ตอนที่ 2659 เกิดลม
ผ่านไปหลายปี เหล่าผู้สืบทอดถ้ำสวรรค์ปรกอุดมที่ลู่ป๋อหยาเป็นผู้นำได้หวนกลับตระกูลลั่วอีกครั้ง!
ทั้งบนล่างตระกูลลั่วต่างตื่นเต้น
ช่วงที่ผ่านมานี้ พร้อมๆ กับสถานการณ์ที่สั่นคลอนของโลกภายนอก ในตระกูลลั่วจึงเกิดบรรยากาศเคร่งเครียดและกดดันเช่นกัน
เพราะใครๆ ต่างรู้ว่าหลังจากตระกูลลั่วผ่านการเปลี่ยนแปลงน่าตระหนกในคืนนั้น สถานการณ์ก็ไม่สู้ดีแล้ว!
และการมาถึงของลู่ป๋อหยารวมถึงเหล่าผู้สืบทอดถ้ำสวรรค์ปรกอุดม สร้างขวัญกำลังใจให้กับตระกูลลั่วได้มากอย่างไม่ต้องสงสัย
ใครบ้างไม่รู้ว่าลู่ป๋อหยาและเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์เป็นสหายรู้ใจกัน
ความสามารถในศาสตร์ลายมรรคของเขาก็เรียกได้ว่าหาตัวจับยาก โดดเด่นไร้ทัดเทียม!
หลังจากลู่ป๋อหยามาถึง ก็สั่งให้ซวีรั่วกู่นำเหล่าผู้สืบทอดถ้ำสวรรค์ปรกอุดมวางกระบวนผนึกลายมรรคในเขาเทพหลังมังกร
ตระกูลลั่วก็ให้ความร่วมมือทุกด้าน
ยอดเขาต้นกก
หมอกเมฆระเหย ใต้ต้นหลิวโบราณต้นนั้นวางโต๊ะเตี๊ยและเบาะรองนั่งเอาไว้
“ท่านลู่ก่อตั้งถ้ำสวรรค์ปรกอุดม รับลูกศิษย์มากมาย คงเพราะคาดเดาได้นานแล้วว่าจะมีเรื่องเช่นวันนี้เกิดขึ้นใช่หรือไม่”
หลินสวินรินชาให้ลู่ป๋อหยาด้วยตัวเอง
ลู่ป๋อหยาพยักหน้าน้อยๆ เอ่ยว่า “กำจัดคนทรยศไปแล้วแต่ยังมีศึกภายนอก ในช่วงสั้นๆ นี้สถานการณ์ของตระกูลลั่วยากจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง”
หลินสวินเห็นด้วยอย่างที่สุด
เพียงแค่ในแคว้นเทพวารีนภา ก็มีเผ่าจักรพรรดิอมตะอย่างตระกูลเหยาและตระกูลหลิงจ้องอยู่
หากมองทั้งน่านฟ้าที่หก ขอเพียงขุมอำนาจศัตรูเหล่านั้นรู้ว่าตนปรากฏตัวในตระกูลลั่ว ย่อมไม่ยอมอยู่เฉยเป็นแน่
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ตระกูลลั่วอยากพลิกสถานการณ์ที่ยากลำบากและถูกบีบเช่นนี้อย่างสิ้นเชิง ย่อมไม่อาจทำได้ในเวลาสั้นๆ จริงๆ
“ก่อนจะจากไป ข้าจะช่วยตระกูลลั่วทำศึก ด้วยพลังของข้าในตอนนี้อาจจะไม่สามารถกวาดล้างพวกเขาได้ทั้งหมด แต่การขวางการโจมตีของพวกเขากลับไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ขอเพียงซัดจนพวกเขาหวาดกลัว รู้ว่าตระกูลลั่วไม่ใช่ว่าจะฮุบได้ง่ายๆ พวกเขาก็ไม่จะกล้ากระทำการโดยพลการอีก”
ดวงตาดำของหลินสวินเยียบเย็น
ในน่าฟ้าที่หกมีเผ่าจักรพรรดิอมตะมากมายกระจายอยู่ ทว่าต่อให้เป็นเผ่าจักรพรรดิอมตะที่ยอดเยี่ยมที่สุด จำนวนระดับอมตะที่มีก็จำกัดมาก
อย่างมากสิบกว่าคน อย่างน้อยสามถึงห้าคน
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ กำลังคนที่พวกเขาสามารถรวมพลได้อาจจะมีมากยิ่ง แต่ที่สามารถข่มขวัญได้จริงๆ ถึงอย่างไรก็เป็นแค่ระดับอมตะส่วนน้อยเหล่านั้น
สำหรับหลินสวิน การโจมตีสังหารระดับอมตะก็ไม่ใช่เรื่องยาก
ต่อให้อีกฝ่ายสามารถใช้พลังระเบียบ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งก็ไม่มีประโยชน์!
ยิ่งไปกว่านั้นในบรรดาผู้อาวุโสตระกูลลั่วสายหลัก ก็มีระดับอมตะสองคน แม้จะถูกกำราบ ถูกทรมานมาไม่รู้นานเท่าไหร่ แต่อย่างไรก็เป็นคนที่ก้าวสู่ระดับอมตะแล้ว!
ตอนนี้ยังมีท่านลู่รวมถึงเหล่าผู้สืบทอดถ้ำสวรรค์ปรกอุดมช่วยเหลือ การปกป้องตระกูลลั่วไม่ให้ถูกโจมตีพินาศก็ไม่ใช่เรื่องยาก
ลู่ป๋อหยาเอ่ยอย่างปลาบปลื้ม “เจ้ายินยอมออกศึกเพื่อตระกูลลั่ว ข้าก็วางใจแล้ว”
หลินสวินยิ้มกล่าว “ท่านลู่ ความผิดที่ตระกูลลั่วสายรองก่อ ข้าไม่นับเป็นความผิดของทั้งตระกูลลั่วหรอก บุญคุณความแค้นเช่นนี้ข้าแยกแยะได้อย่างชัดเจน ยิ่งกว่านั้นก็เพราะการปรากฏตัวของข้า ทำให้ขุมอำนาจศัตรูเพ่งเล็งตระกูลลั่ว ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ข้าจะนิ่งดูดายได้อย่างไร”
ว่าพลางเขาก็นึกอะไรขึ้นได้ ยื่นกล่องสำริดที่เตรียมไว้นานแล้วให้ลู่ป๋อหยา “ท่านลู่ ในนี้เป็นพลังระเบียบสายหนึ่ง แม้ข้าจะกำราบมันแล้วแต่กลับไม่สามารถหลอมมันได้อย่างสิ้นเชิง ทำได้เพียงขอให้ท่านช่วยแล้ว”
ลู่ป๋อหยาเปิดกล่องสำริดดูแล้วอดเผยสีหน้าหวั่นไหวไม่ได้ “ระเบียบระดับสวรรค์หรือ”
หลินสวินเอ่ย “ไม่ผิด ระเบียบนี้เกี่ยวข้องกับพลังคำสาป เป็นสิ่งที่ข้ากำราบได้จากสถานที่นามว่าเทือกเขาเทพตกยามอยู่ในน่านฟ้าที่หนึ่ง หากหลอมมันและวางไว้ที่ตระกูลลั่ว เชื่อว่าสามารถเป็นประโยชน์ได้อย่างไม่อาจคาดเดา”
พลังระเบียบระดับสวรรค์!
หากมีพลังระเบียบเช่นนี้ ย่อมสามารถเปลี่ยนชะตาของเผ่าจักรพรรดิอมตะไม่ว่าตระกูลใดๆ ในน่านฟ้าที่หก เพียงพอให้ตระกูลของพวกเขาไปลงหลักปักฐานในน่านฟ้าที่เจ็ด!
เหมือนเมื่อไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ หลังจากตระกูลจู้ชิงพลังระเบียบระดับสวรรค์สายหนึ่งมาได้ ชื่อเสียงและฐานะที่ครอบครองก็แตกต่างไปโดยสมบูรณ์แล้ว ตอนนี้กำลังหารือเรื่องที่จะย้ายถิ่นฐานไปยังน่านฟ้าที่เจ็ด!
เหตุผลก็เพราะทั้งน่านฟ้าที่หก ไม่มีเผ่าจักรพรรดิอมตะตระกูลใดที่สามารถครอบครองพลังระเบียบระดับสวรรค์ ปกติล้วนเป็นระเบียบระดับปฐพี
หากตระกูลลั่วมีพลังระเบียบระดับสวรรค์ ก็เท่ากับครอบครองอาวุธสังหารชิ้นใหญ่ ต่อไปย่อมมีความเป็นไปได้สูงว่าจะสามารถกลับไปยังน่านฟ้าที่เจ็ดได้!
แน่นอนว่าลู่ป๋อหยาเองก็รู้คุณค่าของพลังระเบียบระดับสวรรค์
อย่างเมื่อหลายปีก่อนหน้านี้ ยามเขากำราบระเบียบผนึกพิฆาตในเขตผนึกเร้นแห่งทะเลประหัตมาร มีหรือจะไม่เคยคิดกำราบวิญญาณระเบียบของระเบียบผนึกพิฆาต
หากเป็นเช่นนั้น อันตรายและความยากลำบากที่ตระกูลลั่วประสบก็จะถูกคลี่คลาย ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่สามารถผงาดขึ้นมาอีกครั้ง!
“เป็นระเบียบระดับสวรรค์จริงๆ และยังเป็นระเบียบคำสาประดับสวรรค์ขั้นสี่…”
แววตาลู่ป๋อหยาเลื่อนลอยระลอกหนึ่ง ในใจพลุ่งพล่านไม่หยุด
เขาคิดไม่ถึงว่าหลินสวินหยิบของออกมาส่งๆ ก็เป็นพลังระเบียบที่คุณลักษณ์โดดเด่นเช่นนี้แล้ว
ครู่ใหญ่ลู่ป๋อหยาอดถามไม่ได้ “เจ้าคิดจะทิ้งพลังระเบียบนี้ไว้ที่ตระกูลลั่วจริงๆ หรือ”
สมบัตินี้มูลค่าสูงเกินไปแล้ว!
หากเป็นระดับอมตะได้ไป สามารถเปิดสำนักในน่านฟ้าที่เจ็ด สร้างขุมอำนาจอมตะของตนได้เลย!
ก็เพราะล้ำค่าเกินไป ตอนนี้ลู่ป๋อหยาจึงยากจะเชื่ออย่างอดไม่ได้
“ขอเพียงสามารถช่วยท่านตาและท่านลุงของข้าได้ก็พอแล้ว”
หลินสวินพูดง่ายๆ “ภายหน้ารอข้ารับท่านพ่อและท่านแม่กลับมาจากแหล่งสถานศุภโชค ท่านแม่ก็สามารถกลับมาเยี่ยมตระกูลลั่วได้ ถึงอย่างไรที่นี่ก็เป็นบ้านของนาง”
ลู่ป๋อหยาจับจ้องหลินสวินครู่ใหญ่ กว่าจะมั่นใจว่าหลินสวินคิดจะทำเช่นนี้จริงๆ ทันใดนั้นในใจพลันปลาบปลื้มไม่หยุด
ความกล้าหาญและจิตใจของเจ้าหมอนี่ ไม่ด้อยกว่าตาทวดของเขาเลย!
“ได้ ข้าจะช่วยเจ้าหลอมระเบียบคำสาปนี้เอง”
ลู่ป๋อหยาตอบรับอย่างเบิกบาน “แต่ถ้าอยากให้ใช้พลังระเบียบนี้ได้จริงๆ คงต้องใช้เวลาสักพัก อืม ข้าจะเร่งหลอมมันภายในครึ่งปี”
หลินสวินพยักหน้ากล่าว “ท่านลู่ เรื่องนี้อย่าเพิ่งบอกคนอื่นชั่วคราว เลี่ยงไม่ให้ข่าวรั่วไหล”
ลู่ป๋อหยาอึ้งไป แววตาแปลกพิกลขึ้นมาทันที กล่าวว่า “เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่าเจ้าเป็นกังวลว่าศัตรูเหล่านั้นจะไม่มา”
หลินสวินยิ้ม “อยู่เฉยๆ ก็ว่างไป ในเมื่อไม่มีความสามารถจะกวาดล้างพวกเขา มอบบทเรียนให้พวกเขาได้ลิ้มลองสักหน่อยก็ไม่เลว”
ลู่ป๋อหยาบื้อใบ้ไปแล้ว
…
เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า
บรรยากาศในตระกูลลั่วสงบมาก แต่ภายใต้ความสงบเช่นนี้ เหล่าผู้อาวุโสตระกูลลั่วล้วนเตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา ทุกเรื่องของตระกูลต่างดำเนินไปอย่างมีระบบระเบียบด้วยความตึงเครียด
ผู้สืบทอดถ้ำสวรรค์ปรกอุดมซึ่งมีซวีรั่วกู่เป็นผู้นำ ก็ยุ่งจนไม่สามารถปลีกตัวได้
ภายใต้คำลั่งและการชี้แนะของลู่ป๋อหยา พวกเขาได้วางกระบวนผนึกที่เรียกได้ว่ายิ่งใหญ่และน่ากลัวกระบวนหนึ่งทั้งในและนอกเขาเทพหลังมังกร
กระบวนผนึกนี้ประกอบจากค่ายกลลายมรรคหนึ่งร้อยแปดแห่ง ค่ายกลทุกแห่งมีผนึกลายมรรคหนึ่งแสนเก้าพันลายรวมเข้าด้วยกัน ก็เหมือนโลกผนึกหนึ่งร้อยแปดโลกอย่างไรอย่างนั้น!
อิงตามการคาดเดาของลู่ป๋อหยา ภายใต้สถานการณ์ที่โคจรเต็มกำลัง อานุภาพของกระบวนผนึกนี้สามารถสังหารระดับบรรพจารย์ได้อย่างง่ายดาย ต่อให้เป็นระดับอมตะขั้นอายุขัยเทียมฟ้า หากถูกขังไว้ภายในก็ไม่สามารถหลุดออกมาได้ในเวลาสั้นๆ!
กระบวนผนึกนี้นามว่า ‘พิฆาตฟ้า’
เพื่อวางกระบวนนี้ ตระกูลลั่วแทบจะใช้ทรัพยากรจนหมดสิ้น เจตวัตถุและวัตถุดิบวิญญาณล้วนถูกใช้ไปหมด
ตอนนี้วางได้มากกว่าครึ่งแล้ว อีกไม่นานก็สามารถก่อรูปร่างได้อย่างสิ้นเชิง!
ตอนที่ทั้งตระกูลลั่วกำลังยุ่งวุ่นวาย หลินสวินกลับเป็นคนที่ว่างที่สุด
เขาอยู่ที่ยอดเขาต้นกกโดยตลอด นั่งสมาธิฝึกปราณ หยั่งรู้เก้ากระบวนผนึกของตำราเทพไร้ขอบเขต เงียบสงบและเป็นสุข
ช่วงที่ผ่านมานี้เมื่อสะสางความแค้นกับตระกูลลั่วสายรองไปแล้ว ก็เหมือนทลายโซ่ที่พันอยู่ในใจมานาน ทำให้สภาวะจิตของหลินสวินผ่อนคลายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
โดยเฉพาะยามฝึกปราณ ทำให้หลินสวินบังเอิญจับความเร้นลับที่ยากจะอธิบายได้มากมาย แต่พอหยั่งรู้อย่างละเอียดกลับไร้ร่องรอย
เหมือนความฮึกเหิมที่ไม่สามารถอธิบายได้ ทั้งเหมือนความเร้นลับเป็นสายๆ ที่แวบผ่านโดยไม่ได้ตั้งใจ
แม้ไม่ได้หยั่งรู้นัยเร้นลับภายในอย่างแท้จริง แต่การเปลี่ยนแปลงที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้ก็ยังทำให้ในใจหลินสวินตื่นเต้น
เขารู้ว่านี่เป็นจุดเปลี่ยนที่เกี่ยวข้องกับการทะลวงอมตะ!
เมื่อก่อนยามฝึกปราณ ไม่เคยปรากฏความรู้สึกที่เร้นลับเช่นนี้ ทว่าตอนนี้กลับปรากฏขึ้นแล้ว
นี่ไม่ใช่หมายความว่า ความหวังที่จะทะลวงระดับได้ปรากฏขึ้นแล้วหรือ
แม้ตอนนี้ยังไม่อาจควบคุม ‘จุดเปลี่ยน’ ที่มหัศจรรย์เร้นลับเช่นนี้อย่างแท้จริง และต่อให้การทะลวงระดับเป็นเพียงความหวังที่เลื่อนลอยมาก แต่ก็ยังนำพาขวัญกำลังใจที่ใหญ่ยิ่งมาให้หลินสวิน
มกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิอย่างเขา อยากจะทะลวงสู่ระดับอมตะ ความยากลำบากที่พบเจอย่อมน่ากลัวกว่าคนอื่นๆ ในระดับเดียวกัน
ถึงอย่างไรฝึกปราณมาถึงตอนนี้ สิ่งที่เขาแสวงหามาโดยตลอดคือมรรคที่ ‘ไม่เคยมีมาก่อนตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน เป็นหนึ่งเดียวในโลก’
ยิ่งเป็นเช่นนี้ ก็ทำให้เส้นทางการทะลวงระดับของเขายิ่งไม่ธรรมดา อันตรายและความยากลำบากที่เผชิญย่อมเป็นสิ่งที่คนอื่นๆ ไม่สามารถจินตนาการได้
แต่ยังดีที่ตอนนี้หลินสวินสัมผัสได้ถึงจุดเปลี่ยนของการทะลวงระดับแล้ว ทำให้เห็นความหวังแล้ว!
เช้าตรู่วันนี้
ตอนรุ่งสาง
ในเมืองพายุที่ห่างจากเขาเทพหลังมังกรแปดพันลี้ เปล่าเปลี่ยวและอ้างว้าง
บนถนนที่ปกติคึกคัก ตอนนี้กลับเปลี่ยนเป็นว่างเปล่า
ช่วงที่ผ่านมานี้ภายในแคว้นเทพวารีนภาสั่นไหว คลื่นใต้น้ำปั่นป่วน ข่าวที่ตระกูลลั่วกำลังจะถูกกวาดล้างแทบจะกระจายไปทั่วทุกที่
ส่งผลให้เมืองที่อยู่ใกล้ตระกูลลั่วที่สุดอย่างเมืองพายุกลายเป็นสถานที่ที่อันตรายที่สุดในสายตาผู้คน!
ผู้คนที่เดิมทีอาศัยอยู่ในเมืองล้วนทยอยออกจากเมือง กลัวเพียงว่ายามตระกูลลั่วประสบเคราะห์ หายนะครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อเมืองพายุไปด้วย
จนถึงตอนนี้ สถานที่มั่งคั่งรุ่งเรืองอย่างเมืองพายุก็กลายเป็นเมืองร้างแล้ว!
ยามแสงตะวันสาดส่องในเมืองพายุที่เย็นเยียบ ในห้วงอากาศไกลโพ้น ขบวนยิ่งใหญ่ขบวนหนึ่งพุ่งมาราวกับพยับเมฆดำบดบังฟ้าดิน
ครืนโครม!
แสงเคลื่อนไหวดุจสายฝน แสงสมบัติพร่างพราว
เมื่อขบวนยิ่งใหญ่นี้ปรากฏบนห้วงอากาศเหนือเมืองพายุ อากาศรอบๆ ล้วนทรุดทลายด้วยรับอานุภาพระดับนี้ไม่ไหว ส่งเสียงอึงอล
โดยเฉพาะสี่คนซึ่งเป็นผู้นำ แต่ละคนแผ่กลิ่นอายอมตะ ความแข็งแกร่งของอานุภาพยิ่งใหญ่เกรียงไกร ราวกับนายเหนือหัวสี่ออกรบด้วยกัน!
และด้านหลังพวกเขาคือระดับบรรพจารย์กลุ่มหนึ่ง มีทั้งชายและหญิง มีทั้งแก่และเด็ก เบียดเสียดแน่นขนัดมากกว่าร้อยคน!
——