Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2667 กล้าไม่โกงไหม

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2667 กล้าไม่โกงไหม

ตอนที่ 2667 กล้าไม่โกงไหม

มีระดับอมตะขั้นอายุขัยเทียมฟ้าถูกฟันไปอีกคน ศพแยกออกเป็นสองส่วน ร้องโหยหวนชวนหดหู่ลั่นจักรวาล!

ทุกคนในที่นั้นเห็นดังนี้ก็ศีรษะชาหนึบ หายใจลำบาก ตกตะลึงไปหมด รับความจริงที่เกิดขึ้นได้ยากนัก

ไยถึงเป็นเช่นนี้

นี่เกินกว่าจินตนาการของพวกเขา

ด้วยการร่วมกันล้อมโจมตีของระดับอมตะ หลินสวินถึงกับสามารถโต้ตอบกลับอย่างแข็งกร้าว เข่นฆ่าระดับอมตะขั้นอายุขัยเทียมฟ้าสองคนต่อเนื่อง นี่เป็นพลานุภาพระดับไหนกัน

นี่เป็นระดับอมตะขั้นอายุขัยเทียมฟ้าเชียวนะ

ชั่วความคิดเดียว ฟ้าดินพลิกคว่ำจักรวาลแปรผัน ลมหายใจเดียวกวาดทำลายภูผาธาราหมื่นลี้ได้ แข็งแกร่งหาใดเทียบ อยู่เหนือเกินใคร

แต่ตอนนี้กลับถูกสังหารอย่างง่ายดายที่นี่!

หลายคนยิ่งเห็นชัดว่าระหว่างที่หลินสวินสังหารระดับอมตะคนนั้น ไม่ใช่ไม่มีใครคิดช่วยเหลือ แต่ล้วนถูกหลินสวินซัดสะเทือนออกไป ไม่มีใครสามารถกลับมาช่วยได้ทันสักนิด!

ท่าทีอันโอหังเช่นนี้ ใครจะไม่สั่นสะท้าน

ขณะนี้ไม่เพียงแต่คนตระกูลลั่วเหล่านั้นที่นิ่งอึ้ง กระทั่งเหล่าขุมอำนาจที่มาบุกเหล่านั้นยังหวาดผวา สงบใจได้ยาก

หลินสวินคนนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว เป็นศัตรูตัวฉกาจที่เย้ยฟ้าจนไม่อาจทำความเข้าใจได้!

“ผู้อาวุโส!”

คนกลุ่มหนึ่งร้องลั่น สีหน้าเต็มไปด้วยความพรั่นพรึง นั่นเป็นผู้อาวุโสของตระกูลพวกเขา ตอนนี้ตายไปทำให้พวกเขาเสียผู้ปกป้องไปโดยสิ้นเชิง…

……

ยามนี้ระดับอมตะอย่างพวกเหวินเทียนซางเหมือนได้เผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจนานแล้ว แต่ละคนโคจรพลังปราณทั้งหมด ทั้งร่างอบอวลด้วยกลิ่นอายอมตะเจิดจ้า เหมือนคีรีเทพหลายลูกเรียงรายอยู่ตรงนั้น ปลดปล่อยแสงโชติช่วง เพรียกหากันและกัน ทำให้ฟ้าดินอวลไปด้วยแสงมรรคไร้สิ้นสุด มีแต่ละอองแสงทั่วทุกหนแห่ง

พวกเขาสีหน้าอึมครึมจนน่ากลัว ความรู้สึกโกรธและตกใจปนเปกันไป

เดิมทีพวกเขาไม่กลัว นึกว่าแค่สังหารมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิคนหนึ่ง เพียงดีดนิ้วก็ปลิดชีพเขาได้สบาย

แต่ตอนนี้พลังต่อสู้สะท้านโลกที่ไม่อาจใช้สามัญสำนึกมาวัดได้ของหลินสวิน กลับทำให้สถานการณ์แปรเปลี่ยนเป็นอันตรายขึ้นมา!

สวบ!

ทั้งหมดนี้ไม่ส่งผลต่อหลินสวินสักนิด เขาเคลื่อนไหวไม่หยุด เงาร่างพริบวาบกลางห้วงอากาศ กระบี่ในมือสั่นเบาๆ ฟันออกมาเป็นแสงประกายสายหนึ่ง กดข่มออกไปเสียงดังสนั่น

ปราณกระบี่นี้โชติช่วงเกินไป พลังระเบียบอสนีสีม่วงที่ไหลหลั่งพร้อมกับแสงสายฟ้าไร้สิ้นสุด ทำให้ระดับอมตะทุกคนต่างหนักอึ้งในใจ

“สารเลว!”

จู้จิ่วเจียงสีหน้าอึมครึม เอ่ยปากเย็นชา กระบี่เทพสีเลือดในมือทะลวงอากาศ ปรากฏการณ์ประหลาดน่าครั่นคร้ามดั่งภูเขาศพทะเลเลือดผุดขึ้นมา พุ่งเข้าปะทะอย่างแข็งกร้าว

ตูม!

ฟ้าดินพลิกคว่ำ ละอองแสงงดงามแถบหนึ่งปกคลุมหนาแน่น ทะลวงฟ้าคราม ที่นี่กลายเป็นทะเลที่มีปราณกระบี่แผ่กระจาย ภาพและเสียงยิ่งใหญ่หาใดเทียบ กระตุ้นจิตวิญญาณ

แต่เช่นเดียวกับก่อนหน้านี้ พลังระเบียบที่ประทับในกระบี่นี้ของจู้จิ่วเจียงถูกบดขยี้อย่างง่ายดาย

และระเบียบอสนีม่วงในกระบี่มรรคของหลินสวินก็ซัดกวาดอย่างเหิมเกริม!

พรูด

ผู้แข็งแกร่งในขั้นดับเทพอย่างจู้จิ่วเจียงยังถูกอานุภาพของกระบี่นี้ซัดจนกระอักเลือด!

เขาสีหน้าคล้ำเขียวหาใดเทียบ ตาแทบหลุดจากเบ้า ใกล้จะเสียสติจริงๆ แล้ว

เตากระบี่เตาหนึ่งควบคุมพลังระเบียบ สยบการจู่โจมของพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่า และด้วยพลังต่อสู้ของตัวเขา พวกเขาก็ยังถูกระเบียบอสนีม่วงของตระกูลลั่วคุกคาม…

นี่จะให้ใครไม่สติแตกได้

ตอนนี้ระดับอมตะคนอื่นยิ่งไม่กล้าชะล่าใจ จู่โจมพร้อมกันด้วยพลังทั้งหมดที่มี ประหนึ่งคีรีเทพดึกดำบรรพ์แต่ละลูกกำลังเคลื่อนกวาด หมายจะสังหารหลินสวิน

ชั่วพริบตาฟ้าดินแห่งนี้ก็มีแต่แสงมรรคอมตะ กร้าวแกร่งและสูงส่ง เกิดเป็นพลังกดข่มอันน่ากลัว ร่วมกันบดขยี้ไปทางหลินสวิน

การโจมตีพร้อมกันเช่นนี้น่ากลัวจนทำเอาจิตวิญญาณสั่นไหว ยากจะเกิดแรงต้านทาน

แต่หลินสวินที่อยู่ในวงล้อมนั้นกลับเหมือนมังกรออกจากหุบเหว ไม่เพียงไม่หลบหนี กลับเข้ารับหน้า กระบี่มรรคโฉบพุ่งผ่านอากาศ ฟันออกมาเป็นปราณกระบี่ระเบียบอสนีสีม่วงถาโถมเข้าปะทะ

ตูม โครมๆ!

ฟ้าดินคล้ายพังถล่ม จมจ่อมและพินาศ คลื่นปะทะอันน่าครั่นคร้ามทำให้ที่แห่งนี้กลายเป็นพื้นที่ชุลมุน ละอองแสงสาดส่อง เสียงดังสนั่น ทำให้ทุกคนมองไม่เห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นข้างในนั้น

การประมือระดับนี้น่ากลัวเกินไป ไม่ว่าจะเป็นคนในตระกูลลั่วหรือขุมอำนาจศัตรูเหล่านั้น บัดนี้ต่างเกิดความรู้สึกหวาดผวา จิตใจไม่อาจสงบได้

ปัง!

ไม่นานนักเสียงดังลั่นบาดหูระลอกหนึ่งก็ลอยมาจากสนามรบที่ปกคลุมด้วยละอองแสงนั้น

จากนั้นเสียงคำรามอันน่าอนาถหาใดเทียบเสียงหนึ่งก็ดังออกมา…

“เจ้ามารชั่ว! ถึงกับกล้าทำลายยอดสมบัติของข้า ข้าจะสู้สุดชีวิตกับเจ้า!!”

“เจ้าหมาเฒ่า ข้าจะส่งเจ้าลงนรก!”

แทบจะในขณะเดียวกัน เสียงเย็นเยียบสงบนิ่งของหลินสวินก็ดังขึ้น

เสียงยังไม่ทันเงียบลง ในสายตาทุกคนก็เห็นหลินสวินที่สวมชุดขาวพระจันทร์เปล่งประกายเจิดจ้าไปทั้งตัว โดดเด่นละโลกีย์ พลันเหยียบย่างไปในห้วงอากาศและมาถึงหน้าชายวัยกลางคนชุดดำคนหนึ่ง

ฟุ่บ!

ปราณกระบี่สายหนึ่งพุ่งออกมาพร้อมกันเหมือนลำแสงที่มาจากส่วนลึกของฟ้าดารา ฟันลงมาฉับพลัน ศีรษะหนึ่งลอยคว้าง ฝนเลือดพุ่งกระฉูด!

ศีรษะนี้ลอยขึ้นสูงยิ่ง บนใบหน้าเจือความหวาดผวาและไม่ยินยอม เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจและยากจะเชื่อ

ระดับอมตะขั้นอายุขัยเทียมฟ้าอีกคนถูกฟัน กายสิ้นมรรคสลาย ตายไปโดยสมบูรณ์!

ภาพนี้สร้างความสะเทือนให้ทั้งที่นั้นอีกครั้ง ทุกคนต่างนิ่งอึ้งเหมือนรูปปั้น แทบอยากกลั้นหายใจ ไม่อาจคาดคิดได้ว่าเพียงแค่ครู่เดียวก็มีระดับอมตะอีกคนตายด้วยน้ำมือหลินสวิน!

นี่ไม่ใช่หมายความว่า ต่อให้เหล่าระดับอมตะร่วมกันลงมือก็ไม่อาจต่อกรหลินสวินได้หรือ

……

การต่อสู้ยังดำเนินต่อไป ไม่ได้ชะลอลงเพราะเรื่องนี้

ถึงขั้นที่ว่าเพราะการตายของระดับอมตะขั้นอายุขัยเทียมฟ้าสามคน ทำให้สถานการณ์การต่อสู้แปรเปลี่ยนเป็นอนาถยิ่งขึ้นอีก

ไม่มีใครกล้าชะล่าใจอีก พวกเหวินเทียนซางก็ไม่กล้าออมมือแต่อย่างใด เข้าห้ำหั่นกับหลินสวินเต็มกำลัง

ด้านหลินสวินก็ไม่ชักช้าใดๆ เช่นกัน พุ่งโฉบกลางการโจมตีของระดับอมตะเหล่านั้นเพียงลำพัง อานุภาพดุจเทพ!

ผมยาวดำของเขาปลิวสยาย แววตาดุจสายฟ้าเย็นเยียบ เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งลอยอยู่เหนือศีรษะ กระบี่มรรคเหนี่ยวนำพลังระเบียบอสนีสีม่วงแผ่พุ่งทั่วทิศ โอหังอหังการ ดุจราชันเหนือโลกาที่ไม่อาจเอาชนะได้

ท่าทางกร้าวแกร่งเช่นนั้นทำให้ทุกคนในที่นั้นสั่นสะท้านอีกระลอก จิตใจไหวหวั่น ไม่อาจข่มตัวเองได้

ฟุบ!

ไม่นานนักหลินสวินก็คว้าโอกาสได้ กระโจนตัวขึ้นไปและฟันสังหารระดับอมตะขั้นอายุขัยเทียมฟ้าอีกคนได้ทั้งอย่างนั้น!

ซ่า!

ฝนเลือดกระเซ็นกระสาย ระดับอมตะผู้นั้นยังไม่ทันร้องโหยหวน ตัวเขาก็ถูกปลิดชีพคาที่ สภาพการตายน่าอนาถ ทำเอาทุกคนในที่นั้นหวาดหวั่นใจ

“เจ้ามารชั่วสมควรตาย!”

ระดับอมตะรวมถึงพวกเหวินเทียนซางสีหน้าคล้ำเขียวอึมครึมถึงที่สุดแล้ว โกรธจนตาถลนผมตั้ง

สู้มาถึงตอนนี้ ยังไม่ถึงครึ่งเค่อก็มีระดับอมตะสี่คนถูกสังหารต่อเนื่อง นี่ทำให้พวกเขารู้สึกกราดเกรี้ยวเป็นที่สุด ทั้งยังตกตะลึงและหวาดหวั่นอย่างไม่อาจควบคุมได้

นี่จะน่ากลัวเกินไปแล้ว!

ทำเอาพวกเขารับมือไม่ทัน ไม่อาจยอมรับได้

ไม่เพียงแต่พวกเขา ทุกคนที่อยู่ที่นั่นต่างขวัญผวาจนแทบเสียการควบคุม

อานุภาพของหลินสวินสร้างแรงสะเทือนให้พวกเขาอย่างรุนแรงชนิดล้มล้างความเข้าใจ ไม่อาจจินตนาการได้

ทว่า…

ทั้งหมดนี้เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น

สิบชั่วดีดนิ้วผ่านไป

ชายที่สวมชุดหลากสี มือถือกระบองสำริดคู่หนึ่งถูกฆ่า ปราณกระบี่ที่แปลงจากระเบียบอสนีม่วงฟันเอวเขาขาดเป็นสองส่วน ขิตสิ้นวิญญาณสลาย

สามสิบชั่วดีดนิ้วผ่านไป

ระดับอมตะขั้นอายุขัยเทียมฟ้าที่ร่วมประกบโจมตีหลินสวินสองคน ถูกหลินสวินใช้กระบวนค่ายกลกระบี่ระเบียบอสนีอันไพศาลบดขยี้ทั้งเป็น!

และพร้อมกันนั้นระดับอมตะขั้นดับเทพอย่างหงเสวียนตูก็ได้รับบาดเจ็บ ได้รับผลกระทบจากกระบวนค่ายกลกระบี่จนแขนขาดไปข้างหนึ่ง

ห้าสิบชั่วดีดนิ้วผ่านไป

พร้อมๆ กับเสียงร้องโหยหวนน่าอนาถสะท้านฟ้า ชายน่าเกรงขามที่หนีไม่ทันคนหนึ่งร่างกายระเบิดออกกลางอากาศ กลายเป็นฝนเลือดสาดกระเซ็นเต็มฟ้า

เขาถูกระเบียบอสนีม่วงเคลื่อนกวาด ถล่มสังหารรุนแรง!

พร้อมๆ กับเวลาที่ผ่านไป จำนวนระดับอมตะที่ล้อมโจมตีหลินสวินเหล่านั้นก็เริ่มลดลงไม่หยุด…

กระทั่งการต่อสู้ผ่านไปหนึ่งเค่อ

ผู้คนที่ตื่นตะลึงอยู่พลันพบว่าระดับอมตะขั้นอายุขัยเทียมฟ้าสิบสามคมที่ล้อมโจมตีหลินสวิน ถูกฆ่าไปแล้วเก้าคน ตอนนี้เหลือเพียงสี่คน!

ส่วนระดับอมตะขั้นดับเทพห้าคนอย่างเหวินเทียนซาง เหิงจ้งกู่ หงเสวียนตู จู้จิ่วเจียงและเฮ่อหวั่นเจิน ได้รับบาดเจ็บไม่มากก็น้อยไปแล้ว

โดยเฉพาะหงเสวียนตูได้รับบาดเจ็บสาหัส!

การค้นพบนี้ทำเอาผู้คนที่จิตใจสั่นไหวงุนงงไปแล้วพลันเกิดความรู้สึกหนาวเยือกเหมือนตกลงไปในหลุมน้ำแข็ง

มกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิคนหนึ่ง สู้มาจนตอนนี้ สังหารระดับอมตะขั้นอายุขัยเทียมฟ้าไปเก้าคน ทำร้ายระดับอมตะขั้นดับเทพไปห้าคน!

นี่น่าตื่นตะลึงเกินไปแล้ว!

“นี่เป็นไปได้อย่างไร…”

ตอนนี้ใบหน้างดงามของเฮ่อหวั่นเจินยังเหยเกไปชั่วขณะหนึ่ง เต็มไปด้วยความตกตะลึง

นางมีฐานะเป็นระดับอมตะขั้นดับเทพ แต่ไม่เคยผ่านการต่อสู้นองเลือดแปลกประหลาดเช่นนี้มาก่อน

“ถ้าไม่ชิงเตากระบี่ที่อยู่ในมือเจ้าหมอนี่ ศึกนี้ต่อให้ดำเนินต่อไปก็ไม่มีทางแก้สถานการณ์ได้!”

หงเสวียนตูกัดฟันเข่นเขี้ยว บนใบหน้าหล่อเหลาแปลกประหลาดมีแต่ความเหี้ยมเกรียม

มาถึงตอนนี้แล้ว ฝั่งพวกเขาบาดเจ็บล้มตายสาหัสนัก แต่หลินสวินกลับไม่สึกหรอสักนิด นี่ทำให้ทุกคนใกล้บ้าแล้ว

ใครจะไม่รู้ว่าถ้านสถานการณ์ดำเนินต่อไปเช่นนี้ ฝ่ายพวกเขารังแต่จะยิ่งบาดเจ็บล้มตายหนักขึ้นไปอีก

ระดับอมตะขั้นดับเทพเหล่านี้เคยใช้วิชาลับและสมบัติ หมายจะชิงเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งที่หลินสวินใช้ไป

แต่ล้วนคว้าน้ำเหลวโดยไม่มีข้อยกเว้น

กลับกันในระหว่างนี้เองที่ทำให้พวกเขาได้รับบาดเจ็บไปทั้งตัว ในใจจึงคับข้องแทบระเบิด

ตูม!

ทันใดนั้นเสียงกึกก้องสะท้านฟ้าก็ดังขึ้น มีระดับอมตะอีกคนหนึ่งถูกสังหารคาที่

ภาพนองเลือดนั้นกระตุ้นให้เหวินเทียนซางโมโหเลือดขึ้นหน้า คำรามเสียงดุดันว่า

“เจ้ามารชั่ว เจ้ากล้าไม่โกงไหม!”

ทั้งที่นั้นเงียบไปอย่างประหลาด

ผู้คนที่เดิมสั่นสะท้านจนอกสั่นขวัญหายอยู่เหล่านั้น ในสมองยังงุนงงอยู่บ้าง เป็นถึงระดับอมตะขั้นดับเทพคนหนึ่ง เหตุใดจึงพูดจาฟั่นเฟือนเช่นนี้ออกมาได้

ด้านคนตระกูลลั่วก็อึ้งไปหมดแล้ว จากนั้นพลันระเบิดเสียงหัวเราะที่สะเทือนไปถึงชั้นเมฆ

เจ้าเฒ่านี่ถูกบีบจนจิตใจปั่นป่วนว้าวุ่น ถึงได้กล่าววาจาโง่งมที่ไม่ได้ผ่านสมองเช่นนี้ออกมากระมัง

กล้าไม่โกงไหม

แล้วพวกเจ้าล่ะกล้าข่มพลังปราณลงไปเป็นระดับบรรพจารย์จักรพรรดิ แล้วสู้ตัวต่อตัวกับหลินสวินหรือไม่

เสียงหัวเราะระงมกระจายออกไป ทำเอาพวกหงเสวียนตู เหิงจ้งกู่ต่างตาเบิกกว้าง เจ้าเหวินเทียนซางนี่จะไม่สนมาดและฐานะไปหน่อยแล้วกระมัง

ขายหน้าถึงตระกูลจริงๆ!

เหวินเทียนซางเมื่อกล่าวเช่นนี้ออกมาก็รับรู้ได้ว่ามีอะไรชอบกล แต่ไม่อาจย้อนกลับไปได้แล้ว ใบหน้าชราของเขาอัดอั้นจนคล้ำม่วง ความอับอายอย่างบอกไม่ถูกระคายจิตใจ ทำตัวไม่ถูกขึ้นมาพลัน

แต่ไม่นานนักเขาก็ไม่อาจสนใจเรื่องนี้อีก

เพราะบัดนี้หลินสวินที่ต่อสู้อย่างทรงพลังมาตลอด ฆ่าระดับอมตะขั้นอายุขัยเทียมฟ้าไปอีกคนแล้ว!

ภาพนองเลือดเช่นนั้นทำให้บรรยากาศแปรเปลี่ยนเป็นกดดันอีกครั้ง ผู้ชมการต่อสู้เหล่านั้นก็จิตใจบีบคั้นตามไปด้วย

“ไป!”

ก็ในตอนนี้เอง จู่ๆ เฮ่อหวั่นเจินก็ถอนตัว เคลื่อนบย้ายผ่านห้วงอากาศมุ่งหน้าไปยังที่ห่างไกล

นางถึงกับละทิ้งการต่อสู้ ตัดสินใจถอยหนี!

ภาพที่เกิดขึ้นกะทันหันนี้ทำให้สถานการณ์ในสนามรบเปลี่ยนแปลงไปทันที

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท