Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2693 เกิดความเมตตาหรือ

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2693 เกิดความเมตตาหรือ

ตอนที่ 2693 เกิดความเมตตาหรือ

พวกตงหวงฉยง ฉีทิงจื่อ จงหลีชง มู่ชางเจี่ยล้วนเผยสีหน้าประหลาดใจระลอกหนึ่ง

พวกเขาอยู่ในน่านฟ้าที่แปดเหมือนกับตระกูลฝู จะไม่รู้ได้อย่างไรว่ากายสี่ลักษณ์เก้าวิญญาณของตระกูลฝูน่ากลัวเพียงใด

และตอนนี้ร่างแยกที่หลินสวินใช้ เห็นชัดว่ามีความมหัศจรรย์คล้ายกัน!

เทียบกับระดับอมตะแล้ว ตอนนี้คนอื่นๆ ล้วนอึ้งงันอยู่ตรงนั้น หัวสมองมึนงง

ในสายตาของพวกเขา หลังจากกำราบชายชุดทอง ร่างต้นของหลินสวินไม่หยุดสักนิด พุ่งเข้าไปร่วมมือกับร่างแยกกำราบคู่ต่อสู้คนอื่นๆ

หลังจากนั้นมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิคนแล้วคนเล่าถูกเขายัดเข้าไปในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งราวกับเขี่ยเมล็ดข้าวโพด

เพียงชั่วพริบตาการต่อสู้ครั้งนี้ก็สิ้นสุดลงแล้ว

เหล่าผู้ชมการต่อสู้อึ้งจนตาค้างโดยสิ้นเชิง

เดิมทีพวกเขาคิดว่าจะเกิดการเข่นฆ่าดุเดือดหาใดเปรียบ ถึงขั้นคิดว่าเป็นไปได้สูงมากว่าหลินสวินต้องจ่ายค่าตอบแทนสาหัสเพราะความใจกล้าของตัวเอง

ไหนเลยจะคิดว่าเหตุการณ์การต่อสู้กลับปรากฏในรูปแบบตรงข้าม มกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิหกคนนั้นไม่มีโอกาสหนีด้วยซ้ำ ล้วนถูกกำราบทั้งหมด!

“รวมกับกู้หลิวไห่ คู่ต่อสู้ที่ถูกหลินสวินกำราบมีเจ็ดคนแล้ว พอให้เขาผ่านด่านสองครั้งแล้ว แต่เขากลับไม่ทำเช่นนั้น หรือตั้งใจจะกำราบคู่ต่อสู้ให้ได้มากกว่านี้”

มีคนพูดอย่างอึ้งๆ

หินก้อนเดียวก่อเกิดพันคลื่น ผู้คนหน้าวังกระบี่หมื่นยอดต่างฮือฮาขึ้นมา

“หากให้หลินสวินทำเช่นนี้ต่อไป ก็หมายความว่าผู้เข้าร่วมการทดสอบคนอื่นๆ จำนวนมากจะเสียโอกาสในการผ่านด่าน!”

มีเฒ่าดึกดำบรรพ์กล่าวด้วยสีหน้าไม่น่ามอง

เดิมทีหลินสวินสังหารคู่ต่อสู้สามคนก็สามารถผ่านด่าน เข้าร่วมการทดสอบรอบที่สองได้แล้ว

แต่ตอนนี้เขากลับไม่คิดไปจากสมรภูมิหมื่นยอดแห่งนี้ และหากในเวลาหลังจากนี้คู่ต่อสู้ที่ถูกเขากำราบมีมากขึ้นเรื่อยๆ ก็จะตัดรายชื่อผู้ผ่านด่านไปเป็นจำนวนมาก!

แน่นอนว่านี่เป็นสิ่งที่เผ่าจักรพรรดิอมตะเหล่านั้นไม่อาจรับได้

ผ่านมาไม่รู้นานเท่าไรกว่าหอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิดตจะเปิดรับผู้สืบทอดในครั้งนี้ โอกาสที่เหมือนั่งวาสนาที่ไม่อาจร้องขอเช่นนี้ เผ่าจักรพรรดิอมตะที่พอจะมีที่มาไม่ธรรมดา แน่นอนว่าต้องคาดหวังว่าจะคว้ามาได้

แต่ถ้าในการทดสอบรอบที่หนึ่งนี้ เพราะการดำรงอยู่ของหลินสวินส่งผลให้ลดคนจำนวนมากที่เดิมสามารถผ่านด่านไปได้ นี่ย่อมทำให้คนต่อต้านและเดือดดาลมาก

“ผู้อาวุโสเซียว การทดสอบรอบที่หนึ่งนี้จะให้หลินสวินกำเริบเสิบสานเช่นนี้ได้อย่างไร นี่ผิดกฎชัดๆ ขอให้ผู้อาวุโสเซียวหยุดยั้งด้วย”

ระดับอมตะคนหนึ่งกล่าวออกมา เต็มไปด้วยความเดือดดาล

พลันนั้นแต่ละคนล้วนเดือดพล่าน พากันเอ่ยปาก

“ใช่แล้ว เขาสามารถผ่านด่านได้แล้วแท้ๆ กลับใช้วิธีไร้ยางอายเช่นนี้อยู่ในสมรภูมิหมื่นยอดต่อ เห็นชัดว่าไม่คิดจะให้โอกาสคนอื่นๆ!”

“การกระทำชั่วร้ายเช่นนี้ต้องหยุดยั้งและดำเนินการลงโทษ!”

“ใช่ จะปล่อยให้เจ้าหมอนี่ทำตามอำเภอใจไม่ได้อีก!”

…ชั่วขณะหนึ่งหลินสวินกลายเป็นคนที่ถูกตราหน้า ทำให้เหล่าผู้ชมในที่นั้นวุ่นวายโกลาหลขึ้นมาระลอกหนึ่ง สีหน้าก็ล้วนแปลกพิกลยิ่ง

ในการทดสอบ เพราะหลินสวินทำได้น่าทึ่งเกินไปทำให้ขุมอำนาจอมตะเหล่านั้นเดือดดาล หากข่าวกระจายออกไปจะต้องทำให้ทั่วหล้าสั่นไหวอย่างแน่นอน

พบเจอเหตุการณ์เช่นนี้เซียวเหวินหยวนเองก็ปวดหัว อดเคลื่อนสายตามองไปยังฟางเต้าผิงไม่ได้ กล่าวว่า “พี่ฟาง นี่จะทำอย่างไร”

ตงหวงชิงสอดปากขึ้นมาว่า “ยังจะอย่างไรได้ แน่นอนว่าลงโทษเขาให้หนัก! เจ้าหมอนี่ดูเหมือนไม่ได้ฝ่าฝืนกฎ แต่เห็นชัดว่าใช้ช่องว่างของกฎ!”

หนึ่งต่อหกหลินสวินยังสามารถได้รับชัยชนะอย่างง่ายดาย ทำให้เขาอึ้งไปเช่นกัน ไม่กล้าจินตนาการว่าหากหลินสวินก้าวสู่มรรคาอมตะ ด้วยรากฐานพลังและคุณสมบัติของอีกฝ่าย จะมีอานุภาพที่น่ากลัวเพียงใด

นี่ทำให้ในใจตงหวงชิงไม่สามารถสงบได้

ในฐานะคนตระกูลตงหวง แน่นอนว่าเขาไม่อยากเห็นหลินสวินกำเริบเสิบสานเช่นนี้ต่อไป

“พวกเราเป็นคนตั้งกฎ เกิดช่องโหว่งเช่นนี้ก็เป็นความรับผิดชอบของพวกเรา จะโยนความผิดให้คนรุ่นเยาว์คนหนึ่งได้อย่างไร”

หลีเจินมองตงหวงชิงอย่างเย็นเยียบแวบหนึ่ง “ผู้อาวุโสตงหวง เจ้าระวังคำพูดของตัวเองหน่อยจะดีที่สุด เจ้าในฐานะคนตระกูลตงหวง ก็มีตำแหน่งเป็นผู้อาวุโสหอแรกพิสุทธิ์เช่นกัน!”

ตงหวงชิงสีหน้าไม่น่าดูเล็กน้อย

ฟางเต้าผิงที่สีหน้าราบเรียบเหมือนคนนอกเสมอมา ตอนนี้ก็พลันกล่าวว่า “กฎก็คือกฎ ในเมื่อเจ้าหมอนี่ไม่ได้ฝ่าฝืนกฎก็ไม่จำเป็นต้องลงโทษ”

เซียวเหวินหยวนยิ้มขื่นกล่าว “แต่ลัทธิแรกกำเนิดของพวกเรารับผู้สืบทอดครั้งนี้ก็เพื่อเลือกต้นกล้าที่โดดเด่น หากปล่อยให้หลินสวินทำเช่นนี้ต่อไป สุดท้ายคนที่สามารถผ่านการทดสอบรอบแรกได้คงมีไม่กี่คนแล้ว”

“ใช่แล้ว ผู้อาวุโสเซียวพูดถูกยิ่ง” ตงหวงชิงกล่าวเสริม

ห่างออกไปยังคงมีเสียงขุ่นเคืองไม่พอใจ บรรยากาศในที่นั้นยิ่งสั่นไหว

ฟางเต้าผิงเงียบไปครู่หนึ่ง กล่าวว่า “ทุกอย่างอิงตามกฎ”

ตงหวงชิงขมวดคิ้วเล็กน้อย

เซียวเหวินหยวนยิ้มขื่นระลอกหนึ่งแล้วตอบรับ

จู่ๆ หลีเจินก็กล่าวว่า “เจ้าสามารถบอกความเคลื่อนไหวที่โลกภายนอกกับหลินสวินได้ เขาจะหยุดหรือไม่ ให้เขาเป็นคนตัดสินใจเอง”

เซียวเหวินหยวนยิ้มขึ้นมาทันที “นี่ถือเป็นวิธีที่ดี”

สายตาของเขามองไปทางฟางเต้าผิง เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ได้แย้งก็วางใจทันที ใช้วิชาลับแทรกจิตรับรู้เสี้ยวหนึ่งเข้าไปในสมรภูมิหมื่นยอดที่ตนควบคุมในทันที

……

หลินสวินกำลังนับทรัพย์หลังศึก

มกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิพวกนี้แต่ละคนที่มาไม่ธรรมดา หลายคนเป็นบุคคลชั้นสูงในขุมอำนาจชั้นยอดแห่งน่านฟ้าที่เจ็ด แน่นอนว่ามั่งมียิ่งนัก

ทรัพยากรฝึกปราณชนิดต่างๆ รวมกัน มูลค่าระดับนี้ทำเอาหลินสวินเองยังประหลาดใจไม่หยุด

แน่นอนว่าทรัพย์หลังศึกเหล่านี้ได้กลายเป็นสมบัติในครอบครองของหลินสวินแล้ว

กฎไม่ได้บอกว่าห้ามปล้นสมบัติติดตัวของคู่ต่อสู้…

ตอนที่หลินสวินกำลังใคร่ครวญว่าจะอยู่บริเวณนี้ต่อ ดูว่าจะสามารถดึงดูดคู่ต่อสู้มาได้อีกหรือไม่ เสียงสื่อจิตเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นข้างหู

‘สหายน้อย ไว้หน้าข้าหน่อยได้หรือไม่ การเคลื่อนไหวหลังจากนี้ก็ระวังสักหน่อย’ เสียงฝืดเฝื่อนของเซียวเหวินหยวนเผยความจนปัญญา

หลินสวินอึ้งไป ‘ผู้อาวุโสหมายความว่าอย่างไร’

ทันใดนั้นเซียวเหวินหยวนก็เล่าแรงสะเทือนที่เกิดขึ้นในโลกภายนอกสั้นๆ พร้อมกันนั้นก็บอกท่าทีของฟางเต้าผิง หลีเจิน

หลินสวินฟังแล้วตอบรับอย่างรวดเร็ว ‘ผู้อาวุโสวางใจ กับคู่ต่อสู้ที่ไม่มีความแค้น ข้าจะไม่ลงมือกับพวกเขาก็แล้วกัน’

นี่ไม่ใช่การยอมถอย

แต่เป็นการไว้หน้าเหล่าคนใหญ่คนโตของลัทธิแรกกำเนิดอย่างพวกเซียวเหวินหยวน ฟางเต้าผิง ในอนาคตหลังจากเขาเข้าสู่หอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิดย่อมต้องการที่ยืน สามารถสานสัมพันธ์กับผู้ยิ่งใหญ่ได้ แน่นอนว่ามีแต่ผลดี

เซียวเหวินหยวนลอบถอนหายใจกล่าวว่า ‘เช่นนั้นข้าขอบใจสหายน้อยล่วงหน้า ถือว่าข้าติดหนี้น้ำใจเจ้าครั้งหนึ่ง หากเจ้าสามารถเป็นผู้สืบทอดลัทธิแรกกำเนิดได้ในครั้งนี้ ถึงตอนนั้นยามเก้ายอดเขาเลือกผู้สืบทอด ข้าจะช่วยแนะนำเจ้า’

หลินสวินยิ้มพูด ‘ผู้อาวุโสไม่จำเป็นต้องเกรงใจเช่นนี้ เพราะเชื่อในกฎของหอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิด ข้าจึงเลือกมาเข้าร่วมการทดสอบคัดเลือกครั้งนี้’

เซียวเหวินหยวนเองก็ยิ้ม ไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านี้

เรื่องราวจัดการไปแล้ว ทำให้เขาผ่อนคลายไปทั้งตัว บอกคำตอบและท่าทีของหลินสวินกับฟางเต้าผิงและหลีเจินทั้งหมด

อีกทั้งยังพูดชมหลินสวินอีกนิดหน่อยอย่างไม่ถือสา มองเป็นการแสดงน้ำใจ

ฟางเต้าผิงพยักหน้าพูด “ในจุดนี้หอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิดของเราติดหนี้น้ำใจเขาจริงๆ หากเขาผ่านการทดสอบทั้งสามรอบได้จริงๆ ยามเลือกไปฝึกปราณในเก้ายอดเขาข้าสามารถแนะนำให้เขาได้”

ตงหวงชิงนัยน์ตาหดรัด อดมองหลีเจินที่เงียบมาตลอดแวบหนึ่งไม่ได้

ก่อนหน้านี้ก็เพราะข้อเสนอของหลีเจิน ทำให้เซียวเหวินหยวนมีวิธีจัดการเรื่องนี้ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้หลินสวินได้รับความรู้สึกดีๆ จากเซียวเหวินหยวน

ฟางเต้าผิงแม้อารมณ์ราบเรียบ แต่เห็นชัดมากว่าเขาก็พอใจกับท่าทีของหลินสวินมาก ไม่เช่นนั้นไม่มีทางพูดเรื่องที่จะแนะนำหลินสวินด้วยตัวเอง

ทั้งหมดนี้ทำให้ในใจตงหวงชิงเกิดความรู้สึกอึมครึมที่ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้

……

เวลาล่วงเลยไป

ในอาณาเขตต่างๆ ของสมรภูมิหมื่นยอดเริ่มทยอยเกิดการต่อสู้และการเข่นฆ่าที่ดุเดือดหาใดเปรียบครั้งแล้วครั้งเล่า ดึงดูดสายตาของผู้คนที่โลกภายนอกทั้งหมด

การต่อสู้ระหว่างระดับมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิ เรียกได้ว่าโดดเด่นยิ่งตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ยิ่งไปกว่านั้นระดับมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิที่เข้าร่วมการทดสอบครั้งนี้ล้วนเป็นผู้มีที่มายิ่งใหญ่ วิชาลับและสมบัติที่แต่ละคนครอบครองล้วนเหนือกว่าคนทั่วไป หากเกิดการต่อสู้ขึ้น แน่นอนว่าต้องดึงดูดความสนใจได้มากมาย

เพียงแต่ผู้คนมักจะนำไปเทียบกับฝีมือที่หลินสวินเผยออกมาก่อนหน้านี้ตามจิตใต้สำนึก ทำให้การต่อสู้ที่เดิมทีเรียกได้ว่ามีสีสันดูด้อยลงไปไม่น้อย

บรรดาคู่ต่อสู้ของหลินสวินอ่อนแอเกินไปหรือ

ไม่ใช่!

เป็นพลังต่อสู้ของหลินสวินเย้ยฟ้าเกินไป แม้อยู่ในระดับมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิเหมือนกันยังมีอานุภาพและพลังที่กวาดล้างทุกสิ่งได้ สะท้านสะเทือนใจคนเป็นพิเศษ

ย้อนมองการต่อสู้ดุเดือดที่มีสีสันแพรวพราวหลังจากนั้น ก็ขาดพลังที่สามารถสะเทือนใจคนได้เช่นนั้นไปอยู่บ้าง

นี่เรียกว่าไม่เทียบไม่รู้ พอเทียบก็แบ่งแยกชัดเจน

“รีบดูเร็ว หลินสวินถูกคู่ต่อสู้กลุ่มหนึ่งจับจ้องแล้ว!”

ทันใดนั้นมีคนตะโกนออกมา พลันดึงดูดสายตาทั้งหมดที่กำลังดูการต่อสู้อื่นๆ ต่างกันไปให้มารวมอยู่ที่หลินสวินอีกครั้ง

ครั้งนี้คู่ต่อสู้ของหลินสวินคือห้าคน

นี่ทำให้ผู้คนอดปาดเหงื่อแทนห้าคนนั้นไม่ได้ มีตัวอย่างจากก่อนหน้านี้มาแล้ว จะไม่ให้พวกเขาเป็นกังวลชะตากรรมของทั้งห้าคนได้อย่างไร

โดยเฉพาะขุมอำนาจเบื้องหลังมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิห้าคนนั้น ยามเห็นภาพนี้สีหน้าล้วนอึมครึมขึ้นมา หัวใจแขวนลอย

เหตุใดต้องมาเจอดาวมฤตยูนี่!?

พวกเขาอดกังวลและร้อนรนไม่ได้ อยากเตือนแต่ก็ทำไม่ได้

จากโลกภายนอกสามารถเห็นภาพในสมรภูมิหมื่นยอดได้ แต่ในสมรภูมิหมื่นยอด ห้าคนนั้นไม่รู้ความดุร้ายของหลินสวินสักนิด

ยามนี้เมื่อเห็นหลินสวินที่อยู่ตามลำพัง ทั้งห้าคนอดเผยสีหน้าประหลาดไม่ได้ ในดวงตามีไอสังหารพลุ่งพล่าน กระเหี้ยนกระหือรือ

“อย่านะ ไม่ได้เด็ดขาด…!”

“รีบหนีไป อยู่ให้ห่างเศษเดนคีรีดวงกมลคนนี้!”

“เลอะเลือน ไม่รู้หรือว่าที่หลินสวินกล้าเคลื่อนไหวเพียงลำพังเพราะมีที่พึ่ง”

ในโลกภายนอก หลายคนร้อนใจจนพึมพำขึ้นมา ดึงดูดเสียงหัวเราะเกรียวกราวไม่รู้เท่าไร

คนในมองไม่ทะลุ คนนอกมองเห็นชัด

มกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิห้าคนนั้นจะรู้ความน่ากลัวของหลินสวินได้อย่างไร

ในขณะที่ทุกคนคิดว่าหลินสวินยังจะใช้วิธีเดิม ใช้ท่าทางบดขยี้ถึงที่สุดกำราบคู่ต่อสู้ห้าคนนั้น

สิ่งที่เหนือความคาดหมายก็เกิดขึ้น

หลินสวินที่เผชิญหน้ากับมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิห้าคนนี้กลับเป็นฝ่ายหมุนตัวจากไปก่อน!

ทุกคนอึ้งงัน นี่มันอะไรกัน

หรือเจ้าคนดุดันคนนี้เกิดเมตตาขึ้นมาแล้ว

……………………..

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท