Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2698 งานประมูลที่พิสดารบ้าคลั่ง

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2698 งานประมูลที่พิสดารบ้าคลั่ง

ตอนที่ 2698 งานประมูลที่พิสดารบ้าคลั่ง

ผู้คนที่โลกภายนอกเป็นพยานได้เห็นภาพเหตุการณ์นี้ เวลานี้ล้วนฮือฮาไม่หยุด

นี่เป็นถึงการทดสอบด่านแรกของการรับผู้สืบทอดลัทธิแรกกำเนิด แต่หลินสวินถึงกับยกเชลยให้ผู้อื่น ช่วยให้อีกฝ่ายผ่านด่าน!

นี่ทำให้คนรู้สึกแปลกๆ ในใจ

ภายในสมรภูมิหมื่นยอด พอเห็นว่าเซี่ยงเสี่ยวหยวนลังเล หลินสวินจึงอดยิ้มกล่าวไม่ได้ “ทำไม กังวลว่าหากรับความช่วยเหลือจากข้าแล้วจะถูกขุมอำนาจอมตะที่อยู่โลกภายนอกพวกนั้นหมายหัวหรือ”

เซี่ยงเสี่ยวหยวนเรียกกระบี่มรรคเล่มหนึ่งออกมาแล้วฟันสังหารเชลยสองคนนั้น จนกระทั่งเห็นว่าป้ายชื่อบนตัวสองคนนี้กลายเป็นแสงสายหนึ่งอันตรธานหายไป

คราวนี้นางจึงยิ้มกล่าวว่า “นี่เป็นถึงการทดสอบของลัทธิของแรกกำเนิด เดิมก็เป็นเรื่องต่อสู้เข่นฆ่ากันอยู่แล้ว หากข้ากลัวยังจะเข้าร่วมการทดสอบไปไยเล่า”

ในใจหลินสวินอุ่นวาบ

แม้จะไม่ได้เจอกันหลายปี แต่เห็นชัดยิ่งว่าเซี่ยงเสี่ยวหยวนยังคงมองเขาเป็นสหาย

วู้ม!

ประกายแสงระลอกหนึ่งไหลเวียน ก็เห็นป้ายชื่อบนตัวเซี่ยงเสี่ยวหยวนปรากฏออกมา โอบล้อมทั้งตัวนางอยู่ท่ามกลางละอองแสงคลุมเครือ ก่อนอันตรธานหายไปในทันที

นี่เป็นการผ่านด่าน ถูกย้ายออกจากสมรภูมิหมื่นยอดแล้ว

เมื่อเห็นภาพนี้ พวกหลิ่วเซียงเหินสามคนที่อยู่ไกลๆ ก็อดเผยแววอิจฉาขึ้นมาเสี้ยวหนึ่งไม่ได้

ผ่านการทดสอบด่านแรกง่ายๆ เช่นนี้ นี่เป็นเรื่องที่ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะคิด แต่ตอนนี้กลับเกิดขึ้นกับเซี่ยงเสี่ยวหยวน

และเมื่อเห็นเช่นนี้ จู่ๆ หลินสวินก็เอ่ยขึ้น “ทุกคน หากพวกเจ้ายินดีจ่ายสมบัติจำนวนหนึ่ง ข้าก็สามารถมอบเชลยให้พวกเจ้าได้เช่นกัน”

พวกหลิ่วเซียงเหินสะท้านไปทั้งตัว ตื่นเต้นจนนัยน์ตาวาววับ “จริงหรือ”

หลินสวินยิ้มกล่าว “แน่นอนอยู่แล้ว เอาสมบัติบนตัวพวกเจ้าออกมาให้หมด ข้าจะเลือกเฉพาะอันที่ข้าถูกใจบางส่วนเท่านั้น จากนั้นก็สามารถให้โอกาสผ่านด่านแก่พวกเจ้าได้”

โอกาสอยู่ตรงหน้าแล้ว!

แค่สมบัติบางส่วนเท่านั้น ไหนเลยจะเทียบได้กับโอกาสในการผ่านด่าน

พวกหลิ่วเซียงเหินกัดฟัน จากนั้นรีบทำตามที่หลินสวินบอก

ในฐานะมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิ ทั้งยังเป็นบุคคลชั้นสูงจากเผ่าจักรพรรดิอมตะ สมบัติบนตัวพวกเขาย่อมไม่ใช่สิ่งที่ของทั่วไปจะเทียบได้

หลินสวินเลือกอยู่พักหนึ่ง แล้วเก็บสมบัติบางส่วนไว้ก่อนจะมอบเชลยสี่คนให้อีกฝ่าย

หลิ่วเซียงเหินกับอีกคนแบ่งเชลยคนละหนึ่งคน ส่วนคนที่สามแบ่งไปสองคน

ไม่ทันไร พร้อมกับระลอกคลื่นแปลกประหลาด พวกหลิ่วเซียงเหินสามคนก็ผ่านด่านติดต่อกัน ออกจากสมรภูมิหมื่นยอดแห่งนี้

ผู้คนที่โลกภายนอกเห็นภาพเหล่านี้อยู่ในสายตา สีหน้าล้วนหลากสีสันยิ่ง

หลินสวิน เจ้าหมอนี่ถึงกับเอาการทดสอบเข้มงวดเช่นนี้เป็นสถานที่ซื้อขายจำนวนสิทธิ์ผ่านด่าน! หมดคำจะพูดแล้วจริงๆ!

มกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิที่ตกเป็นเชลยถูกหลินสวินนำมาซื้อขายเหล่านั้น เบื้องหลังแต่ละคนล้วนมีขุมอำนาจอมตะตระกูลต่างๆ คอยหนุนอยู่ เมื่อเห็นภาพเช่นนี้นี้ก็โกรธจนแทบอาเจียนเป็นเลือด โมโหระคนเดือดดาล

“ผู้อาวุโสเซียว เจ้านี่ทำเรื่องต่ำช้าเช่นนี้ จะไม่จัดการสักหน่อยหรือ” มีเฒ่าดึกดำบรรพ์ตะโกนเดือดดาล

มกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิเหล่านั้นตกเป็นเชลยก็อับอายขายหน้ามากพอแล้ว ทั้งถูกโจมตีและถูกดูหมิ่น ตอนนี้ยังถูกเอามาวางขาย ต่อให้สุดท้ายรักษาชีวิตได้ แต่ยามที่พวกเขารู้เรื่องเหล่านี้ เกรงว่าสภาวะจิตต้องเกิดปัญหาใหญ่เป็นแน่!

“นั่นสิ เหตุใดไม่ลงโทษเศษเดนคีรีดวงกมลนี่สถานหนัก”

เสียงไม่พอใจมากมายดังขึ้น ส่วนใหญ่ล้วนเป็นตระกูลที่อยู่เบื้องหลังเชลยเหล่านั้นที่โต้แย้ง

เซียวเหวินหยวนขมวดคิ้ว แค่นเสียงเย็นเอ่ยพูด “หลินสวินไม่ได้ทำผิดกฎการทดสอบ เหตุใดต้องลงโทษสถานหนัก คนอื่นเคลื่อนไหวกันเป็นกลุ่ม ตอนที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ก็ต้องแบ่งจำนวนสิทธิ์เหมือนกันไม่ใช่หรือ แค่ว่าหลินสวินเคลื่อนไหวตัวคนเดียว คู่ต่อสู้ที่เขาจับตัวได้ย่อมต้องให้เขาจัดการได้ตามสะดวก!”

ประโยคนี้ดังก้องทั่วลาน กลบเสียงทั้งหมดไว้มิด

เฒ่าดึกดำบรรพ์บางส่วนยังไม่พอใจ เพิ่งหมายจะพูดอะไรอีก หลีเจินก็เอ่ยอย่างเย็นชาว่า “นี่ทุกท่านคิดจะตั้งข้อสงสัยในกฎของหอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิดของข้าหรือ”

ความหมายในประโยคนี้แตกต่างไปแล้ว ทำเอาเฒ่าดึกดำบรรพ์เหล่านั้นล้วนเงียบปากไป ต่อให้เดือดดาลแค่ไหนก็ไม่กล้ายั่วโทสะหอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิด

คลื่นลมฉากหนึ่งถูกกลบไปเช่นนี้

แต่ไม่ทันไรทุกคนก็ถูกการเคลื่อนไหวของหลินสวินทำให้แตกตื่นอีก

ในสมรภูมิหมื่นยอด หลินสวินใช้วิชาของตนเอากองหินยักษ์มาสร้างมรรคสถานแห่งหนึ่งขึ้นในพื้นที่เปิดโล่งแถบหนึ่ง

ป้ายขนาดใหญ่อันหนึ่งแขวนอยู่บนมรรคสถาน…

‘ประมูลเชลยที่จำเป็นต่อการผ่านด่าน ใครให้ราคาสูงได้ไปครอง!’

ตัวอักษรที่หนักแน่นกระหวัดสวยงาม ลายเส้นวาดตวัด

และบนมรรคสถาน หลินสวินนำเชลยที่เหลือทั้งหมดสิบแปดคนมาจัดวางเรียงเป็นลำดับ ประหนึ่งสินค้าบนตู้แสดง

เมื่อเห็นภาพนี้ ผู้คนที่โลกภายนอกต่างปากอ้าตาค้าง อลหม่านโดยสิ้นเชิง

“เอามกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิมาเป็นสินค้า เอาสมรภูมิหมื่นยอดเป็นลานประมูล จัดงานประมูลงานหนึ่งขึ้น หลินสวินนี่บ้าไปแล้วหรือ”

“หากเรื่องนี้แพร่ออกไป…”

“สวรรค์ บนโลกนี้ยังมีเรื่องอะไรที่เขาหลินสวินไม่กล้าทำบ้าง”

ในที่นั้นแตกตื่นโกลาหล เสียงฮือฮอาดังขึ้นสี่ทิศ ผู้คนล้วนถูกการกระทำของหลินสวินทำให้ตกใจ

ระดับอมตะเหล่านั้นต่างมึนตื้อไปชั่วขณะ

งานประมูลหรือ

เศษเดนคีรีดวงกมลนี่ถึงกับบ้าคลั่งเสียสติ จนเอามกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิพวกนั้นมาประมูลในการทดสอบด่านแรกเชียวหรือ

แม้แต่คนนิ่งเงียบสงวนวาจาอย่างฟางเต้าผิง มุมปากก็ยังกระตุกแรงๆ อย่างไม่เป็นที่สังเกต เจ้าหมอนี่… นี่เป็นการก่อเรื่องใหญ่โตแล้ว!

เซียวเหวินหยวนที่อมยิ้มมาโดยตลอดเหลือเพียงรอยยิ้มขื่น

หลีเจินที่นิ่งเงียบสงบคำมาโดยตลอดยังอดเผยแววทนมองต่อไปไม่ได้ หลินสวินนี่ออกจะก่อเรื่องเก่งเกินไปแล้ว!

ตงหวงชิงกลับพูดอย่างโมโห “ทุกท่าน หากปล่อยให้เจ้านี่ก่อเรื่องเช่นนี้ต่อไป งานคัดเลือกครั้งนี้ของพวกเราลัทธิแรกกำเนิดคงไม่พ้นกลายเป็นเรื่องตลกเป็นแน่! หากลือออกไป จะให้คนทั่วหล้ามองหอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิดของพวกเราอย่างไร จะให้หอบรรพจารย์อีกสามแห่งที่เหลือมองพวกเราอย่างไรเล่า”

“เขาทำผิดกฎแล้วหรือไม่”

ครั้งนี้เป็นฟางเต้าผิงเอ่ยปาก

ประโยคเดียวง่ายๆ ทำให้ในใจตงหวงชิงหนักอึ้ง กล่าวว่า “ไม่”

ฟางเต้าผิงไม่พูดมากความอีก

ตงหวงชิงก็รู้แล้ว ว่าต่อให้เขาคิดอยากใช้โอกาสนี้โจมตีหลินสวินก็ไม่มีความหวังใดๆ แล้ว

‘ก่อเรื่องเถิด ยิ่งก่อเรื่องจนบานปลายใหญ่โตเท่าไร พอเข้าหอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิดแล้ว ใครคิดอยากจัดการเจ้าก็ต้องคำนึงถึงผลที่จะตามมาภายหลัง’

จวินหวนกล่าวในใจ ก่อนหน้านี้นางหัวเราะจนเริ่มปวดท้องหน่อยๆ แม้แต่นางยังคิดไม่ถึงว่าหลินสวินจะทำเรื่องเช่นนี้ออกมา

พวกคนที่ถูกประมูลเหล่านั้น ต่อไปเกรงว่าสภาวะจิตต้องเกิดปัญหาเป็นแน่!

ภายในสมรภูมิหมื่นยอด

เพียงไม่กี่วันสั้นๆ เรื่องที่หลินสวินจัดงานประมูลก็ดึงดูดระลอกคลื่นใหญ่โตขึ้น

แรกเริ่มสุดมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิเหล่านั้นยังไม่กล้าเชื่อ เพราะเรื่องนี้แปลกประหลาดเกินไปจริงๆ ล้มล้างความเข้าใจของผู้คนโดยสิ้นเชิง

แต่ยิ่งนานวันเข้าก็ยิ่งพิสูจน์ว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริง ในที่สุดผู้คนจึงยอมเชื่อว่าหลินสวินจัดงานประมูลที่ ‘อลังการสะท้านยุค’ ขึ้นจริงๆ

ชั่วขณะเดียวมรรคสถานที่จัดงานประมูลก็กลายเป็นจุดสนใจของทุกคน

“ทุกคน เวลาในการทดสอบเหลือเพียงเก้าวันเท่านั้น คิดว่าพวกเจ้าคงรู้ดียิ่งกว่าข้าว่าการแข่งขันในตอนนี้ดุเดือดปานใด แต่ขอเพียงพวกเจ้าสามารถประมูลเชลยไปได้คนสองคนก็สามารถผ่านด่านได้ตรงๆ ทันที ค่าตอบแทนที่ต้องจ่ายก็แค่สมบัติเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น

บนมรรคสถาน หลินสวินเอามือไพล่หลังเอ่ยพูดเสียงกังวาน “พวกเจ้าก็เห็นแล้วว่าเชลยในงานประมูลครั้งนี้ จนถึงตอนนี้เหลือเพียงเก้าคนเท่านั้น หากยังไม่รีบคว้าโอกาสอีก ไม่แน่ว่าอาจเสียใจไปชั่วชีวิต”

เสียงดังกังวานทั่วทิศ

สี่ทิศแปดด้านละแวกใกล้เคียงมรรคสถานแห่งนี้มีเงาร่างไม่น้อยยืนอยู่ไกลๆ ทุกคนต่างรักษาระยะห่างไว้ไกลมาก ระวังตัวสุดขีด

เมื่อเห็นเช่นนี้หลินสวินก็กล่าวรับรองเป็นมั่นเป็นเหมาะว่า “ทุกคนวางใจได้ ตอนเข้าร่วมการประมูล หากมีคนลงมือจัดการพวกเจ้า ก็เท่ากับเป็นศัตรูของข้าหลินสวิน ข้ารับรองว่าจะกำราบคนผู้นั้นมาเป็นเชลยให้ทุกคนประมูล!”

“แน่นอน ไม่ว่าคู่ต่อสู้คนใดก็ตามที่มีความแค้นกับข้าหลินสวิน ล้วนไม่มีคุณสมบัติเข้าร่วมการประมูล หากกล้ามาก่อกวน อย่าหาว่าข้าหลินสวินไม่เกรงใจ!”

ไม่นานก็มีคนเข้าร่วมการประมูล เริ่มเสนอราคา

กฎการประมูลแพร่กระจายไปทั่วสมรภูมิหมื่นยอดแล้วในช่วงหลายวันมานี้ ไม่ต้องให้หลินสวินเสียเวลาพูดอีก

“สหายยุทธ์ท่านนี้เสนอวัตถุอมตะแปดร้อยชั่ง ยังมีใครให้ราคาสูงกว่านี้อีกหรือไม่”

“ปิดประมูล! ยินดีกับสหายยุทธ์ท่านนี้ด้วย ขอแสดงความยินดีที่ได้รับจำนวนสิทธิ์ผ่านด่านหนึ่งที่!”

“ถัดไปจะประมูลเชลยจากตระกูลหนาน ราคาเริ่มประมูลอยู่ที่วัตถุอมตะสามร้อยชั่ง สามารถเอาสมบัติมูลค่าเท่ากันมาแลกได้”

“แม่นางท่านนี้โปรดสำรวม ข้าคนแซ่หลินไม่ชอบการบำเพ็ญคู่ ท่านโปรดอย่าใช้ความงามมาหลอกล่อ!”

“ยังมีใครเสนอราคาอีกหรือไม่”

…ในเวลาต่อมา เสียงของหลินสวินดังขึ้นไม่ขาดสาย

ความรู้สึกที่ให้แก่ผู้คนประหนึ่งไม่ได้อยู่ในการทดสอบด่านแรกที่แข่งกันดุเดือด ตรงข้ามกลับเหมือนอยู่ในงานประมูลที่หรูหราอลังการงานหนึ่ง

ผู้คนในโลกภายนอกล้วนมองดูอย่างอึ้งค้างอยู่ตรงนั้นนานแล้ว

และเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ถึงกับเกิดขึ้นในการทดสอบด่านแรกของหอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิด นี่ทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนไม่ใช่เรื่องจริงอย่างหนึ่ง

หอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิด เป็นสถานที่เหนือธรรมดาปานใด

และงานรับผู้สืบทอดของหอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิดครั้งนี้ยิ่งดึงดูดสายตาของคนทั่วโลกยอดนิรันดร์

แต่ตอนนี้ หลินสวินกลับจัดงานประมูลงานหนึ่งในการทดสอบ ความรู้สึกนี้ช่างไม่อาจบรรยายได้จริงๆ…

บริเวณไกลๆ ที่ห่างจากงานประมูล

ตงหวงเซ่าเหวินที่สวมชุดสีเงิน จอนผมสองข้างเหลือบขาว ใบหน้าหล่อเหลา มองดูภาพเหตุการณ์ต่างๆ ที่กำลังเกิดขึ้นไกลออกไปด้วยสีหน้าเฉยเมย

“พี่เซ่าเหวิน เหตุใดไม่ลงมือฆ่าเศษเดนคีรีดวงกมลคนนี้เสีย”

เสียงต่ำลึกห้าวหาญสายหนึ่งดังขึ้น

ไม่ต้องหันไปมองตงหวงเซ่าเหวินก็รู้ว่าผู้พูดคือมู่จุนอู๋

“แล้วทำไมเจ้าไม่ลงมือ” ตงหวงเซ่าเหวินเอ่ยพูดง่ายๆ เขาเอามือไพล่หลัง ท่าทางสงบนิ่ง กฎเกณฑ์สีขาวดำเป็นสายๆ แปลงเป็นอาทิตย์ดวงใหญ่สองดวง โคจรล้อมตัวเขาเงียบๆ

“ไม่สบโอกาส”

มู่จุนอู๋กล่าว เขาผมดำดวงตาสีม่วง กลิ่นอายดุจน้ำแข็ง มือถือทวนสำริดเล่มหนึ่ง ยามไม่ขยับนิ่งเงียบดุจภูเขา แต่ยามเมื่อเคลื่อนไหวก็ดุดันอันตรายราวเทพป่าเถื่อน

“กังวลว่าการต่อสู้กับเขาจะทำให้วอดวายทั้งสองฝ่าย และส่งผลต่อการทดสอบด่านแรกกระมัง” ตงหวงเซ่าเหวินกล่าว

“แล้วเจ้าไม่เป็นเช่นนั้นหรือ

มู่จุนอู๋ย้อนถาม

ตงหวงเซ่าเหวินเงียบไปชั่วขณะ ก่อนเอ่ยว่า “เขาเป็นศัตรูแข็งแกร่งที่พบเห็นไม่บ่อยคนหนึ่งจริงๆ จุดประสงค์ครั้งนี้ของข้าคือการเข้าสู่หอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิด ไม่จำเป็นต้องวางโตโอหังในการทดสอบ”

“ยิ่งกว่านั้น เจ้าไม่รู้สึกว่างานประมูลครั้งนี้เหมือนกับดักที่ตั้งใจล่อคนที่อยากฆ่าเขาให้มุ่งหน้ามามากกว่าหรือ”

ว่าพลางเขาหมุนตัวออกไป

ไม่ไกลนักนัยน์ตามู่จุนอู๋วาววาบ

ตอนแรกสุดเขาก็คิดว่านี่เป็นการแสดงปาหี่ฉากหนึ่ง คิดว่าหลินสวินอาจจะมีพลังต่อสู้เย้ยฟ้า แต่การกระทำโอ้อวดเกินไป

แต่เรื่องราวจะง่ายขนาดนี้จริงๆ หรือ

คำพูดของตงหวงเซ่าเหวินตรงกับสิ่งที่เขาคิดในใจ

งานประมูลนี้มีแนวโน้มสูงว่าอาจเป็นกับดักที่หลินสวินจงใจจัดขึ้น เพื่อเรียกคู่ต่อสู้ที่มองเขาเป็นศัตรูเหล่านั้นให้มุ่งหน้ามา!

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท