื่อรักษาตระกูลลั่วเอาไว้ของลั่วฉงก่อนหน้านี้ ในใจยิ่งนึกรังเกียจ

เจ้าหมอนี่ ชั่วช้ายิ่งยวดเป็นที่สุด!

เป็นถึงระดับอมตะคนหนึ่ง แต่กลับไร้ยางอายและชั่วช้าขนาดนี้!

เงียบไปครู่ใหญ่ลั่วฉงอดหัวเราะฮ่าๆ ไม่ได้ เผยความเดือดดาล

“พวกเจ้าคิดว่าข้าอยากทรยศหรือ ต้องโทษที่ตอนนั้นลั่วทงเทียนล่วงเกินสิบยักษ์ใหญ่อมตะรุนแรงเกินไป! ไม่เช่นนั้นข้ามีหรือจะถูกตระกูลหวังจับจ้องและบีบให้ข้ากลายเป็นคนทรยศ”

“ข้าไม่มีโอกาสปฏิเสธด้วยซ้ำ! ไม่เช่นนั้นข้าในตอนนั้นก็ต้องตาย และพวกเขาก็จะเลือกคนตระกูลลั่วคนอื่นมาเป็นคนทรยศแทน!”

เสียงเผยความบ้าคลั่ง

“ก็เพราะกลัวตายจึงยอมเป็นคนทรยศหรือ ดังนั้นจึงโทษว่าทุกอย่างเป็นความผิดของเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์หรือ”

แววตาของหลินสวินเต็มไปด้วยความดูถูก “ระดับอมตะคนหนึ่ง ทำเรื่องไร้ยางอายเช่นนี้ จนตอนนี้ยังไม่มีความรู้สึกละอายใจ ลั่วฉง หากข้าเป็นเจ้าคงปาดคอฆ่าตัวตายไปนานแล้ว!”

“ฆ่าตัวตายหรือ ง่ายเกินไปสำหรับเขา จะต้องหั่นคนทรยศนี่เป็นชิ้นๆ หักกระดูกบดขี้เถ้า ถึงจะลบล้างความชิงชังในใจได้!”

ผู้อาวุโสตระกูลลั่วคนหนึ่งควบคุมความเดือดดาลในใจไม่ไหวอีกต่อไป ตะโกนอย่างกราดเกรี้ยว

“ใช่ ควรทำเช่นนี้!”

คนอื่นๆ เองก็ส่งเสียงอย่างเดือดดาล กลางฟ้าสีรัตติกาลในยามนี้ ทั้งบนล่างของตระกูลลั่วล้วนโกรธแค้น ในห้วงอากาศเต็มไปด้วยเสียงเดือดดาลเป็นระลอก

ในกาลเวลาไร้สิ้นสุดที่ผ่านมา ตระกูลลั่วของพวกเขาสถานการณ์แย่ลงเรื่อยๆ ตกต่ำลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งหมดนี้คนทรยศอย่างลั่วฉงยากจะหนีความผิด!

ส่วนลั่วฉงใบหน้าซีดขาว ในใจเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและหดหู่

ยามนี้หลินสวินยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ดวงตาลุ่มลึกเคลื่อนมองทุกคนในที่นั้นช้าๆ ในใจก็ค่อยๆ ผ่อนคลายลง

‘ท่านแม่ หากท่านเห็นภาพนี้จะต้องดีใจมากกระทัง วางใจเถอะ ลูกได้ประทับทุกภาพในคืนนี้ไว้หมดแล้ว ต่อไปเมื่อพวกเราเจอกันก็จะให้ท่านดู’

เขาพึมพำในใจ

คืนนี้เขาบุกเขาเทพหลังมังกรเพียงลำพัง แยกกำลังเป็นสองทาง ช่วยท่านลุงลั่วชิงเหิงและท่านตาลั่วเซียว รวมถึงเหล่าผู้อาวุโสตระกูลลั่วสายหลักไว้ได้

คืนนี้เขาต่อสู้บนยอดเขาเมฆามรกตเพียงลำพัง ฟันอวี่ไหว ฆ่าเหอป๋อหยาง สังหารเผยหรู จับลั่วฉง เปิดโปงความจริงที่ปกปิดมาไม่รู้นานเท่าไหร่กับทุกคนทั้งตระกูลลั่ว

คืนนี้เขาได้ระบายความชิงชังที่สะสมเต็มทรวงตั้งแต่สมัยเป็นเด็กหนุ่มจนถึงตอนนี้ ความแค้นที่ดำเนินมาหลายปีนี้ จบลงอย่างสิ้นเชิงแล้ว!

ชั่วขณะนี้ กระบี่มรรคลึกลับในฝ่ามือหลินสวินค่อยๆ สลายหายไปทีละนิด

ในสมองเขานึกถึงท่านลู่โดยไม่รู้ตัว

‘ขอบคุณยิ่งแล้ว ท่านลู่…’

……………………..

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท