Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2664 อาศัยนัยเร้นลับของระเบียบ

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2664 อาศัยนัยเร้นลับของระเบียบ

ตอนที่ 2664 อาศัยนัยเร้นลับของระเบียบ

ความอึกทึกคึกโครมที่เกิดขึ้นในแคว้นเทพวารีนภา ไม่นานนักก็กระจายไปทั้งน่านฟ้าที่หก

ชั่วขณะเดียวก็เกิดคลื่นโถมซัดสาด

ตระกูลลั่ว ขุมอำนาจที่ตกต่ำมานานแล้วตระกูลหนึ่ง

แต่ในศึกนี้ทัพพันธมิตรของตระกูลเหยาและหลิงถูกกำจัดสิ้น เรื่องนี้น่าเหลือเชื่ออย่างไม่ต้องสงสัย

“เริ่มจากตระกูลลั่วสายรองถูกกำราบ ตระกูลหลักเข้าครองอำนาจ ที่ตามมาติดๆ คือสถานการณ์พลิกผันน่าตระหนก ตระกูลเหยากับตระกูลหลิงพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ นี่หรือตระกูลลั่วจะผงาดขึ้นอีกครั้ง”

คนไม่รู้เท่าไรฉงนใจ

“ระดับอมตะขั้นดับเทพอย่างเหยาเทียนหานยังไม่อาจหนีเคราะห์นี้ นี่ก็น่าตะลึงเกินไปแล้ว”

ขั้นดับเทพ ในน่านฟ้าที่หกย่อมเป็นยักษ์ใหญ่ที่ยืนตระหง่านบนปลายยอด เหยียดหยันทั่วน่าฟ้า เรียกลมเรียกฝน ครอบครองอานุภาพคับฟ้าที่ไม่อาจคาดคิดได้

ในสถานการณ์ทั่วไป หากบุคคลเช่นนี้หนีสุดชีวิตแทบไม่มีใครขวางได้

ดังนั้นการตายของเหยาเทียนหาน แค่คิดก็รู้แล้วว่านำพาความสั่นสะท้านให้ผู้คนได้มากมายเพียงไหน

ไม่ว่าอย่างไรเมื่อข่าวศึกนี้กระจายออกไป ตระกูลลั่วก็เหมือนกลายเป็นเผ่าจักรพรรดิอมตะที่ถูกจับตามองที่สุดตระกูลหนึ่งในน่านฟ้าที่หก!

ขณะเดียวกันคลื่นใต้น้ำก็เริ่มซัดสาดในน่านฟ้าที่หก

เผ่าจักรพรรดิอมตะอย่างตระกูลเหวิน ตระกูลเหิง ตระกูลจู้ ตระกูลเฮ่อ ตระกูลหงเริ่มติดต่อกัน…

……

ยอดเขาต้นกก ตระกูลลั่ว

“นี่ก็คือระเบียบอสนีม่วงหรือ”

หลินสวินกุมผนึกโบราณสำริดแผ่นหนึ่งไว้ในมือ ยามนี้มีสายอสนีที่มีระลอกแวววาวปรากฏออกมา ประกายแสงแสบตา อบอวลไปด้วยกลิ่นอายระเบียบประหนึ่งทำลายล้าง

ไม่ไกลนักพวกลั่วเซียว ลู่ป๋อหยา ลั่วซิวยืนเคียงข้างกัน มองดูภาพนี้พร้อมรอยยิ้ม

ครู่ต่อมาเงาร่างหลินสวินก็พลันลอยสูงขึ้นจากพื้น กระโจนขึ้นเหนือทะเลเมฆหมื่นจั้ง

เขาแขนเสื้อปลิวไสว สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง กระตุ้นเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งทันที

ชิ้ง!

กระบี่มรรคเรียบง่ายเล่มหนึ่งพุ่งออกมาจากในเตากระบี่ เปล่งเสียงครวญกระบี่ใสกังวาน

หลินสวินขับเคลื่อนความคิด ระเบียบอสนีสีม่วงสายแล้วสายเล่าควบรวมบนกระบี่มรรค ชั่วพริบตานั้นกระบี่มรรคก็ปะทุกลิ่นอายทำลายล้างน่าครั่นคร้าม ทำให้ทะเลเมฆบริเวณใกล้เคียงพังถล่ม!

ไม่ไกลนักเงาร่างผอมแห้งของลั่วซิวก็ปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ มองดูหลินสวินอยู่ไกลๆ เอ่ยว่า “สวินเอ๋อร์ ข้ามาขอแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเจ้า”

หลินสวินสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง พลานุภาพทั้งร่างเพิ่มสูงขึ้นถึงขีดสุดในพริบตาเหมือนภูเขาไฟระเบิดพร้อมกับการขับเคลื่อนความคิด

ตูม!

กระบี่มรรคที่มีระเบียบอสนีม่วงรวมตัวอยู่พาดขวางกลางอากาศดุจธารสวรรค์สีม่วงแถวหนึ่งแล้วฟันลงมา

ห้วงอากาศบริเวณใกล้เคียงส่งเสียงระเบิดเหมือนอสนีบาตซัดสาด ทะเลเมฆหมื่นลี้ถูกแสงอสนีสีม่วงเจิดจ้าย้อมให้เป็นสีม่วงงดงาม

และยามกระบี่นี้ฟันลงมา ก็เหมือนเคราะห์สวรรค์สายหนึ่ง ไพศาลเทียมฟ้า!

ลั่วซิวแขนเสื้อพลิกตลบ มรรควิถีขั้นดับเทพทั้งตัวโคจร ตบหนึ่งฝ่ามือออกไปทันที

ตูม!

ฝ่ามือและกระบี่เข้าปะทะ ท้องฟ้าแห่งนี้คล้ายระเบิดออก ทะเลเมฆหมื่นลี้พังทลายแหลกลาญ

ก็เห็นว่าเงาร่างลั่วซิวพลันโซเซ ผมเผ้าปลิวไสว พลังชีวิตทั้งร่างปั่นป่วนไปครู่หนึ่ง

“สวินเอ๋อร์ แม้ระเบียบอสนีม่วงจะมีระดับปฐพีขั้นแปด แต่อานุภาพของมันสามารถคุกคามชีวิตขั้นดับเทพได้ เจ้ายังไม่ได้ควบคุมพลังทั้งหมดได้อย่างแท้จริง”

ลั่วซิวเอ่ยเสียงดังชี้แนะหลินสวิน

ไกลออกไปหลินสวินเงียบงัน สัมผัสความเปลี่ยนแปลงของพลังระเบียบอสนีสีม่วงยามกระบี่ฟันออกไปเมื่อครู่

ครู่หนึ่งเขาพลันเงยหน้า กระบี่มรรคเบื้องหน้าส่งเสียงกังวานใส ฟันออกไปอีกครั้ง

เห็นชัดว่ากระบี่นี้แตกต่างจากเมื่อครู่แล้ว ประหนึ่งแสงม่วงสายหนึ่งทะลวงผ่านอดีตปัจจุบัน เจาะกำแพงกาลเวลา เต็มไปด้วยพลานุภาพดุดันยิ่งยวด สำแดงอานุภาพดับฟ้าทลายดิน

ตูม!

คราวนี้แม้ลั่วซิวรับกระบี่นี้ไว้ได้ แต่กลับถูกซัดจนเงาร่างถอยออกไปหลายก้าว ในดวงตาก็ฉายแววประหลาดใจอย่างอดไม่ได้

“ดี! เจ้าพอจะควบคุมพลังระเบียบอสนีม่วงได้หกส่วนแล้ว แม้เป็นเพียงการหยิบยืมอาศัยพลัง แต่ขอเพียงเจ้าใช้พลังนี้ได้เต็มที่ อานุภาพเช่นนั้นก็สามารถสังหารระดับอมตะขั้นอายุขัยเทียมฟ้าได้อย่างง่ายดาย ต่อให้ฆ่าขั้นดับเทพตายก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้”

ลั่วซิวเอ่ยเสียงขรึม

จากนั้นเขาก็อธิบายอานุภาพของระเบียบอสนีม่วงให้หลินสวินฟังอย่างอดทน

หลินสวินตั้งใจรับฟัง หากมีเรื่องสงสัยก็ขอคำแนะนำอย่างตั้งใจ

พลังระเบียบ เป็นรากฐานในการหยัดยืนของขุมอำนาจอมตะ

และเป็นแหล่งกำเนิดพลังที่ระดับอมตะหยั่งรู้และหลอมรวมกฎเกณฑ์อมตะ

ระดับพลังระเบียบยิ่งสูง อานุภาพยิ่งทรงพลัง กฎเกณฑ์อมตะที่หลอมรวมออกมาก็ยิ่งแข็งแกร่ง

และการอาศัยใช้พลังระเบียบก็ต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งเช่นกัน

อย่างระเบียบอสนีม่วงของตระกูลลั่ว คิดจะยืมพลังมาใช้ก็ต้องมีสมบัติลับมาเชื่อมต่อเสมอ

สมบัติลับเหล่านี้หลอมขึ้นจากวัตถุอมตะ ดึงเอาพลังจากระเบียบอสนีม่วงได้

และสิ่งที่ผู้ฝึกปราณต้องทำก็คือหลอมรวมพลังเจตจำนงของตนเข้าไปในสมบัติลับ เช่นนี้จึงจะสามารถใช้พลังระเบียบที่มีอยู่ในนั้นได้!

อย่างก่อนหน้านี้พลังระเบียบที่เคยปกคลุมบนทางเดินโบราณฟ้าดารา ก็ถูกพวกจอมจักรพรรดิไร้นามกับจักรพรรดิสวรรค์ดำรงหยิบยืมอาศัยพลังมาเช่นกัน

หรืออย่าง ‘กระบี่ผนึกพิฆาต’ ที่ลู่ป๋อหยาเคยมอบให้หลินสวินก่อนหน้านี้ก็เป็นการอาศัยพลังเช่นกัน

สิ่งที่ควรค่าแก่การพูดถึงก็คือ พลังระเบียบที่ประทับอยู่ในสมบัติลับมีจำกัดเป็นอย่างยิ่ง หากใช้ไปหลายครั้งแล้วก็จะสูญสลายไปสิ้น

หากเปรียบพลังระเบียบเป็นทะเลสาบแห่งหนึ่ง เช่นนั้น ‘สมบัติลับ’ ก็เหมือนภาชนะรองรับ สามารถใช้ประโยชน์จากน้ำที่เก็บสะสมอยู่ในทะเลสาบได้

และน้ำที่บรรจุในภาชนะรองรับก็มีจำกัด

ทว่าผนึกโบราณสำริดที่หลินสวินครอบครองในตอนนี้ไม่ใช่สมบัติลับธรรมดา แต่เรียกได้ว่าเป็น ‘สมบัติระเบียบ’

เพราะต้นกำเนิดของระเบียบอสนีสีม่วงที่ตระกูลลั่วครอบครอง ก็หลอมอยู่ภายในผนึกโบราณสำริดนี้!

การอาศัยพลังของ ‘สมบัติระเบียบ’ ก็เท่ากับอาศัยพลังต้นกำเนิดของระเบียบอสนีม่วงโดยตรง ย่อมแตกต่างจากสมบัติลับธรรมดา

ผนึกโบราณสำริดนี้มีผู้นำตระกูลลั่วครอบครองมาโดยตลอด เรียกได้ว่าเป็นยอดสมบัติพิทักษ์ตระกูล

และตอนนี้ก็ถูกหลินสวินใช้ฝึกวิชาที่ต้องอาศัยพลังระเบียบในการต่อสู้

ครู่ใหญ่หลินสวินที่ตกจมสู่ห้วงความคิดก็เงยหน้าขึ้น สีหน้าไม่สุขไม่ทุกข์ ฟันกระบี่ที่สามออกไป

……

เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า

จากวันที่เอาชนะกองทัพพันธมิตรตระกูลเหยาและตระกูลหลิงได้ก็ผ่านไปหนึ่งเดือนแล้ว

เช้าตรู่วันนี้

“รายงาน ผู้ยิ่งใหญ่ขั้นดับเทพตระกูลเหวิน เหวินเทียนซาง นำผู้แข็งแกร่งมาปรากฏตัวที่นอกเขาเทพหลังมังกร!”

จู่ๆ ก็มีคนมารายงานข่าวนี้ ทำเอาสะเทือนไปทั้งตระกูลลั่วในทันที

เหวินเทียนซาง!

ผู้ยิ่งใหญ่ขั้นดับเทพ!

เห็นชัดว่าการนำผู้แข็งแกร่งมาวันนี้ไม่ได้มาดี

เหล่าคนสำคัญอย่างลั่วเซียว ลู่ป๋อหยา ลั่วซิว ลั่วยงต่างรวมตัวกันทันที สายตาล้วนมองไปนอกเขาเทพหลังมังกร

รถศึกสีดำสูงใหญ่และลึกลับคันหนึ่งปรากฏ ถูกสัตว์ปีศาจดึกดำบรรพ์เก้าตัวลาก ตระหง่านอยู่ใต้เวิ้งฟ้า อบอวลด้วยแสงเทพ ประหนึ่งพาหนะของเทพบนสวรรค์

ด้านหลังรถศึกสีดำนี้มีเงาร่างเหล่าผู้แข็งแกร่งยืนอยู่ สี่คนที่อยู่ด้านหน้าสุดเป็นระดับอมตะขั้นอายุขัยเทียมฟ้า!

กระบวนทัพเช่นนี้ทำให้ไม่ว่าใครก็หวั่นใจ

“มาเองโดยไม่ได้เชิญ ขออภัยสหายยุทธ์ตระกูลลั่วทุกท่านด้วย”

ชายคนหนึ่งเดินออกมาจากรถศึก แต่งกายด้วยชุดศึกสีดำทอง แสงสีดำเย็นเยียบฉายวาบ ตัวเขาแปลกประหลาดและงามสง่ามาก ดูไปเหมือนยังหนุ่ม

เขาก็คือเหวินเทียนซาง เฒ่าชราขั้นดับเทพที่น่ากลัวคนหนึ่ง!

“สหายยุทธ์นำผู้แข็งแกร่งมา ต้องการจะเปิดศึกกับตระกูลลั่วของข้าหรือ”

ลั่วเซียวตรงไปตรงมานัก เอ่ยอย่างเย็นชา

“ได้ยินว่าเศษเดนคีรีดวงกมลนามหลินสวินผู้นั้นอยู่ในตระกูลลั่วของพวกเจ้า เขาฆ่าคนในตระกูลข้าไปมาก ขอเพียงพวกเจ้าส่งเจ้าหมอนี่มาข้าก็จะไปทันที จะไม่สร้างความลำบากให้ตระกูลลั่วเด็ดขาด”

เหวินเทียนซางสีหน้าเรียบเฉย ยืนมือไพล่หลังอยู่บนรถศึกสีดำนั้น แผ่กลิ่นอายอหังการสะท้านเก้าฟ้าออกมา

ความจริงพวกลั่วเซียวคาดเดาเจตนาที่อีกฝ่ายมาเยือนได้แล้ว แต่เมื่อได้รับการยืนยันจากอีกฝ่าย ก็ยังทำให้พวกเขารู้สึกหนักใจอย่างเลี่ยงไม่ได้

ไม่ได้มาดีดังคาด!

“ตัวอย่างจากตระกูลเหยาและตระกูลหลิงเพิ่งผ่านไป พวกเจ้าตระกูลเหวินก็อยากจะตามรอยเท้าไปหรือ” ลู่ป๋อหยาเอ่ยปากเสียงเย็นชา

“ในเมื่อพวกเรากล้ามาเยือนในเวลานี้ย่อมเตรียมตัวมาโดยสมบูรณ์ ข้าจะพูดตรงๆ ก็ได้ ว่าถ้าคราวนี้ตระกูลลั่วทำทีต้องการปกป้องหลินสวินนั่น เกรงว่าตั้งแต่วันนี้ไปจะถูกลบชื่อจากน่านฟ้าที่หกแห่งนี้”

บนรถศึกสีดำ เหวินเทียนซางเอ่ยเสียงเฉยชา เผยความถือดีอย่างสมบูรณ์

“เฮอะ อย่างพวกเจ้าน่ะหรือ” ลู่ป๋อหยาเผยแววตาดูถูก

“ถ้าเพิ่มพวกเราด้วยล่ะ”

เสียงแหบพร่าสายหนึ่งดังขึ้น ก็เห็นว่าในห้วงอากาศไกลลิบมีเรือบัวสีแดงเพลิงลำหนึ่งทะลวงอากาศมา ประกายเพลิงงดงาม โชติช่วงสะดุดตา

บนเรือบัวมีเงาร่างสิบกว่าร่างยืนอยู่

ผู้นำคือเฒ่าชราที่แขนเสื้อใหญ่ปลิวไสว ทั้งร่างไม่มีกลิ่นอายใดๆ สงบนิ่งราบเรียบ

เหิงจ้งกู่!

ผู้ยิ่งใหญ่ขั้นดับเทพตระกูลเหิง!

ทุกคนต่างตกตะลึง ไม่กล้าดูเบา หากคนผู้นี้สำแดงอานุภาพ สามารถเคลื่อนกวาดได้หลายสิบแคว้น น่ากลัวเป็นที่สุด!

กิตติศัพท์ตระกูลเหิงในน่านฟ้าที่หกยิ่งใหญ่ถึงที่สุด อานุภาพก็ไม่อาจเทียบกับเผ่าจักรพรรดิอมตะทั่วไป น้อยคนนักที่จะกล้าท้าทาย

และตอนนี้พวกเขาก็มาแล้ว

นี่ทำให้คนตระกูลลั่วเหล่านั้นต่างใจหล่นวูบ

น่ากลัวเกินไปแล้ว ชั่วขณะเดียวก็มีกำลังพลจากเผ่าจักรพรรดิอมตะสองตระกูลใหญ่ปรากฏตัว เคลื่อนทัพมาหน้าเขาเทพหลังมังกร!

“สหายยุทธ์เทียนซางพูดถูก พวกเรามาคราวนี้เพียงแค่มาจับหลินสวินคนนี้เท่านั้น” เหิงจ้งกู่เอ่ยเรียบๆ วาจาเรื่อยเฉื่อย

เมื่อประโยคนี้ดังออกมา ทุกคนต่างหน้าเปลี่ยนสี

มาเพราะหลินสวินอีกแล้ว!

ลั่วเซียวกะพริบตา แสงประกายไหวเคลื่อน กล่าวว่า “ถ้าตระกูลลั่วของข้าไม่รับปากล่ะ”

“แลกชีวิตของคนทั้งตระกูล เพื่อเศษเดนคีรีดวงกมลที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกันคนหนึ่ง คุ้มหรือ” เหวินเทียนซางถามเปรยๆ

คนตระกูลลั่วเหล่านั้นสีหน้าบิดเบี้ยวไม่หยุด รู้สึกกดดันอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

“ที่มาคราวนี้มีแค่พวกเจ้าสองตระกูลหรือ” ลู่ป๋อหยาเอ่ยถาม

“ไม่ใช่อย่างแน่นอน”

เสียงหัวเราะแจ่มใสเสียงหนึ่งดังขึ้น

จากนั้นคนของเผ่าจักรพรรดิอมตะตระกูลหงก็มาแล้ว ผู้นำเป็นชายที่เหมือนกับเด็กหนุ่มงามสง่าคนหนึ่ง สวมชุดขนนก มือถือพัดขนนกสีทอง หล่อเหลาโสภา แต่ทั้งตัวกลับมีกลิ่นอายน่าครั่นคร้ามของขั้นดับเทพ

หงเสวียนตู!

ลือกันว่าเขามีชีวิตอยู่มานานกว่าเหวินเทียนซางกับเหิงจ้งกู่เสียอีก อย่ามองว่ารูปลักษณ์เหมือนเด็กหนุ่ม ความจริงแล้วเป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าที่มีชีวิตอยู่ไม่รู้นานเท่าไรผู้หนึ่ง

และเมื่อพวกหงเสวียนตูเพิ่งมาถึง ผู้แข็งแกร่งตระกูลเฮ่อก็มาเยือนเช่นกัน ทำให้บรรยากาศบริเวณใกล้เคียงเขาเทพหลังมังกรยิ่งกดดันและตึงเครียดขึ้นไปอีก

“หลินสวินเล่า ยังไม่ออกมารับความตายอีกหรือ!?” ผู้นำตระกูลเฮ่อเป็นสตรีที่สวมชุดนักพรตสีชาดผู้หนึ่ง รูปลักษณ์งามล้ำ แต่สีหน้ากลับเหี้ยมเกรียมถึงขีดสุด

เฮ่อหวั่นเจิน!

ผู้ยิ่งใหญ่ขั้นดับเทพ!

นางเพิ่งนำผู้แข็งแกร่งตระกูลเฮ่อมาถึงก็เอ่ยว่าจะฆ่าหลินสวิน ดูแข็งกร้าวหาใดเทียบ

ถึงตอนนี้ที่นอกเขาเทพหลังมังกร ก็มีกำลังพลของเผ่าจักรพรรดิอมตะสี่ตระกูลใหญ่ อย่างตระกูลเหวิน เหิง หงและเฮ่อรวมตัวกันแล้ว ภาพเช่นนั้นทำให้ทุกคนรู้สึกหายใจติดขัดและสิ้นหวัง

แต่นี่ยังไม่จบ

จู่ๆ ใต้เวิ้งฟ้าไกลลิบก็เกิดเสียงดังสนั่นสะท้านฟ้าสะเทือนดิน

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท